My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 556 พลังการฝึกฝน
เป็นไปอย่างที่คาดไว้ลู่โจวพบว่าพลังวิเศษแรกของคัมภีร์โลกาเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
‘แล้วฉันจะได้ยินอย่างอื่นได้ไหม’
ในตอนนี้ลู่โจวเหลือพลังวิเศษไม่มากนักนอกจากนี้ตัวเขายังไม่ได้ขยายขอบเขตของพลังอีกด้วย เพียงแค่คิดที่จะเพิ่มขอบเขตการได้ยินให้ไกลมากขึ้น ลู่โจวก็ต้องใช้พลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์มากกว่าเดิม
ในตอนนั้นเองเสียงของใครบางคนก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง…
“อาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอดดาบแห่งความเงียบ? เห็นทีข้าจะต้องลองใช้ดาบเล่มนี้ฝึกฝนซะแล้ว บางทีมันอาจจะเพิ่มความแข็งแกร่งของเคียวพื้นพิภพของข้าก็ได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็คงจะยากเกินไปที่จะใช้มันฝึกฝน…ข้าสงสัยจริงๆ ว่าท่านอาจารย์จะแนะนำอะไรข้าได้ไหม ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ ท่านอาจารย์จะต้องลืมดาบเล่มนี้ไปแล้วแน่ ข้าจะต้องซ่อนมันเอาไว้ ถ้าหากท่านอาจารย์ถาม ข้าก็แค่บอกว่ามันหายไปแล้ว ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ”
‘เจ้านี่มันชั่วช้าไม่เปลี่ยนเลยแต่ถึงแบบนั้นฉันก็ลืมเรื่องเกี่ยวกับดาบแห่งความเงียบไปแล้วนั่นแหละ’
ลู่โจวตัดสินใจที่จะจัดการศิษย์ไม่รักดีคนนี้ไว้ภายหลังตัวเขาได้เพิ่มขอบเขตการได้ยินอีกครั้ง ครั้งนี้ตัวเขาก็ใช้พลังวิเศษเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
คราวนี้ลู่โจวได้ยินเสียงน้ำตกมันเป็นเสียงของน้ำตกที่กำลังกระทบกับอะไรบางอย่างอยู่ ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้คิดว่ามันเป็นเสียงของต้วนมู่เฉิงไม่ผิดแน่ ศิษย์คนนี้คงกำลังฝึกฝนใช้หอกอยู่ ‘มีแต่ศิษย์คนที่สามสินะที่ขยันขันแข็ง’
เมื่อลู่โจวกำลังจะขยายขอบเขตอีกครั้งในตอนนั้นเองตัวเขาก็รู้สึกถึงความเฉื่อยชาที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในร่างกายและจิตใจ
“หืม”ลู่โจวหยุดใช้พลัง “มันกินพลังมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ถึงแม้ว่าลู่โจวในตอนนี้จะมีพลังวิเศษเหลือเพียง1 ใน 6 แต่มันก็เป็นพลังที่มากพอแล้วที่จะใช้สังหารยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบได้ ตัวเขาไม่คิดเลยว่าพลังวิเศษจะหมดลงอย่างรวดเร็วแบบนี้ แม้ว่าพลังแห่งการได้ยินจะเป็นพลังที่มีประโยชน์ก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นมันก็ใช้พลังวิเศษจำนวนมาก ลู่โจวจะต้องระมัดระวังในการใช้พลังแห่งการได้ยินให้ดี
“มีใครอยู่ไหม”
“ท่านปรมาจารย์มีอะไรให้ข้ารับใช้”มีเสียงใครบางคนตอบกลับมา
“เรียกสาวกศาลาปีศาจลอยฟ้ามายังศาลาตะวันออกซะ”
“ค่ะ”
ไม่นานนักต้วนมู่เฉิงหมิงซี่หยิน จ้าวยู่ ซู่ฮ่องกง หยวนเอ๋อ และหอยสังข์ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่หน้าศาลาตะวันออก
ฝานซงและโจวจี้เฟิงไม่ใช่สาวกของลู่โจวดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความอิจฉา ทั้งสองคนเรียนรู้แล้วที่จะยืนอยู่บนจุดที่ปลอดภัย
ยี่เทียนซินยังคงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บดังนั้นนางจึงไม่ได้มารวมตัวด้วย
เอี๊ยด!
ประตูถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
ลู่โจวได้เดินข้ามธรณีประตูมาโดยที่เอามือไขว้หลังสายตาของเขาสอดส่องไปที่สาวกทั้งหมดที่มารวมตัวกัน
“ท่านอาจารย์”สาวกทุกคนโค้งคำนับให้เพื่อเป็นการทำความเคารพ
สายตาของลู่โจวจับจ้องไปที่หมิงซี่หยิน“หมิงซี่หยิน”
“ครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินรีบก้าวออกมาข้างหน้า ที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เอาดาบแห่งความเงียบมาให้ข้าซะ”
“หะ”หมิงซี่หยินสั่นไปทั้งตัว
“ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นข้าจะไม่พูดซ้ำ” น้ำเสียงของลู่โจวฟังดูสงบ
แม้ว่าน้ำเสียงจะฟังดูสงบแต่หมิงซี่หยินสั่นไปทั้งตัว ดูเหมือนว่าเขาจะเก็บซ่อนความลับเรื่องนี้ไว้ไม่ได้อีกต่อไป
“ข้าจะรีบเอามาให้ท่านเอง…”หมิงซี่หยินรีบกลับไปยังศาลาทางใต้ก่อนที่จะหยิบดาบแห่งความเงียบมา ตัวเขาได้มอบให้กับลู่โจวด้วยความเคารพ
ทุกคนต่างก็จ้องมองดาบแห่งความเงียบด้วยความหวาดกลัว
อาวุธระดับสรวงสวรรค์ถือเป็นอาวุธที่ผู้ฝึกยุทธทุกคนต่างอยากจะครอบครองแน่นอนว่าอาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอดเองก็เช่นกัน
ลู่โจวได้หยิบดาบแห่งความเงียบขึ้นมาตรวจสอบดูเหมือนว่าลวดลายสีแดงที่อยู่บนใบดาบไม่ใช่ลวดลายที่ถูกสลักเอาไว้ มันดูเหมือนกับลวดลายที่ถูกหลอมพร้อมกับใบดาบมามากกว่า เขตแดนพลังสีแดงสามารถทนต่อพลังวิเศษของตัวเขาได้ เห็นได้ชัดว่ามันพิเศษกว่าอาวุธชิ้นไหนๆ
ลู่โจววางสองนิ้วลงบนนั้นพลังลมปราณของตัวเขาได้พุ่งเข้าสู่ดาบที่หัก น่าเสียดายที่ความเสียหายมันรุนแรงเกินกว่าที่ดาบจะเรืองแสงสีแดงได้ ถ้าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากลวดลายสีแดง ระดับของดาบเล่มนี้ก็คงจะลดลงไปด้วย
ลู่โจวรวบรวมดาบทั้งสองส่วนเข้าไว้ด้วยกันตัวเขาได้ผสานมันด้วยพลังลมปราณที่มี
แม้ว่าจะผสานดาบได้แต่ลวดลายสีแดงก็ส่องแสงสลัวๆ เท่านั้น
“ท่านอาจารย์พวกเราควรจะซ่อมแซมอาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด มันเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย” ซู่ฮ่องกงแสดงความคิดเห็น
“ศิษย์น้องแปดพูดถูกต้องแล้วท่านอาจารย์…ลู่ปิงแห่งสำนักลั่ว เขาคนนั้นมีทักษะในการหลอมดาบไม่ใช่เหรอครับ พวกเราควรจะให้เขาซ่อมแซมดาบเล่มนี้” ต้วนมู่เฉิงแสดงความคิดเห็น
“ข้าไม่คิดว่าลู่ปิงจะทำได้ลวดลายเขตแดนพลังพวกนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยคนธรรมดา ลู่ปิงเป็นเพียงผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบเท่านั้น เขาทำไม่ได้แน่” หมิงซี่หยินปฏิเสธข้อเสนอแนะต้วนมู่เฉิง
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้มองไปยังหมิงซี่หยิน“เจ้ามีวิธีอะไรไหม”
“ไม่เลย”หมิงซี่หยินโค้งคำนับพร้อมกับตอบคำถาม
“งั้นวางมันไว้ในศาลาซะ”
“ครับท่านอาจารย์”
ทุกคนไม่มีหนทางที่จะซ่อมแซมดาบแห่งความเงียบแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตพวกเขาจะไม่มีหนทางนั้น
หมิงซี่หยินนำดาบแห่งความเงียบกลับมายังศาลาตะวันออกตัวเขารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยที่ต้องพรากจากกับมัน แต่เพราะสถานะที่ตัวเขามีหมิงซี่หยินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเชื่อฟัง
ทุกๆคนต่างก็เหลือบมองมายังเขา
“ซู่ฮ่องกง”
“ครับท่านอาจารย์”
“พลังวรยุทธของเจ้าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ต้องผิดหวังท่านอาจารย์หลังจากที่ข้าใช้เวลา 5 เดือนฝึกฝนตัวเองอย่างอุตสาหะ ตอนนี้ข้าก็ฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบได้แล้ว ข้าในตอนนี้พยายามที่จะผลิกลีบดอกบัวกลีบใหม่ แต่เพราะข้าไม่มีประสบการณ์มาก่อนเพราะแบบนั้นมันเลยล่าช้า” ซู่ฮ่องกงได้กล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ท่านอาจารย์ นี่คือพลังของข้า!”
ซู่ฮ่องกงพลิกฝ่ามือของตัวเองในตอนนั้นพลังอวตารไร้ดอกบัวสองกลีบก็ปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือเขา
ทุกๆคนต่างก็พยักหน้าด้วยความยินดี..
ถ้าหากผู้ฝึกยุทธที่มีพลังอวตารดอกบัวมากกว่าสองกลีบตัดดอกบัวทองคำและเริ่มฝึกฝนใหม่การผลิกลีบดอกบัวกลีบเดียวในช่วงเวลา 5 เดือนถือว่าล่าช้าเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามสำหรับซู่ฮ่องกงแล้วนับว่าตัวเขาฝึกฝนตัวเองค่อนข้างเร็ว
ซู่ฮ่องกงยกเลิกการใช้พลังอวตารของตัวเองก่อนที่จะรอการสรรเสริญของผู้เป็นอาจารย์
แต่น่าเสียดายมันไม่ได้เป็นแบบนั้นลู่โจวลูบเครากก่อนที่จะพูดออกมา “เฆี่ยน 20 ครั้งและไปอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนสามวันซะ”
“…”
ทุกๆคนต่างก็ตกตะลึง ทุกคนรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก อาจารย์คนเดิมได้กลับมาแล้ว! อาจารย์ผู้ที่แสนเข้มงวดและไร้ความปรานี! ถ้าหากซู่ฮ่องกงถูกลงโทษก็เพราะความเร็วในการฝึกฝน แล้วคนอื่นๆ จะไปเหลือความหวังในการเอาตัวรอดได้ยังไงกัน
‘แบบนี้แย่แน่’
“เจ้ากำลังรออะไรอยู่”ลู่โจวถาม
ซู่ฮ่องกงตอบกลับในทันที“ข้าจะจดจำสิ่งที่ท่านอาจารย์ได้สั่งสอนและจะฝึกฝนให้หนักกว่านี้! ข้าขอยอมรับการลงโทษแต่โดยดี!”
“ติ้ง!สั่งสอนซู่ฮ่องกงสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
สายตาของลู่โจวจับจ้องไปที่จ้าวยู่แทน“แล้วเจ้าล่ะ”
หัวใจของจ้าวยู่เต้นไม่เป็นจังหวะนางตอบกลับมาอย่างประหม่า “ข้า…ข้ามันโง่เขลา ข้าฝึกฝนตัวเองจนใกล้ที่จะมีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบเต็มทีแล้ว…”
“ไม่เลวฝึกฝนตัวเองต่อไป”
พรึ๊บ!
ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังแบบนั้นทรุดตัวลง
“ท่านแปดท่านสบายดีไหม”
“ข้า…ข้าสบายดี…พื้นมันขรุขระเฉยๆน่ะ…” ซู่ฮ่องกงสะอื้น ตัวเขารีบเดินออกจากศาลาตะวันออกด้วยสีหน้าที่น่าสงสาร
ทุกๆคนต่างก็ถอนหายใจ
ในตอนนั้นต้วนมู่เฉิงเป็นผู้ก้าวออกมาด้านหน้าต่อ“ท่านอาจารย์ ข้าได้ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเป็นเวลากว่า 5 เดือน ในตอนนี้ข้าฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวสามกลีบแล้ว! ท่านอาจารย์ได้โปรดดูพลังของข้าด้วย!”
ซู่วว!
ต้วนมู่เฉิงได้ฝึกฝนตัวเองหลังจากที่ตัดดอกบัวทองคำจนมีพลังอวตารดอกบัวสามกลีบ!
ทุกๆคนต่างก็จ้องมองต้วนมู่เฉิงอย่างตื่นตกใจ แท้จริงแล้วที่ใต้อวตารไม่มีดอกบัวทองคำ มีเพียงกลีบดอกบัวสามกลีบเท่านั้นที่กำลังหมุนอย่างช้าๆ
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นลูบเครา“ไม่เลว เจ้าสามารถใช้วิชาหอกได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ในตอนนี้เจ้าควรจะมุ่งเน้นไปที่การผลิกลีบดอกบัวซะ”
“ครับท่านอาจารย์”
“ติ้ง!สั่งสอนต้วนมู่เฉิงสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
ลู่โจวหันกลับมามองหมิงซี่หยิน
หมิงซี่หยินคุกเข่าลงด้วยสีหน้าที่อึดอัดใจ“ท่านอาจารย์…ได้โปรดลงโทษข้า…”
“เจ้าไม่ได้ตัดดอกบัวทองคำสินะ”
“ข้าคิดว่าการเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบมันเพียงพอแล้วสำหรับข้า…ทำไมพวกเราถึงต้องฝึกไปถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบด้วยล่ะข้าไม่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้น การใช้ชีวิตในฐานะผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเป็นเวลากว่า 1,000 ปีมันก็เพียงพอแล้วสำหรับข้า”
ทุกๆคนต่างก็กลอกตามองบน
คำพูดของหมิงซี่หยินไม่ได้ด้อยไปกว่าคำพูดของซู่ฮ่องกงเลย
ลู่โจวพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ“มันก็เรื่องของเจ้า ข้าจะไม่บังคับเจ้า”
“ขอบคุณท่านอาจารย์ท่านเป็นผู้ที่คอยชี้นำแสงสว่างให้กับข้าจริงๆ …”
“พอแล้ว”ลู่โจวโบกแขน
ทุกๆคนงุนงง
‘หมิงซี่หยินจะไม่ถูกลงโทษเพราะความไร้ยางอายอย่างงั้นเหรอ’
“หยวนเอ๋อ”ลู่โจวมองไปที่หยวนเอ๋อ
ก่อนที่หอยสังข์จะเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าทั่วทั้งโลกต่างก็เห็นว่าลูกศิษย์คนสุดท้ายของศาลาปีศาจลอยฟ้ามีพรสวรรค์ในการฝึกวรยุทธมากที่สุด แล้วนางจะพัฒนาไปมากแค่ไหนในเวลา 5 เดือนแบบนี้
ทุกๆคนต่างก็มองหยวนเอ๋ออย่างมีความหวัง