My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 561 ข้าก็แค่ผ่านทางก็เท่านั้น
“ถ้าหากสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่และสถานศึกษาผืนฟ้าเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน…ข้าเกรงว่าศิษย์พี่ใหญ่คงจะพิชิตมณฑลหยานไม่ได้ศิษย์พี่ใหญ่มีเพียงฮั๊วจงหยางและศิษย์น้องเจ็ดเท่านั้น ชาวสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่รับมือได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีเหว่ยซู่หยานอีกด้วย” หมิงซี่หยินได้พูดพร้อมกับโค้งคำนับไปด้วย “ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยศิษย์พี่ใหญ่ด้วย”
“ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าดื้อรั้นเขาไม่ยอมให้ใครเข้ามายุ่งแน่”
หมิงซี่หยินพยักหน้า“ถ้าหากเป็นแบบนั้นพวกเราก็ควรจะส่งตาแก่หวางไปช่วย เจ้าเกาะหวางและศิษย์พี่ใหญ่ต่างก็สนิทกัน ข้าคิดว่าตอนนี้เขาคงจะได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว พวกเราไม่ควรจะให้เขาอยู่ที่นี่ไปได้ตลอด”
ในตอนนั้นเองเสียงไอก็ได้ดังมาจากทางด้านหลัง
“พี่จี!”หวางซื่อเจียแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรก่อนที่จะเข้ามายังศาลาตะวันออก
แม้ว่ามันจะน่าอึดอัดมากแค่ไหนแต่ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสแล้วหวางซื่อเจียก็ไม่คิดที่จะถือสาอะไร
หมิงซี่หยินรีบทักทายหวางซื่อเจียราวกับไม่เคยพูดอะไรมาก่อน“เจ้าเกาะหวาง สบายดีสินะ”
“ข้าสบายดี”
ลู่โจวมองไปที่หวางซื่อเจีย“เจ้าได้พักผ่อนเพียงพอแล้วสินะ เจ้าเกาะหวาง”
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับกันเป็นอย่างดีพี่จี”หวางซื่อเจียได้พูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสำนักยู่กำลังเดินทัพไปที่มณฑลหยาน ถ้าหากพี่จีไม่ว่าอะไร ข้าก็อยากที่จะพาท่านไปชื่นชมการต่อสู้ด้วยตัวเอง…”
เป็นธรรมดาที่หวางซื่อเจียจะเต็มใจไปที่นั่นแต่อย่างไรก็ตามบางทีแค่หวางซื่อเจียมันอาจจะไม่พอ เพียงแค่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเพียงอย่างเดียวคงจะเพียงพอแล้วที่จะพิชิตมณฑลทั้งเก้าได้ แต่ในตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์กำลังถูกล้อมจนมุม ราชสำนักคงจะไม่อยู่เฉยอีกต่อไปแน่
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดตอบกลับมา“ไม่จำเป็นจะต้องมีข้า”
“พี่จีทำไมท่านถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะ”
“ข้าเชื่อในความสามารถของยู่เฉิงไห่”ลู่โจวตอบกลับมา
“ข้าเองก็เชื่อมั่นในความสามารถเขา…แต่ว่า…”
ก่อนที่หวางซื่อเจียจะได้พูดจบในตอนนั้นลู่โจวก็ได้หันหลังกลับก่อนที่จะเดินจากไป ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้พูดตอบกลับมา “พวกเราจะคุยเรื่องนี้กันในวันอื่น”
…
สองวันต่อมา
ลู่โจวสัมผัสได้ว่าพลังวิเศษกว่าครึ่งหนึ่งของเขาถูกเติมเต็มกลับมาแล้วมันเป็นพลังวิเศษปริมาณเดียวกับพลังวิเศษทั้งหมดที่มีก่อนที่จะได้รับคัมภีร์โลกามา
หลังจากนั้นลู่โจวก็เลือกที่จะฝึกลมหายใจต่อ
ตลอดเวลาห้าเดือนที่ผ่านมานี้ลู่โจวได้ทำความเข้าใจคัมภีร์โลกาโดยการทำสมาธิมาโดยตลอด และเพราะแบบนั้นพลังวรยุทธของตัวเขาจึงไม่ได้พัฒนาขึ้นมากนัก โชคยังดีที่ลู่โจวมีแต้มบุญกว่าแสนเเต้ม แต้มบุญที่มากขนาดนั้นมันเทียบเท่าได้กับพลังอวตารดอกบัวถึงสองขั้น ลู่โจวพอใจแล้วกับสถานะของตัวเขาในตอนนี้
ลู่โจวได้ลุกขึ้นก่อนที่จะยืดเส้นยืดสาย
ตัวเขาเดินไปที่ภาพวาดอันเก่าแก่ไม่มีภาพใหม่ปรากฏขึ้น เมื่อเห็นแบบนั้นตัวเขาก็ตัดสินใจที่จะเดินออกจากห้องมา
ลู่โจวที่เดินออกมากำลังยืนยืดเย้นยืดสายอยู่ที่หน้าศาลาตะวันออกอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้เดินมาหาตัวเขารีบโค้งคำนับก่อนจะรีบพูดขึ้นมา “ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องเจ็ดได้ส่งจดหมายมาอีกฉบับ เจ้านั่นได้บอกว่าสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่และสถานศึกษาผืนนภากำลังเคลื่อนไหวแล้ว”
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นขมวดคิ้ว“หลิวกู่ต้องมั่นใจขนาดไหนถึงได้ทำแบบนั้นกัน การประเมินยู่เฉิงไห่ต่ำไปมันก็เท่ากับว่าประเมินศาลาปีศาจลอยฟ้าของข้าต่ำไปด้วย”
“ท่านอาจารย์…เนื่องจากหลิวเก้อยังมีดาบแห่งความเงียบได้บางทีสุดยอดฝีมือผู้ลึกลับผู้ที่อาจจะมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ในราชสำนักจริงๆ ก็ได้”
ในตอนนั้นเองก็มีอะไรสะกิดใจลู่โจว“เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่กัน”
หมิงซี่หยินคุกเข่าลงในทันที“ท่านเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบคนแรกอยู่แล้ว ไม่มีใครอื่นแน่นอน ท่านอาจารย์สามารถเอาชนะยอดฝีมือทั้งหลายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวมาโดยตลอด”
ลู่โจวยกมือขึ้นห้ามก่อนจะพูดอย่างช้าๆ“พูดสิ่งที่เจ้าเพิ่งพูดออกมา”
“ท่านอาจารย์เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบคนแรกอยู่แล้ว…”
“ก่อนหน้านั้นอีก”ลู่โจวขมวดคิ้ว
“เนื่องจาก…หลิวเก้อมีดาบแห่งความเงียบได้บางทีสุดยอดฝีมือผู้ลึกลับคนนั้นอาจจะอยู่ในราชสำนักจริงๆ ก็ได้”
ลู่โจวรู้สึกว่าสิ่งที่ได้ยินฟังดูเป็นไปได้ทั้งชุดเกราะ ตำรา โลงศพสีแดง ดาบแห่งความเงียบ เครื่องรางสีแดงในกล่อง ของทุกอย่างล้วนมาจากราชสำนัก!
หลิวเก้อเคยบอกว่ายอดฝีมือคนนั้นเคยมาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มาก่อนนอกจากนั้นลู่โจวก็ยังมองข้ามข้อเท็จจริงอะไรไป เวลาก็ได้ผ่านมานานแล้วตั้งแต่ที่ยุคแห่งการตัดดอกบัวทองคำเริ่มต้นขึ้น แต่ถึงแบบนั้นไม่มีอัจฉริยะคนไหนฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้เลย
ลู่โจวคิดมาเสมอตัวเขาคิดมาตลอดว่าการตัดดอกบัวทองคำมันก็เหมือนกับการเล่นเกมออนไลน์ในโลกก่อนหน้านี้ ไม่ว่าลู่โจวจะพยายามเล่นเกมอย่างหนักมากแค่ไหน มันก็มักจะมีไอบ้าที่ไหนก็ไม่รู้เล่นไปถึงจุดสูงสุดได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วันอยู่ดี ในเมื่อการตัดดอกบัวทองคำเกิดขึ้นแล้ว มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีผู้ฝึกไปถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบในทุกๆ วันที่ได้ผ่านพ้นมา
“บอกหวางซื่อเจียให้ไปกับข้า”
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นตกใจ“ท่านอาจารย์จะไปช่วยศิษย์พี่ใหญ่พิชิตมณฑลหยานสินะครับ”
“ไม่”ลู่โจวโบกแขน “ข้าก็แค่จะผ่านทางไปก็เท่านั้น”
“ครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินที่ได้ฟังคำสั่งหันหลังก่อนจะจากไปในทันที
ลู่โจวจะไม่ยอมให้สถานศึกษาใหญ่ทั้งสองและตัวละครลับคนอื่นๆวางแผนต่อต้านลูกศิษย์ของตัวเขาได้
…
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงรถม้าล่องเมฆาก็ได้บินออกจากม่านพลังไปอย่างช้าๆ มันได้บินไปทางตะวันตก ทางที่มณฑลหยานตั้งอยู่
ในการเดินทางครั้งนี้นอกจากเชลยศึกจากสถานศึกษาไท่ชูทั้งสามคนแล้วมีเพียงลู่โจว หมิงซี่หยิน และหวางซื่อเจียเท่านั้นที่เดินทางไปด้วย
ด้วยการเดินทางโดยใช้คนไม่มากครั้งนี้จะทำให้สาวกคนอื่นๆมีเวลาที่จะฝึกฝนตัวเองเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังปลอดภัยกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเองด้วย
บนรถม้าลอยฟ้าลู่โจวในตอนนี้กำลังยืนตรง ตัวเขากำลังเหลือบมองสาวกทั้งสามของสถานศึกษาไท่ชู
โจวเหวินเหลียงหวังเจียงหราง และจางซงสั่นไปทั้งตัว ทั้งสามไม่กล้าที่จะขยับไปไหน
ทั้งสามถูกขังอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้าตลอดเวลาทุกคนต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวจนแทบที่จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ เหล่าวายร้ายทั้งหลายต่างก็ผลัดกันใช้พวกเขาเป็นกระสอบทรายในการฝึกฝน มันเป็นประสบการณ์ที่บาดลึกลงไปในใจของทุกคน
หมิงซี่หยินเป็นผู้ที่ควบคุมรถม้าเช่นเดิมตัวเขาได้หันไปหาลู่โจวก่อนที่จะถามออกมา “ท่านอาจารย์ ทำไมครั้งนี้พวกเราถึงต้องพาเจ้าขยะสามคนนี้มาด้วย”
ก่อนที่ลู่โจวจะตอบกลับหวางซื่อเจียที่ได้ฟังแบบนั้นยิ้มให้ก่อนจะตอบกลับมาก่อน “สถานศึกษาไท่ชูเป็นมิตรกับราชสำนักและสองสถานศึกษามาโดยตลอดไงล่ะ”
ลู่โจวมองทั้งสามคนก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเฉยเมย“พวกเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ไหม”
โจวเหวินเหลียงรีบเอาหัวโขกพื้นก่อนที่จะตอบกลับมาอย่างติดๆขัดๆ “ขะ…ข้ายัง…อยากมีชีวิต”
มีแต่เพียงผู้ที่หมดหวังเท่านั้นที่จะยอมทิ้งชีวิตตัวเองได้!
“ถ้าอย่างงั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า”ลู่โจวพูดต่อ “สองสถานศึกษากำลังเดินทางไปยังมณฑลหยาน ข้าต้องการจะพบประมุขของพวกเขา…ถ้าหากพวกเจ้าทำภารกิจนี้ได้ ข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
โจวเหวินเหลียงตอบกลับในทันที“ไม่ต้องกังวลไปผู้อาวุโสจี พวกเราจะต้องทำสำเร็จแน่!”
…
ครึ่งวันต่อมารถม้าล่องเมฆาได้ปรากฏบนยอดเขาทางตะวันตกใกล้ๆ กับมณฑลหยาน
รถม้าลอยฟ้าเริ่มลอยลดระดับลงมา..
รถม้าล่องเมฆาไม่ได้มุ่งหน้าไปยังมณฑลหยาน
ลู่โจวในตอนนี้นั่งอยู่บนรถม้าตัวเขากำลังจ้องมองมณฑลหยานมาจากในระยะไกล จากจุดที่ลู่โจวยืนอยู่ทำให้ตัวเขามองเห็นโครงร่างของเมืองอย่างคลุมเครือได้เท่านั้น
โจวเหวินเหลียงพูดอย่างนุ่มนวล“ผู้อาวุโสจี ข้า…ข้าได้ติดต่อกับสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว”
“ข้ารู้แล้ว”ลู่โจวไม่แม้แต่จะเหลือบมองโจวเหวินเหลียง
หวางซื่อเจียพูดต่อ“ข้ารู้จักนิสัยของเจ้าสำนักยู่ดี มณฑลหยานควรจะถูกพิชิตมานานแล้ว แต่ถึงแบบนั้นมณฑลหยานก็ยังคงอยู่มาได้ และเพราะแบบนั้นมันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องกังวลแน่”
ถ้าหากสองสถานศึกษาและเหว่ยซู่หยานเคลื่อนไหวจริงการที่ยู่เฉิงไห่จะต้องระวังตัวจึงเป็นเรื่องธรรมดา ยังไงซะยู่เฉิงไห่ก็ไม่ใช่พวกโง่เขลา
ครู่ต่อมาก็มีอะไรบางอย่างมาจากทางทิศเหนือของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ผู้ฝึกยุทธชุดขาวได้บินผ่านยอดเขาทั้งหลายมา การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของพวกเขาทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต่างก็รู้สึกประทับใจ พวกเขาได้สร้างขบวนทัพรูปแบบมังกร ภายในนั้นมีผู้ฝึกยุทธกว่า 1,000 คนคอยขับเคลื่อนขบวนทัพ
“ท่านอาจารย์พวกมันมาแล้ว!” หมิงซี่หยินกระโดดลงจากรถม้าลอยฟ้า ตัวเขาที่ยืนอยู่บนยอดเขาดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ “ท่านอาจารย์ แค่ใช้พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบฆ่าพวกมัน! ด้วยวิธีการนี้ศิษย์พี่ใหญ่ก็จะได้เป็นสุขสักที”
“…”ลู่โจวขมวดคิ้ว “หยุดพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว…ข้าไม่ใช่คนที่ฆ่าผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล”
“ข้าพูดผิดไปแล้ว!ท่านอาจารย์ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย…” หมิงซี่หยินรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง “ท่านอาจารย์เป็นคนมีเหตุผลและเป็นคนมีศีลธรรมจริงๆ”
หวางซื่อเจียเองก็พูดชมเชยด้วยเช่นกัน“ข้าเองก็ไม่รู้อะไร แต่ข้ารู้ดีว่าพี่จีเป็นผู้ที่มีความอดทนมากพอ พี่จีคงจะเข่นฆ่าคนที่สมควรตายแล้วเท่านั้น ถ้าหากนี่เป็นจุดมุ่งหมายของสำนักฝ่ายอธรรม เกาะเผิงไหลของข้าเองก็ยินดีติดตามศาลาปีศาจลอยฟ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโจวเหวินเหลียงและคนอื่นๆก็สั่นไปทั้งตัว
แม้แต่เกาะเผิงไหลเองก็ยังให้การสนับสนุนศาลาปีศาจลอยฟ้าดูเหมือนว่ายุคนี้จะเป็นศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างแท้จริง ศาลาปีศาจลอยฟ้าในตอนนี้เปรียบได้ดั่งดวงตะวัน ไม่น่าแปลกเลยที่จะมีผู้คนยอมติดตามเป็นจำนวนมาก
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธชุดขาวกว่าพันคนกำลังใกล้เข้ามามากยิ่งขึ้น
พรึ๊บ!พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็หยุดอยู่บนยอดเขาใกล้ๆทุกคนต่างก็เรียงตัวกันก่อนที่จะลดระดับความสูงลง
โจวเหวินเหลียงเหลือบมองดูทุกคนตัวเขาได้หันกลับมาพูดกับลู่โจวเบาๆ “ผู้อาวุโสจี ข้า…ข้าจะเป็นผู้ทักทายพวกเขาเอง”
“ไปซะ”ลู่โจวโบกแขนเสื้อของตัวเอง
ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ไม่ได้กังวลเลยถ้าหากโจวเหวินเหลียงจะหนีไปยังไงซะตัวเขาก็ยังมีวิธีการอีกมากมายที่จะใช้สังหารโจวเหวินเหลียง ถ้าหากโจวเหวินเหลียงฉลาดมากพอ ตัวเขาก็คงไม่กล้าทำอะไรไร้สมองแบบนั้นได้
โจวเหวินเหลียงใช้เท้าแตะไปบนพื้นก่อนที่จะลอยจากไป“โจวเหวินเหลียงแห่งสถานศึกษาไท่ชูขอทักทายทุกท่าน”
สาวกจากสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่กว่า1,000 คนต่างก็บินเข้ามาใกล้ ทุกคนได้รับการฝึกฝนมาอย่างเคร่งครัด และเพราะแบบนั้นการเคลื่อนไหวของทุกคนจึงเคลื่อนไหวได้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าสุดก็คือโจวยู่ไคประมุขแห่งสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่
“โจวเหวินเหลียง…เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆอย่างงั้นสินะ เป็นเพราะประมุขของสถานศึกษาไท่ชูอย่างหลินซินมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเรามาโดยตลอด แต่ในตอนนี้ยู่เฉิงไห่ ศิษย์คนแรกของศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังทำให้ดินแดนหยานต้องวุ่นวาย เจ้ากับข้าจงร่วมมือกันกับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำลายศาลาปีศาจลอยฟ้ากันซะเถอะ” โจวยู่ไคพูดขึ้น
“เอ่อ…”โจวเหวินเหลียงในตอนนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปัจจุบันสถานศึกษาไท่ชูไม่ได้มีประมุข ม่านพลัง และสาวกฝีมือดีอีกต่อไป ลำพังพวกเขาจะไปสู้กับศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยังไงกัน สำหรับโจวเหวินเหลียง ตัวเขาเองยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะตัดสินใจซะด้วยซ้ำ ยังไงซะเขาก็เป็นเพียงผู้อาวุโสคนที่สอง ในท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้แต่ส่ายหัว “ผู้อาวุโส มองไปที่ตรงนั่นสิ…”
โจวยู่ไคมองไปทางที่โจวเหวินเหลียงได้ชี้ไปบนยอดเขามีรถม้าล่องเมฆาจอดอยู่ เมื่อได้เห็นแบบนั้นโจวยู่ไคก็ขมวดคิ้วในทันที บนนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังยืนโบกมือให้อยู่ “ประมุขโจว พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ!”
โจวยู่ไคขมวดคิ้ว“เจ้านั่นเป็นใครกัน”
“เขาก็คือศิษย์คนที่สี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าหมิงซี่หยิน” โจวเหวินเหลียงตอบกลับ
โจวยู่ไคเหลือบมองมายังโจวเหวินเหลียง“สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่ที่นี่แล้ว…เด็กๆ !”
“ครับท่านประมุข”
“จับเจ้านั่นเร็วเข้า…ข้าต้องการจับเป็นมันตราบใดที่พวกเราได้ตัวมันมา พวกเราก็จะต่อรองกับยู่เฉิงไห่ได้! โจวเหวินเหลียง เจ้าทำได้ดีมาก! แม้ว่าสถานศึกษาไท่ชูจะไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเคย แต่ตราบใดที่มีข้าอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งสถานศึกษาไท่ชูได้แน่”
“…”
‘โจวยู่ไคเป็นประมุขได้ด้วยสมองที่มีแค่นี้ได้ยังไงกัน’