My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 562 ปากต่อปาก
โจวเหวินเหลียงอยากที่จะร้องไห้มากกว่าเดิม ตัวเขารีบบินไปหาโจวยู่ไคให้ใกล้มากยิ่งขึ้นก่อนจะพูดออกมาอย่างเบาๆ “ประ…ประมุขโจว ผะ…ผู้อาวุโสจี…ก็อยู่ที่นี่ด้วย” แต่ก่อนที่โจวเหวินเหลียงจะพูดจบ ในตอนนั้นผู้ฝึกยุทธนับพันก็ได้เคลื่อนไหวกันไปซะแล้ว เสียงการเคลื่อนไหวของทุกคนดังเกินกว่าที่จะมีสาวกคนไหนได้ยิน
โจวยู่ไคที่ได้ฟังแบบนั้นเบิกตากว้าง ตัวของเขาสั่นเครืออย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เจ้า…”
ที่มาของความเชื่อมั่นที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มีก็คือเขตแดนพลังทั้งสิบและพลังของราชสำนัก ถึงแม้ว่าโจวยู่ไคอาจจะรับมือกับสำนักอเวจีที่นอกเมืองหลวงได้ แต่เมื่อต้องสู้กับจีเทียนเด๋าแล้วตัวเขายังคงห่างไกลไปอีกมาก
ในตอนนั้นเองเสียงอันแหบพร่าก็ได้ดังขึ้น “ประมุขโจว เจ้าจะไม่สนใจมาสนทนากับข้าสักหน่อยเหรอ?”
โจวยู่ไคสิ้นหวัง ตัวเขารู้สึกหวาดกลัวราวกับกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว
ในตอนแรกสาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เลือดร้อนที่จะไปจับหมิงซี่หยิน แต่เมื่อได้รู้ความจริงแล้วในตอนนี้ทุกคนก็เลือกที่จะถอยกลับ
“เป็นจีเทียนเด๋าจริงๆ ด้วย!”
“เตรียมตัวถอยเร็วเข้า!”
“ข้ากลัว…ขะ…ข้ากลัวจนขยับไม่ได้แล้ว! ข้าไม่รอดแน่…” หนึ่งในสาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ที่กลัวเป็นพิเศษไม่อาจที่จะควบคุมพลังลมปราณของตัวเองได้อีกต่อไป เขาสูญเสียการควบคุมก่อนที่จะตกลงมา
โจวยู่ไคหันกลับมาก่อนจะเหลือบมองไปยังสาวกคนนั้น ตัวเขาที่เห็นสาวกใจเสาะได้พูดออกมาอย่างเหยียดหยาม “ข้าละอายจริงๆ ที่สถานศึกษาของข้ามีสาวกที่อ่อนแอเช่นนี้”
หมิงซี่หยินที่ยังยืนอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ได้พูดต่อ “ประมุขโจว มาเร็วเข้า! ท่านอาจารย์ข้ากำลังรอเจ้าอยู่…”
“…”
สาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่กล้าที่จะขยับไปไหน
โจวเหวินเหลียงได้พูดตอบกลับมา “ข้าขอโทษด้วยประมุขโจว ถ้าหากจะมองอย่างผิวเผินข้าอาจจะทำให้ท่านต้องซวย แต่ถ้าหากลองคิดดูให้ดีผู้อาวุโสจีในตอนนี้กำลังเข้าร่วมการต่อสู้ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็คงไม่อาจรับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ ท่านเองคิดว่าจะสามารถเอาชนะผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้จริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
หัวใจของโจวยู่ไคเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้ว่าจะไม่พอใจที่ได้ยินเช่นนั้น แต่สิ่งที่โจวเหวินเหลียงพูดก็เป็นความจริง โจวยู่ไคที่ครุ่นคิดได้พักหนึ่งได้ถ่ายทอดคำสั่งออกมา “สาวกแห่งสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ของข้าจงฟัง”
“ครับท่านประมุข”
“ทุกคนจงรอข้าซะ อย่าได้เคลื่อนไหวไปไหนโดยที่ไม่มีคำสั่งข้า”
“ครับ ท่านประมุข!”
โจวยู่ไคเป็นผู้ที่ก้าวออกมาข้างหน้า ตัวเขาเลือกที่จะลอยไปหาหมิงซี่หยินเอง
โจวเหวินเหลียงเองก้ตามมาด้วย
ไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงยอดเขาที่หมิงซี่หยินกำลังยืนอยู่
ทิวทัศน์และสภาพแวดล้อมบนยอดเขานั้นสวยงามเป็นอย่างมาก ที่นั่นมีพร้อมทุกอย่างแม้กระทั่งร่มไม้ใหญ่ ชายชราทั้งสองที่กำลังนั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อโจวยู่ไคเดินจนพบกับชายชราทั้งสอง ตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง โจวยู่ไคกลืนน้ำลายก่อนที่จะหันหลังไปในทันที…
“ถ้าหากเจ้ากล้าหนีไปแล้วล่ะก็ สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ของเจ้าจะต้องถูกทำลายแน่” เสียงของลู่โจวแผ่วเบา แต่ถึงแบบนั้นมันก็แฝงไปด้วยพลัง
โจวยู่ไค่ที่ได้ฟังแบบนั้นสั่นไปทั้งตัว ตัวเขาได้หยุดคิดที่จะเคลื่อนไหวไปชั่วคราว ในตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ยังคลุมเครือ องค์จักรพรรดิปัจจุบันยังคงนิ่งเฉย สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เองก็ถูกเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์สั่งให้พัฒนายาเม็ดแห่งการผลิบานอย่างไม่รู้จบ จักรพรรดิอย่างหลิวกู่ไม่คิดที่จะสนใจเรื่องของการปกครองเลย ในตอนนี้ศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นดั่งดวงตะวัน และยังมีสำนักอเวจีที่เป็นสำนักฝ่ายอธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าหากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายไป การเป็นศัตรูกับทั้งสองฝ่ายสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่จะไปอยู่รอดได้ไง?
“ไม่ต้องกังวลไปประมุขโจว อาจารย์ของข้าไม่คิดฆ่าคนบริสุทธิ์อยู่แล้ว ถ้าหากเจ้าเชื่อฟัง เจ้าจะถูกฆ่าได้ยังไงกัน? แต่ถ้าหากเจ้าคิดที่จะทำอะไรแผงๆ การที่เจ้าต้องถูกฆ่าก็คงจะโทษใครไม่ได้หรอกนะ” หมิงซี่หยินพูดขึ้น
โจวยู่ไคที่ได้ฟังแบบนั้นไม่มีทางเลือก ตัวเขาได้แต่เดินไปหาทั้งคู่
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้โบกแขนเสื้อ “นั่งลงซะสิ”
หมิงซี่หยินกระโดดขึ้นไปบนรถม้าก่อนที่จะหยิบเก้าอี้ออกมา
หวางซื่อเจียคารวะให้กับโจวยู่ไคก่อนจะพูดทักทาย “ข้าหวางซื่อเจีย เจ้าเกาะเผิงไหลขอทักทายประมุขโจว ข้าน่ะได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับท่านมานานแล้ว”..
“เจ้าเกาะหวางนี่เอง เป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้พบกัน” โจวยู่ไคนั่งลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ลู่โจวมองดูสาวกทั้ง 1,000 คนที่อยู่ด้านนอกก่อนจะพูดออกมา “ข้าน่ะเป็นผู้ที่มีเหตุผลและจะไม่คิดฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่แน่นอนว่า…ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ศัตรูหลุดรอดไปได้เช่นกัน”
คำพูดนี้ทำให้ใจของโจวยู่ไคสั่นเทา ตัวเขารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีก่อนที่จะถามออกมา “ผู้อาวุโสจี ท่านคิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในมณฑลหยานสินะ?”
“ข้าไม่ได้มีเวลาที่จะทำแบบนั้นหรอก ข้าก็แค่ผ่านทางมาก็เท่านั้น แม้ว่ายู่เฉิงไห่จะเป็นศิษย์ทรยศ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังเป็นศิษย์ของข้าอยู่ดี มันเป็นธรรมดาที่ผู้เป็นอาจารย์อย่างข้าจะอยากมาดูสิ่งที่ยู่เฉิงไห่ต้องการทำ”
“…”
‘จีเทียนเด๋ามาที่นี่ก็เพื่อแค่สังเกตการณ์อย่างงั้นเหรอ?’
ในตอนนั้นเอง…
ตู๊ม!
เกิดเสียงระเบิดดังมาจากมณฑลหยาน
กระบี่พลังงานที่มีมากมายราวกับดอกไม้ไฟกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่เหนือเมือง โจวยู่ไคที่เห็นแบบนั้นลุกขึ้นยืนในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างในขณะที่เหลือบมองมณฑลหยานจากในระยะไกล
สาวกจากสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เองก็เช่นกัน
ลู่โจวมองไปที่โจวยู่ไคก่อนจะพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “นั่งลงซะ”
โจวยู่ไครู้สึกถูกกดดันราวกับถูกหินที่หนักกว่า 1,000 ชั่งกดทับไปที่ร่างกาย ตัวเขาไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวไปไหนได้อีก
เมื่อเห็นโจวยู่ไคยังคงยืนอยู่ ลู่โจวก็ได้พูดออกมา “ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะไปจริงๆ …ข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า ไปซะ”
หมิงซี่หยินพยักหน้า ‘ดูเหมือนว่าชั้นเชิงที่ท่านอาจารย์ใช้ข่มขวัญคู่ต่อสู้จะดูยอดเยี่ยมขึ้นมากจริงๆ’
หวางซื่อเจียยิ้มก่อนที่จะพูดออกมาอย่างสดใส “จะรีบไปไหนกันล่ะพี่โจว? มันจะไม่ดีกว่าเหรอไงกันถ้าหากท่านนั่งลงซะก่อน พวกเรามานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเถอะ”
โจวยู่ไคไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องนั่งลง ในตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
“สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นสถานศึกษาที่มีจิตใจเมตตามากที่สุดในดินแดนหยาน ไม่ว่าจะเพศใด อายุ หรือแม้แต่ชนชาติใด สถานศึกษาแห่งนี้ก็จะยอมรับคนคนนั้นให้กลายเป็นสาวกและปฏิบัติอย่างเท่าเทียมอยู่เสมอ ดังนั้นสถานศึกษาของเจ้าจึงมีชื่อเสียงในแง่ดีมาโดยตลอด แม้ว่าจะมีเหล่าราชวงศ์ต้องการจะเป็นสาวก คนคนนั้นก็จะถูกปฏิบัติไม่ต่างอะไรกับสาวกคนอื่นๆ ประมุขโจว เจ้าเคยคิดไหมว่าสถานศึกษาของเจ้ามันเปลี่ยนแปลงไปน่ะ?”
โจวยู่ไคที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อหลายปีก่อนสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นสถานศึกษาที่รู้จักกันดี พวกเขาเป็นสถานศึกษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็ว่าได้ ในตอนนั้นมีเหล่ายอดฝีมือมากมายรวมไปถึงเหล่าชนชั้นสูงอีกมากรวมตัวกันอยู่ในนั้น จักรพรรดิแห่งดาบหลิวเก้อและซูเทียนหยวนแห่งลัทธินักบุญโบราณจากม่อเป่ยเองก็เคยเป็นสาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่มาก่อน น่าเสียดายที่สถานศึกษาแห่งนี้ได้ขาดยอดคนมาเป็นเวลานาน และเพราะแบบนั้นทำให้สาวกที่มีจึงมีฝีมือเสื่อมถอยลงไปตามกาลเวลา และในที่สุดสถานศึกษาแห่งนี้ก็ค่อยๆ กลายเป็นสถานศึกษาที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชสำนักไป
ตู๊ม!
ที่ม่านพลังของเมืองมณฑลหยานเกิดการระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายจากเมืองมณฑลหยานต่างก็มุ่งหน้าไปยังม่านพลังและกำแพงเมือง เห็นได้ชัดว่ามณฑลหยานในตอนนี้กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย
โจวยู่ไคที่เห็นแบบนั้นได้แต่กำหมัดแน่น
สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ควรที่จะจงรักภักดีต่อราชสำนัก แต่ทว่าโจวยู่ไคในตอนนี้ได้แต่นั่งอยู่บนหุบเขา ตัวเขาทำได้แค่มองสำนักอเวจีบุกโจมตีมณฑลหยาน โจวยู่ไคที่ทำอะไรไม่ได้รู้สึกไร้พลังอย่างสิ้นเชิง
ลู่โจวเองก็สังเกตเห็นใจของโจวยู่ไคที่เต็มไปด้วยความสับสนเช่นกัน เมื่อเห็นแบบนั้นตัวเขาจึงได้พูดออกมา “แม่ทัพผู้รักษาการณ์มณฑลหยานอย่างหม่าลู่ปิงช่างเจ้าเล่ห์และไร้ยางอาย เจ้านั่นยอมทำทุกอย่างก็เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของตัวเอง มีทหารคนไหนกันที่ยอมใช้ชาวเมืองเพื่อข่มขู่ยู่เฉิงไห่ แม้ว่าศิษย์ไม่รักดีของข้าจะเป็นสำนักฝ่ายอธรรมก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ใช่คนไร้ศีลธรรม สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ที่มีประวัติอันดีเห็นด้วยกับการใช้ชีวิตชาวเมืองเป็นเครื่องต่อรองอย่างงั้นเหรอ?”
โจวยู่ไคที่ได้ฟังแบบนั้นขมวดคิ้ว “นั่นเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นเหรอ?”
หมิงซี่หยินรีบตอบกลับ “เจ้าไม่เชื่อพวกเราอย่างงั้นสินะ? แล้วเจ้าจะตอบยังไงกับการที่สำนักอเวจีรวบรวมผู้คนได้หลายแสนคนในเวลาอันสั้นล่ะ?”
โจวยู่ไคตกตะลึง ไม่ว่าจะยังไงตัวเขาก็ไม่มีทางเลือก ใครกันที่อยากจะเลือกเดินบนทางเลือกเช่นนี้? โจวยู่ไคคารวะให้ก่อนจะตอบกลับมา “การที่หม่าลู่ปิงจะเลือกทางเดินนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าในฐานะผู้ฝึกยุทธแห่งดินแดนหยานเป็นธรรมดาที่จะต้องถวายความจงรักภักดีรับใช้ให้กับราชสำนัก แต่สำหรับสำนักอเวจีแล้ว พวกเขาทำตัวเย่อหยิ่งก่อนที่จะก่อความวุ่นวายแบบนี้ ท่านในฐานะอาจารย์ ท่านน่ะจะไม่ทำอะไรกับยู่เฉิงไห่จริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
ในตอนที่โจวยู่ไคอยู่ในสถานศึกษา ตัวเขาเคยได้ยินมาว่ายู่เฉิงไห่เป็นศิษย์ทรยศที่ละทิ้งศาลาปีศาจลอยฟ้ามา เรื่องทั้งหมดนั้นมันเป็นเพราะความบาดหมางระหว่างศิษย์อาจารย์ จนถึงวันนี้ศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ไม่เคยสนับสนุนสำนักอเวจีอย่างเปิดเผย และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้โจวยู่ไคกล้าถามคำถามนี้ออกมา
ลู่โจวตอบกลับ “มันก็เหมือนกับสิ่งที่เจ้าพูดนั่นแหละ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกัน แน่นอนว่าข้าจะต้องจัดการกับยู่เฉิงไห่ที่กล้าทรยศข้า แต่ท้ายที่สุดแล้วความเชื่อและความปรารถนาของคนเราก็ไม่อาจห้ามกันได้ ยู่เฉิงไห่มีความทะเยอทะยานที่จะครองโลก ประมุขโจว พวกเราสอนคนต่างก็เป็นอาจารย์ ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าคงจะเข้าใจเรื่องนี้ดี มันก็เหมือนกับสถานศึกษาของเจ้าที่ยอมปล่อยให้จักรพรรดิแห่งดาบหลิวเก้อเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้นั่นแหละ”