My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 58
หมิงซี่หยินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงถูกลงโทษได้แบบนี้ เขาได้ทำตามทุกอย่างที่ท่านอาจารย์ของเขาสั่งการมาโดยตลอด ทำทุกอย่างอย่างทุ่มเท ปกป้องภูเขาทองต่อสู้กับเหล่าศัตรู อีกทั้งเขายังเชิดชูท่านอาจาย์เสมอมา หมิงซี่หยินคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองทำได้ดีเยี่ยมมาเสมอ
แต่ถึงแม้ว่าจะมั่นใจในตัวเองมากสักแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าพอที่จะขัดคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์ได้ “ศิษย์ยอมรับโทษแต่โดยดี” หลังจากนั้นหมิงซี่หยินก็ได้หันหลังก่อนที่จะเดินตรงไปยังถ้ำแห่งเงาสะท้อนด้วยท่าทีที่เชื่อฟัง
ทำไมลู่โจวถึงลงโทษหมิงซี่หยิน? ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าค่าความจงรักภักดีของเขายังคงผันผวนได้นั่นเอง แต่ถึงแม้ว่าความผันผวนมันจะไม่มากนักแต่ตราบใดที่ยังผันผวนได้ลู่โจวก็ไม่อาจที่จะวางใจได้ ในตอนนี้ค่าความจงรักภักดีของหมิงซี่หยินอยู่ที่ราวๆ 70% ถ้าหากค่าความจงรักภักดีของเขาถึง 80% เมื่อไหรค่าความจงรักภักดีก็จะไม่ผันผวนอีกต่อไป
หยวนเอ๋อได้แต่จ้องมองดูการจากไปของศิษย์พี่อย่างงงงวยก่อนที่จะหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในตอนนั้นเองเธอก็ไม่เข้าใจเนื้อหาในจดหมาย เธอได้แต่เกาหัวก่อนที่จะเอ่ยปากถามอะไรบางอย่างออกมา “นี่ไม่ใช่กับดักเหรอคะ? ศิษย์พี่ห้าถูกบังคับเพราะใครบางคนต้องการระบายความโกรธแค้น? “
ลู่โจวไม่ได้ตอบคำถามของหยวนเอ๋อแต่อย่างใด เขากับใช้น้ำเสียงที่เย็นชาพูดออกมาแทน “มากับข้า พวกเราจะไปพิธีใหญ่ศักดิ์สิทธิ์กัน”
เมื่อหยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้นตาเธอก็กะพริบในทันที เธอได้ถามออกมาด้วยความตื่นเต้น “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์…พวกเราจะออกไปข้างนอกจริงๆ อย่างงั้นสินะ? “
“เจ้าน่ะตื่นเต้นอะไรกันอีก? ” ลู่โจวได้เดินออกไปที่ด้านนอกก่อนที่จะเหลือบมองท้องฟ้า ในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว บรรยากาศของวันดีเต็มไปด้วยความอบอุ่น ในตอนที่ลู่โจวและหยวนเอ๋อไปถึงมณฑลยู่ ในตอนนั้นก็คงจะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว
แต่ก่อนที่จะถึงที่หมายลู่โจวจะต้องไปยังเมืองรูหนานเพื่อเตรียมการให้พร้อมซะก่อน ถ้าหากตัวเขาไม่มีการ์ดระเบิดจุดสุดยอดอีกต่อไป ลู่โจวในตอนนี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกไปซะจากการใช้มันสมองของตัวเองที่มีอยู่เพื่อให้ได้ตัวจ้าวยู่กลับมาเท่านั้น
ในตอนนี้ลู่โจวได้เหลือบมองไปที่ชุดของหยวนเอ๋อ ชุดที่เด็กสาวกำลังสวมใส่อยู่เป็นชุดที่ใช้สำหรับปลอมตัวเพื่อไปรวบรวมข่าวคราวมา ดังนั้นถือว่าเป็นโชคดีสำหรับเธอที่ชุดของหยวนเอ๋อในตอนนี้ยังไม่เป็นที่จุดสนใจเท่าไหร่นัก
“ท่านอาจารย์ พวกเราจะบอกศิษย์พี่ด้วยไหม? ” หยวนเอ๋อได้ถามขึ้น
“ไม่จำเป็น”
ไม่มีประโยชน์อะไรที่ลู่โจวจะบอกเรื่องนี้กับลูกศิษย์ที่เหลือ เหล่าลูกศิษย์สาวกทั้งหลายที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่ฉลาดมากพอที่จะสามารถปกป้องตัวเองและเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
ก่อนที่จะออกเดินทางไปลู่โจวก็นึกถึงสัตว์ขี่ที่เขาเพิ่งจะได้รับมา สัตว์ขี่ตัวนั้นก็คือบี่เอี๊ยน ในตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ตัวเขาจะได้พบกับสัตว์ขี่ตัวใหม่ ลู่โจวนั้นรู้สึกคุ้นเคยกับวิซซาร์ดเป็นอย่างดีแล้ว แต่เขายังไม่เคยเจอกับบี่เอี๊ยนเลย ในตอนนั้นเองลู่โจวจึงได้โบกมือขึ้น
ในไม่ช้าคลื่นพลังประหลาดก็ได้ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าสีคราม
“วิซซาร์ด? ” หยวนเอ๋อดูประหลาดใจเล็กน้อยหลังจากที่จ้องมองไปยังท้องฟ้า เธอสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง มันเป็นพลังของสัตว์ขี่ในตำนานนั่นเอง
ในโลกที่กว้างใหญ่แบบนี้มีที่ที่มนุษย์มากมายยังไม่เคยได้ไปสำรวจ สถานที่เหล่านั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่แสนน่ากลัว แต่มีเพียงสิ่งมีชีวิตไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะสามารถกลายมาเป็นสัตว์ขี่แบบนี้ได้
ไม่นานมากนักสัตว์ประหลาดรูปร่างดูแข็งแกร่งก็ได้บินผ่านไป รูปร่างของมันดูคล้ายเสือแต่กลับดูไม่เหมือนเสือ
โฮก!
หยวนเอ๋อที่ได้ยินเสียงคำรามได้ถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว เธอที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของลู่โจวกำลังพึมพำอะไรบางอย่างออกมา “ทำไม…ทำไมตอนนี้วิซซาร์ดถึงดูไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ? “
วิซซาร์ดที่เดิมทีดูคล้ายละมั่งแต่ในตอนนี้กลับเปลี่ยนไป สัตว์ขี่ของลู่โจวกลับดูเหมือนกับเสือมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะดูอ่อนโยนมากกว่าดุร้ายแต่หยวนเอ๋อก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
สัตว์ขี่ตัวใหม่ได้ลงสู่พื้นบนหุบเขาทองก่อนที่จ้องมองกลับมาที่ลู่โจว สายตาของมันไร้ซึ่งความดุร้ายใดๆ สายตาของมันมีแต่ความจงรักภักดีเท่านั้น
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าสัตว์ขี่ตัวใหม่บี่เอี๊ยนตัวนี้จะดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีนิสัยดุร้าย ลู่โจวได้แต่สงสัยว่ามันแข็งแกร่งมากแค่ไหนถ้าหากเทียบกับเหล่าชาวยุทธ
“ไปกันได้แล้ว! ” ลู่โจวพูดพร้อมกับเดินตรงไปที่บี่เอี๊ยน
หยวนเอ๋อได้ค่อยๆ เดินไปที่บี่เอี๊ยนอย่างช้าๆ “ท่านอาจารย์ ศิษย์จะขี่มันได้จริงๆ อย่างงั้นหรอ? มันดูน่ากลัวมาก! “
“มันไม่น่ากลัวเท่าเจ้าหรอก”
“…”
“อย่ากลัวเลย ขึ้นมาซะ”
ลู่โจวเดินไป ในตอนนั้นเองบี่เอี๊ยนก็ได้ก้มตัวลงต่ำเพื่อที่จะให้ลู่โจวขึ้นขี่มัน เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วหยวนเอ๋อก็รู้สึกมีความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนที่เธอกำลังจะขี่ตอนนั้นเอง…
โฮก!
ในตอนนั้นบี่เอี๊ยนก็ได้ส่งเสียงพลังคำรามอันทรงพลังออกมา แต่แทนที่หยวนเอ๋อจะถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัวเธอกลับลุกขึ้นขี่ไปที่หลังของมันแทน
“ท่านอาจารย์…มันขู่ข้าอีกแล้ว…”
ลู่โจวได้ส่งสัญญาณผ่านมือของเขาอย่างสบายๆ ในตอนนั้นเองบี่เอี๊ยนก็เริ่มบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง ในพริบตาเดียวมันก็หายไปในเส้นขอบฟ้า
ลู่โจวเองรู้สึกประหลาดใจมาก บี่เอี๊ยนนั้นบินได้รวดเร็วพอๆ กับวิซซาร์ด แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังมีความต่างระหว่างสัตว์ขี่ทั้งสองชนิดอยู่ บี่เอี๊ยนนั้นดูดุร้ายและเกรี้ยวกราดกว่าวิซซาร์ดมาก แต่ถึงแบบนั้นมันก็คงจะไม่ได้ชาญฉลาดเทียบเท่ากับมนุษย์ได้ ส่วนเรื่องความแข็งแกร่งลู่โจวก็คงจะต้องทดสอบมันต่อไป ในทางกลับกันวิซซาร์ดเป็นสัตว์ขี่ที่รักสงบมาก การที่จะเลือกบินไปกับมันคงจะทำให้รู้สึกถึงความสบายได้มากกว่า แต่ในตอนนี้ที่สำคัญลู่โจวยังคงไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของมัน ความสามารถที่คล้ายคลึงกับละมั่งคืออะไรกันแน่นะ?
ครึ่งวันต่อมา บี่เอี๊ยนค่อยๆ บินลงอย่างช้าๆ ใกล้ๆ กับเหมือนรูหนาน หยวนเอ๋อในตอนนี้ไม่เห็นใครสักคนที่อยู่ใกล้ๆ เธอที่เห็นแบบนั้นจึงได้พูดออกมา “ศิษย์รู้แล้วว่าท่านอาจารย์ต้องการอะไร…พวกเราจะต้องหลีกเลี่ยงการเป็นสุดจนใจอย่างงั้นสินะ”
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พยักหน้าให้ก่อนที่จะตอบกลับไป “เมืองรูหนานน่ะอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เมืองหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ชาวยุทธทั้งหลายมารวมตัวกัน ดังนั้นเราจะต้องหลีกเลี่ยงเจ้าพวกนั้นเอาไว้ไงล่ะ”
“ศิษย์เข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์” หยวนเอ๋อได้กะพริบตาดวงโตของเธอก่อนที่จะพูดต่อไป “ท่านอาจารย์พวกเราจะไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นหรอคะ? “
ลู่โจวได้ใช้มือข้างหนึ่งเคาะไปที่หัวของเธอก่อนที่จะกลับมาลูบเคราอีกครั้ง “ไม่”
“โอ๊ย! “
หลังจากที่เข้ามาในตัวเมือง หยวนเอ๋อก็แทบที่จะไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นของเธอเอาไว้ได้เลย โชคดีที่ลู่โจวได้เตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า และก็เพราะแบบนั้นหยวนเอ๋อจึงไม่ได้ก่อเรื่องอะไร
“คุณปู่ ด้านหน้ามีโรงเตี๊ยมด้วย พวกเราไปหาห้องพักกันก่อนไหม? “
“ได้สิ”
เมื่อทั้งสองคนเดินมาที่โรงเตี๊ยม ในตอนนั้นเองกลุ่มชาวยุทธก็ได้บินผ่านพวกเขาไป ผู้คนบนท้องถนนต่างก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ ลู่โจวเองก็มองขึ้นไปเช่นกัน เขาเห็นกลุ่มชาวยุทธชุดดำที่กำลังล้อมรอบรถม้าลอยฟ้าคันหนึ่งอยู่
“นั่นมันรถม้าจากสำนักฝ่ายอธรรม! นั่นมันธงของวิหารปีศาจ…”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เรื่องของชาวยุทธน่ะคนธรรมดาทั่วไปอย่างเราไม่เกี่ยวข้องหรอก”
“เมื่อข้าได้กลายเป็นสุดยอดฝีมือข้าจะมีรถม้าแบบนั้นไหมนะ? “
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด เธอได้แต่บ่นพึมพำออกมา “นั่นมันแปลกอะไรกัน? ท่านปู่ของข้าก็มีสัตว์ขี่…”
ชายวัยกลางคนที่ตอนนั้นยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ได้พูดออกมาอย่างตลกขบขัน “สาวน้อย สัตว์ขี่ที่ปู่เจ้ามีน่ะแข็งแรงพอที่จะแบกเจ้าด้วยอย่างงั้นหรอ? “
“ฮืม! ไม่เพียงแบกข้าได้มันยังบินไปทั่วยุทธภพภายในเวลาครึ่งวันได้อีกด้วย! ” หยวนเอ๋อตอบกลับ
“เจ้ามันก็แค่คนคุยโวโอ้อวดเท่านั้นแหละ! “
“เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างงั้นหรอ? ” หยวนเอ๋อเริ่มขมวดคิ้ว
ชายคนนั้นยังตอบกลับมา “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรอแม่สาวน้อย? “
“ข้าน่ะจะทำให้เจ้าเชื่อเอง…” หลังจากพูดเสร็จหยวนเอ๋อก็ได้งอข้อมือของเธอก่อนที่จะทำท่าดีดนิ้วขึ้นมา
ถนนได้เงียบสงบลงหลังจากที่รถม้าคันนั้นบินผ่านไป ลู่โจวเองก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมียอดฝีมือแบบนี้อยู่ใกล้ๆ กับเมืองรูหนาน คนจากวิหารปีศาจอย่างงั้นหรอ? หรือว่าเจ้าพวกนั้นไม่พอใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับซู่จินฉานกัน?
ถ้าหากตัดสินจากจำนวนชาวยุทธผู้ติดตามรวมไปถึงขนาดของรถม้า คนที่อยู่ในนั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือที่มีพลังวรยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่ แล้วคนคนนั้นจะเป็นใครไปได้นอกจากเจ้าสำนักจากวิหารปีศาจ?
‘แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนั้นแล้ว’ ลู่โจวที่คิดได้ได้หันหลังกลับมาก่อนที่จะเรียกหยวนเอ๋อ “หยวนเอ๋อ! “
“ข้ามาแล้วท่านปู่! ” หยวนเอ๋อที่วิ่งกลับมาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “ฮิฮิ! ท่านปู่ให้ข้าช่วยท่านเอง…”
เธอวิ่งตรงไปยังประตูโรงเตี๊ยมก่อนที่จะพูดกับชายผู้ดูแลโรงเตี๊ยมในทันที “เฮ้ ข้าอยากได้ห้องที่ดีที่สุดน่ะ! “
ชายผู้เป็นผู้ดูแลโรงเตี๊ยมได้ตอบกลับมาอย่างสุภาพ “ข้าขอโทษด้วยนะท่านแขกผู้มีเกียรติ ในตอนนี้พิธีที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว และก็เพราะแบบนั้นแขกทั้งหลายจึงมาขอจองห้องพักทั้งหมดแล้ว ได้โปรดให้อภัยให้กับข้าน้อยด้วย…”
“เจ้าไม่มีห้องว่างเหลือสักห้องเลยอย่างงั้นหรอ? ” หยวนเอ๋อได้ถามอย่างสงสัยในระหว่างที่เธอเอามือเกาหัวไปด้วย
“ข้าขออภัยด้วย! ท่านอาจจะต้องหาที่พักที่อื่นแทน”
“ได้! “
หยวนเอ๋อตัวน้อยกำลังจะหันหลังกลับไป ในตอนนั้นเองก็มีลมแรงได้พัดผ่านเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม พลังนั้นเองได้กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ผู้ดูแลโรงเตี๊ยม, หยวนเอ๋อ และลู่โจวเอง ทั้งสามคนได้จ้องมองไปยังผู้มาเยือน ผู้มาเยือนคนนั้นเป็นเจ้าของพลังอันมหาศาลนั่นเอง เขาเป็นชายผู้พกดาบสองเล่ม ดาบทั้งสองเล่มต่างก็มีลวดลายที่สวยงาม สีหน้าของชายคนนั้นดูเคร่งขรึมและเงียบสงบเป็นพิเศษ
ชายผู้ดูแลโรงเตี๊ยมได้พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์…นายทะ…ท่าน? “
ดวงตาของชายผู้มาเยือนปิดลงเล็กน้อย ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเงียบสงบ ชายคนนั้นได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ข้าอยากที่จะอยู่ที่นี่น่ะ”
“ยินดีต้อนรับนายท่าน! ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับใช้ท่าน! ข้ามีห้องที่ดีสุดสองห้องด้วยกัน ถ้าหากนายท่านไม่รังเกียจแล้วละก็ข้ายินดีให้นายท่านเข้าพัก! ” ชายผู้ดูแลโรงแรมพูดเสียงดังมาก แม้แต่คนที่อยู่ด้านนอกโรงเตี๊ยมเองยังได้ยินเสียงพูดในครั้งนี้
ชายคนนั้นได้ตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา “ข้าอยากที่จะได้ห้องที่ดีที่สุด 2 ห้องนั้น”
“ไม่มีปัญหาเลยครับนายท่าน! ” ชายผู้ดูแลโรงเตี๊ยมตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น
หลังจากนั้นคนรับใช้สองคนก็ได้วิ่งมาตรงหน้าชายคนนั้นพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้ง
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “ตาแก่ เจ้าน่ะไม่ได้บอกว่าโรงเตี๊ยมเต็มแล้วหรอกหรอ? ทำไมเจ้าถึงยังมีห้องว่างให้กับเจ้านั่นกัน? “
“อย่าพูดจาสามหาว! คนคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธที่สามารถเบิกเส้นพลังลมปราณทั้งแปดจนสามารถฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ แขกคนอื่นๆ น่ะจะต้องหลีกทางให้กับเขา”
ถ้าหากเป็นช่วงเวลาอื่นหยวนเอ๋อก็คงจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งเธอและลู่โจวก็ได้อยู่ในเมืองรูหนานเป็นที่เรียบร้อย ลู่โจวได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ให้เธอก่อเรื่องขึ้น
“แล้วทำไมเจ้าจะต้องใช้สองห้องทั้งๆ ที่มาคนเดียวกัน? ” หยวนเอ๋อได้ชี้ไปที่ชายคนนั้น
“แม่สาวน้อย เจ้าน่ะ…”
ชายผู้มาเยือนได้ยกมือห้ามเจ้าชายผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบเยือกเย็นที่ฟังดูไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไปออกมา “ให้ข้าได้ตอบคำถามนั้นเถอะนะ”
“ข้าน่ะมีเถ้ากระดูกของสหายรักอยู่ในกระเป๋าด้วย แม้ว่าเขาจะได้ตายไปในสนามรบก็ตามทีแต่อย่างน้อยข้าก็รู้สึกชื่นชมในจิตวิญญาณของสหายข้าคนนั้น สหายข้าน่ะยังอยู่ในหัวใจเสมอ…ดังนั้นข้าก็เลยปฏิบัติกับเขาในแบบที่ปฏิบัติกับคนที่มีชีวิตอยู่”