My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 581 จะทนไปได้อีกนานแค่ไหน
ซวนจิงหยวนได้ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างจู่โจมต่อไป ตัวเขาได้ใช้พลังฝ่ามือไปกว่าสี่ครั้งด้วยกัน
พลังฝ่ามือทั้งสี่ได้ลอยไปในอากาศ
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ผู้นำทัพย่อยทั้งสี่ต่างก็กระเด็นลอยกลับมาก่อนที่จะกระอักเลือดเฮือกใหญ่ ผู้นำทัพย่อยทุกคนล้วนแต่เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบเท่านั้น ด้วยพลังวรยุทธที่มีเพียงแค่นี้พวกเขาจะรับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ยังไง? ผู้นำทัพทั้งสี่ต้องการที่จะช่วยเหลือฮั๊วจงหยางโดยการรับมือกับคู่ต่อสู้เท่านั้น อันที่จริงพวกเขาทั้งหมดทำได้แค่เพียงซื้อเวลาชั่วครู่เท่านั้น
ในที่สุดฮั๊วจงหยางก็ตั้งหลักได้ สีหน้าของเขาในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าอันซีดเผือดกำลังจับจ้องไปด้านหน้า
ม่ออ!
กุ้ยหนิวได้บินขึ้นไป มันวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ซวนจิงหยวน
“กุ้ยหนิว?!” สีหน้าของซวนจิงหยวนเปลี่ยนแปลงไป หนึ่งในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปดได้โคจรพลังลมปราณที่มีก่อนที่จะกู่ร้องออกมา “ตายซะ เจ้าสัตว์ร้าย!”
กุ้ยหนิวได้ก้มหน้าลง มันได้รวบรวมพละกำลังทั้งหมดไปที่เขาของมัน
ม่ออ!
ตู๊ม!
ซวนจิงหยวนได้จับไปที่เขาของกุ้ยหนิว แม้ว่าจะคว้าเขาไว้ได้แต่ซวนจิงหยวนก็ไม่อาจหยุดแรงกระแทกอันมหาศาลได้ และเป็นเพราะแรงกระแทกจึงทำให้ตัวเขากระเด็นไปไกลกว่า 100 เมตร ในขณะที่จับเขาของกุ้ยหนิวเอาไว้ ซวนจิงหยวนก็ได้โคจรพลังลมปราณให้กลายเป็นพลังงานขึ้นมา!
ตู๊ม!
ในที่สุดมือทั้งสองข้างก็ผลักกุ้ยหนิวออกไปได้ กุ้ยหนิวลอยขึ้นไปบนอากาศ ในตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่ามันได้รับบาดเจ็บไหม
ฮั๊วจงหยางที่เห็นแบบนั้นรีบตะโกน “กุ้ยหนิว กลับมา!”
ม่ออ!
กุ้ยหนิวที่ได้ยินคำสั่งรีบตั้งหลักก่อนที่จะบินไปยังประตูตะวันออก
ซวนจิงหยวนไม่คิดจะสนใจสัตว์ขี่ตั้งแต่แรก เขามองไปที่ฮั๊วจงหยางก่อนจะพูดออกมาแทน “วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!”
สิ้นสุดคำพูดซวนจิงหยวนก็ได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาออกมา!
ใบหน้าของฮั๊วจงหยางดูสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม ฮั๊วจงหยางทำได้เพียงใช้พลังอวตารก่อนที่จะทิ้งระยะห่างเท่านั้น
“ช้าไป!” ซวนจิงหยวนเยาะเย้ยในขณะที่ไล่ตามฮั๊วจงหยางอย่างไม่ลดละ
…
ในขณะเดียวกัน ใกล้ๆ กับประตูทางตอนเหนือ ตรงหัวมุมถนนแห่งหนึ่ง
ใครคนหนึ่งเงยหน้าก่อนที่จะเลี้ยวตรงถนนตรงนั้น ที่แขนเสื้อของเขามีนกพิราบส่งสารบินออกมา ที่เท้าของมันแฝงไปด้วยจดหมาย ใครคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น คนคนนั้นก็คือหลี่หยุนเฉา ยอดฝีมือแห่งเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
หลี่หยุนเฉาส่งนกพิราบส่งสารก่อนที่มันจะหายไปในขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
“ข้าหวังว่า…การคาดการณ์ของข้าจะถูกต้องนะ” หลี่หยุนเฉาพึมพำอยู่ภายในใจก่อนที่จะหายตัวไปในที่สุด
…
ในขณะเดียวกันซวนจิงหยวนก็ยังไล่ล่าฮั๊วจงหยางต่อไป ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ฮั๊วจงหยางโดยไม่คาดสายตา
ตู๊ม!
ฝ่ามือได้กระทบเข้ากับแผ่นหลังของฮั๊วจงหยาง ฮั๊วจงหยางที่ถูกโจมตีตกลงสู่พื้น
“ยังมีชีวิตอยู่อีกอย่างงั้นเหรอ?” ซวนจิงหยวนไม่ได้คาดคิดว่าฮั๊วจงหยางจะถึกทนเช่นนี้
ซวนจิงหยวนพุ่งลงบนพื้นราวกับหินก้อนใหญ่ที่ตกลง
เหล่าสาวกจากสำนักอเวจีต่างก็ถอยกลับ…
ซู่วว!
ฮั๊วจงหยางได้เรียกพลังอวตารของตัวเองก่อนที่จะบินไปทางตะวันออก! ฮั๊วจงหยางได้ใช้มือขวาสกัดจุดพลังลมปราณของตัวเองเอาไว้
“ท่านเจ้าแห่งโถงมังกรฟ้า ไม่!”
ผู้นำทัพย่อยทั้งสี่ไม่คิดว่าฮั๊วจงหยางจะยอมเผาผลาญจุดพลังลมปราณของตัวเองโดยไม่ลังเลเช่นนี้
ในตอนที่จุดพลังลมปราณถูกเผาผลาญ ในตอนนั้นที่ตัวของฮั๊วจงหยางก็พลุ่งพล่านไปด้วยพลังลมปราณ ฮั๊วจงหยางได้ใช้สุดยอดวิชาอีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงได้ทำให้ทุกคนตื่นตกใจ ท่ามกลางความตกใจนั้นฮั๊วจงหยางก็ได้หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบผู้ยิ่งใหญ่ ท้ายที่สุดแล้วพลังฝ่ามือของเจ้าก็ไร้ความหมาย! ซวนจิงหยวน เจ้ามีดีแค่นี้เองอย่างงั้นสินะ!”
ซวนจิงหยวนขมวดคิ้ว ตัวเขาประสานมือก่อนที่จะพูดออกมาอย่างหยาบาย “เจ้าน่ะมันจนมุมแล้ว!”
“ถ้าเจ้ากล้ามากพอก็เข้ามา…มาเร็วเข้า! เจ้าไร้ยางอาย!” ฮั๊วจงหยางยังคงพยายามยั่วยุซวนจิงหยวนในขณะที่บินไปทางตะวันออก ในเวลาเดียวกันตัวเขาก็ยังคงปาดเลือดที่ไหลออกจากริมฝีปากอย่างไม่หยุดพัก “ข้าหวังว่าวิธีของท่านสี่จะใช้ได้ผลนะ!”
ซวนจิงหยวนไม่เคยคาดคิดเลยว่าพลังฝ่ามือของเขาจะไม่เพียงพอที่จะฆ่าฮั๊วจงหยางได้ เขาไม่เคยคาดคิดว่าการต่อสู้จะยืดเยื้อเช่นนี้ ซวนจิงหยวนเงยหน้าขึ้น ฮั๊วจงหยางในตอนนี้บินต่ำลงเต็มที เมื่อเห็นเช่นนั้นซวนจิงหยวนก็พูดเยาะเย้ยขึ้นมา “เจ้ากำลังจะตายแล้วแท้ๆ !”
ซวนจิงหยวนเคลื่อนไหวฝ่ามืออย่างรวดเร็วก่อนที่จะปล่อยพลังฝ่ามือออกมา!
พลังฝ่ามือสีทองส่องประกายก่อนจะพุ่งเข้าหาฮั๊วจงหยาง
ฮั๊วจงหยางรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก ตัวเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันหน้ามาเผชิญกับพลังฝ่ามือ ฮั๊วจงหยางยกมือขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง ฮั๊วจงหยางได้กัดฟันป้องกันการโจมตีนี้อย่างสุดชีวิต “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่รอดแล้วล่ะ ข้าคงไม่อาจหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ได้แน่ ท่านเจ้าสำนัก ข้าหวังว่าข้าจะได้รับใช้ต่อสู้เคียงข้างท่านในชาติหน้าได้อีก!”
พลังฝ่ามือสีทองอร่ามได้เข้าปะทะกับร่างของฮั๊วจงหยาง…
ตู๊ม!
ในตอนนั้นเองกระบี่พลังงานขนาดใหญ่ก็ได้ลอยมา มันได้ตัดทำลายพลังฝ่ามือไปอย่างรวดเร็ว
“นั่นใครกัน?!” ซวนจิงหยวนมองไปรอบๆ ตัว ในตอนนั้นเองความกลัวก็ได้กัดกินใจเขา ดวงตาของซวนจิงหยวนยังคงจับจ้องหาทิศที่กระบี่พลังงานบินมา ชายผู้ที่ปลดปล่อยกระบี่พลังงานกำลังมองมาทางซวนจิงหยวนด้วยสายตาอันเฉียบแหลม! ไม่นานนักชายคนนั้นก็ได้ยกมือก่อนที่จะปลดปล่อยกระบี่พลังงานออกมาอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองสีหน้าของฮั๊วจงหยางก็เปลี่ยนแปลงไป “ท่านเจ้าสำนัก…ท่านอยู่ที่นี่แล้ว!”
หัวใจของซวนจิงหยวนเต้นไม่เป็นจังหวะ ตัวเขาเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงอันแหบพร่า “ยู่เฉิงไห่?”
พรึ๊บ!
ยู่เฉิงไห่หายตัวไปในอากาศ! เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นตัวเขาก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าซวนจิงหยวนก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามือจู่โจมในทันที!..
ฝ่ามือสรวงสวรรค์แห่งความมืด!
ยู่เฉิงไห่ได้จู่โจมซวนจิงหยวนด้วยพลังฝ่ามือห้าครั้งติดต่อกัน
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ซวนจิงหยวนถูกโจมตีไปที่หน้าอกเข้าอย่างจัง ในที่สุดหนึ่งในแปดแม่ทัพใหญ่ก็กระอักเลือดก่อนที่จะทรุดตัวลงกับพื้น
ตู๊ม!
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นซวนจิงหยวนก็ล้มตัวลง
ในตอนนี้สีหน้าของยู่เฉิงไห่ยังคงดูไม่แยแสต่อการต่อสู้ ตัวเขายังคงเอามือไขว้หลังในขณะที่เหลือบมองซวนจิงหยวน ยู่เฉิงไห่ในตอนนี้ดูมั่นคงไม่ต่างอะไรกับเทือกเขาใหญ่ ท้ายที่สุดแล้วยู่เฉิงไห่ก็ปลดปล่อยพลังโจมตีมาอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวอันทรงพลังได้ทำให้ซวนจิงหยวนรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง ในตอนนี้ตัวเขาทำได้แค่เพียงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“พลังอนุสรณ์สวรรค์แห่งความมืด!” เท้าของยู่เฉิงไห่เต็มไปด้วยพลังงาน มันได้ปลดปล่อยพลังงานไปยังพื้นเบื้องล่าง
“ไม่!!” ซวนจิงหยวนต้องหลบการโจมตีนี้ แต่การโจมตีของยู่เฉิงไห่นั้นรวดเร็วจนเกินไป
ตู๊ม!
เท้าของยู่เฉิงไห่ได้เหยียบไปบนอกของซวนจิงหยวน
เมื่อเท้าของยู่เฉิงไห่ถึงตัว ในตอนนั้นเองฝุ่นควันก็เริ่มฟุ้งกระจาย
การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว ในที่สุดสภาพแวดล้อมรอบข้างก็เงียบสงบ
หลังจากที่ผ่านไปกว่าหลายชั่วโมง ฝุ่นควันทั้งหมดก็จางหายไป
ฮั๊วจงหยางเหลือบมองลงมา จนถึงตอนนี้ฮั๊วจงหยางได้หยุดเผาผลาญจุดพลังลมปราณแล้ว
ใต้เท้าของยู่เฉิงไห่ยังคงมีร่างของซวนจิงหยวนฝังอยู่บนพื้น หน้าอกของเขายังคงอยู่ใต้เท้าของยู่เฉิงไห่ ที่หน้าอกของซวนจิงหยวนมีรอยบุบอย่างเห็นได้ชัด
ซวนจิงหยวนจ้องมองไปที่ยู่เฉิงไห่ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ที่ปากเต็มไปด้วยเลือด
ยู่เฉิงไห่เหลือบมองลงมาก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชา “เจ้ามีดีแค่นี้เองอย่างงั้นเหรอ?”
ซวนจิงหยวนไม่ได้ตอบ ตัวเขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
เป็นเพราะพลังงานที่อยู่ตรงเท้าของยู่เฉิงไห่ เพราะแบบนั้นจึงทำให้ตัวเขาไม่ได้เลอะเลือด ท้ายที่สุดแล้วยู่เฉิงไห่ก็ยกเท้าขึ้นก่อนจะเดินจากไป บนตัวของซวนจิงหยวนยังคงมีรอยเท้าสองรอยอย่างเห็นได้ชัด
ฮั๊วจงหยางตกใจมาก
ดวงตาของซวนจิงหยวนเบิกกว้าง เป็นเพราะช่องตรงอกทำให้ซวนจิงหยวนอ่อนแอลง ในที่สุดหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปดก็รวบรวมพลังจนพูดออกมาได้ “จะ…เจ้า…เจ้ามีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” สิ้นสุดเสียงซวนจิงหยวนก็สิ้นใจไป
ซวนจิงหยวนหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปดถูกยู่เฉิงไห่เหยียบย่ำจนตาย!
ยู่เฉิงไห่ถอนหายใจในขณะที่เหลือบมองฮั๊วจงหยาง
ฮั๊วจงหยางคุกเข่าลง “ท่านเจ้าสำนัก ข้ามันไร้ประโยชน์!”
“เรื่องนี้ตำหนิเจ้าไม่ได้หรอก…เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ”
“กุ้ยหนิว…”
“กุ้ยหนิวก็แค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เดี๋ยวมันก็จะหายเอง ในทางกลับกันเจ้าต้องเผาผลาญจุดพลังลมปราณของตัวเอง ข้า…ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย” ยู่เฉิงไห่พูด
“…ชีวิตของข้ามีไว้เพื่อท่าน เพื่อสำนักอเวจี ข้าไม่เคยเสียดายมัน” ฮั๊วจงหยางหรี่ตาลง “ยังไงซะในสงครามมันก็ย่อมจะมีฝ่ายสูญเสีย ท่านเจ้าสำนัก ได้โปรดสั่งการต่อไปด้วย!”
ยู่เฉิงไห่มองไปที่ฮั๊วจงหยาง “พวกเราไปกันเถอะ”
…
บนท้องฟ้า รถม้าลอยฟ้าของสำนักอเวจีก็เริ่มจะเปลี่ยนทิศทาง
ในขณะเดียวกันสาวกของสำนักอเวจีที่ประตูเมืองทางตะวันออกและทางเหนือก็ได้รวมตัวกันอยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ยู่เฉิงไห่ได้พาฮั๊วจงหยางกลับไปยังรถม้าลอยฟ้า
ภายในรถม้าลอยฟ้า สีวู่หยาเหลือบมองมาที่ฮั๊วจงหยาง “พี่ฮั๊ว ท่านได้เผาผลาญจุดพลังลมปราณของตัวเองไปสินะ?”
ยู่เฉิงไห่นิ่งเงียบ ตัวเขามองไปที่พังงารถม้าก่อนที่จะเหลือบมองลงไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ฮั๊วจงหยางตอบกลับ “ข้าไม่เป็นไรทั้งนั้น…แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถต่อสู้ได้แล้ว”
“ฝากที่เหลือไว้กับพวกเราเถอะ!” สีวู่หยาเดินออกไปจากห้องพักผ่อน ตัวเขาเหลือบมองไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
ในขณะนั้นยู่ฮง ยอดฝีมืออันดับที่สองแห่งโถงมังกรฟ้าก็ได้บินกลับมา “ท่านเจ้าสำนัก มีเพียงประตูทางตะวันออกและทางตอนเหนือเท่านั้นที่ถูกพิชิต ในตอนนี้ประตูทางทิศใต้กับทิศตะวันตกยังคงถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องใช้เวลาเพิ่ม”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นพูดเยาะเย้ย “ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าพวกนั้นจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน!”