My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 585 ครั้งที่สาม
หลิวกู่เคลื่อนไหวตามยู่เฉิงไห่อย่างติดๆ
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้กระบี่และดาบฟาดฟันใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่ปรานี
ในขณะนั้นเองผู้ฝึกยุทธชุดคลุมยาวผู้อยู่บนจุดสูงสุดของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ตะโกนออกมา “เตรียมตัวให้พร้อม…อีก 15 นาที!”
“ครับ!”
ในขณะเดียวกัน ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนั้นเองมือธนูทั้งหลายก็เริ่มปรากฏตัว
ชายรางใหญ่ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังมือธนูทั้งหลายรีบสั่งการออกมาด้วยสายตาอันดุดัน “เตรียมยิงซะ!”
สีวู่หยามองไปที่ยู่เฉิงไห่และหลิวกู่ที่กำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่จะพูดตักเตือนได้ “หวางเย่วปรากฏตัวแล้วศิษย์พี่ใหญ่! ระวังตัวด้วย!”
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
ยู่เฉิงไห่ฉวยโอกาสนี้จู่โจมใส่หลิวกู่ถึงสามครั้ง แต่ถึงแบบนั้นหลิวกู่ก็ตั้งรับไว้ได้ เป็นเพราะแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจึงทำให้ยู่เฉิงไห่ถอยกลับไปหาเหล่าสาวกจากสำนักอเวจี
“ท่านเจ้าสำนัก!”
“ข้าสบายดี!” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ในความจริงแล้วแขนของยู่เฉิงไห่กำลังชาอยู่
หลิวกู่หันกลับไปมองคนของตัวเองก่อนจะสั่งการ “ยิงได้!”
“ยิงได้!”
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ยู่เฉิงไห่ยกแขนขึ้นก่อนจะเหวี่ยงมันไปทางลูกศรที่พุ่งตรงมา
ในตอนนั้นเองสีวู่หยาก็กระโดดไปบนฟ้า สีวู่หยาได้ใช้พัดขนนกยูงก่อนที่จะปลดปล่อยเข็มสีทองกว่าหลายพันเล่มจู่โจมสวนกลับ
เข็มสีทองทั้งหมดชนเข้ากับลูกศรจากธนูอย่างแม่นยำ!
หวางเย่วมองไปที่สีวู่หยาก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ “เจ้า?!”
สีวู่หยาร่อนลงสู่พื้นอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “แม่ทัพหวาง ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวสักที!”
“เจ้าคนทรยศ!”
ครั้งหนึ่งสีวู่หยาเคยเป็นราชครูอยู่ภายในราชสำนัก ไม่แปลกที่หวางเย่วจะจดจำเขาได้
หลิวกู่เงยหน้าขึ้นมอง ตัวเขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่แม่ทัพของตัวเองกำลังเสียสมาธิ “พวกเจ้ากำลังรออะไรอยู่กัน!”
“ได้ครับ ฝ่าบาท!” หวางเย่วที่กำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้มองลงมาตรงเหล่าสาวกของสำนักอเวจี หวางเย่วเบิกตากว้างก่อนที่จะประกาศเสียงดัง “ผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาทั้งสองรวมตัวได้!”
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนเหลือบมองท้องฟ้า
“ทุกๆ ครั้งที่เปิดใช้งานเขตแดนพลังทั้งสิบมักจะใช้ได้เพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น พวกเราจะต้องรอ 1 ชั่วโมงก็เพื่อที่จะเปิดใช้งานเขตแดนพลังได้อีกครั้ง ทุกคนจงฟังข้า! สังหารพวกปีศาจให้หมด ถวายเกียรติแด่องค์จักรพรรดิ!”
“สังหารพวกปีศาจให้หมด ถวายเกียรติแด่องค์จักรพรรดิ!”
“สังหารพวกปีศาจให้หมด ถวายเกียรติแด่องค์จักรพรรดิ!”
เสียงตะโกนของทหารและผู้ฝึกยุทธทั้งหมดดูยิ่งใหญ่จนเหมือนกับสั่นสะเทือนเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้
ทหารจากราชสำนักที่เหลืออยู่ต่างก็วิ่งออกมา
เมื่อแรงโน้มถ่วงทั้งหมดหายไป ทหารราชสำนักก็กลับมาสวมใส่ชุดเกราะอย่างกล้าหาญอีกครั้ง ในตอนนี้สาวกของสำนักอเวจีได้ถอดชุดเกราะกันไปหมดแล้ว ฝ่ายทหารจากราชสำนักจึงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อสีวู่หยาเห็นแบบนั้นก็ได้สั่งการขึ้นมา “จับกลุ่มสามคน และฆ่าพวกมันซะ!”
สาวกจากสำนักอเวจีต่างก็ได้รับการฝึกฝนกันมาอย่างดี สาวกทั้งหลายตั้งกลุ่มอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินหน้าต่อ ทุกคนพุ่งเข้าใส่ทหารจากราชสำนักอย่างไร้ความกลัว
ในตอนนี้ทหารจากราชสำนักได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว และเพราะแบบนั้นทางด้านสำนักอเวจีจึงได้เปรียบในเรื่องของปริมาณ
ด้วยความได้เปรียบที่มีอยู่สำนักอเวจีจึงไม่กลัวที่จะต้องปะทะกับทหารจากราชสำนัก ทุกคนต่างก็ถาโถมเข้าใส่ทหารราชสำนักเป็นแถวแนวนอน ไม่ว่าทหารจากราชสำนักจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่อต้องรับมือกับศัตรูหลายๆ คนพร้อมกันก็คงจะไม่มีทางที่ทหารคนนั้นจะยืนหยัดไปได้ตลอด
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
เสียงการต่อสู้จากทหารทั้งสองฝ่ายได้ดังขึ้น
ยู่เฉิงไห่กระทืบเท้าลงบนพื้นก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่หลิวกู่อีกครั้ง
ตู๊ม!
กระบี่และดาบได้เข้าปะทะกัน
แคล๊ง!
หลังจากที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน ดาบที่รับการโจมตีจากอาวุธระดับสรวงสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในที่สุดก็ไม่อาจทนรับการโจมตีได้อีก
“ตายซะ!” ยู่เฉิงไห่ยกกระบี่ขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างก่อนที่จะเหวี่ยงมันโจมตีไปที่ใบหน้าของหลิวกู่
สีหน้าของหลิวกู่เปลี่ยนแปลงไปก่อนที่จะพลิกตัวกลับถอยหลัง
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้น ม่านพลังที่เคยปกคลุมกำลังจะหายจางไป
เมื่อมีลมแรงพัดผ่านมาทุกคนก็สามารถใช้พลังลมปราณได้อีกครั้ง
ในตอนนี้เขตแดนพลังทั้งสิบได้หายไปแล้ว!
และเพราะแบบนั้นทุกคนจึงกลับมาใช้พลังลมปราณได้อีกครั้ง
หลิวกู่ได้ผลักฝ่ามือทั้งสองข้าไปยังด้านหน้า ตัวเขาได้ปล่อยพลังฝ่ามือออกมานั่นเอง
ตู๊ม!
ยู่เฉิงไห่พลิกตัวไปทางด้านหลังก่อนที่จะตั้งหลักขึ้นมาอีกครั้ง
“ยู่เฉิงไห่ แม้แต่สวรรค์ก็ยังไม่เข้าข้างเจ้า! ยอมแพ้ซะเถอะ!”
ซู่วว!
พลังอวตารปรากฏตัวขึ้น
พลังอวตารไร้ดอกบัวแปดกลีบได้ตั้งตระหง่านเหนือผู้คน
ผู้ฝึกยุทธในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เหลือบมองขึ้นมา
ยู่เฉิงไห่แอบรู้สึกตกใจที่ได้เห็น ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิวกู่จะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอีกครั้งในระยะเวลาที่รวดเร็วแบบนี้
การปรากฏตัวของพลังอวตารหลิวกู่ได้ทำให้ทุกคนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ตื่นตกใจ
ในตอนนั้นเองหวางเย่วก็ได้กู่ร้องก่อนจะเรียกพลังอวตารเช่นกัน
ซู่วว!
หวางเย่วกระโดดลงมาจากจุดที่สูงที่สุดก่อนจะเหลือบมองไปยังสาวกจากสำนักอเวจี สำนักอเวจีจะทำยังไงเมื่อต้องรับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบถึงสองคน?
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธชุดขาวทั้ง 19 คนก็ได้ลอยอยู่เหนือเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ยู่เฉิงไห่ที่กำลังลอยอยู่เหลือบมองรอบตัว
“นี่มันคนจากสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่? คนจากสถานศึกษาผืนฟ้า?”
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนเหลือบมองลงมาจากท้องฟ้า
“พวกปีศาจอย่างพวกเจ้าได้สร้างความหายนะให้กับโลกใบนี้มาเกินพอแล้ว! พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องถูกกำจัด!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยปากพูดขึ้น
เมื่อผู้อาวุโสทั้งหมดพร้อมแล้ว พวกเขาก็ได้พูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องถูกกำจัด!”
สีวู่หยาเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดออกมา “ศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว!”
นี่คือเหตุผลที่ทำให้สีวู่หยาต้องถามถึงความมั่นใจ หลังจากที่เขตแดนพลังทั้งสิบจางหายไป ในตอนนั้นยู่เฉิงไห่จะต้องรับมือกับศัตรูหลายคน
ยู่เฉิงไห่หันหลังกลับมาในขณะที่เอามือไขว้หลัง ตัวเขาได้พูดอย่างเย็นชา “แปดกลีบอย่างงั้นเหรอ?”
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนไม่ใช่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ
เหนือเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้มีเพียงหลิวกู่และหวางเย่วเท่านั้น
ทันใดนั้นเองยู่เฉิงไห่ก็ได้หายตัวไปในอากาศ!
“หืม?” หวางเย่วไม่ได้คาดคิดว่ายู่เฉิงไห่จะโจมตีอย่างรวดเร็วแบบนี้
ในวินาทีต่อมายู่เฉิงไห่ก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหวางเย่ว กระบี่นิลโลหิตของยู่เฉิงไห่ส่องสว่างท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้า “สืบสายราชันย์!”
ใกล้ๆ กับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ที่มียู่เฉิงไห่เป็นจุดสูงกลาง ทั่วทั้งเมืองกำลังถูกกระบี่พลังงานจำนวนมหาศาลเข้าปกคลุม กระบี่พลังงานทั้งหมดได้ตกลงจากท้องฟ้า มันเป็นเหมือนกับสายฝนที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
ทหารจากราชสำนักทั้งหลายไม่มีพลังมากพอที่จะป้องกันตัวเองไว้ได้ ทุกคนที่ถูกกระบี่พลังงานโจมตีล้วนถูกฆ่าตายในทันที
หวางเย่วได้ใช้พลังอวตารที่มีเร่งความเร็วตัวเองเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมด
ยู่เฉิงไห่ได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาที่ไล่ตามไปที่หวางเย่ว ครั้งนี้ตัวเขาไล่ตามหวางเย่วได้ทันก่อนจะจู่โจมหวางเย่วโดยที่ไร้ทางหนี!
ตู๊ม!
กระบี่พลังงานของยู่เฉิงไห่ตกกระทบบนร่างอวตารของหวางเย่ว
แคร๊ก!
แขนขวาของร่างอวตารถูกฟันขาดไปในทันที
ในตอนนั้นเองเสียงคร่ำครวญอันน่าสมเพชก็ได้ดังขึ้น
หวางเย่วตื่นตระหนก ตัวเขาต้องการที่จะหนี หวางเย่วไม่ลังเลเลยที่จะคิดหนี!
ยู่เฉิงไห่ได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาก็เพื่อที่จะไล่ตามอีกครั้ง ในตอนนี้หวางเย่วเป็นเหมือนกับลูกไก่ในกำมือเท่านั้น
แสงดาวสรวงสวรรค์แห่งความมืด!
กระบี่พลังงานได้เข้าขวางทางทางหนีของหวางเย่วเอาไว้ หวางเย่วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะหันมาเพื่อต่อสู้
กระบี่นิลโลหิตได้หมุนรอบตัวเองก่อนที่จะบินไปทางหวางเย่ว
ตู๊ม!
หวางเย่วป้องกันตัวเองเอาไว้ไม่ทัน แม้ว่าทั้งสองจะเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ แต่ความแข็งแกร่งที่มีกลับแตกต่างไม่ต่างอะไรจากหน้ามือและหลังมือ
ผู้ฝึกยุทธในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
“หวางเย่ว…ทำไมหวางเย่วถึงได้ดูเหมือนกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบซะล่ะ?”
“ตาของข้าไม่ได้มองผิดไปอย่างงั้นเหรอ? อย่าบอกว่าหวางเย่วแกล้งทำเป็นแข็งแกร่งมาโดยตลอด?”
“เป็นไปไม่ได้! จะมีใครปลอมตัวเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้? บางทีมันอาจจะเป็นพลังอวตารที่อ่อนแอก็เป็นได้ ตราบใดที่ข้าไม่เห็นกับตาตัวเองข้าก็ไม่เชื่อหรอก!”
หลังจากที่ยู่เฉิงไห่ปลดปล่อยสุดยอดเคล็ดวิชาออกมาถึงสามครั้ง หวางเย่วก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป
ยู่เฉิงไห่ลอยตัวขึ้นสูง
ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นจนไปถึงจุดจบ หลิวกู่ได้เหลือบมองการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ตัวเขาไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่การต่อสู้สิ้นสุด หลิวกู่ก็ได้ปรบมือก่อนจะพูดออกมา “เจ้าเปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ ! แต่น่าเสียดาย เจ้าในตอนนี้สูญเสียพลังลมปราณไปแล้ว หวางเย่วน่ะได้ทำตามเป้าหมายของเขาแล้วล่ะ!”
“งั้นเจ้าก็แสดงให้ข้าดูทีว่าเจ้าซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง!”
พรึ๊บ!
ยู่เฉิงไห่ได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาของเขาอีกครั้ง! เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นยู่เฉิงไห่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลิวกู่ก่อนจะใช้พลังฝ่ามือจู่โจม!
พลังอนุสรณ์สวรรค์แห่งความมืด!
ตู๊ม!
หลิวกู่ยกมือขึ้นเพื่อปัดป้องการโจมตี แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็กระเด็นกลับถอยหลังไป
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็อ้าปากค้าง! ยู่เฉิงไห่กำลังเอาจริงอย่างเต็มกำลัง
ในทางกลับกันสีวู่หยามีสีหน้าที่เป็นกังวล แม้ว่าการเคลื่อนไหวของยู่เฉิงไห่จะทำให้ตัวเขานึกถึงผู้เป็นอาจารย์ได้บ้าง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น พลังลมปราณของยู่เฉิงไห่กำลังจะหมดลง เมื่อถึงตอนนั้นยู่เฉิงไห่จะไป
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนต่างก็ตกใจกับรูปแบบการต่อสู้ของยู่เฉิงไห่ ทุกคนที่เห็นแบบนั้นก็ไม่กล้าพอที่จะสอดมือเข้าไป ทุกคนทำได้แค่เพียงเหลือบมองด้วยแววตาอันว่างเปล่า
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ยู่เฉิงไห่ยังคงเคลื่อนไหวต่ออย่างไม่หยุดยั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางล้วนแต่ถูกทำลาย ยู่เฉิงไห่ได้บินต่อไปยังทิศตะวันตกโดยทิ้งไว้แค่เพียงเศษซากปรักหักพัง
“เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” หลิวกู่ขมวดคิ้วก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามือป้องกันตัวเอง
“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว…วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”
กระบี่พลังงานปรากฏขึ้น!
“พลังสรวงสวรรค์แห่งความมืด!”
“เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” หลิวกู่ได้หนีออกจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ไป
เมื่อเห็นแบบนั้นสีวู่หยาก็รีบสั่งการ “ส่งข่วไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าซะ! แม่น้ำเมฆาพิโรธ!”
“ครับ!”
สีวู่หยายังคงหันมองรอบตัวก่อนจะพูดออกมา “ฮั๊วจงหยาง!”
“ข้าอยู่นี่แล้ว!”
“ลุกขึ้นและจงเตรียมพร้อมให้ดี!” เสียงของสีวู่หยาเปี่ยมไปด้วยพลัง
ฮั๊วจงหยามรีบทำตามในทันที
พรึ๊บ!
พลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบได้ขยายขึ้นก่อนจะหายตัวไปในทันที!
ในบรรดาสาวกจากสำนักอเวจี เหล่าสาวกที่พอจะมีร่างอวตารต่างก็ใช้พลังอวตารอย่างพร้อมเพรียงกัน
ซู่วว!
เสียงอันลึกลับดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ดังกังวานไปทั่วทั้งอากาศ
เสียงที่ดังขึ้นต่างจากเสียงที่ดังมาจากสีวู่หยา เป็นเพราะร่างอวตารจำนวนมากปรากฏตัวพร้อมกัน และเพราะแบบนั้นจึงทำให้เกิดเสียงอันทรงพลังขึ้น
พลังอวตารดอกบัวสองกลีบและพลังอวตารดอกบัวสามกลีบจากผู้นำทัพย่อยทั้ง 12 คน และพลังอวตารทศภพของเหล่าสาวกสำนักอเวจีกว่าหลายสิบร่างได้ส่องสว่างไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์!
ฮั๊วจงหยางพยายามมองโลกในแง่ดีก่อนจะเก็บอาการเจ็บปวดเอาไว้ ตัวเขาเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะพูดออกมา “ดูซิว่าใครจะกล้าเคลื่อนไหวได้”
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น ทุกคนเหลือบมองไปที่หวางเย่วที่กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส แม่ทัพใหญ่คนสุดท้ายคนนี้นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นอย่างไร้ความหมาย
“ทุกคนจงรอฝ่าบาทกลับมา!”
“ครับ!”
หลังจากที่ผ่านเวลาไปกว่าหลายชั่วโมง ยู่เฉิงไห่และหลิวกู่ก็ยังคงต่อสู้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งคู่ได้ผ่านประตูเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ทุกคนที่เห็นแบบนั้นต่างก็ถอนหายใจกันอย่างโล่งอก ในที่แห่งนี้แทบจะไม่มีใครเลยที่จะติดตามทั้งคู่ไปได้ สาวกจากสำนักอเวจีที่เหลือต่างก็ถอนหายใจก่อนจะมุ่งความสนใจไปยังผู้อาวุโสทั้ง 19 คนแทน
ในขณะเดียวกันยู่เฉิงไห่ก็ยังคงไล่ตามหลิวกู่ กระบี่พลังงานทั้งหลายได้ส่องประกายเจิดจ้าผ่านทั้งแม่น้ำและภูเขา! “เจ้าน่ะไม่มีที่ให้หนีแล้ว!”
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
หลิวกู่เองก็ได้ปล่อยพลังฝ่ามือนับไม่ถ้วนออกมา พลังฝ่ามือทั้งหมดได้เข้าปะทะกับกระบี่พลังงาน
จู่ๆ หลิวกู่ก็หันกลับมาก่อนที่จะเหลือบมองไปเบื้องล่าง “ที่แม่น้ำเมฆาพิโรธจะเป็นที่ตายเจ้า!”
“หืม?”
“ยู่เฉิงไห่ ถ้าเจ้าไม่มีสีวู่หยา ด้วยมันสมองที่เจ้ามีเจ้าน่ะสู้ข้าไม่ได้หรอก เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างงั้น” หลิวกู่พูดก่อนจะลอยตัวสูงขึ้น
“ไร้สาระ!” ยู่เฉิงไห่หายตัวไปก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งเหนือตัวหลิวกู่
สืบสายราชันย์!
กระบี่พลังงานนับไม่ถ้วนได้ตกลงมาจากท้องฟ้า กระบี่พลังงานแต่ละเล่มตกลงมาไม่ต่างจากสายฝน
หลิวกู่ตะโกนกลับมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่มีวิชาตอบโต้เจ้าอย่างงั้นสินะ?” หลิวกู่โบกแขน ในตอนนั้นเองก็มีแสงสีแดงส่องประกาย “พู่กันพิพากษา!”
พู่กันสีแดงส่องประกายไปด้วยอักษรโบราณได้ลอยไปบนอากาศ อักษรโบราณสีแดงที่เห็นได้รวมตัวกันเป็นเกราะก่อนจะหยุดกระบี่พลังงานเอาไว้ ดวงตาของยู่เฉิงไห่ส่องเป็นประกาย “เจ้าและข้าล้วนถูกขายให้กับชาวลั่วหลาน…ในตอนนั้นข้าดูแลเจ้าไม่ต่างอะไรกับพี่น้อง หนำซ้ำข้ายังช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้! แต่เจ้าก็เลือกที่จะฆ่าเจียงไหล หนึ่งในพี่น้องของพวกเราไปเพียงเพื่อชื่อเสียงและทรัพย์สมบัติ! เจ้ายังฉวยโอกาสในตอนที่ข้าได้รับบาดเจ็บอีกด้วย! ข้าจะเผชิญหน้ากับพี่น้องผู้ล่วงลับได้ยังไงกันถ้าหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่?”
“ข้าน่ะเลือกทางเดินที่ถูกต้องแล้ว…คนทรงผู้ยิ่งใหญ่ชาวลั่วหลานได้สัญญาไว้กับข้า เขาบอกจะให้ข้าได้กลายเป็นจักรพรรดิ เจ้าน่ะพูดเสมอว่าไม่อยากถูกรังแกอีกต่อไป เจ้าต้องการที่จะเหยียบย่ำผู้ที่รังแกเจ้าอยู่เสมอ! ข้าในตอนนี้ทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการได้แล้ว! เจ้ายังไม่มีความสุขอีกอย่างงั้นเหรอ?” หลิวกู่ตอบกลับ
“ความสุขอย่างงั้นเหรอ? เจ้าจะได้บอกกับพี่น้องของข้าเองในตอนที่เจ้าได้ไปนรกแล้ว!”
“ข้าน่ะไม่คิดถึงเรื่องพี่น้องอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีชาววู่เฉียนอยู่ในโลกใบนี้อีก!”
พรึ๊บ!
ยู่เฉิงไห่ยังคงใช้สุดยอดวิชาของเขาต่อไป พลังแสงดาวสรวงสวรรค์แห่งความมืดได้ปิดทางหนีของหลิวกู่เอาไว้ กระบี่พลังงานขนาดใหญ่ได้พุ่งเข้าหาหลิวกู่อย่างรวดเร็ว
“พรแห่งอักษร!” หลิวกู่ได้โยนพู่กันพิพากษาออกมา ปลายพู่กันส่องแสงสีแดงก่อนจะปลดปล่อยพลังอักษรสีแดงออกมา พลังที่ดูคล้ายกับดอกไม้สีแดงได้ลอยอยู่ท่ามกลางพลังพลังแสงดาวสรวงสวรรค์แห่งความมืด
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ยู่เฉิงไห่ได้เรียกพลังอวตารออกมา พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบปรากฏตัวขึ้นในทันที
หลิวกู่ที่เห็นแบบนั้นทำสีหน้าเย้ยหยัน ตัวเขาได้เรียกพลังอวตารเช่นกัน พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ยกมือขึ้นก่อนจะคว้าพลังอวตารของยู่เฉิงไห่เอาไว้ ในเวลาเดียวกันกลีบดอกบัวทั้งแปดก็ได้หมุนล้อมรอบดาบพลังงาน
“หืม?” ยู่เฉิงไห่ไม่เคยต่อสู้รับมือกับผู้ที่ไร้ซึ่งดอกบัวทองคำมาก่อน และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงพบว่าสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องแปลก
ตู๊ม!
เมื่อกลีบดอกไม้ชนเข้ากับร่างอวตาร ยู่เฉิงไห่ก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ตัวเขาสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่มีผลต่อชีวิตได้ และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงคิดที่จะหลบการโจมตีนั้น
หลิวกู่พูดออกมาอย่างไม่ตื่นเต้นอะไร “ถ้าหากเจ้าได้ตายที่แม่น้ำเมฆาพิโรธ เจ้าจะไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้อีก เจ้าจะจมสู่ก้นบึ้งของแม่น้ำตลอดไป ข้าในตอนนี้ได้รับการคุ้มครองจากเวทมนตร์คาถา แม้ว่าจะไม่มีน้ำแต่ข้าก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพได้อยู่ดี เจ้าในตอนนี้จะไปสู้กับข้าได้ยังไงกัน?”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลิวกู่พูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็ไม่มีทางชนะข้าได้…ยู่เฉิงไห่ เปิดตาให้กว้างและมองดูพลังอวตารของข้าซะ!”
อวตารของยู่เฉิงไห่ดูสูงใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับพลังอวตารของหลิวกู่
กลีบดอกบัวทั้งแปดยังคงหมุนรอบร่างอวตาร มันหมุนเวียนอย่างอิสระ ในตอนนั้นเองกลีบดอกบัวกลีบใหม่ดูเหมือนกำลังผลิบาน
“แปดกลีบกับอีกครึ่งใบอย่างงั้นเหรอ?” ยู่เฉิงไห่ดูตื่นตกใจ
“เป็นเพราะข้ามีงานวิจัยของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่และสถานศึกษาผืนฟ้าจึงทำให้ข้ามีพลังอวตารแบบนี้ได้…ข้ารู้วิธีใช้ร่างอวตารนี้ต่อสู้ทุกอย่าง ข้าต้องฝึกฝนผลักดันตัวเองอย่างหนักกว่าที่จะมาถึงตรงนี้ได้!” หลิวกู่ยกมือขึ้นก่อนจะพูดต่อ “พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ…เจ้าคิดว่าทรงพลังไหมล่ะ?”
ยู่เฉิงไห่ไม่ลังเลใจ ตัวเขาได้หยิบเม็ดยาก่อนจะกลืนมันลงไป
หลิวกู่ตกตะลึงเล็กน้อย ตัวเขาได้แต่สงสัยว่ายู่เฉิงไห่กำลังทำอะไรอยู่
ยู่เฉิงไห่ได้พูดออกมาอย่างเย็นชา “พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบมันทรงพลังจริงๆ !” ยู่เฉิงไห่รีบเคลื่อนไหวก่อนจะหายวับไปจากหลิวกู่ ยู่เฉิงไห่ได้บินไปพร้อมกับร่างอวตารก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ในตอนนั้นเองร่างของยู่เฉิงไห่ก็ได้เปล่งประกายสีทองราวกับร่างของเขากำลังเปี่ยมไปด้วยไฟ
“เจ้าก็ยังคงป่าเถื่อนเหมือนเดิม! ข้าอยากที่จะรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะใช้ยาพลังปีศาจได้ยังไง!”
ซู่วว!
พลังอวตารทั้งสองได้เข้าชนกัน เสียงของการปะทะกันดังกึกก้องไปทั่วป่า นกและเหล่าสัตว์ร้ายต่างก็เลือกหนี ที่เหนือผิวน้ำเองถูกพัดพาไปด้วยลมแรง
ยู่เฉิงไห่ได้กินยาพลังปีศาจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นที่มาของความมั่นใจของเขาในวันนี้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ยู่เฉิงไห่ยอมใช้สุดยอดเคล็ดวิชาอย่างไม่หยุดพัก “กระบี่นิลโลหิต!”
กระบี่นิลโลหิตของยู่เฉิงไห่บินขึ้นไปหาอวตารของหลิวกู่ในมุมที่ลับตา
หลิวกู่ได้ปลดปล่อยพู่กันพิพากษาออกมาอีกครั้ง
อาวุธทั้งสองชิ้นเข้าปะทะกัน!
ตู๊ม!
หลิวกู่ลอยตัวลงมาในขณะที่ยู่เฉิงไห่ลอยขึ้นไป
ทั้งสองคนต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดเหนือแม่น้ำเมฆาพิโรธ
เมื่อต้องพบกับการโจมตีของผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่หลิวกู่ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบครึ่งเองก็ยังรู้สึกกดดัน
ตู๊ม!
ยู่เฉิงไห่ได้ใช้วิชาสืบสายราชันย์อีกครั้ง กระบี่พลังงานได้กระทบเข้ากับร่างอวตารของหลิวกู่
ในตอนนี้หลิวกู่ไม่สามารถทนได้อีก “พอ!” สิ้นสุดเสียงหลิวกู่ก็ฤได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดจากมือร่างอวตาร พลังอวตารของเขาคว้าพลังอวตารของยู่เฉิงไห่ไว้ได้
พู่กันพิพากษาเปล่งประกายแสงสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์!
“กวาดล้างกองทัพด้วยความรู้ สละปัญญา!”
พู่กันพิพากษาได้ขีดเขียนตัวอักษรทั้งสี่อย่างรวดเร็ว ตัวอักษรสีแดงทั้งสี่ได้หมุนไปรอบๆ ปลายอันเฉียบแหลมของพู่กัน ตัวอักษรทั้งหมดบินไปบนฝ่ามือของร่างอวตาร พลังอวตารได้คว้าตัวอักษรสละปัญญาไว้ก่อนจะปลดปล่อยมันออกมา
ยู่เฉิงไห่ลดพลังอวตารลงก่อนจะก้าวไปที่ด้านหน้าแทน ยู่เฉิงไห่พุ่งไปพร้อมกับกระบี่ประจำตัว!
พรึ๊บ!
พู่กันพิพากษาได้ฝังอยู่ที่หน้าอกของร่างอวตารยู่เฉิงไห่
กระบี่นิลโลหิตได้สร้างกระบี่พลังงานขนาดใหญ่ก่อนที่จะผ่าเข้าใส่หลิวกู่!
ตู๊ม!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกลงสู่พื้น ร่างอวตารของทั้งคู่สลายหายไปกับสายลม
ยู่เฉิงไห่ได้เช็ดเลือดออกจากริมฝีปาก หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้แตะไปที่จุดพลังลมปราณ ยู่เฉิงไห่กำลังเผาผลาญจุดพลังลมปราณนั่นเอง สิ้นสุดการแตะยู่เฉิงไห่ก็ได้ใช้พลังฝ่ามือใส่ไปที่พื้น ตัวเขาได้ลอยขึ้นมาอีกครั้ง ยู่เฉิงไห่ลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างภาคภูมิใจก่อนที่จะกางมือออกมา กระบี่นิลโลหิตได้หมุนกลับมาที่ฝ่ามือของเขาอีกครั้ง! ยู่เฉิงไห่ไม่ยอมปล่อยให้หลิวกู่ได้มีโอกาสได้พักหายใจ
“เจ้ากำลังพยายามจะลากข้าไปด้วยสินะ?” หลิวกู่กำลังสงสัยว่ายู่เฉิงไห่จะสละตัวเองเพื่อจะสังหารตัวเขา หลิวกู่จะไม่มีวันยอมทิ้งชีวิตเหมือนกับยู่เฉิงไห่
“ผิงอัน! มองมาที่ข้า! จงจดจำดวงตาข้า!” ยู่เฉิงไห่ยังคงใช้กระบี่พลังงานจู่โจมต่อไป
“ข้าจะไม่ตาย!” หลิวกู่กัดฟันด้วยความโกรธแค้นก่อนจะยกแขนขึ้น หลิวกู่ได้ใช้พู่กันพิพากษาโดยสัญชาตญาณ
ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากันก่อนที่จะร่วงหล่น
พู่กันได้แทงเข้าไปในหัวใจของยู่เฉิงไห่ ส่วนกระบี่นิลโลหิตก็ตัดเข้าไปในอวัยวะภายในของหลิวกู่เช่นกัน
ในเวลานั้นพลังงานทั้งหลายก็เริ่มสลายหายไป
ยู่เฉิงไห่ยังคงจับกระบี่นิลโลหิตเอาไว้แน่นก่อนจะผลักมันเข้าไปในร่างกายของหลิวกู่ หลิวกู่เองก็เช่นกัน เขายังคงผลักพู่กันให้ฝังในร่างกายของยู่เฉิงไห่มากขึ้น
เลือดของชาววู่เฉียนได้ไหลรินลงสู่แม่น้ำ แม่น้ำเมฆาพิโรธถูกย้อมเป็นสีแดง
ยู่เฉิงไห่ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดอะไรออกมา สีหน้าของเขามีเพียงรอยยิ้ม “เจ้าน่ะแพ้แล้ว”
“ข้า…ข้าไม่ได้แพ้ เจ้านั่นแหละที่แพ้!” ดวงตาของหลิวกู่ดูถูกเหยียดหยามยู่เฉิงไห่ แม้ว่าเขาจะต้องตายแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังมีอีกชีวิตอยู่ดี
ฉั๊วะ!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็แยกออกจากกันและกัน
ยู่เฉิงไห่มองไปที่แม่น้ำเมฆาพิโรธ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสีของเลือดจะสวยงามเช่นนี้ มันมีชีวิตชีวาราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ ในตอนนั้นเองผลจากยาพลังปีศาจก็เริ่มจะจางหายไป พลังลมปราณที่ยู่เฉิงไห่มีก็เริ่มจะจางหายไปเช่นกัน ยู่เฉิงไห่รู้สึกราวกับสติกำลังจะจางหายด้วย
“ข้าตายไปแล้วสองครั้ง…และข้าก็ได้ฝึกฝนใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาอีกกว่า 300 ปี ขีดจำกัดของข้าอยู่ใกล้แค่เอื้อม…ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ข้าก็เป็นผู้ชนะ” ยู่เฉิงไห่หัวเราะก่อนจะพูดต่อ “ในทางกลับกันเจ้าน่ะได้เสียชีวิตไปครั้งหนึ่งในตอนที่อยู่กับชาวลั่วหลาน และในตอนนี้เจ้าก็กำลังจะตายเป็นครั้งที่สอง เจ้าที่ฝึกฝนตัวเองมาแล้ว 300 ปีจะไปทำอะไรได้ เจ้าน่ะเหลือชีวิตเดียวแล้ว”
“เจ้า…” หลิวกู่เหลือบมองไปที่ยู่เฉิงไห่
“เจ้าน่ะศึกษาเรื่องพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมานานแล้ว…เจ้าไม่คิดว่าข้าจะไม่ได้ศึกษามันเลยอย่างงั้นสินะ? ดอกบัวทองคำเป็นสิ่งที่ดูดซับพลังชีวิต ถ้าหากไม่มีดอกบัวทองคำ เจ้าก็จะไม่สามารถยืดอายุขัยได้…ยังไงซะเจ้าก็ต้องตาย และเจ้าจะต้องตายเพื่อชดใช้ให้กับชาววู่เฉียน!”
“เจ้าต่างหากที่จะต้องชดใช้!” หลิวกู่ยืนอยู่บนแม่น้ำก่อนจะปลดปล่อยพลังงานออกมา
ยู่เฉิงไห่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาเลือกที่จะยิ้มให้เท่านั้น มันเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงความพึงพอใจนั่นเอง ยู่เฉิงไห่เหลือบมองไปที่เส้นขอบฟ้า เมื่อเทียบกับความทรงจำที่ผ่านมา ดูเหมือนความทรงจำที่ใช้ในภูเขาทองจะเป็นความทรงจำที่น่าจดจำที่สุดแล้ว
ทันใดนั้นเองตัวเขาก็ได้เห็นรถม้าล่องเมฆาที่ปลายขอบฟ้า…
“ท่านอาจารย์? นี่มันภาพหลอนอย่างงั้นเหรอ?” ว่ากันว่าเมื่อยามใกล้ตาย คนคนนั้นจะมองเห็นภาพที่ติดตราตรึงใจ “ข้าขอโทษด้วย ให้ข้าได้ชดใช้ในชาติหน้าเถอะ!”
ในตอนนั้นเองพลังฝ่ามือสีทองก็ได้ลอยออกจากรถม้าด้วยความเร็วสูง
พลังฝ่ามือไร้ความกลัว?!
หลิวกู่สัมผัสได้ถึงอันตราย ตัวเขาหยุดทุกอย่างก่อนจะหันหลังกลับไปมอง
ว่ากันว่าพลังฝ่ามือไร้ความกลัวสามารถขจัดปัดเปล่าความไม่สบายใจออกจากหัวใจของผู้คนได้
หลิวกู่รีบยกพู่กันพิพากษาขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง ในตอนนั้นเองตัวอักษรสีแดงก็ได้กลายเป็นม่านพลังขนาดใหญ่!
พลังฝ่ามือสีทองได้เข้าปะทะกับม่านพลัง!
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือทำให้หลิวกู่กระเด็นสู่พื้นผิวแม่น้ำ
ดวงตาของหลิวกู่เบิกกว้าง ตัวเขาทำได้เพียงเหลือบมองอย่างตื่นตกใจ “นี่มันพลังของผู้มีอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ?”
หลิวกู่ไม่รอช้าปลดปล่อยพลังลมปราณอันมหาศาลออกมา ตัวเขาในตอนนี้ทำได้เพียงพยายามต่อต้านพลังฝ่ามือไร้ความกลัว! แต่ไม่ว่าจะทำอะไรมากแค่ไหนพลังฝ่ามือก็ไม่ได้อ่อนกำลังลงเลย พลังฝ่ามือได้ผลักหลิวกู่ออกจากแม่น้ำก่อนจะทำให้ตัวเขาชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ภายในป่า
ตู๊ม!
สุดท้ายหลิวกู่ก็ชนเข้ากับหน้าผาใกล้ๆ แม่น้ำเมฆาพิโรธ
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 2,500”
บนรถม้าลอยฟ้า…
ดวงตาของเหล่าสาวกศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เบิกกว้างเมื่อมองไปยังยู่เฉิงไห่ที่เปียกโชกไปด้วยเลือด ในเวลานั้นทุกคนต่างก็พูดไม่ออก ศิษย์พี่ใหญ่ผู้แข็งแกร่งของทุกคนบัดนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่โจวกระโดดลงมาก่อนจะใช้พลังฝ่ามือในทันที
“เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งการดำรงอยู่ พลังที่จะทำให้มาเยือนทุกที่ที่ปรารถนา พลังที่จะก่อให้เกิดทุกสรรพสิ่ง”
ซูยู่ชูเองก็โยนอาวุธของนางออกมา “ข้าจะช่วยท่านเอง พี่ใหญ่!”
“แล้วข้าจะไปยืนเฉยได้ยังไงกัน?” เล้งลั่วเองก็ด้วย
“ข้าก็จะช่วยเช่นกัน” ฝานลี่เทียนได้โยนขวดน้ำเต้าทองออกมา
พลังอวตารไร้ดอกบัวของทั้งสามคนปรากฏขึ้น!
เมื่อเห็นยู่เฉิงไห่บาดเจ็บสาหัส ผู้อาวุโสทั้งสามคนก็เข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างดี ทุกคนรู้ดีว่าผู้เป็นปรมาจารย์ต้องการจะทำอะไร ทุกคนไม่ลังเลเลยว่าลู่โจวจะต้องปลดปล่อยพลังแห่งการรักษา
ด้วยการสนับสนุนจากพลังของเขตแดนจากซูยู่ชูจึงทำให้พลังอวตารของทุกคนขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น
ลู่โจวยังคงบังคับพลังฝ่ามือต่อไป ในที่สุดดอกบัวสีฟ้าก็เริ่มจะเบ่งบานบนฝ่ามือเขา ด้วยการสนับสนุนจากผู้อาวุโสทั้งสามจึงทำให้ภาพที่ทุกคนได้เห็นดูยิ่งใหญ่กว่าตอนที่หอยสังข์ได้รับการรักษา
ดอกบัวสีฟ้าค่อยๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า
ยู่เฉิงไห่เอามือขยี้ตา ในตอนที่สติของเขากำลังจะหายไป ในตอนนั้นหยดน้ำจากแม่น้ำเมฆาพิโรธก็ตกกระทบกับดวงตาเขา หยดน้ำเป็นประกายระยิบระยับ มันได้บดบังการมองเห็นของยู่เฉิงไห่ ดอกบัวสีฟ้าส่องแสงเจิดจ้าจนเกินไป ท้ายที่สุดสติของยู่เฉิงไห่ก็จางหายไป…