My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 586 จัดการพวกมันให้หมด
ลู่โจวเพ่งสายตาของตัวเองในขณะที่ใช้เคล็ดวิชาแห่งการรักษา
ดอกบัวสีฟ้ากำลังเบ่งบานอยู่บนร่างของยู่เฉิงไห่ แสงสีฟ้าได้ปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
ลู่โจวสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่หลุดรอดมาจากยู่เฉิงไห่ ตัวเขานึกถึงภาพที่ยู่เฉิงไห่เคยคุกเข่าอยู่ที่หน้าเชิงเขา ตัวเขาจำได้ว่ายู่เฉิงไห่ได้ฝึกฝนอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยวันแล้ววันเล่าอยู่ที่ใต้น้ำตก ในตอนที่ยู่เฉิงไห่ต้องการสำเร็จวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด ในตอนนั้นตัวเขายังจดจำได้ดีว่าศิษย์คนนี้ดีใจมากแค่ไหน ลู่โจวยังคงจำได้ดีว่ายู่เฉิงไห่เคยถูกทำโทษในยามที่ทำผิดพลาดเอาไว้แบบไหน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้น มันคุ้มค่าจริงๆ เหรอที่คนคนหนึ่งจะยอมทิ้งชีวิตเพื่อแลกกับการสังหารผิงอัน เพื่อแลกกับอำนาจสูงสุด?
ยู่เฉิงไห่ได้เสียชีวิตถึงสองครั้งแล้ว นั่นเท่ากับว่าตัวเขาได้สูญเสียอายุขัยไปกว่า 600 ปี ในตอนนี้ยู่เฉิงไห่ใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดเต็มที และเมื่อขีดจำกัดนั้นมาถึง ชีวิตของเขาก็จะมาถึงจุดจบ ยู่เฉิงไห่ยอมใช้พลังทั้งหมดก็เพื่อที่จะแลกชีวิตกับหลิวกู่ ทั้งหมดนั้นมันคุ้มค่าจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?
ลู่โจวได้แต่ใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง ‘สำหรับยู่เฉิงไห่ ไม่ว่ายังไงเจ้านั่นก็คงคิดว่าคุ้มค่าสินะ’
ลู่โจวยังคงใช้พลังแห่งการรักษาต่อไป
พลังอวตารของผู้อาวุโสทั้งสามได้ปลดปล่อยพลังที่เพิ่มมากขึ้น
เป็นเพราะเขตแดนพลังของซูยู่ชู เพราะแบบนั้นจึงทำให้ไม้เท้ามังกรขดปลดปล่อยพลังออกมาได้มากขึ้น
ดอกบัวสีฟ้ายังคงเบ่งบานรอบตัวของยู่เฉิงไห่…
บนแม่น้ำเมฆาพิโรธฝูงปลาใหญ่น้อยต่างก็กระโดดขึ้นมา พืชพรรณทั้งหลายต่างก็เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ดอกไม้กำลังเริ่มเบ่งบาน ต้นไม้ที่เคยถูกทำลายกำลังได้รับการฟื้นฟู
ลู่โจวกำหมัดแน่น ในที่สุดดอกบัวสีฟ้าก็หายไป! ตัวเขาได้ยกมือซ้ายขึ้นมาอีกครั้ง พลังฝ่ามือขนาดใหญ่ได้ยกร่างของยู่เฉิงไห่ขึ้นมา พลังฝ่ามือนั้นได้ยกร่างของยู่เฉิงไห่ไปยังรถม้าลอยฟ้า
ผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็เลิกใช้พลังอวตารอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ศิษย์พี่ใหญ่!” ต้วนมู่เฉิง จ้าวยู่ ยี่เทียนซิน ซู่ฮ่องกง หยวนเอ๋อ และหอยสังข์ต่างก็ร้องเรียกออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทุกๆ คนต่างก็ไม่สบายใจเมื่อได้เห็นสภาพร่างกายของยู่เฉิงไห่
ยู่เฉิงไห่ยังคงหลับตาสนิท ทุกคนไม่รู้เลยว่าผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่คนนี้เป็นหรือตายกันแน่ ที่หน้าอกของยู่เฉิงไห่มีเศษเสี้ยวของพลังชีวิตพลุ่งพล่านอยู่ แผลที่หน้าอกถูกปิดแล้ว ดอกบัวสีฟ้าของลู่โจวได้รักษาบาดแผลภายนอกไปแล้วนั่นเอง แต่ถึงแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็ยังคงหมดสติ สภาพของยู่เฉิงไห่ในตอนนี้ดูน่าเป็นห่วง ในที่สุดร่างของเขาก็มาถึงรถม้าลอยฟ้า
“ท่านอาจารย์ อาการของศิษย์พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้าง?” หยวนเอ๋อได้เงยหน้าถามไถ่ในทันที
ทุกๆ คนต่างก็เหลือบมองลู่โจวเพื่อรอคอยคำตอบเช่นกัน
“ไม่สู้ดี”
ซูยู่ชูที่ฟังแบบนั้นอุทานออกมาด้วยความตกใจ “แม้แต่พี่ใหญ่เองก็ยังช่วยเขาไม่ได้อย่างงั้นเหรอ? นี่มัน…”
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยากเกินกว่าที่จะยอมรับได้
ทุกคนต่างก็เคยเห็นพลังแห่งการรักษาจากลู่โจวมาก่อน แต่ถึงแม้จะเป็นวิชาแห่งการรักษาที่ดีแค่ไหน มันก็ไม่เพียงพอที่จะรับประกันว่าชีวิตของยู่เฉิงไห่จะปลอดภัย ถ้าหากพลังของลู่โจวยังช่วยไม่ได้ แน่นอนว่าพลังแห่งการรักษาจากที่อื่นๆ ก็คงจะไร้ความหมาย
ฝานลี่เทียนได้ถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา “สุดท้ายเขาก็ทำตามความปรารถนาได้…”
“ข้าคิดว่าไม่มีวิธีการรักษาแบบไหนที่จะช่วยเขาได้อีกแล้ว…คงเหลือแต่วิธีที่แปลกใหม่เท่านั้นที่จะรักษาชีวิตของเขาไว้ได้” เล้งลั่วพูด
“วิธีที่แปลกใหม่อย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าได้ยินมาว่าท่านเจ็ดได้ค้นพบอักษรโบราณที่มีความสามารถในการดูดซับพลังชีวิตในตอนที่สำนักแห่งความมืดเดินทางออกสำรวจ บางทีท่านเจ็ดอาจจะรู้อะไรก็ได้”
ทุกๆ คนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ทุกครั้งที่ชาววู่เฉียนต้องตาย พวกเขาจะต้องเสียอายุขัยไปกว่า 300 ปี ยู่เฉิงไห่ได้เสียชีวิตถึงสามครั้งแล้ว…คงจะมีเพียงการดูดซับพลังชีวิตเท่านั้นที่จะทำให้ใครสักคนหลุดรอดมาจากขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ได้…”
ลู่โจวยกมือขึ้น “พอได้แล้ว” ตัวเขาหันกลับมาอย่างเย็นชาก่อนจะเหลือบมองไปยังรอยฝ่ามือบนหน้าผาใกล้ๆ กับแม่น้ำเมฆาพิโรธ
“ต้วนมู่เฉิง”
“ท่านอาจารย์”
“ไปพาเจ้านั่นมาซะ”
“ท่านอาจารย์…ข้าเกรงว่าร่างของเขาจะแหลกเป็นเถ้าถ่านแล้ว ท่านอาจารย์ยังอยากจะตามหาหลิวกู่อีกอย่างงั้นเหรอ?” ซู่ฮ่องกงครุ่นคิดต่อไป หลังจากนั้นตัวเขาก็พยักหน้า “นี่มันก็สมเหตุสมผลแล้ว พวกเราควรจะทรมานเขาให้มากที่สุดก่อนที่เขาจะจากไป! ท่านอาจารย์ ข้าจะเป็นผู้ลงมือทรมานหลิวกู่เอง!”
“…”
บรรยากาศในตอนนี้หนักหน่วงเกินกว่าที่จะสบายใจได้ คำพูดของซู่ฮ่องกงได้ทำให้ทุกคนพูดไม่ออก
ต้วนมู่เฉิงเป็นคนแรกที่พูดขึ้น “เจ้าน้องโง่เง่า! นั่นน่ะไม่ใช่หลิวกู่ตัวจริง แท้จริงแล้วเจ้านั่นน่ะคือชาววู่เฉียน!”
ชาววู่เฉียนสามารถตายได้สามครั้งก่อนที่พวกเขาจะต้องตายจากไปจริงๆ
ลู่โจวไม่รู้ว่าหลิวกู่เคยตายมากี่ครั้งแล้ว ตัวเขาที่ไม่แน่ใจต้องการที่จะยืนยันเรื่องนี้
หลังจากที่ได้ฟังแบบนั้น ฝานลี่เทียนก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ข้าจะเป็นคนไปกับเจ้าเอง”
ต้วนมู่เฉิงรีบกระโดดลงจากรถม้าก่อนจะบินตรงไปทางหน้าผา
ฝานลี่เทียนเองก็ลอยตามไป
เมื่อทั้งสองไปถึงหน้าผา ทั้งคู่ก็เหลือบมองดูร่องรอยความเสียหายด้วยความตกใจ
ฝานลี่เทียนที่เห็นร่องรอยถึงกับกลืนน้ำลาย “นี่มันพลังฝ่ามือของท่านปรมาจารย์อย่างงั้นสินะ…”
แม้แต่ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบที่มีฝีมือทัดเทียมได้กับยู่เฉิงไห่ก็ยังไม่อาจต้านทานการโจมตีของลู่โจวได้แม้แต่เพียงครั้งเดียว พลังที่ผู้มีอวตารดอกบัวเก้ากลีบมีมันไม่มากเกินไปอย่างงั้นเหรอ?
“ข้าจะไปดูให้เห็นกับตา!” ต้วนมู่เฉิงเป็นผู้ที่กล้าหาญ ตัวเขารีบพุ่งตรงไปยังหลุมที่มีร่างของหลิวกู่นอนแน่นิ่ง ต้วนมู่เฉิงที่มาถึงใช้หอกราชันย์สัมผัสกับหลิวกู่ แม้ว่าจะสัมผัสแต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเห็นเช่นนั้นต้วนมู่เฉิงก็ได้ระเบิดพลังลมปราณใส่หลุม
ศพของหลิวกู่กระเด็นออกมา
ฝานลี่เทียนที่เห็นแบบนั้นพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ระวังเอาไว้จะดีกว่า ให้ข้าจัดการก็แล้วกัน” ฝานลี่เทียนกางฝ่ามือก่อนจะควบคุมพลังให้ยกร่างของหลิวกู่ขึ้น
“ยังมีของอีกอย่าง” ต้วนมู่เฉิงชี้ไปยังพู่กันสีแดงที่ตกอยู่ เมื่อเห็นของที่ถูกทิ้งไว้ตัวเขาก็รีบเก็บกลับมา
เมื่อเสร็จธุระแล้วทั้งคู่ก็บินกลับมายังรถม้าลอยฟ้า
เมื่อซู่ฮ่องกงมองเห็นฝานลี่เทียนนำศพกลับมา ตัวเขาก็รีบยืดเส้นยืดสายก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ให้ข้าจัดการทรมานซากศพของเจ้านั่นเอง!”
“…”
“ศิษย์น้องแปด เจ้าเลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!” ต้วนมู่เฉิงได้ตำหนิผู้เป็นศิษย์น้อง
เมื่อร่างของหลิวกู่ถูกวางลง ลู่โจวก็ศึกษาร่างกายในทันที จากประสบการณ์การใช้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตมา เป้าหมายที่ถูกโจมตีมักจะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่เสมอ แต่ถึงแบบนั้นซากศพของหลิวกู่กลับไม่สลายหายไป มันเป็นการตายที่น่าประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงแบบนั้นระบบก็ได้แจ้งเตือนแล้ว หลิวกู่ตายแล้วจริงๆ ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็กลัวการคืนชีพของหลิวกู่
“ท่านอาจารย์ ข้าพบของชิ้นนี้ตกอยู่ด้วย” ต้วนมู่เฉิงรีบส่งพู่กันพิพากษาให้กับลู่โจว
ลู่โจวชำเลืองมองดูพู่กันก่อนจะเก็บมันไป
“ติ้ง! ได้รับอาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด พู่กันพิพากษา ต้องขัดเกลาก่อนจะใช้งานได้อีกครั้ง”
อาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด! พู่กันสีแดง! ของสิ่งนี้ได้ย้ำเตือนลู่โจวให้นึกถึงโลงศพสีแดง ชุดเกราะสีแดง รวมไปถึงดาบแห่งความเงียบ อาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอดอีกชิ้น หรือว่าพู่กันที่เห็นจะเป็นของที่ยอดฝีมือผู้ลึกลับทิ้งเอาไว้?
“ท่านอาจารย์…สถานการณ์ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ยังคงไม่สงบลง พวกเราจะทำยังไงกันต่อ?” ต้วนมู่เฉิงถาม
“จับตาดูต่อไป!” ลู่โจวหันกลับไปมองทางเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ “มุ่งหน้าต่อไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ซะ!”
“ครับ!”
รถม้าล่องเมฆาได้มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในทันที
ซู่ฮ่องกงเดินไปด้านข้างหลิวกู่ก่อนจะพูดออกมาด้วยความชั่วร้าย “ข้าจะจับตาดูศพของเจ้านั่นให้เอง!”
“…”
…
ในขณะเดียวกัน
ณ จุดที่จุดสูงสุดของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนต่างก็เหลือบมองลงมา ที่พื้นเบื้องล่างเต็มไปด้วยสาวกสำนักอเวจีกว่าหลายหมื่นคน จนถึงตอนนี้เหล่าสาวกที่เห็นก็ลดลงไปมากแล้ว
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปทั้งสีวู่หยาและฮั๊วจงหยางต่างก็เงยหน้าขึ้น
แสงแดดได้ส่องมาที่ใบหน้าทุกคนก่อนจะเผาผลาญพื้นดิน
เลือดที่ไหลรินอยู่บนพื้นได้แข็งตัวเพราะความร้อนอย่างรวดเร็ว ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่เพียงเสียงแห่งการต่อสู้
ในตอนนั้นฮั๊วจงหยางก็เดินเซ
“ท่านเจ้าโถง!”
สาวกสำนักอเวจีสองคนรีบช่วยเหลือฮั๊วจงหยาง
สีวู่หยารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ตัวเขารีบใช้ว่ามือแตะไปที่ฮั๊วจงหยาง สีวู่หยาในตอนนี้กำลังส่งพลังลมปราณเพื่อการรักษานั่นเอง
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนต่างก็จ้องมองกันเอง
“นี่ก็สองชั่วโมงผ่านไปแล้ว พวกเราจะสามารถใช้เขตแดนพลังทั้งสิบได้อีกครั้งแล้วล่ะ…”
“การเปิดใช้งานเขตแดนพลังทั้งสิบอีกครั้งไม่ใช่ผลดีกับพวกเราแน่…สถานศึกษาของพวกเราทำหน้าที่ภักดีกับราชสำนักมาโดยตลอด เมื่อเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์และราชสำนักมีภัยร้ายเช่นนี้ พวกเราจะนิ่งเฉยกันต่อไปได้ยังไงกัน?”
“เจ้าพวกฝ่ายอธรรมทำให้โลกตกอยู่ในความวุ่นวาย พวกเราควรจะกำจัดเจ้าพวกนั้นให้หมดไป!”
“งั้นพวกเราก็แยกย้ายกันเถอะ ให้พวกเราสิบคนมุ่งหน้าไปยังใจกลางของเขตแดนพลังทั้งสิบ ส่วนอีกเก้าคนที่เหลือให้ไปช่วยเหลือการต่อสู้”
ไม่นานนักผู้อาวุโสทั้ง 19 คนก็ตกลงกันได้ ผู้อาวุโส 10 คนได้แยกตัวออกไปในขณะที่ผู้อาวุโสอีก 9 คนยังคงจับจ้องไปที่การต่อสู้
สามกลีบ สี่กลีบ ห้ากลีบ…
พลังอวตารที่หลากหลายขนาดได้บินมาจากทางทิศต่างๆ ของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์!
ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์กว่าหลายคนก็มุ่งหน้ามาพร้อมกับพลังอวตารทศภพเช่นกัน
“เจ้าพวกนั้นมาได้จังหวะจริงๆ”
ผู้อาวุโสทั้งเก้าคนต่างก็เหลือบมองผู้มาเยือนทั้งหลายด้วยความพึงพอใจ
“ในตอนที่ราชสำนักตกอยู่ในอันตราย มันก็ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องเคลื่อนไหว นี่เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดแล้วที่จะกวาดล้างพวกฝ่ายอธรรม!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งมองเห็นความลังเลของเหล่าผู้ฝึกยุทธจึงรีบพูดเสริม “ฝ่าบาทของพวกเราใกล้ที่จะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจนเต็มที! ใครก็แล้วแต่ที่ยอมช่วยเหลือราชสำนัก คนคนนั้นจะต้องได้รับรางวัลตอบแทนแบบไม่รู้จบแน่!”
พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ?
“กวาดล้างพวกอธรรม ฆ่าพวกสำนักอเวจี!”
“กวาดล้างพวกอธรรม ฆ่าพวกสำนักอเวจี!”
เมื่อมีใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น ใครอีกหลายคนก็เริ่มตะโกนตาม เสียงของชาวยุทธที่ตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกันไปถึงหูของทุกคนที่กำลังต่อสู้อยู่
สาวกจากสำนักอเวจีทั้งหลายต่างก็เสียขวัญ…
สีวู่หยาขมวดคิ้วอย่างหนัก ตัวเขาได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่ผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่จะกลับมา
ในตอนนั้นเองก็มีใครสองคนบินมาจากประตูทางตะวันตก
พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ลูกศรพลังงานที่มีขนาดหนาเท่าแขนถึงสองลูกกำลังลอยอยู่บนกลางอากาศ!
ฉั๊วะ! ฉั๊วะ!
ลูกศรพลังงานได้พุ่งเข้าใส่ผู้ฝึกยุทธระดับต่ำสองคน ลูกศรพวกนั้นได้เจาะไปที่กลางอกของเป้าหมายอย่างแม่นยำ
นี่มันยอดมือธนู!
“ใครกันที่กล้าต่อต้านพวกเราอีก?”
ทุกๆ คนต่างก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่แขกผู้มาเยือนคนใหม่เดินทางมา
ฮั๊วยู่จิงและฮั๊ววู่เด๋าเป็นแขกผู้มาเยือนคนใหม่นั่นเอง
ฮั๊วยู่จิงที่กำลังลอยตัวกำลังปลดปล่อยลูกศรพลังงานออกมาอย่างไม่ลดละ
สถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
ไม่มีใครที่กล้าพอจะเคลื่อนไหวต่อไป
“เป็นอย่างที่คิดเอาไว้สินะ นี่มันเป็นฝีมือของยอดมือธนูผู้มีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบ! ส่งผู้อาวุโสสามคนไปจัดการนางซะ! ส่วนคนที่เหลือไปจัดการกับสีวู่หยา ฮั๊วจงหยางได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว พวกเราจะต้องชนะแน่!”
ฮั๊วจงหยางในตอนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด ตัวเขาพยายามห้ามเลือดที่ไหลออกมา “ข้ามันช่างไร้ประโยชน์!”
“ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาโทษตัวเอง…พี่ฮั๊วจงหยาง ข้ามีอะไรบางอย่างอยากจะขอท่าน ท่านกล้าพอไหม?”
“จะให้ข้าทำอะไรกัน?” ฮั๊วจงหยางงุนงง
สีวู่หยาหยิบยาทั้งสองเม็ดออกมาจากกระเป๋า
“นี่มันยาเพิ่มพลังปีศาจ?!” ดวงตาของฮั๊วจงหยางเบิกกว้างก่อนจะเปล่งประกายแห่งความมุ่งมั่นออกมา “ย่อมได้!” ฮั๊วจงหยางรีบหยิบยาเพิ่มพลังปีศาจไปในทันที
สีวู่หยาที่เห็นแบบนั้นพยักหน้า “ดี!”
ณ ที่แห่งหนึ่งใกล้ๆ กับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ หวางเย่วเอามือกดบาดแผลของตัวเองก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่มีทางตายเพราะเรื่องเพียงแค่นี้แน่! ยู่เฉิงไห่ เจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่ได้จัดการข้า! ข้าจะต้อง…”
ตู๊ม!
หวางเย่วกระทืบเท้าลงบนพื้น เป็นเพราะแรงกระแทกจึงทำให้พื้นดินต้องสั่นสะเทือน ในตอนนั้นเองหวางเย่วได้บินตรงไปทางสีวู่หยาด้วยความเร็วสูงสุด ถึงแม้จะบาดเจ็บแต่ความเร็วที่หวางเย่วมีก็ยังถือว่ารวดเร็วอยู่ดี ยังไงซะหวางเย่วก็ไม่ใช่คนที่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบจะรับมือได้
สีวู่หยาที่เห็นรีบปล่อยพลังฝ่ามือออกมา
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
หวางเย่วชกหมัดที่มีไปทางสีวู่หยาเช่นกัน!
“ท่านเจ็ด!” ฮั๊วจงหยางรีบบินเข้ามาก่อนจะคว้าตัวสีวู่หยาเอาไว้
สีวู่หยาขมวดคิ้ว แขนที่ปะทะกับหวางเย่วด้านชา! สีวู่หยาโซเซกลับมาก่อนจะทรงตัวได้
เป็นเพราะการโจมตีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวของหวางเย่วช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้อาวุโสทั้ง 19 คน
ฮั๊วยู่จิงที่ยืนอยู่ไกลๆ รู้สึกกังวลกับสิ่งที่ได้เห็น
หวางเย่วเช็ดเลือดออกจากริมฝีปากก่อนจะพูดออกมา “ข้าจะต้องชดใช้สิ่งที่ยู่เฉิงไห่ทำไว้กับข้ากลับไปเป็นร้อยเท่าแน่! แม้ว่าข้าจะจัดการเจ้านั่นไม่ได้ แต่ข้าจัดการเจ้าได้! ใครกันที่จะหยุดข้าที่หน้าเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้!” หวางเย่วกู่ร้องก่อนจะกระทืบเท้าอีกครั้ง
“หวางเย่ว…เจ้ามันเจ้าเล่ห์จริงๆ” สาวกหลายคนรู้ตัวแล้วว่าหวางเย่วกำลังปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้ ชายคนนี้กำลังรอเวลาที่เหมาะสมมากพอที่จะลงมือ
“ท่านเจ็ด ได้โปรดถอยออกไปก่อน! ข้าจะจัดการกับเจ้านั่นเอง!” ฮั๊วจงหยางได้ผลักสีวู่หยาออกไป ในตอนที่ฮั๊วจงหยางกำลังจะกลืนยาเม็ดเพิ่มพลังปีศาจ ในตอนนั้นก็มีใครบางคนบินเข้ามาใกล้ซะก่อน
ทุกๆ คนต่างก็เหลือบมองขึ้นมา
“นั่นมันอะไรกัน?”
ฮั๊วจงหยางที่เงยหน้าขึ้นมามองเห็นร่างของใครคนนั้นได้ในทันที ร่างของใครคนนั้นไม่มีแม้แต่พลังลมปราณ
หวางเย่วเองก็สัมผัสได้เช่นกัน “สารเลว! ใครกันที่กล้ามาขัดขวางข้า!” หวางเย่วรีบใช้พลังฝ่ามือซัดเข้าใส่
ตู๊ม!
ใครคนนั้นถูกพลังฝ่ามือก่อนจะกระแทกลงบนพื้น
ทุกๆ คนที่เห็นร่างของใครคนนั้นต่างก็ต้องตื่นตกใจ
แม้แต่หวางเย่วเองก็ต้องตื่นตกใจ…
ร่างของใครคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น มันไม่ใช่ร่างของสาวกจากสำนักอเวจีหรือแม้แต่พันธมิตรสำนักฝ่ายอธรรม…ร่างที่ได้เห็นก็คือหลิวกู่ จักรพรรดิปัจจุบันของดินแดนหยานนั่นเอง! หวางเย่วเบิกตากว้างก่อนจะอุทานออกมา “ฝ่าบาทอย่างงั้นเหรอ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสทั้ง 19 คนต่างก็เปลี่ยนแปลงไป
สิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คือร่างขององค์จักรพรรดิ
ยู่เฉิงไห่ชนะ? แล้วยู่เฉิงไห่อยู่ที่ไหนกัน?
ทุกๆ คนต่างก็เหลือบมองท้องฟ้าอีกครั้ง
สิ่งที่ทุกคนได้เห็นไม่ใช่ยู่เฉิงไห่ สิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คือรถม้าลอยฟ้า…มันคือรถม้าล่องเมฆาของศาลาปีศาจลอยฟ้า!
หลังจากนั้นไม่นานเสียงอันหนักแน่นและแหบห้าวก็ได้ดังขึ้น “จัดการพวกมันให้หมด!”