My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 595 ขิมเก้าสาย
ลู่โจวหันไปมองไทเฮาก่อนที่จะถามต่อ “แล้วผู้ชี้แนะคนนั้นสนใจในดนตรีด้วยอย่างงั้นเหรอ?”
ไทเฮาถอนหายใจก่อนจะตอบกลับมา “ผู้ชี้แนะคนนั้นรู้จักศิลปะถึงสี่แขนง เขามักจะเล่นขิมเป็นครั้งคราว แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่เคยเห็นเขาใช้ขิมตัวนี้มาก่อน นี่ถือเป็ฯผลงานศิลปะที่สวยงามเกินกว่าจะใช้งาน หรือว่าบางทีมันอาจจะเป็นเครื่องประดับอะไรบางอย่างกัน?”
ลู่โจวส่ายหัว “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”
ทุกๆ คนต่างก็คิดว่าของชิ้นนี้เป็นแค่ของตกแต่ง แต่สำหรับลู่โจวที่มีประสบการณ์และความรู้ ตัวเขารู้ได้ทันทีว่าขิมตัวนี้สามารถควบคุมได้ด้วยพลังลมปราณ
การแจ้งเตือนของระบบถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี
ทุกๆ คนยังเฝ้ามองลู่โจวต่อไป
ลู่โจวได้ปล่อยขิมเก้าสาย ขิมตัวนั้นได้ลอยอยู่ที่ตรงหน้าเขา หลังจากนั้นลู่โจวก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา…
ซู่วว!
ขิมเก้าสายได้ส่องแสงสีทองก่อนจะชยายใหญ่มากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นพลังงานทั้งหลายก็ปรากฏขึ้นก่อนที่จะผสานเข้ากับขิมเก้าสาย
สายแต่ละเส้นที่อยู่ระหว่างนิ้วของลู่โจวก่อให้เกิดพลังขึ้น
ทุกคนต่างก็เหลือบมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ฝานลี่เทียนเป็นคนแรกที่เริ่มต้นพูด “มีคนเคยว่าไว้ การจะใช้วิชาคลื่นเสียงได้จะต้องอาศัยทั้งทักษะและความรู้อันมหาศาล ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้วิธีที่ป่าเถื่อนโดยการใช้กำลังแทน ยอดฝีมือผู้ใช้คลื่นเสียงที่แท้จริงจะใช้วิธีที่นุ่มนวลกว่า ยอดฝีมือเหล่านั้นจะใช้คลื่นเสียงสะกดจิตใจจนส่งผลต่อเจตจำนงต่อผู้อื่นได้ ท่วงทำนองที่ชายหนุ่มชอบใช้มักจะเป็นท่วงทำนองที่รวดเร็ว ดุร้ายราวกับเสียงฟ้าร้อง ส่วนท่วงทำนองที่หญิงสาวใช้มักจะอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความสวยงาม มันเป็นเหมือนกับสายน้ำที่ไหลริน…”
“แต่น่าเสียดาย ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่มักจะฝึกฝนการใช้ท่วงทำนองกันไปตามกระแส ท้ายที่สุดแล้วเสียงดนตรีก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นอาวุธทำลายล้าง น่าเสียดาย น่าเสียดาย”
“เล้งลั่ว จะมีสักวันไหมที่เจ้าจะไม่ขัดข้า”
“ข้าก็แค่แสดงความคิดเห็นก็เท่านั้น”
ถ้าหากเป็นครอบครัวทั่วๆ ไป คงจะไม่มีครอบครัวไหนพยายามดิ้นรนค้นหาทรัพย์สินเงินตราก็เพื่อที่จะให้คนในครอบครัวได้เรียนรู้ศิลปะอันสวยงาม ถ้าหากวางมีดและขิมต่อหน้าเด็กจากครอบครัวธรรมดา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กคนนั้นจะเลือกมีดโดยไม่ลังเล
ฝานลี่เทียนถามกลับมา “แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องของหอยสังข์ว่ายังไงกันล่ะ?”
เล้งลั่วเหลือบมองไปที่สาวน้อยที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เล้งลั่วที่เห็นนางส่ายหัว “สาวน้อยคนนี้เป็นคนพิเศษ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนมุมมองที่ข้ามีได้หรอก”
“…”
‘ยิ่งแก่ก็ยิ่งดื้อด้านจริงๆ’
ลู่โจวไม่คิดที่จะสนใจการสนทนาของทั้งสองคน ตัวเขาเลือกที่จะขยับนิ้วแทน
เสียงด้องกังวานดังไปทั่วคลังสมบัติ
ลู่โจวไม่เคยเรียนรู้วิธีการใช้ขิมมาก่อนเลย ตัวเขาที่มาต่างโลกจะไปเรียนรู้วิธีการเล่นขิมได้ยังไงกัน?
“วิเศษมาก! นี่ถือเป็นการเล่นขิมอันสุดยอด ท่านปรมาจารย์!” ฝานซงปรบมือชมเชย
ทุกคนหันไปมองฝานซงในทันที
ฝานซงหยุดปรบมือก่อนที่จะพึมพำเบาๆ “มัน…เอ่อ…ดีจริงๆ …”
โจวจี้เฟิงมองไปที่ฝานซงอย่างดูแคลน ‘พี่ฝานประจบประแจงเก่งจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังห่างกับท่านแปดอยู่ดี…แต่เดี๋ยวนะ ท่านแปดอยู่ที่ไหนกัน ทำไมเขาถึงได้พลาดโอกาสแบบนี้ได้?’
แม้ว่าเสียงของขิมจะดังขึ้น แต่ถึงแบบนั้นทุกคนก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะฟังมัน
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ส่ายหัว “แม้ว่าข้าจะรู้วิธีควบคุมพลังลมปราณผ่านท่วงทำนองเพลงก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่เคยฝึกฝนมันมาก่อน ขิมเก้าสายตัวนี้มีความพิเศษมากกว่าที่เห็นแน่”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหยวนเอ๋อก็ได้เสนอความคิดเห็น “ท่านอาจารย์ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นทำไมท่านไม่ลองให้หอยสังข์ได้ลองเล่นดูล่ะ?”
ในตอนที่ขิมเก้าสายปรากฏขึ้น ในตอนนั้นหอยสังข์ก็ตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อมาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยคนนี้ชื่นชอบขิม ลู่โจวเองก็เกือบจะลืมสาวกคนนี้ไป ในบรรดาสาวกทั้งหมดมีเพียงหอยสังข์เพียงคนเดียวที่ควบคุมพลังลมปราณผ่านท่วงทำนองได้
ลู่โจวได้ถอนพลังกลับมา ท้ายที่สุดแล้วขิมเก้าสายก็เปลี่ยนรูปลักษณ์กลับไปเป็นแบบเดิม ตัวเขาได้โบกแขนเสื้อก่อนที่ขิมตัวนั้นจะลอยไปหาหอยสังข์
หอยสังข์รู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด นางหยิบขิมเก้าสายขึ้นมาก่อนที่จะวางลงบนมือ
ไทเฮาและหลี่หยุนเฉาได้หันไปมองหอยสังข์อย่างพร้อมเพรียงกัน
“แล้วสาวน้อยคนนี้เป็นใครกัน?”
“นางเป็นศิษย์คนล่าสุดของข้าเอง นางมีชื่อว่าหอยสังข์” ลู่โจวตอบกลับมา
หลี่หยุนเฉาที่ได้ฟังแบบนั้นกล่าวชมเชย “ในบรรดาศิษย์สาวกที่ท่านปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ายอมรับมักจะเป็นคนที่พิเศษอยู่เสมอ” หลี่หยุนเฉาเองก็สัมผัสได้ถึงพลังวรยุทธและการไหลเวียนของพลังลมปราณที่หอยสังข์มีได้ ตัวเขาไม่เคยคิดที่จะดูถูกสาวน้อยคนนี้เลย
“ตั้งสติให้มั่น” ลู่โจวพูด
“ค่ะ” หอยสังข์ทำตามที่บอก นางวางมือเล็กๆ ลงบนขิมเก้าสายที่อยู่ตรงหน้า
ลู่โจวไม่จำเป็นเที่จะต้องสอนอะไรนางเลย หอยสังข์รู้ดีว่าจะต้องทำอะไร
หอยสังข์รวบรวมพลังลมปราณ พลังของนางได้ล้อมรอบขิมเก้าสายเอาไว้ พลังที่เห็นมีสีแดงชัดเจน
ขิมเก้าสายได้ปรับขนาดให้เท่ากับหอยสังข์
“พลัง…สีแดงอย่างงั้นเหรอ?!” หลี่หยุนเฉาตกใจ
ลู่โจวรู้ดีว่าพลังสีแดงของหอยสังข์จะทำให้ทุกคนตกใจ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร…
ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสทั้งสี่แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าและสาวกทุกคนต่างก็เหลือบมองหอยสังข์อย่างสับสน
พลังสีแดง? นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
เมื่อเห็นท่าทีของทุกคน ลู่โจวก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ไม่มีอะไรที่ต้องแปลกใจทั้งนั้น”
ผู้อาวุโสทั้งสี่เข้าใจในทันทีว่าลู่โจวต้องการอะไร ลู่โจวเองก็ยังสามารถใช้พลังสีฟ้าและพลังสีทองได้ เพราะแบบคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ลูกนอกสมรสจะสามารถปล่อยพลังสีแดงได้?
สายตาของทุกคนเฝ้าทองนิ้วของหอยสังข์ที่กำลังอยู่บนสายของขิม
ในที่สุดขิมก็เริ่มส่งเสียง นิ้วเล็กๆ ของนางได้สร้างท่วงทำนองที่ไพเราะออกมา
แม้ว่าลู่โจวจะไม่เคยฝึกเล่นขิม แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็รู้ดีว่าขิมส่วนใหญ่มีเพียงเจ็ดเส้นเท่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตกใจที่ขิมเก้าสายจะสามารถสร้างเสียงดนตรีขึ้นมาได้ ลู่โจวในตอนนี้มองหอยสังข์อย่างตกตะลึง ภายในใจของเขากำลังเชื่อมโยงเรื่องทุกอย่างต่อไป บางทีหอยสังข์เองก็อาจจะมาจากที่ที่ผู้ชี้แนะคนนั้นจากมาก็เป็นได้!
ไม่นานนักโน้ตเสียงที่เกิดจากพลังของหอยสังข์ก็ได้ลอยไปทั่ว มันลอยไปตามสายลมที่พัดผ่าน
“แบบนี้ต้องแย่แน่!” หลี่หยุนเฉารีบเตรียมตัวปกป้องไทเฮา
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
โน้ตเสียงได้เปลี่ยนกลายเป็นใบมีดก่อนที่จะพุ่งกระจายออกไป
ในตอนนี้เสียงท่วงทำนองรวดเร็วราวกับพายุคลั่ง
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ลู่โจวเองก็ใช้พลังลมปราณเพื่อป้องกันการโจมตี
ในทำนองเดียวกันสาวกทั้งหมดต่างก็ป้องกันตัวเช่นกัน
หลังจากจบการแสดง ทั่วทั้งคลังสมบัติก็มีสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป
ในตอนที่หอยสังข์ปล่อยมือออกมา สาวน้อยคนนี้ก็ได้กำหมัดแน่น
เสียงดนตรีที่ดังจบลงแล้ว
พลังสีแดงที่ล้อมรอบขิมเก้าสายเองก็จางหาย ขิมเก้าสายได้ย่อขนาดก่อนที่จะหล่นลงมือของหอยสังข์
หอยสังข์ที่เห็นสภาพรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปรู้สึกผิด “ท่านอาจารย์…ข้า ข้า ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น…”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนจะตอบกลับ “เจ้าเพิ่งจะฝึกฝนตัวเองจนถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ในการใช้ท่วงทำนองก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ยังต้องเรียนรู้วิธีการควบคุมพลังลมปราณด้วยเสียงให้มากกว่านี้”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว ศิษย์จะตั้งใจฝึกฝนตัวเองให้มากขึ้น
ลู่โจวยกมือขึ้นมา ในตอนนั้นพลังของเขาก็ได้ล้อมรอบขิมเก้าสายเอาไว้ ท้ายที่สุดแล้วขิมก็ลอยกลับไปหาลู่โจว
หอยสังได้แต่เหลือบมองขิมที่จากไปด้วยความอาลัย
“ขิมเก้าสายเป็นสิ่งที่ผู้ชี้แนะคนนั้นทิ้งเอาไว้…เพราะแบบนั้นข้าจะเก็บมันเอาไว้ก่อน”
หอยสังข์พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี
เมื่อหยวนเอ๋อเห็นว่าหอยสังข์กำลังหดหู่ใจ ในตอนนั้นนางจึงรีบกระซิบข้างหูของหอยสังข์อย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกังวลไปศิษย์น้องเล็ก ไม่มีใครในศาลาปีศาจลอยฟ้าใช้ท่วงทำนองเหมือนกับเจ้า มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะสมกับขิมนั่น ยังไงซะมันจะต้องตกเป็นของเจ้าแน่….”
หอยสังข์คิดว่าคำพูดของหยวนเอ๋อมีเหตุผล เมื่อได้ยินแบบนั้นนางก็รู้สึกดีมากขึ้น “ขอบคุณค่ะศิษย์พี่เก้า”
“…”
ทุกคนได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยทั้งสองคน
ไทเฮาได้เหลือบดูกล่องที่อยู่บนพื้นก่อนที่จะถอนหายใจ “เท่านี้ภารกิจของข้าก็เสร็จสิ้นแล้ว…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปภารกิจทั้งหมดก็จะถูกส่งต่อไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า”
“ภารกิจ? ภารกิจปกป้องความสงบสุขของโลกใบนี้อย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวคิดว่าสิ่งที่ไทเฮาพูดช่างน่าขัน แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังทำเป็นนิ่งเฉยเช่นเคย
“ข้าก็เป็นแค่ผู้ออกความคิดเห็น ยังไงซะมันก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้วล่ะ”
พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะนำพาหายนะ ถ้าหากลู่โจวทำตามสิ่งที่ไทเฮาแนะนำ นั่นก็เท่ากับว่าตัวเขาจะต้องทำลายพลังวรยุทธให้ถดถอยลง ที่สำคัญไปกว่านั้นตัวเขาในตอนนี้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบเพียงเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ได้ตอบกลับไป “ในเมื่อกระแสน้ำได้ไหลเชี่ยว แล้วจะต้องทำยังไงเพื่อหยุดกระแสน้ำนั่นล่ะ?”