My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 599 น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่จีเทียนเด๋า
หูของลู่โจวขยับอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ในพระราชวังที่เงียบสงบแบบนี้จึงทำให้ลู่โจวทำสมาธิได้ง่ายยิ่งขึ้น
ตัวเขาลืมตาตื่นก่อนจะเหลือบมองดูท้องฟ้าด้านนอกที่พัก
ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น ใครคนนั้นเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและว่องไวในขณะที่แอบลักลอบเข้ามายังพระราชวัง ชายคนนั้นลัดเลาะไปตามทางเดิน ใช้จมูกสูดกลิ่นราวกับสุนัข ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะมีความสามารถในการดมกลิ่น เมื่อใดก็ตามที่ชายคนนั้นหยุด พลังจางๆ ที่อยู่รอบจมูกที่เคยไหลเวียนเริ่มที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานั้นเองมีทหารราชสำนักหลายคนกำลังเฝ้ายามเดินลาดตระเวน
บุคคลปริศนาจึงรีบมายังห้องก่อนที่จะซ่อนตัวอยู่หลังม่าน อีกครั้งที่มีพลังงานจางๆ ที่หมุนเวียนอยู่รอบปลายจมูก ท้ายที่สุดแล้วพลังนั่นก็ได้จางหายไป เมื่อจมูกของชายคนนั้นขยับหลายรอบก่อนที่ชายคนนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้น “นั่นใครกัน?”
บุคคลลึกลับหันไปทั่วห้องก่อนที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สิ่งที่เขาเห็นก็คือชายชราที่กำลังนั่งอยู่บนเบาะอย่างสง่างาม ชายชราคนนั้นเหลือบมองมาที่เขาอย่างไร้ความเกรงกลัว
“เจ้ากำลังมองอะไรอยู่กัน?”
หัวใจของชายคนนั้นเต้นรัว ตัวเขาเหลือบมองดูชายชราอย่างไม่คาดสายตาก่อนที่จะใช้จมูกอีกครั้ง “นี่มัน…พลังอวตารดอกบัวห้ากลีบ?”
ลู่โจวตกตะลึง “เจ้ารู้ได้เลยสินะว่าข้าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบ”
ชายปริศนาที่ถูกถามตกใจเล็กน้อย “หะ? เจ้ารู้เรื่องพวกเราอย่างงั้นเหรอ?”
“ในตอนที่ยังเป็นหนุ่มข้าเคยไปที่หรงเป่ยมาก่อน ตอนนั้นเผ่าเนตรลึกลับยังไม่ได้โดดเด่นอะไร อะไรกันที่ทำให้เจ้ากล้าแทรกซึมมาที่ดินแดนหยาน?” ลู่โจวได้พูดอย่างเป็นกันเองราวกับว่าตัวเขากำลังพูดถึงเรื่องสภาพอากาศอยู่
ชายคนนั้นหัวเราะก่อนจะตอบกลับมา “แล้วทำไมข้าจะมาไม่ได้ล่ะ?”
มณฑลทั้งเก้าของดินแดนหยานตกอยู่ในความวุ่นวาย เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เองก็ได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ ทหารจากราชสำนักเองก็เสียหาย สถานศึกษาทั้งสองก็ถูกสำนักอเวจีโจมตี อันที่จริงช่วงเวลาในตอนนี้ก็คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะแทรกซึมดินแดนหยาน
ลู่โจวเองก็คาดคิดไว้แล้วว่าชนเผ่าอื่นจะต้องรวมตัวกันก็เพื่อที่จะบุกดินแดนหยาน แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าชนเผ่าอื่นจะกล้าบุกมาถึงพระราชวัง ไม่น่าแปลกใจเลยที่มณฑลเหลียงจะไม่สงบสุข
ลู่โจวถามออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วเจ้ากำลังตามหาอะไรกันล่ะ?”
“อย่าได้ถามในสิ่งที่ไม่ควรถามเลย” ชายคนนั้นเตรียมพร้อมที่จะโจมตีในทุกเมื่อ
“กล่องอย่างงั้นสินะ?” ลู่โจวยังพยายามหลอกล่อชายคนนั้นต่อไป
“เจ้ารู้ได้ยังไงกัน?”
“กล่องที่ยอดฝีมือผู้ลึกลับคนนั้นทิ้งไว้?”
ชายคนนั้นดวงตาเบิกกว้างในขณะที่เหลือบมองลู่โจว “ถ้าเจ้ายอมบอกว่ามันอยู่ที่ไหน ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า” เป็นธรรมดาที่ชายผู้ลึกลับคนนี้จะไม่รู้จักความน่ากลัวของลู่โจว
ด้วยความแข็งแกร่งที่ลู่โจวมีในตอนนี้ การที่ตัวเขาจะลงมือจัดการกับชนเผ่าอื่นไม่ใช่เรื่องยากอะไร ผู้บุกรุกเหล่านี้เต็มใจที่จะลักลอบเข้ามาในพระราชวัง เพราะแบบนั้นพวกเขาคงต้องเต็มใจยอมที่จะสละได้แม้แต่กระทั่งชีวิตแน่
“ถ้าหากเจ้าบอกเป้าหมายมา ข้าก็จะยอมบอกเจ้า” ท่าทีของลู่โจวยังคงดูสงบนิ่ง
ชายคนนั้นหันกลับมามองออกไปทางนอกหน้าต่าง
ในตอนนี้ก็อยู่ในช่วงกลางดึกแล้ว
พระราชวังหลวงนั้นใหญ่เกินไป การจะตามหากล่องเพียงแค่กล่องเดียวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ชายคนนั้นได้คิดตามสิ่งที่ลู่โจวพูดก่อนที่จะตอบกลับมา “พวกเราต้องการของบางอย่างที่อยู่ในนั้น…มันคืออะไรพวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน พวกเรามาที่นี่ก็เพราะทำตามคำสั่งเท่านั้น”
“คำสั่งของใครกัน?”
ในตอนนั้นเองชายผู้ลึกลับก็คิดขึ้นได้ “เจ้ากำลังพยายามรีดข้อมูลจากข้าอย่างงั้นสินะ?”
“ถ้าหากต้องการกล่องก็จงตอบข้ามา…”
“ก็ได้ ผู้ที่สั่งข้ามาก็คือแม่ทัพคาร์รอล”
“คาร์รอลเป็นเพียงแม่ทัพของพันธมิตรลั่วหลานและรั่วหรี่ เจ้าเป็นชนเผ่าเนตรลึกลับ…ทำไมเจ้าถึงต้องฟังคำสั่งเขาด้วย?”
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่โจว ชายคนนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา ตัวเขาพูดตอบกลับมาด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น “มันแปลกตรงไหนถ้าหากหรงซีและหรงเป่ยจะเป็นพันธมิตรด้วย?”
เมื่อลู่โจวได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็ได้ลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้า “ในตอนนี้พระราชวังหลวงถูกศาลาปีศาจลอยฟ้าพิชิตแล้ว เจ้ากล้าจริงๆ ที่บุกมาถึงที่นี่”
“นอกเหนือไปจากจีเทียนเด๋าแล้ว คนอื่นๆ ก็คงมีแต่พวกบาดเจ็บหรือไม่ก็พวกแก่ชรา ไม่มีอะไรที่พวกเราจะต้องกลัวหรอกนะ” ชายผู้บุกรุกตอบ
“เจ้าได้สืบเรื่องของศาลาปีศาจลอยฟ้ามาแล้วอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวรู้สึกสงสัยมากขึ้น ชายคนนี้รู้ได้ยังไงว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าเต็มไปด้วยชายชราและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เรื่องมันง่ายนิดเดียว…ข้าจะยอมบอกความจริงกับเจ้าก็ได้ พวกเราน่ะมีดวงตาที่คอยจับจ้องทั้งในและนอกเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์”
ลู่โจวพูดไม่ออก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่ดินแดนทั้งหลายจะส่งสายลับไปยังดินแดนศัตรู แต่การที่จะส่งสายลับไปแฝงตัวเป็นจำนวนมากได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ดีมาก” ลู่โจวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
การเคลื่อนไหวของเขาได้ทำให้ชายผู้บุกรุกตกใจ ชายคนนั้นได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแหบพร่า “อย่าขยับ!”
“หืม?”
“ตาแก่ กล่องที่ว่าอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่ข้า…”
เมื่อชายผู้บุกรุกได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความยินดี “เยี่ยมมาก เอาล่ะส่งกล่องมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“เจ้า? เจ้าน่ะเหรอจะไว้ชีวิตข้า?”
“หรือว่าเจ้าจะปฏิเสธความหวังดีนี้กันล่ะ?” อันที่จริงชายผู้บุกรุกไม่เคยคิดที่จะรักษาคำพูดเลย หลังจากที่ตอบคำถามมานับไม่ถ้วนตัวเขาก็ตัดสินใจที่จะฆ่าลู่โจวมานานแล้ว ชายผู้บุกรุกกระทืบเท้าก่อนที่จะชักดาบอย่างรวดเร็ว! เขาจะต้องเก็บกวาดศัตรูให้เร็วที่สุด มันเป็นการป้องกันเรื่องวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง
ลู่โจวยกฝ่ามือขึ้นก่อนที่จะผลักมันไปด้านหน้า พลังฝ่ามือไร้ความกลัวได้ส่องแสงสีทองเจิดจ้าท่ามกลางห้องที่มืดมิด ถ้าหากมองดูให้ดีพลังฝ่ามือจะมีพลังสีฟ้าจางๆ ล้อมรอบเอาไว้ พลังแสงสีฟ้ามันยิ่งทำให้ดูสะดุดตามากขึ้นเมื่อใช้ในความมืด
ชายผู้บุกรุกไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงได้ทัน
ตู๊ม!
พลังฝ่ามืออันยิ่งใหญ่ได้พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของชายผู้บุกรุก ชายคนนั้นกระเด็นถอยกลับไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตู๊ม!
ด้วยพลังฝ่ามือจึงทำให้ผลักร่างของชายผู้ลึกลับให้ออกจากประตูไปได้ ชายคนนั้นกลิ้งตกบันไดด้านนอก อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ชายคนนั้นส่งเสียงคำรามไปด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“ช่างแข็งแกร่งอะไรแบบนี้!” ชายผู้บุกรุกเอามือแตะไปที่หน้าอกในขณะที่พยายามจะลุกขึ้นมา ชายคนนั้นที่ลุกได้รีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเจ้าจะหนีไปได้ไกลแค่ไหน!”
ลู่โจวบินตามไป ตัวเขาได้เรียกพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบออกมาด้วย!
ซู่วว!
พลังอวตารสีทองได้ส่องประกายไปทั่วตำหนักต้าเฉิงและลานกว้าง
ทหารราชสำนักทั้งหลายต่างก็ตื่นตัวเพราะแสงจากร่างอวตาร
ลู่โจวบินตามไปด้วยความเร็วสูง ตัวเขาเหลือบมองลงมาก่อนที่จะเห็นชาวเนตรลึกลับที่กำลังบินต่ำ เมื่อเห็นแบบนั้นลู่โจวก็รีบปล่อยพลังฝ่ามือออกมาอีกครั้ง
สีหน้าอันหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชาวเนตรลึกลับ ในตอนนั้นเองชาวเนตรลึกลับก็ได้เรียกพลังอวตารที่มีออกมา
มันคือพลังอวตารราชันย์เสือดาวหกกลีบ!
“อย่างงี้นี่เอง”
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือได้เข้าปะทะกับร่างอวตารราชันย์เสือดาวหกกลีบ
ในตอนนั้นเองบุคคลลึกลับจำนวนหนึ่งก็ได้พุ่งขึ้นมาบนฟ้า
สาวกของลู่โจวเองก็รู้ตัวเพราะความวุ่นวายเช่นกัน
ชาวเผ่าเนตรลึกลับยังคงบินต่ำในขณะที่หลบหนี ตัวเขาหันหลังกลับมาก่อนจะพูดขึ้น “น่าเสียดายจริงๆ ที่เจ้าไม่ใช่จีเทียนเด๋า! เจ้าน่ะจับข้าไม่ได้หรอก!”
ไม่ทันที่เสียงของชาวเผ่าเนตรลึกลับจะจางหายไป ลู่โจวก็ได้ยกมือขึ้นก่อนที่จะใช้การ์ดกรงผนึกกักขัง การ์ดใบนี้สามารถกักขังเป้าหมายได้โดยมีอัตราสำเร็จ 30%
เมื่อการ์ดกรงผนึกกักขังถูกใช้ มันก็ได้ลอยไปบนอากาศ ลู่โวพยายามโยนการ์ดวิเศษใบที่สองตามไป
กรงสี่เหลี่ยมสองกรงได้ไล่ตามชาวเผ่าเนตรลึกลับไปอย่างติดๆ
ชาวเผ่าเนตรลึกลับทำได้เพียงหันกลับมามองด้วยความตกใจ “นี่มันอะไรกัน?”
ทันทีที่ชาวเนตรลึกลับพูดจบ กรงหนึ่งในสองกรงก็ตกลงมาที่ชายคนนั้น ในตอนนั้นเองกรงก็ได้เปลี่ยนเป็นตาข่ายสีทอง
ตู๊ม!
การ์ดวิเศษใบแรกพลาดเป้า
ไม่นานหลังจากนั้นกรงที่สองก็พลาดเป้าเช่นกัน
ชาวเนตรลึกลับคนนั้นตกตะลึง แต่เมื่อไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเขาจึงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าจะเป็นวิชาที่น่าสนใจ แต่ถ้าหากมันใช้ไม่ได้จริงมันก็เท่านั้น ไว้เจอกันล่ะตาแก่!”
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นพูดไม่ออก ‘เจ้านี่มันโชคดีจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ’
ลู่โจวพยายามพลิกฝ่ามือ ในตอนนั้นเองอาวุธนิรนามก็ปรากฏขึ้น ลู่โจวลอยขึ้นไปเหนือตำหนักต้าเฉิงก่อนที่จะมองไปยังพลังอวตารราชันย์เสือดาวที่อยู่ไกลออกไป
ในเวลานั้นเองศิษย์สาวกของลู่โจวก็มาถึงแล้ว
ทหารราชสำนักทั้งหลายเองก็มาถึงเช่นกัน
ทุกคนต่างก็ได้เป็นสักขีพยานในการต่อสู้นี้
หลังจากที่อาวุธนิรนามกลายเป็นธนู ลู่โจวก็ได้ดึงสายธนูอย่างใจเย็น คันธนูที่ลู่โจวกำลังถือดูราวกับพระจันทร์เต็มดวง ไม่นานหลังจากนั้นลูกศรพลังงานก็ได้ปรากฏขึ้น
พรึ๊บ!
ลูกศรพลังงานพุ่งไปที่ด้านหลังของชาวเนตรลึกลับ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามความคาดหมายของทุกคน ร่างของชายคนนั้นถูกลูกศรพลังงานเสียบแทงในทันที