My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 602 แสงแห่งความหวังและมณฑลทั้งเก้าที่มีภัย (1)
ไม่มีใครคิดว่าจีเทียนเด๋าแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจะท้าทายสายลับทั้งหมดที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางชาวเมือง
สายลับ ชาวเมือง ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็เหลือบมองลู่โจวที่ยืนอยู่บนพระราชวัง ทุกคนกำลังจ้องมองไปที่วายร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบพร้อมกับเหล่าสาวกที่ยืนอยู่ ทันใดนั้นเองทุกคนก็จำได้ว่าชายชราคนนี้ก็คือจอมวายร้าย จะมีจอมวายร้ายที่ไหนกันที่จะช่วยชีวิตชาวเมือง? นี่ไม่ใช่เรื่องตลกขบขันที่สุดในโลกเลยอย่างงั้นเหรอ?
บางคนตาแดงก่ำ บางคนหวาดกลัว และหลายคนยังคงเป็นกังวล
เพชฌฆาตยังคงกวัดแกว่งดาบต่อไป ในที่สุดสายลับสองคนสุดท้ายที่ถูกจับได้ก็ถูกตัวหัว หัวของพวกเขากลิ้งตกลงพื้น ทันทีที่หัวสัมผัสกับพื้น ในตอนนั้นเลือดที่มีก็กระเซ็นไปตามพื้นอย่างน่าสยดสยอง
ในตอนนั้นเองสายลับกว่าหลายได้แต่เก็บความแค้นที่มีเอาไว้ พวกเขาได้แต่หาทางแก้แค้นในยามค่ำคืน ในตอนนี้ไม่มีใครคิดจะฆ่าชาวเมืองห้าคนต่อวันอีกต่อไป สายลับทั้งหมดตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ให้กลายเป็นนรกบนดิน
ที่จริงแล้วศาลาปีศาจลอยฟ้าทรงพลังมาก มันทรงพลังมากพอจนไม่มีใครกล้าคิดที่จะต่อต้านได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เหล่าสายลับยอมออกมาจากที่ซ่อนตัวได้อยู่ดี
ถ้าหากศาลาปีศาจลอยฟ้าแสดงความกล้าแบบนี้ สายลับทุกคนคงจะอดไม่ได้ที่จะแก้แค้นชาวเมือง ด้วยวิธีการนี้การจะจับสายลับทุกคนได้ก็จะง่ายมากขึ้น แม้ว่าจะต้องสละชีวิตของชาวเมืองไปก็ตาม ถ้าหากไม่ใช่จีเทียนเด๋า จอมวายร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงจะไม่มีใครใช้วิธีการนี้ ยังไงซะฝ่ายอธรรมก็ไม่มีวันที่จะเป็นฝ่ายถูก! แผนการจับกุมครั้งนี้จะเป็นดั่งฝันร้ายของชาวเมือง
ชาวเมืองทั้งหลายที่คิดแบบนั้นต่างก็ถอยห่างด้วยความหวาดกลัว บางคนที่เห็นศีรษะถูกตัดได้แต่หันไปอาเจียน
…
ณ จุดสูงสุดของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
เมื่อได้รับคำสั่งโจวยู่ไคก็เริ่มพูดขึ้นด้วยพลังลมปราณ “ข้าเป็นประมุขของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ พวกเราถูกแนะนำให้เปิดใช้เขตแดนพลังทั้งสิบ ข้ารู้ดีว่าทุกคนกลัวศาลาปีศาจลอยฟ้า คงจะมีหลายคนสงสัยว่าทำไมข้าเข้าข้างพวกเขา…จักรพรรดิที่ดีควรค่าที่ผู้รับใช้จะภักดีให้…ตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็ไม่เคยเลยที่จะปรากฏตัวหรือบริหารบ้านเมืองเลย ในนามของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่พวกเราจะเป็นผู้แสดงบาปทั้งสิบประการขององค์จักรพรรดิหลิวกู่เอง!”
สาวกจากสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่หลายคนปรากฏตัวอยู่นอกประตูเมือง สาวกทั้งหลายต่างก็แจกแจงสิ่งที่องค์จักรพรรดิหลิวกู่เคยทำเอาไว้
“บาปประการแรก จักรพรรดิเผด็จการ
บาปประการที่สอง เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
บาปประการที่สาม อกตัญญูไม่รู้คุณ
บาปประการที่สี่ เป็นผู้วางแผนก่อกบฏ
ประการที่ห้า ไร้คุณธรรม
ประการที่หก ผิดศีลธรรม
ประการที่เจ็ด สังหารราชวงศ์
ประการที่แปด ใช้ผู้คนทดลองอย่างไร้ความปรานี
ประการที่เก้า หลอกลวงตั้งตนเป็นจักรพรรดิ
ประการที่สิบ สังหารจักรพรรดิ”
นอกเหนือจากบาปประการทั้งสิบแล้วยังมีเนื้อหาสิ่งที่หลิวกู่เคยทำเขียนอธิบายไว้ยาวเหยียด
“จักรพรรดิตัวปลอม? เขาเป็นจักรพรรดิตัวปลอมอย่างงั้นเหรอ? นี่มัน…เป็นไปได้ยังไง?”
ป้ายประกาศนั้นได้เน้นย้ำถึงความผิดฐานสังหารจักรพรรดิและตั้งตนเป็นจักรพรรดิอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ก่อนที่หลิวกู่จะกลายเป็นจักรพรรดิ ในตอนนั้นก็เคยมีข่าวลือหนาหู พระราชวังได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ยังเป็นสถานศึกษาที่มีมาอย่างยาวนานเป็นผู้ประกาศเรื่องทั้งหมดเอง เพราะแบบนั้นเรื่องที่ได้ฟังจึงน่าเชื่อถือยิ่งกว่าเดิม
ยังมีหลายคนที่สงสัย และยังมีหลายคนที่ยังไม่เชื่อ แต่ยังไงซะความจริงก็ไม่สำคัญอีกต่อไป! ในตอนนี้ไม่มีใครหยุดการสนทนาของมวลชนได้ ผู้คนต่างก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด
ในตอนนั้นมีใครบางคนพูดขึ้น “ผู้อาวุโสจี…แม้ว่าข้าจะรู้สึกดีมากที่ได้เห็นท่านสังหารสายลับทั้งห้านั่น แต่ท่านจะมั่นใจได้ยังไงว่าพวกเราจะปลอดภัย? ท่านจะยืนอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ?”
“ท่านจะจัดการกับสายลับได้ยังไง? ท่านจะไต่สวนทุกคนเลยอย่างงั้นเหรอ?”
มีใครอีกคนพูด “พวกเขาจะต้องแก้แค้นแน่ ข้าขอร้องปิดเขตแดนพลังทั้งสิบ ปล่อยพวกเราไปเถอะ!”
ชาวเมืองทั้งหลายกลัวเกินกว่าที่จะอยู่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
“พวกเราจะต้องออกจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วที่สุด!”
หลายคนเคยคาดหวังไว้ว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะทำสักอย่างเพื่อช่วยพวกเขา ตอนนี้ทุกคนต่างก็ไม่คิดแบบนั้นแล้ว
“พวกเจ้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าพวกสายลับจะไม่ไล่ตามไป? การจะฆ่าพวกเจ้าที่นอกเมืองคงจะเป็นอะไรที่ง่ายยิ่งกว่า เจ้าหวังว่าจะมีผู้ฝึกยุทธคอยคุ้มกันปกป้องพวกเจ้าอย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชาวเมืองทั้งหลายก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก การที่ชาวเมืองคนธรรมดาทั้งหลายเลือกที่จะตั้งรกรากอยู่ภายในเมืองเป็นเหมือนกับการลี้ภัยอย่างหนึ่ง ถ้าหากจะทิ้งที่ลี้ภัยไป ก็คงจะไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยจะให้ทุกคนอยู่แล้ว
แคล๊ง!
ต้วนมู่เฉิงบินลงมาก่อนที่จะใช้หอกราชันย์กระแทกกับพื้น “ทุกคนใจเย็นลง!” เสียงของต้วนมู่เฉิงฟังดูกล้าหาญ สายตาที่เฉียบแหลมของเขาเหลือบมองชาวเมืองอยู่
ฝูงชนที่เห็นแบบนั้นถอยหลังไปอีกหลายก้าว
ในขณะนี้เขตแดนพลังทั้งสิบได้ถูกเปิดใช้งานเพียงแค่เก้าชั้นเท่านั้น นั่นก็หมายความว่าภายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ยังคงสามารถใช้พลังลมปราณบางส่วนได้
“อาจารย์ของข้าได้บอกไปแล้วว่าจะกำจัดสายลับผู้ชั่วช้าทั้งหมดในวันนี้!”
“แล้วอาจารย์ของท่านจะทำยังไง? พวกท่านจะสุ่มตัวพวกเรามาสอบปากคำอย่างงั้นเหรอ?”
ผู้คนยังคงพูดคุยให้ความเห็นกันต่อไป
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้พลิกฝ่ามือ กระจกทองคำไท่ชูได้ปรากฏขึ้น
กระจกส่องแสงสว่าง
ลู่โจวได้หันกระจกไปยังฝูงชน ลำแสงจากกระจกได้ตกกระทบใส่ผู้ที่พูดจาถากถางต้วนมู่เฉิง ในชั่วพริบตาเดียวร่างอวตารราชันย์หมาป่าก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“นี่มันพลังอวตารราชันย์หมาป่า! เจ้านี่เป็นชาวรั่วหลี่”
“โอ้สวรรค์ เจ้านั่นเป็นสายลับจริงๆ ด้วย!”
ฝูงชนต่างก็ถอยห่าง ทุกคนได้แต่เหลือบมองดูพลังอวตารราชันย์หมาป่าอย่างตื่นตกใจ
เมื่อโจวยู่ไค ประมุขแห่งสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่มองเห็นกระจก ตัวเขาก็ได้อุทานออกมาด้วยความตกใจ “นี่มันกระจกทองคำไท่ชู?”
กระจกทองคำไท่ชูเป็นของวิเศษ มันเป็นของที่สามารถเปิดเผยพลังวรยุทธของผู้ที่ถูกส่องได้ มันเป็นสมบัติล้ำค่าของสถานศึกษาไท่ชูนั่นเอง
ในขณะที่ทุกๆ ยังคงตกตะลึงอยู่ ในตอนนั้นต้วนมู่เฉิงก็ได้ยกหอกราชันย์ขึ้นด้วยความโกรธเคือง “ตายซะ!” หอกราชันย์โจมตีชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเงาของหอกนับพันก็ได้พุ่งถาโถมใส่สายลับคนนั้น
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
สายลับที่ถูกโจมตีได้แต่ตื่นตกใจ ในตอนนี้ตัวเขาตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบซะเอง แม้จะหงุดหงิดที่ถูกเปิดเผยตัวตนได้ แต่ถึงแบบนั้นสายลับก็ต้องปกป้องตัวเองอยู่ดี แม้จะพยายามโคจรพลังมากแค่ไหนแต่สายลับคนนั้นก็ไม่อาจใช้พลังได้อย่างเต็มที่ ในตอนนี้เขตแดนพลังทั้งสิบที่มีถึงเก้าชั้นได้ถูกเปิดใช้งานไปแล้วนั่นเอง
การโจมตีของต้วนมู่เฉิงเกรี้ยวกราดและรุนแรงเป็นอย่างมาก ต้วนมู่เฉิงไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ได้โต้กลับเลย “หอกทะลวงสวรรค์!” ต้วนมู่เฉิงได้กระโดดขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะพุ่งลงมาพร้อมกับหอกราชันย์
เมื่อผู้อาวุโสทั้งหลายของศาลาปีศาจลอยฟ้าเห็นแบบนั้น ทุกคนก็ได้แต่นึกถึงภาพการฝึกฝนบนภูเขาทอง ในตอนนั้นทักษะของต้วนมู่เฉิงยังไม่เฉียบคมเช่นนี้ แม้มันจะเปี่ยมไปด้วยทรงพลังแต่มันก็ไม่มีแก่นสาร แต่ถึงแบบนั้นวิชาที่ต้วนมู่เฉิงใช้กลับดูประณีตและยังรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเงาหอกเข้าใกล้ศัตรูมากพอ ในตอนนั้นพลังงานสีทองก็ได้ส่องออกมาจากปลายหอก
ตู๊ม!
ชาวรั่วหลี่ถูกหอกโจมตีเข้าไปเต็มๆ ปลายเท้าของเขาจมลงไปในพื้น
หอกราชันย์ยังไม่หมดพลังแต่เพียงเท่านั้น มันยังส่งแรงกดให้กับคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง!
ตู๊ม!
สายลับที่รับหอกคุกเข่าลงสู่พื้น และในที่สุดแผ่นหินบนพื้นก็ถูกทำลาย!
การต่อสู้ได้จบลงอย่างรวดเร็ว!
ต้วนมู่เฉิงได้ยกหอกราชันย์กลับมา
“น่าทึ่งจริงๆ ศิษย์พี่สาม!”
“วิชาหอกของท่านยิ่งดูเฉียบคมมากขึ้นทุกวันจริงๆ ศิษย์พี่สาม”
หลังจากที่ได้รับเสียงชื่นชม ต้วนมู่เฉิงก็ก้าวเดินต่อไปอย่างภาคภูมิใจ
ดวงตาของชาวรั่วหลี่ที่กำลังคุกเข่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของดินแดนหยานชาวรั่วหลี่อย่างเขาก็ดูไร้พลังไม่ต่างอย่างมดปลวก
“ท่านอาจารย์บอกไว้ว่า…พวกสายลับชั่วช้าทั้งหมดจะต้องถูกกำจัด!”
เมื่อทุกคนได้เห็นความสามารถของกระจกทองคำไท่ชู ทุกคนก็เข้าใจวิธีการใช้งานของมันได้ในทันที
ในที่สุดชาวเมืองทั้งหลายก็รู้ซึ้ง ทุกคนได้แต่ก้มขอความเมตตาจากชาวศาลาปีศาจลอยฟ้า
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้า!”
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้า!”
ในขณะที่ผู้คนเริ่มส่งเสียงร้อง ในตอนนั้นสายลับจากชนเผ่าอื่นก็เริ่มเกิดความหวาดกลัว ทุกคนต่างก็เหลือบมองดูม่านพลังที่อยู่บนท้องฟ้า สองชั่วโมง…พวกเขาจะต้องเอาชีวิตรอดในเวลาที่เขตแดนพลังยังคงใช้งานได้ เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์กว้างใหญ่ มันย่อมมีสักที่ที่พวกเขาจะอาศัยหลบซ่อนตัว
ลู่โจวที่เงียบไปสักพักได้พูดออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด “ผู้ฝึกยุทธจะไม่อาจปิดบังพลังต่อหน้ากระจกทองคำได้…เป็นเพราะข้าต้องดูแลเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้พวกชนเผ่าอื่นทำร้ายชาวเมืองได้แน่” ลู่โจวได้โคจรพลังลมปราณก่อนที่จะกระจายเสียงด้วยพลังที่มี
ชาวเมืองทั้งหลายต่างก็คุกเข่าลงเพื่อเป็นการขอบคุณ
“ขอบคุณผู้อาวุโส!”
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เมตตา!”
“ติ้ง! ได้รับการคารวะจากใจจริง 350 คน ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 3,500”
โจวยู่ไคโค้งคำนับก่อนจะพูดต่อ “ผู้อาวุโสจี ข้าไม่รู้เลยว่าท่านจะมีกระจกทองคำ เป็นเพราะท่านพวกเราจะต้องหาสายลับทั้งหมดเจอแน่ ไปตามหาสายลับให้เร็วที่สุดได้แล้ว!”
ฝานลี่เทียนพูดขึ้น “ข้าเกรงว่าการจะตามหาสายลับทุกคนในเวลาสองชั่วโมงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องกวาดล้างสายลับทั้งหมด ถ้าหากไม่ทำแบบนั้นสายลับทั้งหมดก็จะต้องลงมือแก้แค้นกับชาวเมือง
ลู่โจวพยักหน้าก่อนจะลูบเครา ตัวเขากำลังเหลือบมองไปที่ม่านพลังที่อยู่บนท้องฟ้า
โจวยู่ไคมองไปยังฝูงชนก่อนจะพูดขึ้น “ชนเผ่าอื่นได้สร้างปัญหามากมายให้กับพวกเราเอาไว้ ผู้ฝึกยุทธแห่งดินแดนหยานเอ๋ยจงร่วมมือกันต่อต้านศัตรู!” ตัวเขารู้ดีว่าผู้ฝึกยุทธหลายคนยังคงอคติต่อศาลาปีศาจลอยฟ้า
ต้วนมู่เฉิงจับหอกราชันย์เอาไว้แน่น ตัวเขาก้าวไปที่ข้างหน้าก่อนจะพูดขึ้น “มาเริ่มกันเลยเถอะ!”
ผู้อาวุโสทั้งสี่แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าเองก็กระโดดลงมาเช่นกัน
ลู่โจวที่พร้อมแล้วพูดอย่างเยือกเย็น “เริ่มได้!”
สิ้นสุดเสียงของลู่โจวตัวเขาก็ลอยสูงขึ้น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็จับจ้องไปที่เขา