My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 630 พลังฝ่ามือ
เลือดที่ไหลรินทําให้ชาวรั่วหรี่ทุกคนต้องตกใจ เทพเจ้าสงครามของพวกเขาอย่างแม่ทัพคาร์ รอลพ่ายแพ้ ผู้ที่เป็นยอดฝีมือถึงขนาดนั้นไม่แม้แต่จะสู้กับชายชราที่ดูอ่อนแอคนนั้นได้? ทุกค นตระหนักถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้แล้ว ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าทําไมดินแดนหยานถึงส่ง คนกว่าแค่ร้อยคนบุกเข้ามาท้าทายพวกเขา
ในยุคที่มีพลังลมปราณและการฝึกยุทธ สุดท้ายแล้วทหารธรรมดาก็ไม่ถูกลดความสําคัญลง ไปอยู่ดี ทหารจํานวนมากมีร่างกายแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป ด้วยการฝึกฝนเสริมสร้างร่างกาย บางอย่างทุกคนก็จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นได้ สุดท้ายแล้วจํานวนของทหารที่มีก็มีส่วนสําคัญในการกําหนดชัยชนะ แต่สําหรับการต่อสู้ท้าดวลแบบนี้แล้ว จํานวนทหารไม่ได้มีผลใดๆ
เห็นได้ชัดว่าชาวรั่วหรี่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ! ตอนนี้พวกเขาทั้งสองฝ่ายกําลังต่อสู้กันแบบท้าดวล แม้ว่าจะมีเพียงร้อยคนแต่ชาวดินแดนหยานก็สามารถเอาชนะในการต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย ในการต่อสู้แบบท้าดวล จํานวนทหารไม่ได้สําคัญแต่อย่างใด
หลังจากที่คาร์รอลถูกพลังฝ่ามือของลู่โจวซัดเข้าใส่ ร่างของเขาก็ตกลงสู่พื้น
ผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งสามารถโคจรพลังเพื่อเป็นการห้ามเลือดได้ แต่น่าเสียดาย การโจมตีที่ได้รับมันรุนแรงมากเกินไป
ลู่โจวสามารถควบพลังความแข็งแกร่งของพลังฝ่ามือได้ ตัวเขาตั้งใจที่จะจู่โจมคาร์รอลอย่างรุนแรงเพื่อไม่ให้เขาต่อสู้ได้อีก แต่ถึงแบบนั้นมันก็ผิดคาด สู่โจวจะต้องใช้พลังฝ่ามือกว่าสี่ครั้งกว่าที่จะทําร้ายคาร์รอลได้ ดูเหมือนว่าคาร์รอลจะมีไพ่ตายอะไรบางอย่าง…
คาร์รอลได้รับบาดเจ็บสาหัส ตัวเขาสั่นสะท้านไปทั่วตัว คาร์รอลทําได้เพียงระงับความเจ็บปวดก่อนที่จะบินขึ้นมาอีกครั้ง “ถอยซะ!”
รองแม่ทัพทั้งสามที่เหลืออยู่รีบสั่งการ “เตรียมถอยเร็วเข้า!”
ด้วยคําสั่งนั้นเองทําให้ทหารชาวรั่วหรี่กว่าหมื่นนายล่าถอย
ลู่โจวผลักตัวออกจากพื้นดินเบาๆ
คาร์รอลที่ไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไปทรุดตัวลงมาอย่างรวดเร็ว
ตุ้ม!
“ท่านแม่ทัพ!”
คาร์รอลหายใจหอบเหนื่อยเมื่อมองไปยังจู่โจวที่กําลังลอยอยู่ เมื่อลงสู่พื้นดินคาร์รอลก็รู้สึกสบายมากขึ้น
ลู่โจวไม่ได้โจมตีแต่อย่างใด ตัวเขาต้องการจะดูว่าคาร์รอลจะพยายามทําอะไรต่อไป
คาร์รอลสามารถรับพลังฝ่ามือได้ถึงสี่ครั้ง เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ไม่ใช่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบธรรมดา ความดื้อรั้นที่คาร์รอลมีคงไม่ได้ต่างอะไรกับยู่เฉิงไห่ ไม่แปลกเลยที่เขาจะปกป้องเขตพรมแดนจนมาถึงตอนนี้ได้
คาร์รอลมองไปที่ลูโจวก่อนที่จะเช็ดเลือดออกจากริมฝีปาก “เจ้าก็คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าตัวจริงสินะ!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นดวงตาของรองแม่ทัพทั้งสามก็เบิกกว้าง
ในที่สุดคาร์รอลก็รู้ว่าชายคนนี้ก็คือจีเทียนเด้ ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ต่อหน้าชายชราคนนี้คาร์รอลไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย ตัวเขาทําได้แค่เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะตอบกลับมาอย่างเฉยเมย “ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร แล้วทําไมเจ้าถึงยังไม่คิดหนีล่ะ?”
คาร์รอลพยายามเก็บอาการเจ็บปวดเอาไว้ “โจลี่ไม่ได้โกหกเจ้า ข้าให้ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบรออยู่ที่นอกเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แล้ว คนคนนั้นเป็นนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ของชาวรั่วหรี่ ในเมื่อเจ้าออกมาจากที่นั่น ผู้คนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็จะต้องพบกับจุดจบ” คาร์รอลหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่แผ่วเบากว่าเดิม “พูดตามจริง ข้าให้เกียรติกับยอดฝีมือมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลเลยที่ข้าจะต้องคิดหนี ชายชาติทหารย่อมไม่กลัวตายในสนามรบ!”
แขนของคาร์รอลสั่น ในไม่ช้พลังอวตารราชันย์หมาป่าก็ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นลวดลายสีแดงก็ได้ปรากฏขึ้นจากทางด้านหลังเขา ลวดลายสีแดงหมุนเวียนรอบตัวของคาร์รอล
ทุกคนประหลาดใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น
ในที่สุดจู่โจวก็เข้าใจที่มาของความมั่นใจของคาร์รอลแล้ว ภาพที่เห็นทําให้เขานึกไปถึงหลิวเก้อ ลวดลายสีแดงแตกต่างจากของหลิวเก้อ ลวดลายสีแดงของคาร์รอลไม่ได้ฝังอยู่ในผิวหนัง มันกําลังลอยอยู่รอบตัวของเขาแทน ด้วยเหตุนี้จึงทําให้คาร์รอลไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนกับที่หลิวเก้อ
ลู่โจวลูบเคราของตัวเอง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทําไมคาร์รอลถึงได้รีบร้อนที่จะลงสู่พื้น “นั่นคือที่มาของความมั่นใจเจ้าสินะ?”
คาร์รอลเหลือบมองขึ้นไปหาลู่โจว “จีเทียนเด้ แม้ว่าข้าจะมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบความแตกต่างระหว่างผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบคงจะยิ่งใหญ่เหมือนกับความแตกต่างระหว่างฟ้าดิน ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับท่าน…แต่เพราะอักษรโบราณเหล่านี้ ข้าจะสามารถต่อสู้สูสีกับเจ้าได้ แน่นอนว่าทุกอย่างมีราคาที่จะต้องแลก ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรมันก็คุ้มค่า”
“เจ้าไปเอาอักษรโบราณพวกนี้มาจากไหน?” สู่โจวถาม
“มีเรื่องมหัศจรรย์มากมายในโลกอันกว้างใหญ่ น่าเสียดายที่ข้าบอกอะไรเจ้าไม่ได้” คาร์รอลกางแขนออกมา อักษรโบราณสีแดงได้หมุนวนร่างกายของเขาเร็วขึ้น อักษรพวกนั้นส่องแสงสว่างกว่าเดิม
แสงสีแดงจางๆ ทําให้ลูโจวนึกถึงแสงจากดาบยืนยาวของยู่ฉางตง “เจ้าคิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้ก็เพราะพึ่งพาพลังภายนอกพวกนั้นอย่างเดียวเหรอ?”
“เดี๋ยวพวกเราก็จะได้รู้เอง” คาร์รอลพูดต่อ “ถ้าหากข้าชนะการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความโชคดีได้ดินแดนหยานก็จะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์…พันธมิตรทั้งสิบสองดินแดนจะบุกโจมตีดินแดนหยาน และกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง”
เสียงของลู่โจวฟังดูเฉียบคมมากกว่าเดิม “ข้าจะรอดู”
ตุ้ม!
จู่โจวเดินอยู่บนอากาศอย่างมั่นคง เมื่อได้ยินเสียงดังลั่น ลู่โจวก็พุ่งไปด้านหน้า
ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจในขณะที่มองดูการเคลื่อนไหวของลู่โจว ท้ายที่สุดแล้วนี้ก็เป็นการต่อสู้ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนหยานและผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของชาวรั่วหรี่
นี่เป็นการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย!
ลู่โจวปรากฏตัวอยู่เหนือคาร์รอลก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามือซัดเข้าใส่! ภาพที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่นิ้วมือของลู่โจวเต็มไปด้วยแสงสีฟ้า ฝ่ามือที่สลักคําว่าสละปัญญาเอาไว้ก็ปรากฏขึ้น พลังฝ่ามือพุ่งตรงไปทางคาร์รอล
คาร์รอลที่เห็นแบบนั้นเงยหน้าขึ้นก่อนจะยกแขน พลังอักษรสีแดงได้ส่องสว่างในเวลาเดียวกัน
ซูวว!
พลังอวตารราชันย์หมาป่าปรากฏตัวขึ้นก่อนที่จะผสานกับตัวของคาร์รอล ในที่สุดกลีบดอกบัวก็หมุนรอบกําปั้นของเขา
“แปดใบครึ่ง?” สวี่หยาเป็นผู้ที่ยืนใกล้กับการต่อสู้มากที่สุด เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงมองเห็นภาพการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน สี่วู่หยาตกใจที่คาร์รอลเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบครึ่ง
คาร์รอลกระทืบเท้าลงบนพื้นก่อนที่จะพุ่งขึ้น แขนของเขาเรืองแสงสีแดงในขณะที่พุ่งหาพลังฝ่ามือ ไม่นานนักหมัดที่เต็มไปด้วยกลีบดอกบัวก็ถูกเหวี่ยงออกมา
ตุ้ม!
พลังฝ่ามือสละปัญญาเข้าปะทะกับหมัดขวาของคาร์รอลตรงๆ
คาร์รอลถูกผลักให้ถอยไปกว่าห้าเมตร!
พื้นดินและท้องฟ้ากําลังสั่นไหว เสียงการปะทะกันดังก้องไปทั่วสนามการต่อสู้
เมื่อต้องปะทะกับพลังฝ่ามือสีฟ้า พลังอักษรสีแดงบนร่างของคาร์รอลก็ดูเหมือนจะสว่างมากขึ้น แขนของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนดูคล้ายกับสีดํา
เมื่อจู่โจวเห็นแบบนั้นก็ได้แต่สงสัย หรือว่าพลังวิเศษจะเป็นตัวกระตุ้นพลังอักษรสีแดง?
ทุกๆ คนต่างก็กลั้นหายใจในระหว่างที่เฝ้ามองดูการปะทะ คาร์รอลสามารถต้านทานการโจมตีของลู่โจวได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!
“จีเทียนเด๋า…เจ้าคิดว่ายังไงกันล่ะ?” ดวงตาของคาร์รอลส่องประกายออกมาด้วยความตื่นเต้นได้
“ท่านแม่ทัพหยุดพลังฝ่ามือของผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก่ากลับได้?!”
“ท่านแม่ทัพ!”
ขวัญและกําลังใจของชาวรั่วหรี่เพิ่มขึ้นมาก
ฝ่ายศาลาปีศาจลอยฟ้าตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นภาพการปะทะ ในอดีตผู้เป็นปรมาจารย์คนนี้ มักจะจัดการกับศัตรูด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก๋ากลีบในทันที ทุกคนคาดไม่คิดว่าคาร์รอลจะเป็นคนแรกที่รับพลังฝ่ามือสีฟ้าได้
ไม่น่าแปลกใจที่ชาวรั่วหรี่จะมั่นใจ ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าตัวจริงรึเปล่า แต่คาร์รอลก็ยังรู้สึกมั่นใจ ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก่ากลับไม่ได้ทําให้เทพสงครามผู้ มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบครึ่งและยังมีอักษรโบราณสีแดงหวาดกลัวได้ ในความจริงคาร์รอลก็ ยังหวังอยู่ลึกๆ ให้ชายชราตรงหน้าเป็นตัวจริง ใครจะไปรู้กันว่าความปรารถนาของเขาจะเป็นจริง?
สู่โจวเหลือบมองไปที่คาร์รอลก่อนจะพูดออกมาห้วนๆ “เจ้าน่ะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังเลย!” ลู่โจวพลิกฝ่ามือก่อนที่จะผลักมันลงไป แสงสีฟ้าได้ส่องแสงเจิดจ้ากว่าเดิม ในตอนนั้นเองใต้เท้าของเขาก็มีดอกบัวสีฟ้ากําลังเบ่งบาน พลังฝ่ามือที่หนักอึ้งราวกับภูเขากําลังถาโถมเข้าใส่คาร์รอล!
คาร์รอลใช้วิชาเดิม แขนของเขาที่ร้อนจนเหมือนกับเหล็กที่ถูกหลอมเหลวได้พุ่งเข้าหาพลังฝ่ามือที่หนักอึ้งราวกับภูเขา
พลังฝ่ามือยังคงถาโถมเข้าใส่ พลังกลีบดอกบัวทั้งหมดของคาร์รอลกําลังปั่นป่วน
คาร์รอลมั่นใจว่าเขาจะสามารถต้านพลังฝ่ามือได้เหมือนกับครั้งก่อน…
แต่ความปรารถนานั้นก็ไม่เป็นจริง
แคร็ก!
ที่แขนขวาของคาร์รอลมีเสียงดังขึ้น มันเป็นรอยแตกที่แขนของเขา
พลังฝ่ามือยังคงถาโถมต่อ!
“ไม่!”
ตุ้ม!
เสียงร้องสุดท้ายของคาร์รอลดังอยู่ในลําคอ สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกพลังฝ่ามือผลักให้ชนพื้นคาร์รอลตกลงสู่พื้นโดยที่ไม่คิดสงสัยอะไร
เมื่อพลังฝ่ามือตกสู่พื้น แผ่นดินและภูเขาทั้งลูกก็ต้องสั่นสะเทือนจากแรงปะทะ