My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 72
การกระทำของเฉาซั้วเองดึงดูดความสนใจของหมิงซี่หยิน แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร หมิงซี่หยินที่ลุกขึ้นได้ถามลู่โจวในทันที “ท่านอาจารย์ ให้ข้าจัดการเขาเลยดีไหม? “
เมื่อเจียงอาเฉียนได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้ถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัวที่มากกว่าเดิม “นี่มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ ใช่แล้วเป็นเรื่องเข้าใจผิด… นี่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย! ทุกคนช่วยปล่อยข้าไปเถอะ ช่วยทำให้ข้าเป็นเหมือนกับสายลมที่ไม่มีตัวตนจะได้ไหม? “
หยวนเอ๋อในตอนนั้นเก็บอารมณ์โกรธเคืองของเธอมานาน หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้พูดออกมา “มาดูกันว่าท่านอาจารย์ของเราจะจัดการกับเจ้ายังไง เจ้าคนไร้ยางอาย! “
หมิงซี่หยินหันกลับมาก่อนที่จะมองเจียงอาเฉียนด้วยความสับสน หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมาอีกครั้ง “หรือศิษย์ควรจะจัดการชายคนนี้ซะตั้งแต่ตอนนี้เลยดี? “
“…”
ทำไมหมิงซี่หยินถึงอยากจะฆ่าคนอื่นอย่างเดียวกันนะ เจ้านี่เป็นคนยังไงกัน!?
ทุกๆ คนในตอนนี้ต่างจับจ้องไปที่ลู่โจว
สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ก็ยังคงดูไร้อารมณ์เช่นเคย เขาเหลือบมองไปที่หมิงซี่หยินก่อนที่จะพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “เจ้าไม่ควรจะแสดงท่าทีแบบนี้นะ”
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้โค้งคำนับให้ “ท่านพูดถูกแล้วท่านอาจารย์”
ลู่โจวได้เอ่ยปากถามต่อไป “มีข่าวลือมาว่าเจ้าได้ลักพาตัวเด็กสาวไป นั่นเป็นเรื่องจริงไหม?
หมิงซี่หยินถึงกับทรุดตัวคุกเข่าอีกครั้ง เขาพูดออกมาด้วยท่าทีที่จริงจัง “ศิษย์ถูกกล่าวหาแล้วท่านอาจารย์! คนที่ลักพาตัวเด็กสาวทั้งหลายเป็นโจรภูเขาต่างหาก ศิษย์ก็แค่ผ่านทางมาจนบังเอิญเจอเข้า และสุดท้ายศิษย์ก็ได้ช่วยเด็กสาวพวกนั้นไป! ศิษย์น่ะทำความดีอย่างกล้าหาญ ศิษย์ไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำชั่ว ศิษย์ยังทำความดีอีกด้วย! “
เหล่าผู้คนทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ต่างก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังหมิงซี่หยินพูด
เจียงอาเฉียนถึงกับพูดไม่ออก ‘วายร้ายนี่มาจากศาลาปีศาจลอยฟ้าที่ทำเรื่องชั่วๆ มาโดยตลอด เจ้าคิดว่าพวกเราจะเชื่ออย่างงั้นหรอว่าเจ้าได้ทำความดีมาน่ะ? ‘
หมิงซี่หยินได้พูดต่อ “ถ้าหากท่านอาจารย์ไม่เชื่อศิษย์ ท่านอาจารย์จะส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ก็ได้! ศิษย์เองก็อยากที่จะยืนยันความบริสุทธิ์เช่นกัน”
ลู่โจวไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้เลย เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหมิงซี่หยินจะทำความดีหรือทำความชั่ว ตัวเขารู้สึกพึงพอใจมากแล้วที่ลูกศิษย์ของเขาไม่ได้ไปก่อปัญหาเข้าเหมือนเมื่อก่อน ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนอดีตอันเลวร้ายได้ในเวลานี้
“นายพลเฉา” ลู่โจวมองไปที่เฉาซั้ว
เฉาซั้วตัวสั่นก่อนที่จะชูดาบในมือขึ้นมา ตัวเขาได้ตกใจเกินไปแต่กว่าที่จะรู้ตัวก็สายไปแล้ว เฉาซั้วในตอนนี้ได้ยกปลอกดาบขึ้นมาป้องกันตัวแทน ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายของโลกใบนี้ เพียงแค่ปลอกดาบจะสามารถปกป้องอะไรตัวเขาได้?
“เจ้าจะว่ายังไงล่ะถ้าจะปล่อยพวกเราไปซะแบบนี้? ” การจ้องมองของลู่โจวได้จับจ้องไปที่เฉาซั้ว ในตอนนั้นคลื่นความกลัวครั้งใหม่ก็ได้ถาโถมเข้าสู่หัวใจของเฉาซั้วอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง ชาวยุทธที่มีวรยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์หลายคนที่ไล่ตามหมิงซี่หยินมาในที่สุดก็เดินทางมาถึง และด้วยความต่างชั้นทางด้านวรยุทธทำให้ความเร็วของพวกเขากับหมิงซี่หยินแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ท่านนายพลเฉษ! พวกเรามาได้ทันเวลาสินะ! ท่านนักบวชผู้อาวุโสอยู่ไหนซะแล้วล่ะ? ” นักบวชผู้อาวุโสในจินตนาการของพวกเขาจะต้องเป็นนักบวชหัวโล้น
เฉาซั้วรีบไอคัดจังหวะก่อนที่จะพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ถอยก่อน”
“ถอยอย่างงั้นหรอ? ” ผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ถึงกับผงะ “พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก! ที่พวกเราไล่ตามเจ้านั่นมาจนถึงตอนนี้ก็เพื่อที่จะขัดขวางมัน! พวกเราจะปล่อยเจ้านั้นไปง่ายๆ ได้ยังไงกัน”
เจียงอาเฉียนในตอนนี้อยากที่จะร้องไห้ออกมา เขาจ้องมองไปยังผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่แสนโง่เขลาพวกนี้ ในตอนนั้นตัวเขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองก็โง่เขลาเช่นกัน
หมิงซี่หยินโค้งคำนับก่อนที่จะพูดอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ คนพวกนี้ปฏิเสธที่จะกินดื่มกับข้า…ให้ข้าได้สอนบทเรียนกับเจ้าพวกนี้ด้วยเถอะ”
ผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ต่างก็ตกตะลึง ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาทั้งหลายพยายามที่จะถ่วงเวลาโดยการไล่ตามมาโดยตลอด ด้วยวรยุทธที่พวกเขามีไม่อาจที่จะเอาชนะหมิงซี่หยินได้เลย หมิงซี่หยินเป็นชายผู้มีวรยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อทุกคนเห็นหมิงซี่หยิน ชายที่ไล่ตามมาโดยตลอดหยุดพูดกับชายชราคนหนึ่งและเรียกชายชราคนนั้นว่าเป็นอาจารย์ ในตอนนั้นพวกเขาทั้งหมดก็รู้ได้ทันทีว่าชายชราคนนี้เป็นใคร และยิ่งไปกว่านั้นท่าทีของเฉาซั้วในตอนนี้ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขานั้นเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว “ทำให้เจ้าพวกนี้สลบก็พอแล้ว”
“ได้ครับท่านอาจารย์! ” หมิงซี่หยินเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะโจมตีเฉาซั้วคนแรก เฉาซั้วเป็นคนแรกที่พยายามจะวิ่งหนีนั่นเอง
เฉาซั้ววิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ขาของเขาจะทำได้ อีกห้าคนที่เห็นแบบนั้นเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งหนีเช่นกัน
หมิงซี่หยินสามารถเคลื่อนย้ายภายในพริบตาด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ภาพจากนี้ไปเป็นภาพการไล่ล่าของหมิงซี่หยินเท่านั้น
ลู่โจวหันไปรอบๆ ก่อนที่จะเดินไปหาเจียงอาเฉียน เขาใช้มือของตัวเองตบไปที่ไหล่ของเจียงอาเฉียน การตบไหล่ครั้งนี้เป็นเหมือนกับการตบไหล่ที่ปู่คนหนึ่งได้ตบไหล่หลานชาย “อย่าได้กลัวไป”
“ท่า…ท่านผู้อาวุโส…ไม่สิ ท่านปรมาจารย์จี…” เจียงอาเฉียนพูดติดๆ ขัดๆ หลังจากที่กลืนน้ำลายลงไป เขาเอนตัวไปด้านหลังโดยสัญชาตญาณก่อนจะพูดต่อไป “ขะ…ข้ายกเลิกข้อตกลงของพวกเราจะได้ไหม…”
“ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวจำได้ว่าเจียงอาเฉียนเคยพูดเอาไว้ว่าจีเทียนเด๋าเป็นคนที่ตัวเขาจะไม่เข้าใกล้
“มะ…ไม่…” เจียงอาเฉียนพูดไม่ตรงกับใจ
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าน่ะให้ค่ากับคำสัญญาเสมอ…และเช่นกัน ข้าน่ะเกลียดพวกกลับคำเป็นที่สุด”
“แต่ท่านไม่ได้บอกแต่แรกนิว่าท่านเป็นใคร! ” เจียงอาเฉียนพูดแย้งขึ้น น้ำเสียงของเขาแห้งแหบสนิท
“แล้วเจ้าได้ถามไหมล่ะ? ” ลู่โจวตอบกลับมา ตัวเขาไม่เคยบอกมาก่อนว่าเป็นนักบวชผู้อาวุโส
เจียงอาเฉียนได้แต่ระดมใช้ความคิด อันที่จริงตัวเขาไม่เคยถามถึงเรื่องตัวตนที่แท้จริงของลู่โจวเลย เขาถูกหลอก! ‘นี่สินะคือมันสมองของคนที่มีประสบการณ์กว่าหลายร้อยปี! ข้าน่ะขึ้นเรือโดยที่ไม่ได้ดูธงอย่างงั้นสินะ! ‘ แม้ว่าตัวเขาจะหนีไปในตอนนี้ยังไงซะตัวเขาก็จะต้องถูกตามล่าในอนาคตอยู่ดี และเพราะแบบนั้นเจียงอาเฉียนจึงเลิกคิดหนี
ครู่ต่อมาหมิงซี่หยินก็เดินกลับมา ตัวเขาคารวะลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านอาจารย์! “
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นพยักหน้าตอบรับก่อนจะพูดต่อไป “พาตัวจ้าวยู่กลับไปแล้วขังเธอไว้ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนซะ”
“ได้ครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินเดินไปหาหยวนเอ๋อก่อนที่จะเหลือบมองจ้าวยู่ หน้าผากของเธอในตอนนี้มีสัญลักษณ์ดอกบัวอยู่ และเมื่อเห็นแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ได้อุทานออกมาอย่างตื่นตกใจ “เวทมนตร์คาถาอย่างงั้นหรอ? “
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นก็ได้เอ่ยปากพูด “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ห้าน่ะถูกผนึกพลังวรยุทธเอาไว้ ถ้าหากท่านอาจารย์มาไม่ทันเวลา ข้าเกรงว่า…” หยวนเอ๋อยังไม่ทันได้พูดจบประโยคก็หยุดพูดไปซะก่อน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของวันที่เจียนอาเฉียนจะรู้สึกตื่นตกใจ เขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่คิดกับตัวเอง ‘ยังงี้นี่เอง เพราะมีปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เป็นอาจารย์จะต้องมาช่วยลูกศิษย์อย่างงั้นสินะ ข้าคิดว่าลูกศิษย์วายร้าย เธอคนนี้จะต้องถูกลงโทษแน่ ทำไมข้าถึงเพิ่งจะคิดได้กัน! ‘
ลู่โจวได้โบกมือส่งสัญญาณอย่างลวกๆ ในตอนนั้นวิซซาร์ดก็ได้บินลงมาจากท้องฟ้า
เมื่อเห็นสัตว์ขี่ในตำนาน ดวงตาของเจียนอาเฉียนก็เบิกกว้างขึ้น ในตอนนี้เขาได้ตกตะลึงอีกครั้ง เขาไม่ได้สนใจอะไรสัตว์ขี่นั่น สิ่งที่ทำให้เขาตกใจนั่นก็คือลู่โจวมีสัตว์ขี่ในตำนานถึง 2 ตัว เขารู้ดีว่าการจะทำแบบนั้นได้มันยากมากแค่ไหน ‘ตามที่คาดไว้ ปรมาจารย์มหาวายร้ายจากศาลาปีศาจลอยฟ้า ช่างใช้ชีวิตได้ยิ่งใหญ่สมชื่อจริงๆ สมแล้วที่เป็นมหาวายร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก’
“ท่านอาจารย์ ท่านจะให้ศิษย์กลับไปพร้อมกับวิซซาร์ดใช่ไหม? ” หมิงซี่หยินถามออกมาอย่างไม่เชื่อเท่าไหร่
“ไปซะ” ลู่โจวโบกมือ
หมิงซี่หยินดีใจมาก เขาพยักหน้าตอบรับในทันที “ขอบคุณมากท่านอาจารย์”
จ้าวยู่เองก็โค้งคำนับลู่โจวก่อนจะพูดออกมา “ศิษย์รู้ดีว่าศิษย์ได้ทำผิดพลาดไปแล้ว ศิษย์จะกลับใจ ศิษย์จะทบทวนถึงความผิดเมื่อกลับไปยังภูเขาทอง”
หลังจากนั้นวายร้ายทั้งสองก็ขี่วิซซาร์ดก่อนที่จะบินลัดฟ้าหายไป
หยวนเอ๋อที่เห็นศิษย์พี่ทั้งสองจากไปได้เดินมาไถ่ถามลู่โจว “ท่านอาจารย์ พวกเราจะไปสนุกที่ไหนกันต่อดี? “
ลู่โจวเคาะหัวเพื่อเป็นการลงโทษหยวนเอ๋อตัวน้อยไป “ข้ายังมีธุรจะต้องจัดการ สนุกอะไรกันล่ะ”
“ค่ะ”
ลู่โจวหันไปมองเจียนอาเฉียนที่กำลังแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ตัวเขาได้แต่จ้องมองเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ได้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะพูดออกมา “ช่างน่าขายหน้าซะจริง”
หยวนเอ๋อที่ไม่เข้าใจความหมายได้ถามออกมาอย่างสับสน “ท่านอาจารย์ ขายหน้าอะไรกันหรอคะ? “
“คนที่ฉลาดน่ะมักจะระแวดระวังตัวเสมอ…” ลู่โจวพูดก่อนที่จะเหลือบมองไปยังเจียนอาเฉียน “ข้าหวังว่าเจ้าเองก็คงจะฉลาดนะ ใช่ไหม? “
ในตอนนั้นเจียงอาเฉียนก็นึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างได้ เขาลุกขึ้นยืนก่อนที่จะมองไปรอบตัว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติเข้า “ท่านผู้อาวุโส ท่านบอกว่าพวกเราถูกคนจากพระราชวังติดตามอยู่อย่างงั้นหรอ? “
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าก็แค่คาดการเท่านั้น”
“ยังงี้เอง…” เจียงอาเฉียนพูดเสร็จก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ
“เจียงอาเฉียน เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกแสดงละครสักทีล่ะ? “