My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 78
ลู่โจวเปิดหน้าเมนูระบบขึ้นมาเพื่อที่จะเตรียมศึกษาเคล็ดอักษรสวรรค์อีกครั้ง ตัวเขาได้เชื่อมต่อพลังลมปราณผ่านเส้นพลังลมปราณทั้งแปด แต่ถึงแบบนั้นเส้นพลังลมปราณที่ลู่โจวสามารถเชื่อมต่อได้ก็ไม่ใช่เส้นพลังลมปราณของผู้ฝึกยุทธระดับมหาราชครูจริงๆ มันเป็นเส้นพลังลมปราณที่สามารถใช้ได้เพราะพลังร่างอวาตารจตุกายาที่เขามี และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่สามารถใช้พลังลมปราณจากจุดพลังลมปราณอย่างเต็มที่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ลู่โจวหมดหนทางที่จะหาแต้มบุญอย่างรวดเร็วแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอะไรเหลือนอกซะจากศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากนั้นไม่นานเสียงของหยวนเอ๋อ เด็กสาวตัวน้อยก็ได้ดังมาจากด้านนอกของประตู “ท่านอาจารย์ ข้าส่งจดหมายหาเจียนอาเฉียนเรียบร้อยแล้ว”
ลู่โจวไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ เขามั่นใจว่าเจียงอาเฉียนจะต้องสืบข้อมูลที่ตัวเขาต้องการมาได้แน่ ในตอนนั้นเองเมื่อนึกถึงเจียงอาเฉียนได้ลู่โจวก็จำคำสัญญาที่เขาได้บอกไป ตัวเขาจะมอบดาบให้เป็นรางวัลกับชายคนนี้นั่นเอง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ได้ลู่โจวก็ได้แต่ส่ายหัว แม้ว่าจะพูดรับปากไปแต่การจะหาดาบที่แข็งแกร่งพอๆ กับดาบคู่ทั้งสองเล่มนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ลู่โจวมองไปรอบๆ ตัวก่อนที่จะหยุดจ้องมองไปที่ดาบเล่มหนึ่ง ดาบเล่มนั้นเป็นดาบที่เข้าปะทะกับอาวุธนิรนามในตอนที่ทดสอบอาวุธครั้งก่อน
“หืม? รูอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวสังเกตเห็นรูที่อยู่บนดาบ เขารู้สึกตกตะลึงกับการค้นพบในครั้งนี้
‘รูนี่เกิดจากอาวุธนิรนามอย่างงั้นหรอ? ‘ ลู่โจวรีบดึงดาบเล่มนั้นออกมาจากฝักก่อนที่จะตรวจสอบมันในทันที นี่มันดาบคุณภาพดี แม้ว่ามันจะเป็นอาวุธธรรมดาๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ถูกหลอมมาจากโลหะอย่างดี ดูเหมือนว่ามันจะมีความทนทานมากกว่าอาวุธทั่วๆ ไป
ลู่โจวที่เห็นดาบเล่มนั้นเป็นรูไปก็ได้แต่ตื่นตกใจ ‘อาวุธนิรนามนั่นทรงพลังขนาดนี้เลยอย่างงั้นหรอ? เหลือเชื่อจริง! ‘
ลู่โจวในตอนนั้นได้ชูแขนขวาขึ้น และในตอนนั้นเองอาวุธนิรนามก็ได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา ตัวเขาได้ใช้มันฟาดโจมตีลงไปที่ดาบเล่มเดิมอย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นตัวเขาก็ตรวจสอบที่อาวุธนิรนามดู ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงผลลัพธ์จะเป็นแบบนั้นแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับดาบกับไม่เป็นเหมือนกัน จุดที่ถูกอาวุธนิรนามโจมตีเข้าใส่ของดาบเล่มได้แตกสลายไป
ลู่โจวรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาในอดีตไม่เคยคิดว่าอาวุธนิรนามนี่จะไร้ประโยชน์ไปซะทีเดียว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่เคยคิดว่ามันจะมีพลังพิเศษอันทรงพลังอะไร เขารู้เพียงว่าอาวุธนิรนามสามารถสร้างความเสียหายให้กับอาวุธคุณภาพสูงได้ ลู่โจวที่เห็นผลการทดสอบกับตารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ‘นี่มันไม่ใช่ขยะอย่างงั้นสินะ มันเป็นสมบัติชัดๆ! ‘ หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้ใช้แขนโบกอาวุธนิรนามอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะหายตัวไปในกลางอากาศ
บางทีที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าอาวุธนิรนามที่ตัวเขามีจะแข็งแกร่งขึ้นตามพลังวรยุทธของผู้ใช้ แม้ว่าลู่โจวจะไม่ใช่ผู้ใช้วรยุทธระดับมหาราชครูที่สมบูรณ์แบบ แต่ถึงแบบนั้นพลังของเขาในตอนนี้ก็มีมากกว่าพลังวรยุทธในระดับสังหรณ์หยั่งรู้เหมือนเมื่อก่อน
ลู่โจวยังค้นหาดาบเล่มอื่นอีกต่อไป อาวุธนับไม่ถ้วนในห้องแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาทึบ ลู่โจวได้สะบัดมือเล็กน้อย เขาใช้พลังลมปราณเพื่อขจัดฝุ่นบางส่วนที่อยู่ตรงหน้าออกไป
“นี่มันอะไรกัน…” ลู่โจวพบหอกเล่มหนึ่งเข้า มันเป็นหอกที่มีรูปทรงที่ประหลาด มันยาวประมาณ 13 ฟุตด้วยกัน ดูเหมือนส่วนปลายของหอกจะถูกทำมาจากเหล็กกล้าบริสุทธิ์ ที่ด้ามจับของมันมีลายสลักมังกรประดับตกแต่งอยู่
ลู่โจวจับหอกเล่มนั้นขึ้นมา ในตอนนั้นเองเขาก็ตกใจกับน้ำหนักของมัน น้ำหนักของมันมีประมาณ 50 กิโลกรัมด้วยกัน โชคดีที่น้ำหนักขนาดนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับผู้ฝึกยุทธแบบเขา
“ติ้ง! คุณได้รับหอกราชัน ผู้เหมาะสมที่แนะนำ:ด้วนมู่เฉิง”
ลู่โจวที่เห็นการแจ้งเตือนของระบบได้พูดออกมาอย่างสงสัย “ด้วนมู่เฉิงอย่างงั้นหรอ์”
หอราชันเป็นหอกที่มีทั้งขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักที่มาก มันดูยิ่งใหญ่และทรงพลังในเวลาเดียวกัน และแน่นอนมันไม่เหมาะกับชายชราผู้ที่มีกระดูกไม่แข็งแรงอย่างลู่โจว ตัวเขาชอบที่จะใช้อาวุธนิรนามมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธนิรนามยังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของมันให้กลายเป็นอาวุธชิ้นต่างๆ ตามที่ต้องการได้อีกด้วย และเพราะแบบนั้นแล้วมันจึงมีประโยชน์มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็พบกับดาบที่วางตรงมุมห้อง ดาบเล่มนี้ดูเหมือนจะไม่มีลักษณะเด่นอะไร ในตอนที่ลู่โจวได้หยิบขึ้นมา เขาก็ชักดาบออกมาจากฝึกอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเองเสียงกระทบกันของโลหะก็ได้ดังขึ้น
“นี่มันเป็นดาบที่ดีจริงๆ! ” ลู่โจวอุทานขึ้นมา คำพูดของเขาดังกึกก้องอยู่ภายในห้องที่มีตัวเขาคนเดียว…
เพล๊ง!
ดาบที่เขาถืออยู่หัก
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้แต่ไอออกมาอย่างอับอาย ตัวเขาหน้าแดงระเรื่อก่อนที่จะโยนดาบที่เคยคิดว่าเป็นสมบัติล้ำค่าทิ้งไป ดาบเล่มนี้มันเปราะบางราวกับเศษแก้ว มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันทีที่สัมผัสกับพื้นห้อง ทำไมถึงมีอาวุธกากๆ แบบนี้อยู่ในห้องลับกัน?
ลู่โจวไม่อยากจะหาอาวุธภายในห้องอีกต่อไป ตัวเขาไม่ได้มีเวลาเหลือมากพอที่จะมาตรวจสอบอาวุธทีละชิ้นในห้องแห่งนี้ ลู่โจวตัดสินใจที่จะหาลูกศิษย์สักคนมาจัดเรียงพวกมันในอนาคตแทน และเพราะงั้นดาบที่จะเป็นรางวัลของเจียนอาเฉียนจะต้องถูกชะลอไปก่อน
ไม่นานมากนักเขาก็กลับไปยังที่นั่งของตัวเองก่อนที่จะนั่งสมาธิ ลู่โจวเริ่มฝึกฝนตนเองอีกครั้ง
…
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
หยวนเอ๋อได้กระโดดเข้ามายังศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างร่าเริง “ท่านอาจารย์ เจ้าคนไร้ยางอายนั่นตอบกลับมาแล้ว”
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่พูดตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์ “งั้นอ่านมันให้ข้าฟังหน่อย”
หยวนเอ๋อกระแอมลำคอเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็พยายามเลียนแบบวิธีการพูดและสำเนียงของเจียนอาเฉียน “สิ่งที่ท่านสงสัยประการแรก ข้าไม่สามารถหาหลักฐานอะไรที่เกี่ยยวกับเหตุการณ์ที่หมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ถูกทำลายไปได้เลยในตอนนี้ แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ได้พบกับข้อมูลอะไรบางอย่างหลงเหลืออยู่ที่หอจดหมายเหตุในพระราชวังและหอจดหมายเหตุในอำเภอท้องถิ่นถูกทิ้งเอาไว้ การสืบสวนจากทางการบอกเอาไว้ว่าผู้ที่ลงมือกวาดล้างหมู่บ้านในครั้งนั้นก็คือจีเทียนเด๋า ส่วนเรื่องประการที่สองข้าคิดว่าบันทึกพวกนั้นคงจะเป็นของที่ถูกดัดแปลงขึ้นมา คนที่น่าสงสัยที่สุดในตอนนี้ก็คืออัศวินดำฝานซุยเหวิน อัศิวนดำเป็นทหารที่อยู่ภายใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิโดยตรง พวกอัศวินดำจึงเป็นกองกำลังพิเศษ กองกำลังรักษาองค์จักรพรรดิ ข้ายังมีเรื่องสำคัญอีกสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อเฉาซั้ว ไม่มีใครเชื่อนายพลคนนี้ที่ได้บอกตัวตนที่แท้จริงของท่านไปเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนเรื่องอย่างที่สอง ข้าหวังว่าท่านผู้อาวุโสจะยังไม่ลืมสัญญาของเขา ดาบที่ท่านรับปากเอาไว้! ฮาฮาฮ่า! “
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พึมพำออกมา “อัศวินดำ…ฝานซุยเหวินอย่างงั้นหรอ? “
“ท่านอาจารย์…คนคนนี้เป็นยอดฝีมือหรอคะ? “
ลู่โจวไม่ได้ตอบคำถามของหยวนเอ๋อไป ตัวเขาเองไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับคนคนนี้เลย หรือว่าเขาจะเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่งลู่โจวก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “เรียกตัวหมิงซี่หยินมาที่นี่ที”
“ค่ะ! ” หยวนเอ๋อรู้สึกสับสนนิดหน่อย แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ทำตามคำสั่งของลู่โจวอย่างเชื่อฟัง
ผ่านไปได้ไม่นานมากนักหมิงซี่หยินก็ได้วิ่งมาถึงศาลาปีศาจลอยฟ้าพร้อมกับรอยยิ้มที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ไม่ต้องอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อน หมิงซี่หยินไม่อยากที่จะอยู่ในที่ที่แออัดแบบนั้นนานกว่านี้ เขารีบทำความเคารพลู่โจวในทันที “สวัสดีครับ ท่านอาจารย์! “
ลู่โจวไม่ได้ทักทายอะไรกลับไป เขารีบพูดถึงสิ่งที่อยากพูดในทันที “ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
เมื่อหมิงซี่หยินได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการเอง ท่านอาจารย์! “
ลู่โจวได้เอ่ยปากถามออกไป “เจ้ารู้จักผู้นำอัศวินดำ ฝานซุยเหวินไหม? “
“ข้าไม่รู้จัก…คนคนนั้นคงจะเป็นคนของทางการ ชายคนนั้นคงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับโลกยุทธภพมากนัก”
“ไปบอกเจ้านั้นว่าข้าต้องการที่จะพบ” ลู่โจวได้พูดออกไปอย่างแผ่วเบา
“ศิษย์เข้าใจแล้ว! ” หมิงซี่หยินตอบรับในทันที ‘ข้าชอบจริงๆ งานง่ายๆ แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการปอกกล้วยเข้าปาก! ‘ หลังจากที่ตอบรับคำสั่ง หมิงซี่หยินก็ได้พุ่งออกจากภูเขาทองอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่หมิงซี่หยินจากไป หยวนเอ๋อก็สังเกตเห็นนกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งที่ลอยอยู่บนศาลาปีศาจลอยฟ้า
“มีจดหมายค่ะ! ” หยวนเอ๋อรีบบินขึ้นไปคว้าเอาจดหมายเอาไว้ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
หยวนเอ๋อได้รีบรายงานทันทีเมื่อเห็นจดหมาย “ท่านอาจารย์! มีจดหมายอีกฉบับของเจียงอาเฉียนค่ะ! “
“อ่านให้ข้าฟัง”
หยวนเอ๋อเริ่มอ่านข้อความในจดหมายฉบับใหม่ในทันที “ข้าต้องขอโทษด้วยท่านผู้อาวุโส พอดีกระดาษข้าหมดน่ะ ข้าลืมบอกท่านไป ฝานซุยเหวินแท้จริงแล้วมีชื่อว่าเล่งลั้ว ชายคนนี้มีสมญานามว่ายมทูตสีดำ เขาเป็นชายผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีดำอันดับที่ 1 เมื่อ 300 ปีก่อน ข้าคิดว่าท่านคงจะรู้จักกับชายคนนี้ดีและเพราะแบบนั้นข้าจึงไม่อยากที่จะอธิบายอะไรเพิ่ม”
หยวนเอ๋อที่อ่านจดหมายจบได้ทำลายจดหมายไปในทันที ในตอนนี้เธอเป็นเด็กสาวที่มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น และเพราะแบบนั้นหยวนเอ๋อจึงไม่รู้จักชายที่เจียวอาเฉียนพูดถึงเลย ชายคนนี้โด่งดังในช่วงเวลา 300 ปีก่อน แต่เมื่อเห็นระยะเวลาที่เจียวอาเฉียนพูดถึง เวลากว่า 300 ปีจะต้องทำให้ชายคนนี้มีวรยุทธที่ลึกล้ำอย่างแน่นอน
“เล่งลั้ว…” ในตอนนั้นเองภาพความทรงจำเกี่ยวกับชายคนนี้ก็ได้ผุดขึ้นมาในหัวของลู่โจว “หรือว่าจะเป็นเขากัน? “
“ท่านอาจารย์ เขาคือใครอย่างงั้นหรอ? พวกเราเชื่อถือคำพูดของเจ้าไร้ยางอายนั่นไม่ได้สินะ”
ลู่โจวส่ายหัว ดูเหมือนว่าเรื่องในครั้งนี้จะเป็นความจริง มันเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจียนอาเฉียนเพราะแบบนั้นแล้วเขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาโกหก
“เจ้าสี่ไปไหนแล้ว? “
“ด้วยความเร็วของศิษย์พี่ ข้าคิดว่าศิษย์พี่คงออกจากม่านพลังไปแล้วค่ะ…”