My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 81
สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็รู้สึกพึงพอใจมาก ลูกศิษย์ของเขาด้วนมู่เฉิงเป็นคนที่ไม่ใช่คนที่ไม่สามารถคาดเดาได้เหมือนกับหมิงซี่หยิน นับตั้งแต่ที่ลู่โจวถูกเหล่ายอดฝีมือทั้งสิบเข้าจู่โจม ในตอนนั้นค่าความจงรักภักดีของด้วนมู่เฉิงก็คงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับลูกศิษย์คนอื่นๆ อย่างหมิงซี่หยินและจ้าวยู่ ลู่โจวรู้สึกชอบนิสัยของด้วนมู่เฉิงมากกว่า
ถ้าหากด้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินมีวรยุทธอยู่ในระดับเดียวกัน ด้วยมู่เฉิงคงจะสามารถเอาชนะหมิงซี่หยินในการต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ยังมีแต้มต่ออยู่ ในเหตุการณ์ที่ภูเขาทองถูกโจมตี หมิงซี่หยินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาสามารถรักษาตัวเองได้ด้วยพลังจากเคล็ดวิชาเวหาพงพนาทำให้ตัวเขาได้รับพลังวรยุทธเพิ่มมากขึ้น และเพราะแบบนั้นวรยุทธของด้วนมู่เฉิงจึงก้าวหน้าช้ากว่าหมิงซี่หยิน ลู่โจวไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ลูกศิษย์ของเขาคนนี้สามารถพัฒนาวรยุทธตามหมิงซี่หยินได้
“เยี่ยมมาก! ” หยวนเอ๋อปรบมืออย่างตื่นเต้น
ลู่โจวมองไปที่หยวนเอ๋อก่อนที่จะตำหนิเธอด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ก็เพราะเจ้าน่ะขี้เกียจและไร้ความผิดชอบยังไงล่ะ เจ้าน่ะควรจะฝึกหนักเพื่อไม่ให้ขายหน้าศิษย์พี่ได้แล้วนะ”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นแลบลิ้นออกมาก่อนจะตอบรับไว้ “ท่านอาจารย์ ศิษย์ทราบแล้ว”
ในความเป็นจริง ลู่โจวไม่ได้รู้สึกห่วงอะไรหยวนเอ๋อเลย ยังไงซะเธอคนนี้ก็เป็นศิษย์คนสุดท้ายของตัวเขา แม้ว่าเธอจะอายุยังน้อยแต่ถึงแบบนั้นวรยุทธของเธอกลับก้าวหน้าพัฒนาอย่างรวดเร็ว แม้แต่โจวจี้เฟิง อัจฉริยะแห่งสำนักดาบสวรรค์เองยังไม่สามารถเทียบกับหยวนเอ๋อได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นไม่นานด้วนมู่เฉิงก็ได้เดินกลับมายังห้องโถงของศาลาปีศาจลอยฟ้าด้วยท่าทีที่กระปรี้กระเปร่า โซ่ที่ยังพันธนาการตัวเขาเอาไว้ได้ส่งเสียงขูดพื้นไปทั่วทั้งศาลา
โจวจี้เฟิงเดินตามหลังด้วนมู่เฉิงมาอย่างติดๆ สีหน้าของเขามีทั้งความชื่นชมและความอิจฉา
ส่วนฝางซงเองก็เดินตามมาเช่นกัน สีหน้าของเขาไม่ได้แตกต่างอะไรกับโจวจี้เฟิงเลย
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะไม่ได้เข้ามาอยู่ในภูเขาทองด้วยฐานะลูกศิษย์ก็ตามที แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาทั้งสองก็พึงพอใจในสถานะที่ตัวเองมี อย่างน้อยที่สุดแล้วพวกเขาก็สามารถฝึกวรยุทธของตัวเองไปโดยไม่ต้องสนใจเรื่องทางโลก ท้ายที่สุดแล้วยิ่งพวกเขาฝึกฝนตัวเองได้อย่างสงบมากเท่าไหร่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสองก็จะแข็งแกร่งขึ้นตามเอง
ทันทีที่ด้วนมู่เฉิงเข้ามาในห้องโถงศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นก่อนที่จะทำท่าคารวะในทันที “ในที่สุดศิษย์ก็โชคดีสามารถฝึกฝนตัวเองจนมีวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ศิษย์สามารถใช้พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีได้แล้วครับ! “
สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้รู้สึกพึงพอใจมาก เขาได้ลูบเคราตัวเองไปด้วยก่อนที่จะพูดออกมา “เป็นเรื่องดีแล้วที่เจ้ามีวันนี้ แต่ยังไงซะเส้นทางการฝึกยุทธน่ะยังอีกยาวไกล ยังไงเจ้าก็อย่าทะนงตนให้มากนักล่ะ ทำดีต่อไปซะ” ลู่โจวพยายามใช้คำพูดให้ดูเหมือนกับอาจารย์ผู้หวังดีกับศิษย์ให้ได้มากที่สุด
การแสดงออกของลู่โจวผิดคาดของฝางซงและโจวจี้เฟิง พวกเขาทั้งสองคนคิดมาตลอดว่าปรมาจารย์มหาวายร้ายที่กล้าท้าทายคนทั้งโลกจะโหดร้ายและดุดันมากกว่านี้
“ขอบคุณสำหรับคำสั่งสอนท่านอาจารย์ ศิษย์จะจำเอาไว้” ด้วนมู่เฉิงพูดออกมาด้วยความจริงใจ ในตอนนั้นเองค่าความจงรักภักดีของเขาก็เพิ่มขึ้นมา 1%
ดูเหมือนว่ายิ่งมีค่าความจงรักภักดีที่สูงขึ้น เปอร์เซ็นต์ค่าความจงรักภักดีก็จะเพิ่มสูงขึ้นได้ยากตามไปด้วย
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็นึกถึงหอกราชันขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าเจ้าของหอกจะถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ด้วนมู่เฉิงเป็นคนที่เหมาะที่จะใช้มันมากที่สุด ในตอนนี้ลู่โจวเข้าใจเหตุผลแล้ว หลังจากที่ด้วนมู่เฉิงสามารถฝึกวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้อาวุธด้วยกันถึง 2 แบบไป และเพราะแบบนั้นด้วนมู่เฉิงก็คงจะเหมาะที่จะใช้อาวุธชิ้นนั้นมากที่สุดแล้ว ถ้าหากด้วนมู่เฉิงแข็งแกร่งมากขึ้น มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อลู่โจวเอง หลังจากที่คิดเรื่องนี้ได้แล้วลู่โจวก็พูดออกมาอีกครั้ง “ช้าก่อน เจ้าน่ะรอข้าเดี๋ยว”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว”
…
ลู่โจวกลับไปยังห้องลับของเขา หลังจากนั้นเขาก็หยิบหอกราชันขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ
ลวดลายมังกรที่พันอยู่รอบด้ามหอกราชันมังกรทำให้อาวุธชิ้นนี้พุ่งทะยานลอยไปได้อย่างสง่าผ่าเผย
หลังจากที่ลู่โจวได้รับหอกราชันมา ตัวเขาก็รีบกลับไปยังห้องโถงใหญ่อีกครั้ง ในตอนนั้นเองเขาก็โยนหอกราชันให้กับด้วนมู่เฉิงไป
พรึ๊บ!
คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นถึงกับตื่นตกใจ พวกเขาทั้งหลายคิดว่าลู่โจวกำลังจะลงโทษด้วนมู่เฉิงในตอนนั้นเองจึงไม่มีใครกล้าที่จะหยุดหอก
ในตอนนั้นด้วนมู่เฉิงเองตกใจก่อนที่จะยกโซ่ที่ล่ามอยู่บนตัวขึ้นมาป้องกันตามสัญชาตญาณ
แคล๊ง!
เสียงของโลหะที่เข้าปะทะกันได้ดังกึกก้อง ประกายไฟที่เกิดจากการปะทะเองได้สว่างไสวขึ้นมา เมื่อตั้งสติได้ด้วนมู่เฉิงก็คว้าหอกราชันเอาไว้อย่างรวดเร็ว เพียงแวบเดียวที่ตัวเขาได้จับหอกเอาไว้ด้วนมู่เฉิงก็รู้ได้ทันที ‘หอกนี่มันอาวุธชั้นยอด! ‘
“ข้าขอมอบหอกให้กับเจ้า มันคือหอกราชันยังไงล่ะ ใช้มันให้ดีและอย่าทำให้ข้าผิดหวังซะละ! ” ลู่โจวได้พูดออกมา
ด้วนมู่เฉิงดีใจมากเมื่อได้ยินลู่โจวพูดแบบนั้น เขารีบเก็บหอกราชันไปข้างๆ ก่อนที่จะทำความเคารพลู่โจวอีกครั้ง “ศิษย์ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่มอบอาวุธให้”
ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อ, โจวจี้เฟิง และฝางซงต่างก็ตกใจในสิ่งที่เห็น พวกเขาทั้งหมดที่เห็นความตั้งใจจริงของลู่โจวรู้สึกอิจฉาด้วนมู่เฉิงมาก
“ติ้ง! หอกราชันมีผู้ใช้งานแล้ว เปิดการใช้งานอาวุธระดับสรวงสวรรค์: หอกราชัน ได้รับรางวัล 1,000 แต้มบุญ”
ลู่โจวในตอนนั้นได้พบกับความจริงอะไรบางอย่างเข้า การจะใช้อาวุธระดับสรวงสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบมีแต่จะต้องมอบให้กับผู้ที่คู่ควรกับมันเท่านั้น ถ้าหากมอบอาวุธไม่เหมาะสมกับผู้ใช้ไป แบบนั้นก็คงจะไม่สามารถใช้ศักยภาพของอาวุธชิ้นนั้นได้อย่างเต็มที่ ถ้าหากลู่โจวจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าด้วนมู่เฉิงจะสามารถทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการตัวเองได้ด้วยอาวุธระดับสรวงสวรรค์ นี่ช่างเป็นรางวัลที่สุดยอดอะไรแบบนี้! ตอนนี้ตัวเขาได้แต่สงสัยว่าเหลืออาวุธกี่ชิ้นกันแน่หลังจากที่จีเทียนเด๋าได้ตายจากไป ในช่วงสุดท้ายของชีวิตจีเทียนเด๋า เขาคนนั้นได้พยายามห้ามปรามลูกศิษย์ของตัวเองไม่ให้เก่งไปมากกว่านี้ มันเป็นการกระทำที่สูญเปล่าสำหรับลู่โจว ดังนั้นลู่โจวจะไม่เดินซ้ำรอยกับจีเทียนเด๋าอย่างแน่นอน เขาจะดูแลลูกศิษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
เมื่อด้วนมู่เฉิงรับหอกราชันไป ค่าความจงรักภักดีก็เพิ่มมากขึ้น 1% อีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ศิษย์เองก็อยากได้! ” หยวนเอ๋ฮได้พูดก่อนที่จะวิ่งไปหาลู่โจว
โชคดีที่ลู่โจวได้คิดคำตอบรอเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว “วรยุทธของเจ้าน่ะยังต่ำจนเกินไป เจ้าน่ะอย่ามาวุ่นวายกับข้าจะดีกว่า”
ถึงแม้ว่าการที่ผู้ฝึกยุทธจะมีอาวุธระดับสรวงสวรรค์ปกป้องตัวเองจะเป็นสิ่งที่ดีก็ตามที แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากผู้ฝึกยุทธคนนั้นไม่แข็งแกร่งมากพอ ท้ายที่สุดแล้วการครอบครองสมบัติล้ำค่าก็จะเป็นเหมือนกับการพาภัยอันตรายมาหาตัวเอง ของที่ล้ำค่ามักจะดึงดูดคนโลภมากมาด้วยเสมอ ยังไงซะนี้ก็จะเป็นผลดีกับตัวของหยวนเอ๋อเอง
“ก็ได้…” หยวนเอ๋อได้แต่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
ด้วนมู่เฉิงไม่ยอมทิ้งอาวุธชิ้นใหม่เลย ตัวเขายิ่งจ้องมองไปที่มันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบอาวุธชิ้นนี้มากขึ้นเท่านั้น ด้วนมู่เฉิงได้มองไปรอบๆ เพื่อที่จะหาผู้ทดสอบอาวุธชิ้นใหม่ แน่นอนว่าท่านอาจารย์ของเขาอย่างลู่โจวไม่ได้อยู่ในตัวเลือก ดังนั้นที่แห่งนี้จึงมีเพียงฝางซงและโจวจี้เฟิงเท่านั้นที่อยู่ในตัวเลือก
“พวกเจ้าสองคน”
“ศิษย์พี่สามมีอะไรให้พวกเรารับใช้อย่างงั้นหรอ? “
“ประลองกับข้าซะ”
ฝางซงและโจวจี้เฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นต่างตกตะลึงไปในทันที
ด้วนมู่เฉิงไม่รอให้พวกเขาทั้งสองคนได้ตั้งตัวรีบชิงพูดต่อไป “ข้าจะรออยู่ที่หลังภูเขา” หลังจากพูดจบด้วนมู่เฉิงก็ได้ทำความเคารพลู่โจวก่อนที่จะพูดกับเขาอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ข้าขอตัวไปทดลองใช้อาวุธชิ้นใหม่นะครับ”
“เอาสิ” ลู่โจวพูดก่อนที่จะโบกมือให้
ฝางซงและโจวจี้เฟิงถึงกับแสดงสีหน้าออกมาอย่างขมขื่น พวกเขาทั้งสองคนได้แต่เดินออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปอย่างไม่เต็มใจ
…
หลังจากทั้งสามคนออกจากศาลาไป นกพิราบสื่อสารก็ได้บินเข้ามา
หยวนเอ๋อรู้หน้าที่ของตัวเองดี เธอรีบกระโดดขึ้นไปก่อนที่จะคว้านกพิราบสื่อสารเอาไว้ “ท่านอาจารย์ จดหมายจากศิษย์พี่สี่ ศิษย์จะอ่านให้ท่านฟังเอง…” เธอรีบคลี่จดหมายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะอ่านออกเสียง “ท่านอาจารย์ ข้าได้ส่งข้อความของท่านให้กับอัศวินดำทั้งหลายเป็นที่เรียบร้อย…เจ้านั่นจะต้องมาหาท่านภายในไม่กี่วันมานี้ ศิษย์จะเป็นคนจับตาดูพวกมันตลอดทางเอง”
หลังจากที่หยวนเอ๋ออ่านจดหมายจบ เธอก็อุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจ “เจ้าฝานซุยเหวินช่างกล้าหาญซะจริง เจ้านั่นคิดว่าจะมาที่นี่ง่ายๆ อย่างงั้นสินะ ท่านอาจารย์ อย่าได้เมตตาเจ้านั่นเลย จัดการเจ้านั้นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว! ให้มันได้กลับไปคิดทบทวนตัวเองในนรกด้วยเถอะ! “
“…”
‘ถ้าหากจัดการเจ้านั้นไป เรื่องราวในอดีตความจริงของเบื้องหลังเรื่องของหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์จะเป็นยังไงกันล่ะ? ‘ แม้ว่าจะคิดแบบนั้นแต่ใบหน้าอันเหี่ยวเฉาของลู่โจวก็ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดสงสัย ฝานซุยเหวินหรือเจ้าเล่งลั้วนั่นเป็นคนที่มีไหวพริบอันเฉียบคมแถมยังรักชีวิตตัวเองมากอีกด้วย เจ้านั่นคล้ายกับเจียงอาเฉียนไม่มีผิด แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่คล้ายซะทีเดียว เจียงอาเฉียนน่ะเป็นคนที่มีชีวิตชีวามากกว่าแต่กลับกัน เจ้าเล่งลั้วนั่นเป็นคนเจ้าแผนการ
‘ไม่มีทางเลยที่คนแบบนี้จะถูกยั่วยุให้มาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าง่ายๆ ฝานซุยเหวินน่าจะรู้ข่าวที่ฉันสามารถเอาชนะสิบยอดฝีมือได้ เจ้านั่นมันไม่กลัวเลยอย่างงั้นหรอ เจ้านั่นมันเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่? ‘
แม้ว่าลู่โจวจะสามารถใช้พลังอวตารทั้งเก้าแห่งร้อยวิถีด้วยการใช้พลังจากการ์ดระเบิดจุดสุดยอดได้ แต่ข่าวที่ว่าก็ไม่มีใครที่จะคิดเชื่อ
“หยวนเอ๋อ”
“ค่ะท่านอาจารย์”
“สองสามวันมานี้ยี่เทียนซินเป็นยังไงบ้าง? “
“นอกจากผิวของเธอที่เปลี่ยนแปลงไปกับอาการตื่นตกใจศิษย์พี่ก็ยังดูสบายดีค่ะ” หยวนเอ๋อตอบกลับ
ลู่โจวพยักหน้าตอบรับไป หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องลับอย่างช้าๆ อีกครั้ง
“ท่านอาจารย์เดินระวังด้วย”
ลู่โจวรู้ว่าเขาจำเป็นจะต้องเตรียมการในตอนที่ฝานซุยเหวินมาถึง เขาจำเป็นจะต้องหาวิธีเอาชนะชายคนนี้ให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นฝานซุยเหวินยังเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับความจริงเรื่องในอดีต ความจริงที่หมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ถูกกวาดล้างไป ความทรงจำที่ลู่โจวมีในตอนนั้นมันขาดหายไปนั่นเอง
ลู่โจวที่เข้าห้องลับมาได้เปิดเมนูระบบขึ้น ตอนนี้ตัวเขามีแต้มบุญ 1,310 แต้มแล้ว ตัวเขาไม่ได้รู้สึกสนใจการ์ดพลังชีวิตอีกต่อไป ด้วยแต้มบุญที่มีในตอนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะซื้อพลังร่างอวตารใหม่ได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่ลู่โจวพอจะทำได้นั่นก็คือการจับฉลากนำโชค
“ติ้ง! หมิงซี่หยินได้สังหารอัศวินดำ 2 คน ได้รับแต้มบุญ 200”
“ติ้ง! หมิงซี่หยินได้สังหารอัศวินดำ 2 คน ได้รับแต้มบุญ 200”