My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 90
นักดาบชุดเขียวไม่ได้จ้องมองกลับไปยังชายชุดดำที่อยู่ด้านหลัง ในตอนนั้นใบหน้าได้เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มขึ้นมา “บอกเจ้าสำนักของเจ้าซะ วันนี้ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเข่นคร่าใครทั้งนั้น บอกไปว่าข้าต้องขออภัยด้วย”
และเพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง ทันทีที่ชายชุดดำได้ยินคำว่า ‘ข้าขอโทษ’ ในตอนนั้นเขาก็ได้ถอยกลับไปในทันที หลังจากนั้นชายชุดดำก็ได้โต้ตอบกลับมา “ท่านผู้อาวุโส ท่านสังหารดาบปีศาจเฉินเหวินเจี๋ยไปก่อนหน้านี้ แล้วเป้าหมายต่อไปของท่านผู้อาวุโสคือใครกัน? “
ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวที่ได้ยินคำถามแบบนั้นก็ได้หันกลับไปที่ชายชุดดำในทันที ตอนนี้ชายชุดดำได้ถอยห่างออกไปแล้ว ดูเหมือนว่าชายชุดดำจะรู้สึกหวาดกลัวมาก ชายชุดดำกังวลว่าเป้าหมายต่อไปของนักดาบคนนี้จะเป็นตัวเขานั่นเอง
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าน่ะเป็นคนที่อ่อนโยนและสุภาพมาโดยตลอด เจ้าสำนักของเจ้าน่ะรู้จักข้าดี” นักดาบชุดเขียวได้ตอบกลับไปอย่างคลุมเครือ
“เอ่อ…ข้าสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณอันทรงพลังของท่าน ท่านผู้อาวุโสข้าหวังว่าท่านจะไม่โกรธเคืองกับเรื่องนี้” หลังจากพูดจบชายชุดดำก็ได้คุกเข่า
“ข้าไม่เป็นไร” นักดาบชุดเขียวได้พูดเบาๆ ต่อไป “ขอบคุณที่ส่งข้อมูลให้กับข้าในวันนี้นะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายชุดดำก็ได้แต่เอามือปาดเหงื่อก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
นักดาบชุดเขียวได้พูดต่อไป “ถ้าหากข้าต้องการที่จะฆ่าเจ้าจริง ข้าก็คงจะบอกเจ้าล่วงหน้าแล้วล่ะ…เพื่อนยาก” นักดาบชุดเขียวได้หยุดพูดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดคำว่า ‘เพื่อนยาก’ ออกมาทีหลัง
ชายชุดดำไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกต่อไป ‘ถ้าหากให้เจ้านี้บอกเป้าหมายต่อไปบางทีเจ้านี้อาจจะฆ่าข้าก่อนก็เป็นได้’ ชายชุดดำในตอนนี้ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกต่อไป เขาได้แต่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ
นักดาบชุดเขียวยังคงเฝ้ามองอัศวินดำทั้งหลายต่อไป หลังจากนั้นเขาก็ได้ส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ฝานซุยเหวินขึ้นไปที่นั่นมาครึ่งวันแล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้านั่นคงจะไม่ได้กลับออกมา”
“ทะ…ท่านผู้อาวุโส ท่านจะไม่รออีกหน่อยอย่างงั้นหรอ? “
“น่าเบื่อเกินไป” นักดาบชุดเขียวพูดเสร็จก็ได้หันหลังก่อนที่จะจากไป เขาเดินไปในป่าอย่างรวดเร็วกว่า 100 เมตรด้วยกันกว่าที่จะหายตัวไปในอากาศทันที
ชายชุดดำถึงกับสะดุดขาตัวเอง เขาเสียการทรงตัวพักหนึ่งกว่าที่จะกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง ‘สุดท้ายงานนี้ข้าก็ต้องแบกรับเอง! ‘ หลังจากที่สงบสติอารมณ์ลงได้เขาก็เฝ้ามองอัศวินดำทั้งหลายต่อไป ในตอนนั้นเองมีใครคนนั้นปรากฏตัวขึ้น คนคนนั้นได้บินอยู่บนท้องฟ้าก่อนที่จะมาหยุดตรงหน้าของเหล่าอัศวินดำ “นั่นหมิงซี่หยินจากศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นหรอ? “
ไม่ว่าอัศวินกำจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแค่ไหน เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหมิงซี่หยินพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังกลับไป ในท้ายที่สุดแล้วเจ้าพวกนี้ก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกซะจากหนีจากภูเขาทองไป
ชายชุดดำที่เห็นแบบนั้นก็ได้พยักหน้ากับตัวเองก่อนที่จะพึมพำอะไรขึ้นมา “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านผู้อาวุโสดาบปีศาจรีบจากไปแบบนี้ แม้แต่ฝานซุยเหวิน ชายผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศาลาปีศาจลอยฟ้าก็คงจะไม่สามารถทำอะไรได้…ปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้นช่างแข็งแกร่งจริงๆ! ” ชายชุดดำได้ใช้เวลาอีกไม่นานเขาก็ได้ออกจากป่าแห่งนี้ไป
…
ณ ศาลาปีศาจลอยฟ้า
ลู่โจวได้เหลือบไปมองแต้มบุญที่มีอยู่ในเมนู ตอนนี้ตัวเขาเหลือแต้มบุญ 2,210 แต้ม ดูเหมือนว่าแต้มบุญที่ได้มาจากการจับกุมตัวของฝานซุยเหวินจะได้น้อยกว่าการสังหารผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์
‘ฉันเหลือค่าความโชคดี 5 แต้ม…ก่อนหน้านี้ที่พยายามจับฉลากนำโชคไปฉันก็ได้ค่าความโชคดี 2 ครั้งติดๆ ‘ ลู่โจวได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “แล้วถ้าหากฉันลองอีกครั้งล่ะ ยังไงซะครั้งที่สามฉันก็คงจะไม่ซวยหรอก…”
“จับฉลากนำโชค”
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม คุณได้รับค่าความโชคดี 1”
ลู๋โจวได้แต่ส่ายหัวเมื่อเห็นแบบนั้น ตัวเขาในตอนนี้พยายามที่จะหักห้ามใจไม่ใช่จับฉลากอีกต่อไป ‘นี่ก็คงเป็นเหมือนกับการขัดเกลาอาวุธนั่นแหละนะ ฉันจะต้องอดทนและรอโอกาสอันดีต่อไป จะปล่อยให้การจับฉลากครอบนำจิตใจไม่ได้’
ชื่อ: ลู่โจว
เผ่า: มนุษย์
วรยุทธ: ขั้นมหาราชครู 8 เส้นพลังลมปราณ
แต้มบุญ: 2,160
อวตาร: จตุกายา
อายุขัย: 5,801 วัน
ของที่มี: การ์ดการโจมตีของเพรชฆาต x1, การ์ดป้องกันสุดยอด x2, การ์ดประกันชีวิตx7, ผนึกกักขังx5, วิซซาร์ด, บี่เอี๊ยน
อาวุธ: อาวุธนิรนาม, ห่วงแห่งรัก
เคล็ดวิชา: เคล็ดอักษรสวรรค์
“จะซื้อร่างอวตารเบญจจักรวาลได้จะต้องใช้แต้มบุญ 8,000 แต้ม…” ลู่โจวพึมพำออกมาก่อนที่จะขมวดคิ้วไปด้วย ถึงแม้ว่าจะสังหารฝานซุยเหวินกับคนอื่นๆ ตัวเขาก็คงจะไม่ได้แต้มบุญมากถึงขนาดนั้น ‘พลังร่างอวตารเบญจจักรวาลคงจะไม่ได้มีราคาถูกกว่าพลังร่างอวตารปัญจแห่งการเกิดใหม่, พลังร่างอวตารสัตตะดวงดาวแห่งวิญญาณและพลังร่างอวตารอัฏฐวิถีแน่’
ลู่โจวได้ใช้มือของตัวเองโบกสะบัดไปทางซ้าย ในตอนนั้นเมนูระบบทั้งหมดก็ได้หายไป ลู่โจวไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกรีบร้อนหรือลำบากใจอะไรเลย สำหรับตัวเขาในตอนนี้ก็ไปได้ไกลมากแล้วถ้าหากเทียบกับจีเทียนเด๋าที่มีอายุเกือบพันปี ‘ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม’
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็กลับมาอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ข้าจับพวกเชลยทั้งหมดขังเอาไว้ได้แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย” เมื่อลู่โจวสังเกตสีหน้าของหมิงซี่หยิน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าลูกศิษย์คนนี้พยายามที่จะประจบตัวเขา
แต่ถึงแบบนั้นด้วยความเคยชินที่ลู่โจวมีทำให้ตัวเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ สิ่งที่ลู่โจวเป็นห่วงมากกว่าคือหมิงซี่หยิน ลูกศิษย์คนนี้จะประจบตัวเขาได้ไปตลอดไปไหม ”
“แล้วเจ้าฝานซุยเหวินล่ะ? ” ลู่โจวได้ถามออกไปอย่างไม่แยแส
“ท่านอาจารย์ ฝานซุยเหวินเจ้านั่นดื้อรั้นเกินกว่าที่จะยอมบอกความจริงถึงผู้บงการที่ก่อเรื่องกวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ไป แต่ศิษย์มีวิธีที่อยากจะเสนอกับท่านอาจารย์…” ในตอนนั้นหมิงซี่หยินก็ได้ยิ้มอย่างอันตรายออกมา
ลู่โจวที่ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกไป “ฝานซุยเหวินน่ะเป็นหัวหน้าของเหล่าอัศวินดำ ถ้าหากเจ้านั่นสามารถที่จะไปเป็นถึงหัวหน้าแบบนั้นได้ เจ้าคิดว่าการทรมานของเจ้าจะได้ผลอย่างงั้นสินะ? “
“ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วถ้าหากเจ้านั่นไม่ยอมเปิดปากพูดล่ะ? ” หมิงซี่หยินได้ถามออกมาอย่างสับสน
“ไม่ต้องรีบร้อนไป” ลู่โจวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินลงบันไดมาพร้อมกับมือที่ไขว้หลังเอาไว้ “ข้าคิดว่าเจ้าผู้บงการคนนั้นจะต้องถือไพ่เหนือกว่าฝานซุยเหวินเป็นแน่”
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่พูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ “ทะ…ท่านอาจารย์วางแผนที่จะจัดการกับทางพระราชวังอย่างงั้นหรอ? “
สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ดูสงบนิ่ง ตัวเขาไม่ได้ตอบคำถามอะไร ปัจจุบันตอนนี้คนที่พอจะให้ข้อมูลกับเขาได้ก็มีแต่เพียงเจียงอาเฉียนคนเดียวเท่านั้น เขาคนนี้สามารถเข้าหาข้อมูลลับเกี่ยวกับทางพระราชวังได้ แต่ในตอนนี้เจียงอาเฉียนคงจะออกจากพระราชวังมาแล้ว ถ้าหากเป็นแบบนั้นเขาก็คงไม่สามารถเข้าไปในหอจดหมายเหตุในพระราชวังได้อีก ยิ่งไปกว่านั้นความจริงเรื่องนี้คงจะถูกคุ้มกันแน่นหน้าแน่
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจได้ ‘แลัวจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าหากพระราชวังตั้งใจที่จะใช้ศาลาปีศาจลอยฟ้าและพวกอัศวินดำเป็นเบี้ย? ‘ หลังจากที่คิดแบบนั้นเขาก็เรียกลูกศิษย์ตัวเองในทันที “หมิงซี่หยิน! “
“ครับท่านอาจารย์”
“ข้าจะปล่อยให้เจ้าสอบสวนฝานซุยเหวิน” ลู่โจวพูดเสร็จก่อนที่จะโบกมือให้
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตอบกลับไปอย่างเคารพ “ครับท่านอาจารย์ ข้าจะสอบสวนเจ้านั่นอย่างละเอียดเพื่อเค้นหาผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังให้เร็วที่สุดเอง! ” หลังจากพูดจบหมิงซี่หยินก็ได้เงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะเริ่มพูดออกมาอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ฝานซุยเหวินเป็นชายผู้ที่มีพลังลึกล้ำมาก อัศวินดำทั้งสองที่พวกเราจับเอาไว้เองก็เก่งกาจเช่นกัน ศิษย์เพิ่งจะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และศิษย์ในตอนนี้ก็ยังไม่มีอาวุธที่คู่ควรมากพอ เพราะงั้นศิษย์…”
“ไปซะ”
“ครับท่านอาจารย์! ” หมิงซี่หยินกลืนน้ำลายของตัวเองก่อนที่จะตอบกลับในทันที เขาที่ตอบกลับเสร็จจึงรีบวิ่งออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าอันขมขื่น ‘ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทำผลงานให้ได้มากกว่านี้’ หมิงซี่หยินรู้สึกจิตใจแตกสลายอีกครั้งเมื่อนึกถึงมีดที่ถูกหักด้วยมือเปล่า
“ศิษย์น้องสี่? “
“ใครกัน? ” หมิงซี่หยินถามกลับไปอย่างหงุดหงิด ตอนนี้ตัวเขารู้สึกอารมณ์ไม่ดี
ด้วนมู่เฉิงปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับควงหอกราชันของเขา “ศิษย์น้องสี่ พวกเรามาประลองกันไหม! ข้าอยากที่จะให้เจ้าได้ชื่นชมหอกราชัน! “
“ศะ…ศิษย์พี่? ข้ามีงานที่จะต้องไปทำน่ะ…”
“อย่างงั้นหรอ งั้นก็อย่าเพิ่งรีบไปซะสิ เจ้าน่ะเป็นคนเดียวที่อยู่ที่นี่ที่พอจะมีฝีมือสูสีกับข้า ฝางซงกับโจวจี้เฟิงน่ะยังมีพลังไม่มากพอ ข้าไม่ได้ออกแรงอะไรเลยเมื่อได้สู้กับเจ้าพวกนั้น” ด้วนมู่เฉิงพูดก่อนที่จะเดินมาตบไหล่ของหมิงซี่หยิน
ดวงตาของหมิงซี่หยินจ้องมองไปรอบๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าไปเค้นหาความจริงกับฝานซุยเหวิน…ท่านอาจารย์อยากจะรู้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์กวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ ทำไมศิษย์พี่ไม่ไปประลองกับศิษย์น้องหญิงดูล่ะ? “
เมื่อพูดถึงปีศาจตัวน้อย ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้บินผ่านเหนือหัวของพวกเขาทั้งสองคนไป “ข้าจะบอกท่านอาจารย์ว่าศิษย์พี่ทั้งสองคนวางแผนกลั่นแกล้งข้า! ” หลังจากพูดจบหยวนเอ๋อก็ได้บินหายไป
ด้วนมู่เฉิงได้แต่ถอนหายใจออกมา “เจ้าค่อยไปพูดกับฝานซุยเหวินวันหลังก็ได้ เจ้าน่ะมาประลองกับข้าก่อน ใช้เวลาไม่นานนักหรอก…” ด้วนมู่เฉิงตบไหล่ของหมิงซี่หยินอีกครั้ง
“ศะ…ศิษย์พี่ได้โปรดออมมือให้ข้าด้วย”