My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 91
หลังจากนั้นไม่นานเสียงของการต่อสู้ที่ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวก็ได้ดังขึ้นที่หลังภูเขา ในสมัยก่อนด้วนมู่เฉิงสามารถที่จะเอาชนะหมิงซี่หยินได้อยู่แล้ว แล้วในตอนนี้ตัวเขาเพิ่งจะครอบครองหอกราชันมา ดังนั้นผลลัพธ์จากการต่อสู้จึงไม่มีอะไรผิดแปลกไป
…
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็กำลังศึกษาเคล็ดอักษรสวรรค์ หลังจากที่ได้อ่านไม่นานมากนักหยวนเอ๋อก็ได้วิ่งเข้ามาในห้อง
“ท่านอาจารย์ เจียนอาเฉียนส่งจดหมายมาค่ะ”
“อ่านสิ”
หยวนเอ๋อดึงจดหมายออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะอ่านออกเสียงออกมา “ทางพระราชวังตั้งใจที่จะทำให้พวกอัศวินดำทั้งหลายอ่อนแอลง และเพราะแบบนั้นท่านผู้อาวุโส ท่านไม่จำเป็นจะต้องกลัวการตอบโต้อะไรกับทางพระราชวัง”
ลู่โจวรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง หรือว่าจักรพรรดิจะมีปัญหากับกองกำลังทหารพิเศษหน่วยนี้กัน ทำไมเขาถึงอยากทำให้เหล่าอัศวินดำอ่อนแอลง?
หยวนเอ๋อยังคงอ่านข้อความต่อไป “ถ้าหากท่านต้องการที่จะสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องของหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ ข้าคงต้องขอโทษด้วย ข้าไม่สามารถหาผู้รู้ได้เลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจ ข้ามั่นใจว่ายังไงองค์จักรพรรดิก็ไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลังแน่นอน” หลังจากนั้นหยวนเอ๋อก็ได้กัดฟันและอ่านจดหมายต่อไป “ว่ากันว่าหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ที่ติดอยู่กับแม่น้ำสวรรค์นั้นมีความลับมากมายหลายอย่างซ่อนเอาไว้ ข้าสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่จากทางการยังคงลาดตระเวนในพื้นที่แห่งนั้นอยู่เป็นระยะๆ บางที่มันอาจจะเป็นสถานที่ที่เก็บความลับสุดยอดที่พวกเขายังไม่อาจที่จะครอบครองได้ ยังไงก็ตามข้าได้สืบรู้เรื่อง 2 เรื่อง เรื่องแรกดาบปีศาจเฉินเหวินเจี๋ยได้ตายจากไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกยู่ฉางตงสังหารไป ส่วนเรื่องที่สองเร็นบู้ผิง เจ้าสำนักวิหารปีศาจได้ออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนวรยุทธแล้ว เจ้านั่นได้เดินทางไปยังแท่นบูชาหยกเขียวเพื่อที่จะพบกับสำนักฝ่ายธรรมะ แล้วก็นายท่านอย่าลืมไปซะละ สัญญาดาบของข้าน่ะ ฮาฮาฮ่า! “
ลู่โจวสนใจแต่เพียงหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์เท่านั้น เขาไม่สนใจเรื่องอื่นเลย แต่เมื่อได้ยินเรื่องหนึ่งตัวเขาก็นึกสงสัยอะไรขึ้นมาได้ ‘มีพวกเจ้าหน้าที่คอยลาดตระเวนอยู่แถวหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ด้วยอย่างงั้นหรอ? ถ้าหากเจียงอาเฉียนให้บอกว่ามันเป็นเรื่องลับสุดยอด เห็นได้ชัดว่าเรื่องในครั้งนี้คงจะดูซับซ้อนมากกว่าเรื่องไหนๆ ‘
“เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอย่างงั้นหรอ? ” หยวนเอ๋อได้เอ่ยปากพูดออกมาอย่างสงสัย
ลู่โจวที่ได้ยินหยวนเอ๋อพูดเรื่องนี้เรื่องเดียวขึ้นมาจึงได้ถามออกไปอย่างสงสัย “มีอะไรอย่างงั้นหรอ? “
“ท่านอาจารย์ ถ้าหากศิษย์บอกไป ท่านอาจารย์จะต้องไม่ตำหนิศิษย์…” หยวนเอ๋อเดินไปเกาะแขนลู่โจวก่อนจะพูดขึ้น เธอพยายามทำตัวเหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ และแน่นอนถ้าหากลู่โจวเป็นเหมือนกับอดีต เธอก็คงจะไม่กล้าที่จะทำแบบนี้แน่
นี่เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ว่าลู่โจวได้เปลี่ยนแปลงหยวนเอ๋อไปทีละนิดแล้ว และเธอในตอนนี้ก็ยังนับถือลู่โจวมาก ‘ฉันจะค่อยๆ สอนเธอให้ดีเอง หวังว่าเธอคงจะไม่เลือกเดินทางผิดในอนาคตหรอกนะ’ ลู่โจวส่ายหัว ‘นี่ฉันคิดอะไรอยู่กันแน่นะ? ‘
เมื่อหยวนเอ๋อเห็นอาจารย์ของเธอส่ายหัว เธอก็พูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์อย่าตำหนิข้าเลย ท่านอาจารย์! ข้าอยากได้อาวุธระดับสรวงสวรรค์ด้วย! ข้าอยากได้อาวุธที่เหมือนกับหอกราชัน! อาวุธที่ทรงพลัง ยิ่งใหญ่และสง่างาม! “
ลู่โจวเอามือของเขาเคาะไปที่หัวของเธอ “ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าวรยุทธของเจ้าในตอนนี้ยังอ่อนเกินกว่าที่จะครอบครองอาวุธระดับสรวงสวรรค์น่ะ? ถ้าหากเจ้าฝึกฝนตัวเองจนถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ เมื่อถึงวันนั้นค่อยมาพูดกันอีกที”
“จริงๆ อย่างงั้นหรอ? “
“ข้ารักษาคำพูดเสมอ “
หยวนเอ๋อเมื่อได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมา “อืม! ศิษย์จะเร่งฝึกฝนเพื่อให้ถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์! “
เมื่อเทียบกับศิษย์สาวกคนอื่นๆ หยวนเอ๋อเป็นลูกศิษย์คนที่มีค่าความจงรักภักดีสูงที่สุดแล้ว นอกจากนี้เธอยังเป็นลูกศิษย์ที่คอยอยู่เคียงข้างตัวเขาเสมอๆ และเพราะเธอเป็นลูกศิษย์ที่ตัวเขาเชื่อใจได้เพราะแบบนั้นลู่โจวเลยอยากที่จะให้วรยุทธของเธอสูงมากที่สุด ดังนั้นก่อนที่วรยุทธของลู่โจวจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง หยวนเอ๋อคนนี้จึงถือได้เป็นแขนและขาของเขาอย่างแท้จริง เธอไม่มีประสบการณ์ในเรื่องทางโลกและยังไร้เดียงสาจนเกินไป เมื่อเทียบกับศิษย์คนอื่นๆ หยวนเอ๋อจึงสามารถที่จะสอนได้ง่ายกว่ามาก
เมื่อลู่โจวคิดถึงเหล่าบรรดาลูกศิษย์ ตัวเขาก็เปิดเมนูภารกิจขึ้นมา ภารกิจหลักของเขาในตอนนี้คือการสั่งสอนเหล่าลูกศิษย์วายร้ายพวกนี้อยู่ดี ดูเหมือนว่าด้วนมู่เฉิง, หมิงซี่หยิน และจ้าวยู่ ค่าความจงรักภักดีของทั้ง 3 คนยังไม่ได้ลดน้อยจนเแย่เกินไป แต่ถึงแบบนั้นลูกศิษย์ที่เหลือที่ได้ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปไม่ใช่แบบนั้น การจะรับมือกับลูกศิษย์พวกนั้นได้คงจะยากกว่านี้มาก
วรยุทธของศิษย์คนที่แปดเป็นพลังระดับที่ต่ำมากที่สุดแล้ว เพราะแบบนั้นลู่โจวจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก ศิษย์คนนั้นสามารถเอาฉายาราชาปีศาจข่มขวัญผู้คนทั่วไปได้เท่านั้น การข่มขู่ของเขาใช้ได้ผลดีมากเพราะตัวเขาเป็นลูกศิษย์จากฉายาปีศาจลอยฟ้านั่นเอง
ศิษย์คนโตยู่เฉิงไห่, ศิษย์คนรองยู่ฉางตง และศิษย์คนที่เจ็ดสีวู่หยา พวกเขาทั้งสามคนนี้ทำให้ลู่โจวปวดหัวมากที่สุดแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำ พวกเขาทั้งสามยังครอบครองอาวุธระดับสรวงสวรรค์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นลูกศิษย์ทั้งสามไม่ได้อยู่ตามลำพัง พวกเขายังมีผู้ที่คอยช่วยเหลือที่แข็งแกร่งเหมือนกับเหล่าอัศวินดำแน่ เมื่อคิดแบบนี้แล้วลู่โจวก็พบว่าตัวเองได้ทำพลาดไป ‘ถ้าหากมีการ์ดระเบิดจุดสุดยอดนับไม่ถ้วน ฉันก็คงท่องเที่ยวไปยังดินแดนต่างๆ ได้อย่างอิสระแล้วล่ะนะ’
“ท่านปรมาจารย์…” โจวจี้เฟิงได้เดินเข้ามาในศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาทำท่าคารวะก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่หก ข้าหมายถึงยี่เทียนซิน ต้องการที่จะพบท่าน”
ยี่เทียนซินถูกขังอยู่ที่ศาลาทางใต้ ถ้าหากไม่มีคำสั่งของลู่โจว ไม่มีใครหน้าไหนที่จะกล้าปล่อยเธอออกมา แม้แต่ผู้ฝึกยุทธหญิงที่มาจากวังจันทราเองก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรแบบนี้ ภูเขาทองสำหรับพวกเธอไม่เหมือนกับวังจันทรา ในตอนนี้สถานะของพวกเธอไม่ต่างอะไรกับคนงานทั่วไป แต่ถึงแบบนั้นเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหมดต่างก็ทำหน้าที่นี้อย่างเต็มใจ มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการถูกขังอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนเป็นไหนๆ ถ้ำแห่งนั้นมีเพียงความหนาวเหน็บเท่านั้น
“ข้าปฏิเสธ” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเย็นชา
“เข้าใจแล้วครับ” โจวจี้เฟิงคารวะลู่โจวก่อนที่จะเดินออกไปในทันที
ด้วยคำสัญญาของผู้เป็นอาจารย์ หยวนเอ๋อคงจะมีแรงบันดาลใจในการฝึกฝนตัวเองเช่นกัน
เมื่อลู่โจวเห็นว่าในที่สุดทุกคนก็ได้ออกไป ตัวเขาก็มีโอกาสที่จะศึกษาเคล็ดอักษรสวรรค์อีกครั้ง
ในเย็นวันนั้นเอง โจวจี้เฟิงก็ได้เดินกลับมายังห้องโถงอีกครั้ง “ท่านปรมาจารย์ ยี่เทียนซินบอกว่าจะคุกเข่าจนกว่าท่านอาจารย์จะไปพบนาง นางได้คุกเข่าอยู่ที่ทางออกของศาลาทางทิศใต้”
“ให้นางคุกเข่าต่อไป”
“เข้าใจแล้วครับ” โจวจี้เฟิงจากไปอีกครั้ง
ลู่โจวไม่คิดที่จะอยู่ในห้องโถงใหญ่อีกต่อไป เขาเข้าไปซ่อนตัวในห้องลับก่อนที่จะตั้งใจศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อีกครั้ง ‘ทิ้งความคิดฟุ้งซ่านออกไปซะ ทำจิตใจให้ว่างเปล่า’
เมื่อเช้าวันต่อมามาถึง ในที่สุดลู่โจวก็หยุดอ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ เขารู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก ความรู้สึกสดชื่นที่ได้พบนี้มันดีกว่าการที่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ซะอีก ลู่โจวลุกขึ้นมาก่อนที่จะขยับแขนขาช้าๆ ทุกอย่างในตอนนี้ดูปกติดี ‘หรือว่าพลังพิเศษที่ได้จากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์จะส่งผลอยู่ แต่ฉันแค่ยังหามันไม่เจอ ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์นั้นให้คุณประโยชน์อย่างแท้จริง’
ในตอนนั้นเสียงอันแผ่วเบาก็ได้ดังมาจากด้านนอกของประตูอีกครั้ง “ท่านปรมาจารย์มหาวายร้าย”
“มีอะไรอีกอย่างงั้นหรอ” ลู่โจวได้ตอบกลับก่อนที่จะกดปุ่มเปิดประตูห้องลับออกมา
“ยี่เทียนซินคุกเข่าอยู่ที่เดิมตลอดทั้งคืน…”
ลู่โจวได้โบกมือขึ้นมาก่อนจะตอบกลับไป “ปล่อยนางไป เจ้าไม่ต้องรายงานข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”
“ข้าเข้าใจแล้ว” โจวจี้เฟิงจากไปอีกครั้ง
“ติ้ง! ลงโทษศิษย์ชั่วยี่เทียนซินสำเร็จ ได้รับแต้มบุญ 100”
ลู่โจวสังเกตเห็นการแจ้งเตือนของระบบ มันเป็นคำว่า ‘ลงโทษ’ แทนที่จะเป็นคำว่า ‘สั่งสอน’ แม้ว่าลู่โจวจะสามารถทำให้ค่าความเกลียดชังของยี่เทียนซินลดลงไปได้ แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากเขาใช้การลงโทษไม่ถูกวิธี ไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีซะก่อน บางทีตัวเขาก็คงจะไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกต่อไป
…
เมื่อลู่โจวเดินเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ เขาก็เห็นหมิงซี่หยินยืนรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าของหมิงซี่หยินบวมแลกฟกช้ำไปทั้วทั้งใบหน้า เมื่อเห็นแบบนั้นลู่โจวก็คงจะคิดว่าหมิงซี่หยินไปเจอเรื่องยุ่งยากมา และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงเอ่ยปากถามออกไป “การสอบสวนเป็นยังไงบ้าง? “
หมิงซี่หยินโค้งคำนับก่อนจะพูดรายงานไป “ฝานซุยเหวินเป็นคนที่ดื้อด้านอย่างแท้จริง ถ้าหากข้าไม่ได้จดจำคำพูดของท่านอาจารย์มาข้าก็คงจะทรมานเจ้านั่นไปแล้ว! “
“พวกอัศวินดำน่ะถูกฝึกมาให้ทนต่อการทรมาน ข้าไม่คิดว่าพวกเราจะได้คำตอบอะไรจากเจ้าพวกนั้นหรอก” ลู่โจวไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ที่ได้เท่าไหร่
“พวกเราควรจะฆ่าพวกนั้นเลยไหม? ยังไงซะเจ้าพวกนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี” หมิงซี่หยินพูดขึ้น
ลู่โจวส่ายหัวปฏิเสธไป “เจ้าพวกนั้นยังมีประโยชน์อยู่”
ถ้าหากสังหารชายผู้มีพลังร่างอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีได้ลู่โจวจะต้องได้รับแต้มบุญจำนวนมหาศาลมาอย่างแน่นอน ถ้าหากไม่ติดว่าจะต้องหาผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุกวาดล้างหมู่บ้านปลาสวรรค์มังกร ลู่โจวก็คงจะปลิดชีพของชายคนนั้นไปแล้ว ตัวเขาเชื่อว่าการหาผู้บงการคนนี้ได้คงจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากกว่า
“หมิงซี่หยิน”
“ครับท่านอาจารย์”
“ข้าขอสั่งให้เจ้าไปสืบเรื่องของหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์และแม่น้ำสวรรค์ จำเอาไว้ล่ะว่าเจ้าห้ามทำอะไรผลีผลามเป็นอันขาด” ลู่โจวพูดออกมาอย่างโอ่อ่า
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หมิงซี่หยินไม่ได้รู้สึกยินดีอะไรเท่าไหร่นัก ตัวเขาเพียงแต่ตอบกลับมาด้วยความเคารพเท่านั้น “ได้ครับท่านอาจารย์”
ในตอนแรกลู่โจวจะให้หมิงซี่หยินยืมสัตว์ขี่ไป แต่ถ้าหากหมิงซี่หยินเอาสัตว์ขี่ของเขาไป เจ้านี่จะต้องใช้มันดึงดูดความสนใจของคนทั่วไปแน่ และเพราะแบบนั้นลู่โจวจึงล้มเลิกที่จะใช้ความคิดนี้ไป
หมิงซี่หยินเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ตัวเขาจะต้องใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมงด้วยกันกว่าที่จะบินไปถึงหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ได้
เนื่องจากหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา แล้วยี่เทียนซินไปตรวจสอบเรื่องนี้ในตอนที่ออกจากภูเขาทองได้ยังไงกัน?
‘ฉันจะต้องหาคนร้ายตัวจริงให้ได้! ‘ ลู่โจวส่ายหัวตัวเองก่อนที่จะเดินไปยังศาลาทางใต้ เมื่อเขาเดินมาถึงเขาก็ได้เห็นยี่เทียนซินกำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ลู่โจวที่เห็นเธอจากระยะไกลก็รู้ได้ทันทีว่าร่างกายของเธอกำลังอ่อนแรงมาก
ยี่เทียนซินลืมตาตื่นขึ้นเมื่อเห็นการมาถึงของลู่โจว ในตอนนั้นเธอรวบรวมความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มีเพื่อปรับท่าทางคารวะก่อนที่จะทักทายเขา “ท่านอา…จารย์…”
ลู่โจวเหลือบมองเธออย่างไม่แยแสก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของข้า”