แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 612
ไม่ใช่แค่รุ่นพี่ที่ไม่มารวมตัวกับพวกเขาตรงตามเวลา หลิงม่อยังค้นพบเรื่องแปลกอีกเรื่อง
สัตว์ประหลาดตัวน้อยที่เดิมถูกห้อยติดอยู่กับเคียวดาบของซย่าน่า…หายตัวไปแล้ว!
“ไอ้ตัวเล็กนั่นล่ะ!” หลิงม่อกวาดมองไปทั่ว แล้วร้องออกมาอย่างตะลึง
เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้นิสัยดุร้าย หลิงม่อไม่คิดจะเก็บไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นว่าใกล้ได้เวลารวมตัวกับพวกมู่เฉินแล้ว หลิงม่อย่อมต้องหาวิธีจัดการมันก่อน
แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้พอนึกถึงมันขึ้นมาได้ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเล็กก็ได้หายตัวไปแล้ว!
“เอ๋? เมื่อกี้ฉันยังเห็นอยู่เลย” ซย่าน่าเองก็แปลกใจ ดูจากสถานการณ์ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวเล็กในตอนนี้ ยากที่จะจินตนาการได้ว่ามันแอบหนีออกไปจากกลุ่มคนได้อย่างไร
ทว่าเมื่อกี้ทุกคนมัวแต่หันไปสนใจสถานการณ์ด้านนอก แล้วยังมีเสียงเตือนภัยคอยกลบเสียงการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย…
“ช่างเถอะ ถึงยังไงตอนนี้มันก็ไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว” หลิงม่อใช้พลังจิตสำรวจบริเวณใกล้เคียงรอบหนึ่ง พอเห็นว่าไม่พบอะไร จึงพูดขึ้นพร้อมยักไหล่
เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อไม่มี “แมงกะพรุน” อยู่บนหัวแล้ว หลอดดูดในปากก็ไม่มีแล้ว แม้ว่าเรื่องที่มันหนีไปได้จะทำให้หลิงม่อเหนือความคาดหมาย แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องให้เขาออกแรงลงมือตามหา
กลับเป็นเรื่องรุ่นพี่มากกว่า ทำไมยังไม่มาอีกล่ะ…หลิงม่อพึมพำในใจอย่างกังวลเล็กน้อย
ในขณะที่หลิงม่อหันหน้าไปมองตรงทางออก ท่ามกลางความมืด มีเงาหนึ่งกำลังขยับเขยื้อนเบาๆ
พวกซย่าน่ายังไม่ทันสังเกตเห็น เงาร่างนี้พลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ในห้างสรรพสินค้าใต้ดินอันมืดมิด หลังจากที่เงาร่างนั้นวิ่งเข้าไปด้านในได้ระยะหนึ่ง ก็หยุดอยู่ตรงหน้าชั้นวางของ
“ชู่ว อย่าเสียงดังนะ”
เงาร่างนั้นวางเงาร่างเล็กๆ อีกเงาลงบนชั้นวางของเบาๆ แล้วพูดเสียงเบา
และเงาร่างที่สะท้อนชัดอยู่ในดวงตาสีแดงเลือดของเงาร่างตัวเล็ก กลับเป็นหลี่ย่าหลิน
รุ่นพี่ดึงเอาเมือกที่ติดอยู่บนตัวลงมา พลางหัวเราะคิกคักมองเจ้าตัวเล็กที่ถูกเธอลักตัวออกมา
มีความสามารถในการหายตัว บวกกับน้ำเมือกที่สามารถอำพรางตัวจากพลังจิตของหลิงม่อได้ จากนั้นก็เลือกลงมือในจังหวะที่ความสนใจถูกดึงดูดออกไป…
หลังจากลงมือสำเร็จ แล้วใช้ความสามารถในการแฝงตัวของซอมบี้ ปรากฏว่าเธอสามารถกลบร่องรอยได้อย่างมิดชิดตามคาด
“จี๊ดๆ!”
ซอมบี้ทารกยังคงมีอาการมึนงง ทว่าพอถูกวางตัวลง มันก็รีบวางท่าเหมือนจะดึงดาบชักธนูทันที มันแยกเขี้ยว แล้วมองหลี่ย่าหลินอย่างดุดัน
“คิกคิก…” หลี่ย่าหลินไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมา เธอยกมือขึ้นหยิกแก้มเจ้าซอมบี้ทารก
หลิงม่อชอบทำอย่างนี้ที่สุด แต่ซอมบี้ทารกเคยถูกสัมผัสแบบนี้เสียที่ไหน
มันร้องเสียงหลง ร่างเล็กๆ ของมันตึงเกร็งทั้งร่าง มือที่ใหญ่ผิดปกติยกขึ้นบังไว้ข้างหน้าตัวเองทันที
หลายนาทีผ่านไป พอเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซอมบี้ทารกเลยแง้มนิ้วออกเล็กน้อยอย่างระมัดระวัง
แต่มันเพิ่งจะแอบมองลอดออกไปข้างนอกได้ไม่นาน ก็พบว่าก้อนเหนียวหนืดก้อนหนึ่งถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าของมัน
“กินซะสิ ถึงจะคุณภาพแย่ แต่มันก็ช่วยให้แกฟื้นฟูเรี่ยวแรงกลับมาได้บ้างล่ะนะ จากนั้น…แกก็หนีไปซะ” หลี่ย่าหลินรออยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่เห็นซอมบี้ทารกยื่นมือออกมารับ เลยหัวเราะแล้ววางก้อนเหนียวหนืดไว้ข้างๆ มัน การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ซอมบี้ทารกตกอกตกใจอีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่ว่าขยับตัวไม่ได้ มันคงกระโดดลงจากตู้วางของแล้ววิ่งหนีไปแล้ว
“เดี๋ยวที่นี่ก็จะถูกเผาแล้ว…อืม หลังจากที่แกฟื้นฟูเรี่ยวแรงกลับมาได้นิดหน่อย ไฟก็คงจะลามมาถึงที่นี่แล้วล่ะ ถ้าแกวิ่งเร็ว ก็จะรอดชีวิต แต่ถ้าวิ่งช้า…คิกคิก เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นหรอก แกน่าจะวิ่งได้เร็วมาก”
หลี่ย่าหลินพูดอย่างคนมีความอดทน เธอไม่สนใจว่าซอมบี้ทารกจะเข้าใจไหม “แต่ต่อไปอย่าให้พวกเราเจอแกอีกล่ะ ถึงแม้แกเองก็ทำไปเพื่อมีชีวิตรอด แต่คู่ครองมนุษย์ของฉันจะโกรธมาก” พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เธอก็เม้มปากแน่น “ดีจัง ที่แกเกิดมาได้…ฉันเองก็อยากสืบพันธุ์ แต่กลับไม่เคยทำสำเร็จเลย”
“อีกอย่างฉันอยากรู้เรื่องแกมากเลยล่ะ ต่อไปแกจะเติบโตไปเป็นยังไง? แกต่างจากพวกฉัน แกเป็นซอมบี้บริสุทธิ์…” หลี่ย่าหลินจ้องมองซอมบ้ารกอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นอย่างสงสัย
“จี๊ด…” เจ้าซอมบี้ทารกมึนตึ๊บไปแล้ว เทียบกับสิ่งที่หลี่ย่าหลินพูด เหมือนมันจะเอาแต่สนใจเรื่องระยะห่างกับหลี่ย่าหลินที่ใกล้จนอันตรายมากกว่า
พอมันสะบัดหัวไปมาแล้วนั่งตัวตรง กลับพบว่าข้างกายไม่มีใครอยู่แล้ว
มันกวาดตามองรอบตัวอย่างหวาดวิตกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ หันกลับมามองข้างกายตัวเอง
ก้อนไวรัสเหนียวหนืดเล็กๆ ก้อนนั้น กำลังปล่อยกลิ่นหอมเย้ายวนอยู่ตรงนั้น
“อึกก!”
ซอมบี้ทารกกลืนน้ำลาย จากนั้นก็กระโจนใส่อย่างหิวกระหาย…
………..
“ถ้ารุ่นพี่ยังไม่มาอีก ฉันจะไปตามหาแล้ว” ในสองนาทีที่ผ่านมานี้ หลิงม่อชะเง้อคอมองหานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ถึงแม้จะรู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่เห็นเปลวไผ และยังไม่ได้กลิ่นควัน แต่หลิงม่อก็ยังคงร้อนใจมาก
ตอนนี้เขาถึงขนาดนึกเสียใจที่ให้หลี่ย่าหลินไปทำเรื่องอย่างนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในทุกด้านก็ตาม
แต่…บางครั้งสติปัญญาก็เป็นจุดด่างพร้อยนี่นา!
“รุ่นพี่คงไม่ได้ถูกแสงไฟล่อลวงเหมือนอย่างซอมบี้ธรรมดาอีกครั้งหรอกนะ! ถึงแม้ไม่กี่วันก่อนหน้าเธอจะเอาแต่จ้องฉันสูบบุหรี่…” จู่ๆ หลิงม่อก็ถามขึ้น
ซย่าน่าเห็นหลิงม่อเป็นห่วงจนสติแตกไปอย่างนี้ จึงอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอก รุ่นพี่ไม่ใช่ซอมบี้ง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วนะ”
“แต่ว่า…”
ยังพูดไม่ทันจบ หลิงม่อก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นตากำลังวิ่งออกมาจากความมืดอย่างรวดเร็ว
หลี่ย่าหลินที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงราวกับภาพเงาชวนหลงใหล ทั้งงดงาม รวดเร็ว รูปทรงองค์เอวก็ร้อนแรง อย่างเช่นกระต่ายคู่นั้นที่กำลังโดดเด้งอย่างซุกซนอยู่บนหน้าอกเธอ
หลิงม่อถอนหายใจโล่งอกยาวๆ แล้วถามว่า “รุ่นพี่ทำไมพี่มาช้าขนาดนี้?”
หลี่ย่าหลินที่วิ่งมาถึงตรงหน้า ยิ้มตาหยีแล้วยกมือขึ้นโกยกระต่ายสองตัวให้เข้าที่ก่อนที่มันจะหลุดออกมาวิ่งเล่นข้างนอก แต่เธอกลับไม่ตอบคำถามหลิงม่อ “ไฟใกล้จะลามมาถึงนี่แล้ว รีบไปกันเถอะ”
“ห๊ะ?” หลิงม่อเพิ่งจะทำหน้าสงสับ หลี่ย่าหลินก็วกระเถิบเข้ามากอดแขนเขา กระต่ายนุ่มนิ่มสองตัวนั้นหนีบแขนเขาไว้กลางร่องอกพอดี
ความรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตพลุ่งพล่านไปทั่วตัว ยัยตัวร้ายนี่!
“ฮิฮิ รีบไปกันเถอะน่า!”
เธอเอ่ยปากเร่ง พลางลากหลิงม่อ
ขณะที่หลิงม่อฝืนยิ้มฝืดๆ ในสมองของเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา
ทว่าเขามองหลี่ย่าหลิน อ้าปากหมายจะถาม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป
จากมุมมองของเขา ในสายตาของหลี่ย่าหลิน มีบางสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากเวลาปกติ
ไม่ใช่สายตาที่เย็นชาและดึงดูดเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มันมี…ความหวังเพิ่มขึ้นมาด้วย?
……….
พวกหลิงม่อเพิ่งจะโผล่ออกมาจากห้างงสรรพสินค้าใต้ดิน ก็ถูกพวกมู่เฉินที่อยู่เยื้องออกไปด้านหน้าเจอเข้าพอดี
ทว่าการพบกันโดยมีถนนเส้นหนึ่งกั้นขวางไว้อย่างนี้ ทำให้สีหน้าของมู่เฉินดูไม่ดีนัก
“ตอนนี้จะทำไงเนี่ย?!”
เขาทำไม้ทำมืออย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็ยกนิ้วชี้มาที่ตัวเอง แล้วชี้ไปยังฝั่งตรงข้าม สุดท้ายก็จิ้มนิ้วแรงๆ เพื่อชี้ไปทางฝูงซอมบี้ที่เบียดแน่นกันอยู่ทางนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉินเกือบจะคลั่งสติแตกก็คือ หลิงม่อกลับหันมามองทางนี้แวบเดียว แล้วหันหน้ากลับไปตามเดิม
“ไอ้…สารเลว! กล้าเมินฉัน!” มู่เฉินคำรามดุดัน
แต่หลิงม่อที่กำลังถูกมู่เฉินก่นด่ากลับหันไปพูดกับอวี๋ซือหรานและเสี่ยวป๋ายว่า “พวกเธอรออยู่ที่นี่เงียบๆ ซักสองนาที พอพวกฉันไปจากที่นี่พวกเธอก็ค่อยออกมา ครั้งนี้พวกเธอเดินตามหลังพวกฉันมา”
“ไม่ต้องให้พวกเราล่อซอมบี้เพื่อเปิดทางแล้วหรอ?” อวี๋ซือหรานยักไหล่อย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วถามขึ้น
“ไม่ต้อง อยู่กับพวกนิพพาน ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี พวกเธอตามอยู่ข้างหลัง ก็ถือว่าเป็นกองหนุนอยู่ข้างหลัง” หลิงม่อส่ายหน้าแล้วบอก
หลังจากกำชับเสร็จ เขาก็หันหน้ากลับมา แต่ก็ยังคงไม่หันไปมองมู่เฉินที่กำลังพยายามโบกไม้โบกมืออย่างสุดชีวิต แต่กลับหันไปมองฝูงซอมบี้ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ซอมบี้พวกนั้นมีบางส่วนปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแล้ว กระทั่งมีบางตัวถึงขั้นห้อยโหนอยู่บนสายไฟ
และอุปกรณ์เตือนภัยชิ้นเล็กๆ นั้นก็ถูกแขวนไว้ตรงกลาง ซึ่งใกล้ตะถูกพวกซอมบี้คว้าได้แล้ว
“หลังจากวิวัฒนาการก็มีสิตปัญญาแล้วแท้ๆ แต่ทำไมยังหมกมุ่นกับของแบบนี้อยู่ได้นะ…” หลิงม่อถอนหายใจยาวๆ
“แล้วทำไมพวกพี่ถึงได้สนใจดนตรีกันล่ะ?” ซย่าน่ายอกย้อน
“มันใช่เรื่องเดียวกันหรอ?!” หลิงม่อมองซย่าน่าอย่างตกตะลึง
ทว่าไม่นานเขาก็ทำท่าเหมือนจะสื่อว่า ไม่ฟังคำตอบดีกว่า…เขาไม่อยากถูกทำลายทัศนคติที่มีต่อโลกใบนี้อีกแล้ว
“ความจริงสถานการณ์ดีกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ”
หลิงม่อมองเหล่าซอมบี้ที่ไปออกันอยู่บริเวณนั้น เขาเดาคร่าวๆ ว่าน่าจะมีอย่างน้อย 100 กว่าตัว
และทันทีที่พวกเขาโผล่หัวออกจากที่ซ่อนตัว ซอมบี้พวกนั้นก็จะรีบเปลี่ยนเป้าหมาย แล้ววิ่งกรูกันมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ถูกซอมบี้นับร้อยตัวล้อมรอบไว้จะรู้สึกยังไงนะ? หลิงม่อไม่อยากสัมผัสความรู้สึกอย่างนั้นอีกแล้ว
—————————————————————————–