แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 646 ปีศาจร้ายในคราบโลลิน้อย
“ยังไม่ยอมออกมาอีก? หรือว่า แกกำลังคิดทบทวนอยู่ใช่ไหมล่ะ อยากรวมร่างกับฉันแล้วใช่ไหม? คิกคิกคิก…”
ระหว่างที่พูดพล่ามไม่หยุด อ้ายเฟิงก็ก้าวไปช้าๆ ในความมืด และเขาก็กำลังเข้าใกล้อวี๋ซือหรานมากขึ้นเรื่อยๆ
อวี๋ซือหรานจ้องมองอ้ายเฟิงอย่างใจจดใจจ่อ พลางถอยไปข้างหลังอย่างเงียบเชียบ
กึก!
เมื่ออ้ายเฟิงหยุดเดินในระยะที่ห่างจากเธอไม่ถึงสามเมตร ในที่สุดอวี๋ซือหรานก็ขยับแล้ว
เธอลุกพรวด แล้ววิ่งไปตามแนวผนังของฝั่งตรงข้าม
“อยู่ที่นี่เองหรอ!”
อ้ายเฟิงตวัดสายตามองไปทางนั้น ขณะเดียวกันพลังงานจู่โจมทางจิตได้ถูกปล่อยออกไป ก่อนที่เขาจะมองเห็นเงาร่างนั้นอย่างชัดเจนด้วยซ้ำ
อวี๋ซือหรานที่ถูกโจมตีกลับไม่หันหน้ากลับมาแม้แต่น้อย ในเมื่อหลิงม่อสั่งให้เธอทำอย่างนี้ แสดงว่าเขาจะต้องไม่ปล่อยให้เธออยู่ในอันตรายแน่นอน
ตามคาด ในขณะที่พลังจิตจู่โจมสายนี้ใกล้จะกระแทกใส่ดวงแสงแห่งจิตของเธอ พลังงานทางจิตอีกสองกลุ่มก็ได้ปรากฏขึ้นพร้อมกัน และเข้าห่อหุ้มตัวเธออย่างรวดเร็ว
หนึ่งในนั้นแน่นอนว่าย่อมมาจากเฮยซือ ถึงแม้เฮยซือจะไม่ใช่ผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิต แถมปกติยังใช้วัตถุทางกายภาพในการโจมตีเป็นหลัก แต่ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตปริศนาซึ่งมีพลังจิตอันแข็งแกร่งนั้น มันกลับมีความสามารถในการป้องกันการโจมตีด้วยพลังจิตที่ยอดเยี่ยมมาก
อวี๋ซือหรานเป็นร่างรวมของมัน ย่อมต้องอยู่ในขอบเขตสัญชาตญาณการป้องกันของมันด้วย
และพลังงานทางจิตอีกหนึ่งกลุ่ม ย่อมต้องมาจากหลิงม่ออยู่แล้ว
ในขณะเดียวกับที่อ้ายเฟิงโจมตีอวี๋ซือหราน ดวงตาคู่ที่จับจ้องอ้ายเฟิงจากด้านหลังก็ฉายแววเย็นชาขึ้นมาทันที
หนวดสัมผัสทางจิตจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านสิ่งกีดขวางมากมายตรงหน้า มุ่งหน้าไปยังอ้ายเฟิงที่ไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ
ฉึก ฉึก ฉึก!
ยังคงใช้วิธีเดิม พลังจิตจู่โจมผสมกับหนวดสัมผัสรูปสสาร แต่ครั้งนี้อ้ายเฟิงไม่ได้หลบหลีกได้ง่ายดายขนาดนั้นอีกแล้ว
เขาพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่อวี๋ซือหราน กว่าเขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติ ก็ยากจะหลบการลอบโจมตีจากหลิงม่อได้พ้นแล้ว
เขาถูกหนวดสัมผัสโจมตีเข้าอย่างจัง ในขณะที่กำลังวิ่งพุ่งไปข้างหน้า
หัวไหล่ด้านหลังถูกแทงทะลุหลายแผล ดวงแสงแห่งจิตก็ถูกหนวดสัมผัสทางจิตจู่โจมอย่างรุนแรง
“อ๊ากกก!” อ้ายเฟิงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขาล้มตัวลงไปในขยะกองใหญ่กองหนึ่ง
หลิงม่อเตรียมการมานาน พอถึงเวลาลงมือก็ทุ่มสุดตัว เมื่ออีกฝ่ายล้ม เขาก็ตามไปโจมตีซ้ำอย่างไม่รีรอ
หนวดสัมผัสทางจิตสิบกว่าเส้นแทงเข้าไปในดวงแสงแห่งจิตของอ้ายเฟิงอย่างดุดัน และร่างจิตใต้สำนึกมากมายของหมายเลข 0 ที่เบียดเสียดกันอยู่ในนั้น ก็ถูกหลิงม่อเข้าแทรกแซง
การแทรกแซงของหลิงม่อส่งผลกระทบไม่น้อย อ้ายเฟิงที่กำลังจะลุกขึ้นยืนกรีดร้อง อาการหน้ามืดตาลายทำให้เขาล้มลงกับพื้นอย่างหมดสภาพเหมือนลูกหมาอีกครั้ง
แต่ในขณะที่หมายเลข 0 ซึ่งอยู่ในสมองของเขากำลังเตรียมจะลุกขึ้นสู้ เพื่อรับมือกับการโจมตีที่จะตามมา กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหลิงม่อไม่ได้คิดจะสู้ตาต่อตา ฟันต่อฟันตั้งแต่แรกแล้ว
ตรงกันข้าม แรงดูดมหาศาลพลันถูกส่งมาจากหนวดสัมผัสของเขา
“อยากให้ฉันร่วมร่างกับแก? ไม่รู้หรอว่าฉันอยากดูดแกให้แห้งหมดตัวมาตั้งนานแล้ว!”
หลิงม่ออดกลั้นต่อความรู้สึกที่ทั้งทุกข์และสุขจากการที่พลังงานทางจิตมากมายไหลผ่านหนวดสัมผัส เข้าสู่สมองของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างการกลืนกิน หลิงม่อยังต้องอดทนต่อภาพมากมายที่ฉายผ่านเข้ามาในสมองของเขาอย่างต่อเนื่อง
ทว่าภาพความทรงจำที่มาจากหมายเลข 0 ยุ่งเหยิงกว่าคนทั่วไปมากทีเดียว
เดิมมันก็เกิดจากการรวมตัวของร่างจิตใต้สำนึกอยู่แล้ว ถึงจะแค่เสี้ยววินาทีสั้นๆ แต่หลิงม่อกลับมองเห็นภาพความทรงจำของคนมากมายด้วยตาของเขาเอง
ถ้าหากไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนจิตแข็งมาก แค่ผลข้างเคียงจากการใช้พลังกลืนกินนี้ ก็มากพอที่จะทำให้เขาจิตแตกซ่านจนเป็นบ้าได้แล้ว
และหลังจากอดทนต่อสิ่งเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือความทุกข์ทรมาน
อารมณ์เชิงลบของคนมากมายที่มารวมอยู่ด้วยกัน ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี รวมถึงความบิดเบี้ยวของจิตใจคนและความบ้าคลั่งที่หลั่งไหลเข้ามาในสมอง ทำให้หลิงม่อสติหลุดลอยไปชั่วเสี้ยววินาที
ราวกับตัวเขาอยู่ในก้นบ่อน้ำลึกอันมืดมิด มีแต่เสียงร่ำไห้และเสียงตะโกนโหวกเหวกดังอยู่ในหู
ท่ามกลางสติอันรางเลือน หลิงม่อถึงขั้นรู้สึกว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในตู้อบตู้หนึ่ง และรู้สึกว่าตัวเขาได้เข้าไปอยู่ในร่างนั้นที่ทั้งเล็กจิ๋ว และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง
ถึงแม้จะเป็นร่างของมนุษย์ แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกรงขังที่อยู่ลึกลงไปที่สุด…
ทุกวันต้องคอยรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกส่งมาจากคนมากมาย แต่กลับไม่อาจส่งสิ่งของยุ่งเหยิงและวุ่นวายเหล่านั้นที่อยู่ในสมองของตัวเองออกไปได้
ขึ้งเคียด โกรธแค้น ไม่รู้จักพอ!
ถึงแม้จะมี “ภาชนะ” สำรองใช้อย่างอ้ายเฟิงอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก “ภาชนะ” ชิ้นนี้มากนัก
อีกอย่าง อ้ายเฟิงไม่สามารถรองรับมันได้นานมาก เขาสามารถอดทนได้เพียงไม่นานเท่านั้น
ภาชนะที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ต้องเหมือนกับหลิงม่อ ที่มีพื้นฐานพลังแข็งแกร่ง และมีพลังจิตอันยอดเยี่ยม…
“อ๊ากกก อ๊ากกก อ๊ากกก!”
ขณะที่หลิงม่อสติหลุดลอย อ้ายเฟิงก็กรีดร้องราวกับร่างกายถูกฉีกทึ้ง คลื่นดวงจิตของเขาพลันรุนแรงขึ้นมาทันที
หลิงม่อรู้สึกปวดหนึบที่ขมับขึ้นมา ภาพความทรงจำมากมายตรงหน้าเขาพลันมลายหายไปในอากาศ
กว่าเขาจะสะบัดหัวไปมาและได้สติ อ้ายเฟิงก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ยกมือกุมแผลและวิ่งหนีเข้าไปในความมืดแล้ว
“วิ่งหนีเร็วเชียว…แต่ภาพความทรงจำเหล่านั้น…”
หลิงม่อฉายแววตาสับสน “ก็แค่ความเสียใจของนักลงทุนเท่านั้น ถึงแม้จะให้ฉันเห็นแค่ภาพพวกนี้ แต่ความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในส่วนลึกช่างรุนแรงเหลือเกิน ปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิดหรอก”
ร่างจิตใต้สำนึกเหล่านั้นแม้จะมีความทรงจำที่แตกต่างกัน แต่นอกจากอารมณ์บิดเบี้ยวที่เหมือนกันแล้ว พวกมันยังมีอีกหนึ่งจุดที่เหมือนกัน
ความปรารถนา ความปรารถนาที่มีต่อพละกำลัง และทุกสิ่งทุกอย่างอย่างแรงกล้า
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ พวกมันถึงได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้…
“ไม่มีทางปล่อยให้หนีไปได้หรอก!”
หลิงม่อรีบวิ่งตามไป ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดคำสั่งผ่านกระแสจิตไปยังอวี๋ซือหราน
ซอมบี้โลลิที่กำลังวิ่งหน้าตั้งสุดชีวิตเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน เธอกับหลิงม่อวิ่งขนาบซ้ายขวา โดยมีเป้าหมายคืออ้ายเฟิง
ถึงแม้เธอจะยังต้องแบกรับน้ำหนักตัวของหมีแพนด้ากลายพันธุ์ไว้ด้วยก็ตาม…พูดถึงหมีแพนด้าตัวนั้น ตอนนี้มันยังพยายามปีนขึ้นมาข้างบนอย่างสุดความสามารถอยู่ข้างนอกหน้าต่างนั่นอยู่
แต่เพราะพื้นผิวกระจกที่ลื่นเกินไป แล้วยังมีน้ำหนักตัวที่มากเกินมาตรฐาน กลับทำให้การดิ้นรนทั้งหมดของหมีแพนด้าตัวนี้สูญเปล่า
ทว่าแม้น้ำหนักตัวทั้งหมดของมันจะถูกแขวนไว้บนตัวอวี๋ซือหราน แต่นั่นกลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความคล่องแคล่วว่องไวของซอมบี้โลลิเลยแม้แต่น้อย
สิ่งกีดขวางไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่นานเธอก็วิ่งไปยังอีกทางภายใต้การชี้นำของหลิงม่อ
และอ้ายเฟิงที่เพิ่งจะถูกโจมตีพร้อมกันทั้งสองด้าน ตอนนี้กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พลางคิดในใจอย่างตื่นตระหนก “ในเมื่อคนที่แอบลอบทำร้ายเขาจากด้านหลังตัวเองคือหลิงม่อ แล้วเงาร่างตะคุ่มๆ ที่ตัวเองโจมตีไปเมื่อกี้คือใครกันล่ะ?
อย่างไรก็ตามหากดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่สามารถมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ได้เลย…เขาถูกปั่นหัวอีกแล้ว!
ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้ใช้วิธีนี้ตลอดเลยนะ!
และไม่ว่าจะเป็นตัวอ้ายเฟิงเอง หรือว่าร่างรวมของอ้ายเฟิงกับหมายเลข 0 ก็ตาม ล้วนเป็นฝ่ายเดินเข้ามาติดกับดักของเขาด้วยตัวเอง!
อ้ายเฟิงกัดฟันกรอด เสียงร้องโหวกเหวกของร่างจิตใต้สำนึกมากมายดังอยู่ในสมองของเขา “แก้แค้น! แก้แค้น!”
“ใช่แล้ว ถึงจะอยากได้เขามาเป็นภาชนะ ก่อนหน้านั้นก็ต้องทำให้เขาทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุดก่อน!” อ้ายเฟิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
ทว่าโกรธก็ส่วนโกรธ ตอนนี้อ้ายเฟิงรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิด เขาต้องการเวลาเพื่อรอให้อาการทุเลาลงก่อน…
แต่จะว่าไปแล้ว ทำไมหลิงม่อถึงได้ไล่กัดไม่ปล่อยอย่างนี้ล่ะ!
เจ้าบ้านั่นถนัดไล่หมาให้จนตรอกหรือไงนะ? เขาไม่กลัวว่านี่จะเป็นแผนหลอกให้ตายใจเลยหรือ?
ถึงแม้ขณะที่เขาไล่ตามมาจะดูระมัดระวังมาก แต่ท่าทางของหลิงม่อดูไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย!
ในขณะที่กำลังสติกระเจิง อ้ายเฟิงคาดไม่ถึงเลยว่าหลิงม่อจะเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาอย่างดี แต่พวกเขานั้นกลับไม่เข้าใจหลิงม่อเลย
มีเย่เลี่ยนและหลี่ย่าหลินคอยเก็บกวาดทีมค้นหาที่กระจายตัวอยู่ในตึกใหญ่ หลิงม่อสามารถปล่อยให้พวกเธอจัดการข้างหลังอย่างวางใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังมีอวี๋ซือหรานอยู่อีกคน สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงต้องจดจ่อกับการจัดการอ้ายเฟิงให้เร็วที่สุดเท่านั้น!
“ฉันบอกแล้วว่าแกหนีไม่พ้นหรอก”
ในขณะที่ประตูอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทันใดนั้นหลิงม่อกลับพุ่งเข้ามาขวางหน้าอ้ายเฟิงจากด้านข้าง
ขณะที่เขาพูด หนวดสัมผัสสิบกว่าเส้นก็ได้พุ่งออกไปอย่างไม่เกรงใจ
“อีกแล้วหรอ! ทำไมเอาแต่ลอบกัดวะ!”
อ้ายเฟิงสายตาเย็นชา พลันปลดปล่อยพลังงานทางจิตกลุ่มหนึ่งออกมา เพื่อพยายามต้านทานการโจมตีของหลิงม่อ
ดูจากระดับความแกร่งของพลังของทั้งสองฝ่าย อ้ายเฟิงต้านทานได้ไม่มีปัญหา เพียงแต่ต้องหลบเลี่ยงการโจมตีจากหนวดสัมผัสในรูปสสารที่ปะปนมาให้ดีๆ…
อ้ายเฟิงแสยะยิ้มมุมปาก ดูเหมือนว่านอกจากจะฉวยโอกาสตอนได้เปรียบลอบกัดแล้ว หลิงม่อก็ไม่ได้มีฝีมือเท่าไหร่เลย
แค่ใช้คำพูดไร้สาระมาเบี่ยงเบนความสนใจของเขา จะได้ผลได้อย่างไรกัน?
“แกคิดว่าฉันจะโดนหลอกอีกครั้งหรอ?” อ้ายเฟิงถาม
แต่ในขณะนั้นเอง วัตถุสีขาวก้อนหนึ่งก็ได้ร่วงลงมาจากบนฟ้า
อ้ายเฟิงตั้งตัวไม่ทันอีกครั้ง ถึงแม้จะหลบการโจมตีสองด้านพร้อมกันจากหลิงม่อได้ แต่กลับถูกวัตถุสีขาวก้อนนี้หล่นใส่กลางหัวเต็มๆ
“นี่มันอะไรวะ?”
อ้ายเฟิงสะดุ้งตกใจ เขารีบยกมือขึ้นจับ แต่กลับมองเห็นหลิงม่อแสยะยิ้มเย็นชา
“จุกนมของสัตว์ประหลาด มีไว้ดูดสัตว์ประหลาดโดยเฉพาะ” หลิงม่อตอบอย่างตรงไปตรงมา
“อะไรนะ?” อ้ายเฟิงรู้ว่าตัวเองคือสัตว์ประหลาด แต่ไอ้จุกนมอะไรนั่น เขาไม่เข้าใจว่าหลิงม่อหมายถึงอะไร…
“แมงกะพรุน” เดิมมีรูปร่างเหมือนถุงพลาสติก เวลาร่วงตกลงมาจึงแทบไม่รู้สึก แต่ทันทีที่สัมผัสโดนศีรษะของอ้ายเฟิง มันก็พองขึ้นราวกับสูบลมเข้าไป แล้วจากนั้นมันก็เกาะหนึบอยู่บนหัวเขาไม่ยอมปล่อย
มองแวบแรก เหมือนเขากำลังใส่หมวกกันน็อคกึ่งโปร่งใสอย่างไรอย่างนั้น
เพียงแต่ถึงมันจะดูน่าขำ แต่คนที่ถูกบังคับให้ใส่กลับต้องรู้สึกสยองสุดขีด
อ้ายเฟิงหน้าถอดสีทันที “นี่มันตัวอะไรวะเนี่ย!”
นึกไม่ถึงเลยว่าของสิ่งนี้ จะมีแรงดูดที่มหาศาลขนาดนี้ถูกส่งออกมาจากภายใน! เขารู้สึกเหมือนสมองของเขากำลังจะถูกดูดออกไป หนังศีรษะตึงชาไปทั่ว
แต่เมื่อเขายกมือขึ้นไปดึง “แมงกะพรุน” ออก หลิงม่อที่เล็งเห็นช่องโหว่ก็ฉวยจังหวะนี้โจมตีเขาทันที
หนวดสัมผัสหลายสิบเส้นแผ่กระจายพุ่งเข้ามาจากทั่วทิศ อ้ายเฟิงถึงขั้นตะโกนด่าออกไปอย่างเหลืออด “ไอ้สารเลว!”
ทั้งต้องต้านทานการโจมตีอันเจ้าเล่ห์ของหลิงม่อ ทั้งต้องกระชาก “แมงกะพรุน” ออก อ้ายเฟิงยุ่งจนมือไม้เป็นพัลวัน สุดท้ายก็ทำได้เพียงฝืนใส่ “หมวกกันน็อค” วิ่งเข้าไปในทางเดินอีกเส้นหนึ่ง
“อิอิ คิดจะไปไหนล่ะ?”
อ้ายเฟิงเพิ่งจะหมุนกายออกวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้น ด้านหน้าก็มีเงาร่างของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ขณะเดียวกันเสียงเล็กแหลมก็ลอยเข้ามากระทบโสตประสาทของเขา
อ้ายเฟิงปากอ้าตาค้างไปทันที เขามองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง
ดูแค่ภายนอก เธอเหมือนหุ่นตุ๊กตาที่น่ารักมากตัวหนึ่ง
แต่ภายใต้แสงสลัวยามค่ำคืน ดวงตาแดงขาวแยกชัดเจนคู่นั้น รวมถึงคลื่นดวงจิตที่แปลกประหลาดนั่น กลับกำลังร้องเตือนเขาว่า นี่ไม่ใช่โลลิที่เขาจะสามารถใช่ลูกอมหลอกล่อเพื่อวิ่งผ่านไปได้ แต่เป็นปีศาจร้ายที่น่ากลัวที่สุดในโลกต่างหาก…
—————————————————————————–