แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1018 การเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้อันบ้าคลั่ง
“หลิงม่อ / หัวหน้า?!”
ทุกคนตะโกนเรียกตัดบทเขา เย่ไค่ที่เมื่อกี้ยังเตรียมพร้อมโจมตียังยกมีดค้างไว้เหมือนเดิม อ้าปากด้วยความตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก กู่ซวงซวงกระพริบตาถี่ๆ อย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็วิ่งเข้าไปด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ “หัวหน้า มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วก็นั่น…” เธอมองไปยังท่อน้ำทิ้งนั่น ทำหน้าสงสัย
หลิงม่อกลับไม่มีเวลาอธิบายอะไร เขากระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ถาม “พวกเธอเห็นซย่าน่าบ้างไหม…”
“เดี๋ยวก่อน!” มู่เฉินได้สติอย่างรวดเร็ว เขาตะโกนเสียงดัง “ยังไม่ต้องสนใจเรื่องที่หลิงม่ออยู่ตรงนี้…ปัญหาสำคัญคือ เขาฆ่าสองคนนี้ แล้วเย่เลี่ยน…”
“เรื่องนั้น…” เย่ไคเองก็ชะงักงัน พลันรู้สึกเย็นวาบ
กลับเป็นจางซินเฉิงที่พูดอย่างใจเย็น “เธอไม่เป็นไรหรอก ลองคิดดูสิ มันคิดเกมนี้ขึ้นมาเพื่อปั่นหัวพวกเราไม่กี่คนเท่านั้น…นี่คือกฎของเกม หัวหน้าไม่ได้อยู่ในจำนวนคนที่มันนับไว้แต่แรกซักหน่อย อีกอย่างฉันคิดว่า เรื่องที่หัวหน้ามาปรากฏตัวตอนนี้ มันเองก็คงคาดไม่ถึงเหมือนกัน ดีล่ะ ต่อไปเราจะได้ไม่ต้องถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นจูงจมูกอีก ตอนนี้มีตัวแปรโผล่มา เกมนี้ไม่ได้อยู่การควบคุมของมันฝ่ายเดียวอีกแล้ว” พูดถึงตรงนี้ จางซินเฉิงเผยสีหน้าตื่นเต้น…ส่วนคนอื่นๆ ต่างพากันถอนหายใจโล่งอก กระทั่งสบตากันอย่างยินดี
ถึงแม้เกมเพิ่งจะดำเนินมาแค่หนึ่งนาที แต่พวกเขากลับได้รับความทรมานไม่น้อย…ทว่าไม่นาน สีหน้าของทุกคนก็เคร่งเครียดอีกครั้ง พวกเขามองหน้ากัน จากนั้นก็หันไปมองหลิงม่อ…
“เกิดอะไรขึ้นกับเย่เลี่ยน?” หลิงม่อถามเสียงเย็น
หัวใจของเขากำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะกระเด้งออกมาจากอกได้ทุกเมื่อ…หรือว่า…เรื่องที่เขาเคยเป็นห่วงตอนอยู่ใต้ดิน จะเกิดขึ้นแล้วจริงๆ?
กู่ซวงซวงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาก้มหน้าก้มตา หลบสายตาเย็นเยียบของหลิงม่อ แล้วพูดติดๆ ขัดๆ “เธอ…เอ่อ คือเธอ…”
“ไม่มีเวลาแล้ว พวกเราเดินไปด้วยคุยไปด้วยดีกว่า” อยู่ๆ มู่เฉินก็พูดขึ้น เขายกมือชี้ไปที่อาคารซึ่งอยู่ไม่ไกล “ที่นั่นคือจุดหมายปลายทางของพวกเรา พวกเรายังเหลือเวลาอีก…สี่สิบวินาที”
ครู่ต่อมา หลิงม่อก็เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันนั้น ดวงแสงแห่งจิตของเขากระเพื่อมไหวอย่างรุนแรง เพื่อพยายามสัมผัสรู้ถึงตำแหน่งของเย่เลี่ยนกับซย่าน่า สายสัมพันธ์ทางจิตอันลึกซึ้งประกายแสงรัศมีที่คนรอบข้างไม่อาจมองเห็น ยืดยาวจากหน้าอกเขาไปเบื้องหน้า มันอ้อมเลี้ยวผ่านตรอกยาวๆ พุ่งทะลุกำแพงและพุ่มหญ้าอันรกร้างที่อยู่ข้างหลังไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายมันแผ่เข้าไปในอาคารที่อยู่ในครรลองสายตาหลังนั้น…
“เย่เลี่ยนอยู่ที่นั่น…” หลิงม่อเงยหน้ามองไปทันที ที่นั่นเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขาพอดี…
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้อาคารหลังนั้นด้วยความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพรวมของอาคารหลังนั้นก็เริ่มเผยสู่สายตาของพวกเขาช้าๆ มันคืออาคารที่ยังซ่อมแซมไม่เสร็จ…หรือไม่ก็ยังรื้อถอนไม่เสร็จหลังหนึ่ง ด้านหนึ่งว่างเปล่ารกร้าง ส่วนอีกด้านก็เต็มไปด้วยซากกำแพงผุพังแตกหัก ด้านนอกถูกล้อมเป็นวงกลมไว้ด้วยสังกะสีสีฟ้า เพื่อกั้นขวางทางเข้าออกไว้ หน้าประตูมีป้ายแขวนไว้ว่า “อยู่ในระหว่างก่อสร้าง ห้ามผู้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องเข้าออก”
อาคารแบบนี้อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย ถึงจะเป็นเมื่อก่อน มันก็เป็นสถานที่ที่ผู้คนเลือกเดินเลี่ยงอยู่ดี ทว่าหลิงม่อกลับสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว อาคารหลังนี้กับบริษัทลอว์สัน รวมถึงตึกใหญ่ที่มีทางเข้าออก แล้วยังมีอาคารเล็กๆ ที่อวี๋ซือหรานเข้าไปหลังนั้นอีก…อาคารเหล่านี้ ความจริงแล้วล้วนอยู่ในจุดที่แตกต่างกันสี่จุดบนถนนเส้นนี้
คนอื่นๆ อาจไม่รู้ แต่หลิงม่อเคยมองลงมาข้างล่างจากบนตึกสูงของบริษัทลอว์สัน…ถึงแม้ตอนนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ขณะที่กวาดตามอง เขาก็ยังเหลือบเห็นอาคารที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างแห่งนี้ผ่านตาบ้าง ดังนั้นพอนำมาเปรียบเทียบ หลิงม่อจึงตระหนักได้ทันที ว่านี่อาจเป็น “กรงขัง” จริงๆ ก็ได้ “กรงขัง” ที่บ่งบอกถึงอาณาเขตเพาะเลี้ยงสัตว์ประหลาดใต้ดิน
สัตว์ประหลาดตัวนั้นกุมความลับเกี่ยวกับทางเข้าออกห้าทางไว้ในมือ ทางออกหนึ่งมีไว้เพื่อจัดการดูแลซอมบี้พวกนั้น อีกทางออกหนึ่งมีไว้เพื่อจงใจเปิดเผยให้ผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นรู้ และทางออกอีกสามทางที่เหลือ มีไว้เพื่อให้มันใช้เอง และดูเหมือนว่าสามทางออกสุดท้ายคือทางออกที่สำคัญที่สุด
แล้วทางออกที่ผ่าน “ห้องหนังสือ” ของมันที่หลิงม่อปีนออกมาล่ะ คือทางออกไหน?
ไม่รู้ทำไม หลิงม่อรู้สึกใจคอไม่ดีนัก…
“เร็วเข้า!” เขาพลันเร่งเร้าทันใด
ร่างแม่ตัวนั้นไม่มีทางคาดถึงว่าเขาจะหนีออกมาได้ก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเล่นงานเขาไม่ได้…ทางออกสุดท้าย เย่เลี่ยนที่อยู่ที่นั่น เกมที่พวกมู่เฉินกำลังเล่น…ระหว่างเรื่องพวกนี้ จะต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างอยู่แน่นอน…
หลิงม่อสัมผัสได้ว่าเย่เลี่ยนอยู่ที่นั่น แต่กลับไม่สามารถสลับมุมมองสายตากันได้ เขานึกถึงพลังของร่างแม่ตัวนั้น พลันกำหมัดแน่น…มันเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือยากมาก พฤติกรรมยากคาดเดาได้ สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ก็คือ ทั้งหมดที่มันทำไป ก็เพื่อทำให้การทดลองขั้นสุดท้ายของมันสำเร็จ…เพียงแต่ ใครกันล่ะที่เป็นหนูทดลองของมัน?
ถังฮ่าวตายแล้ว ผีเสื้อตายแล้ว ผู้รอดชีวิตอีกสามคนก็ตายแล้ว…และที่เหลือ ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนกันบ้าง…
“ชิท…”
เวลาผ่านไปอีกยี่สิบวินาทีแล้ว พอเห็นว่าอาคารหลังนั้นอยู่แค่ตรงหน้า พวกเขากลับพากันหยุดวิ่ง
เย่ไคกำหมัดแน่นจนดัง “กร๊อบ” : “ถูกหลอกซะแล้ว…”
ด้านหน้าอาคารหลังนี้เป็นลานกว้างรูปครึ่งวงกลม…แต่ในลานกว้างตอนนี้ กลับเบียดแน่นไปด้วยซอมบี้จำนวนมหาศาล แค่นับคร่าวๆ ก็มีเป็นร้อย…ซอมบี้สิบกว่าตัวที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดหันมาเห็นพวกเขาแล้ว พวกมันค่อยๆ หมุนคอไปมา สายตาที่ตอนแรกเลื่อนลอยไร้จุดหมายแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาไร้ที่เปรียบ
พวกมันจะเข้ามาแล้ว…
“ช่วยไม่ได้…ลุยกันเถอะ” หลิงม่อพูด พลางพุ่งตัวออกไป
ซอมบี้สิบกว่าตัวนั้นกำลังแหงนหน้าแยกเขี้ยวกางเล็บวิ่งเข้ามาเช่นกัน แต่พวกมันทุกตัวล้วนล้มลงไป หลังจากเข้าใกล้หลิงม่อในระยะสามเมตร หลิงม่อไม่หยุดวิ่ง เขาวิ่งแหวกฝูงซอมบี้ที่ล้มลงไปทีละตัวๆ เหล่านั้น จากนั้นก็มองตรงไปยังซอมบี้นับร้อยตัวที่เบียดเสียดกันอยู่เป็นฝูงใหญ่นั่น…
“ลูกไม้พวกนี้ตื้นเกินไปแล้วมั้ง ที่อ่านหนังสือไปคงไม่ได้ช่วยอะไรแกเลยสินะ…” หลิงม่อสูดลมหายใจลึกๆ พลางก้าวเท้าออกไป…
พอเห็นหลิงม่อเดินไปยังลานกว้าง เย่ไครีบยกมีดขึ้น แล้วตะโกนเสียงเดือด “เชี่ย!” จากนั้นก็กระโจนออกไป…
มู่เฉินยกปืนขึ้น กระโจนตามไปติดๆ…จางซินเฉิงพุ่งตัวออกไปโดยไม่หันมามอง แม้แต่กู่ซวงซวงเองก็กัดฟัน แล้วตะโกนบอกหลิงม่อที่อยู่ข้างหน้า “หัวหน้า ฉันลุยด้วย…”
เจ้าลิงผอมที่เหลืออยู่คนสุดท้ายมองพวกเขาสั่นๆ จากนั้นก็หลับตาปี๋ร้อง “ย๊ากกกก” พุ่งตัวออกไป…
“ย๊ากก ย๊ากกกก…”
ฝูงซอมบี้ในลานกว้างแตกฮือป่านพล่าน โดยมีเสียงกรีดร้องสุดเสียงของเจ้าลิงผอมดังผสมผสานไปด้วย พวกมันพุ่งตัวเข้าใส่มนุษย์ห้าหกคนนี้ แต่กลับถูกโจมตีจนต้องเปิดทางให้อย่างเสียไม่ได้…พริบตาเดียว บนพื้นเต็มไปด้วยศพมากมายนอนเกลื่อน ซอมบี้ที่เหลือกับเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันเหยียบศพของพวกเดียวกัน พุ่งเข้ามาโจมตีคนกลุ่มนี้อย่างไม่หวาดกลัว
แต่ทีมปาฏิหาริย์ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เมื่อสถานการณ์เริ่มยืดเยื้อ พวกเย่ไคก็ถอยมารวมตัวกันเป็นค่ายกลรูปวงกลมอย่างรู้หน้าที่ เจ้าลิงผอมใช้ประโยชน์จากโสตประสาทคอยบอกจำนวนซอมบี้รอบข้าง กู่ซวงซวงใช้ความสามารถพิเศษด้านพลังจิตกำจัดซอมบี้ที่อยู่ในระยะไกล ส่วนในด้านระยะประชิด เย่ไคควงมีดในมือทั้งสองข้างราวกับสว่าน สังหารซอมบี้ที่เข้ามาใกล้อยู่ด้านหน้าค่ายกลรูปวงกลม และในช่องว่างการโจมตีของเขา มู่เฉินที่ถือปืนไว้จะคอยอุดช่องให้อย่างรวดเร็วทุกครั้ง
มู่เฉินยิงซอมบี้ที่วิ่งเข้ามาทางตัวเองอย่างรวดเร็วจนพรุนเป็นกระชอน จากนั้นก็ถีบศพของมันที่ล้มเข้ามาลงบนพื้นอย่างแรง ปากพลางตะโกนเสียงดัง “ยังเหลืออีกหกวินาที!”
ทว่าไม่นานเขาก็สังเกตเห็น ว่าความจริงแล้วการร้องเตือนของเขาเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์…หลิงม่อไม่เคยหยุดวิ่งแม้แต่ก้าวเดียว ดวงตาทั้งคู่จดจ้องไปยังทางเข้าเบื้องหน้าอย่างไม่ลดละ ซอมบี้มากมายล้มลงตรงหน้าเขาอย่างต่อเนื่อง ซอมบี้บางตัวถึงขนาดชะงักงัน จากนั้นก็ยืนค้างให้เขาเดินผ่านเพื่อจัดการอย่างง่ายดาย
คนอื่นต่างพากันตกตะลึง…ไม่ใช่เพราะพลังความสามารถของหลิงม่อ แต่เป็นเพราะรังสีอำมหิตที่แผ่อยู่รอบตัวเขา…กระทั่งแม้แต่เอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงพลังพิเศษของเขาที่แสดงออกมาให้เห็น พวกเขาล้วนมองข้ามไปหมด เทียบกับเรื่องที่ว่าซอมบี้พวกนั้นตายยังไง ตอนนี้พวกเขาอยากรู้มากกว่าว่าหลิงม่อคิดจะทำอะไร…
เขาเดินตรงไปยังทางเข้านั้นเรื่อยๆ ไม่หยุด ทางเข้าที่มีสังกะสีบางๆ กั้นไว้…
ไม่มีใครรู้ว่าข้างหลังมีอะไรรออยู่ แต่หลิงม่อกลับไม่สนใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อย…
“ดูไว้ซะสิ…” ด้านหลังรั้วกันผุพังบนอาคาร เงาร่างเล็กๆ เงาหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น และมองลอดช่องว่างลงไปยังหลิงม่อที่อยู่ข้างล่าง บอกว่า “นี่แหละคือมนุษย์…”
ในความมืดด้านหลังเธอ กลับมีเงาร่างอีกสองเงายืนอยู่…หนึ่งในสองพูดขึ้น “ฉันไม่เข้าใจ”
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…” เงาร่างเล็กๆ นั้นหัวเราะ จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “แต่ว่าหมอนั่นทำให้ฉันแปลกใจได้ตลอดเวลา แค่นี้ก็ถือว่าน่าสนุกมากแล้ว ไม่เหมือนมนุษย์กลุ่มก่อน ที่ถูกควบคุมได้ง่ายๆ ฉันคิดหาวิธีควบคุมมนุษย์มาโดยตลอด…แต่ตอนนี้ฉันค้นพบแล้วว่า วิธีการเดิมๆ อาจใช้ไม่ได้ผลทุกครั้ง แต่ในความจริง แกรู้ไหมว่ามนุษย์คนนี้ได้เริ่มถูกฉันควบคุมแล้วล่ะ?”
“ฉันไม่เข้าใจ…” เงาร่างนั้นพูดอีกครั้ง
“คิกๆๆๆ…” เงาร่างเล็กๆ นั้นหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอกลับไม่พูดอะไร ดวงตาเย็นชาไร้ความรู้สึกของเธอมองลอดช่องว่างของรั้วกั้น จดจ้องไปยังหลิงม่อที่เข้าใกล้ตัวอาคารเข้ามาเรื่อยๆ พลางหัวเราะไม่หยุด…
“โครม!”
ในที่สุดหลิงม่อก็มาถึงด้านหน้าประตูสังกะสี เขาแทบไม่หยุดชะงัก รีบยกเท้าถีบออกไปอย่างแรง
เมื่อสังกะสีถูกถีบจนเปลี่ยนรูปและล้มลงไป เสียงคำรามของหลิงม่อก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ “ไอ้เลว! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
เพิ่งจะคำรามเสร็จ เขาก็เดินไปยังตัวอาคาร และเข้าไปในห้องโถงอันมืดมิดวังเวงทันที…
เย่ไคดึงมีดออกจากคอของซอมบี้ตัวหนึ่งที่กำลังร้อง “กรร กรรร” จากนั้นก็เงยหน้าบอกว่า “ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย…”
“ใช่แล้ว…” มู่เฉินเองก็ปากอ้าตาค้าง…
——————————————————