แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1019 นี่แค่เริ่มต้น
“ใกล้หมดเวลาสองนาทีแล้ว ออกมาเซ่!” หลิงม่อตะโกนลั่นกลางห้องโถงสภาพทรุดโทรม เขาเตะเก้าอี้คว่ำไปสองตัวติดกัน แล้วยังเตะถังพลาสติกสำหรับขนปูนซีเมนต์จนกระเด็นออกไป ถังพลาสติกใบนั้นกระเด็นออกไปไกลพร้อมเสียงดังตึงตัง จากนั้นกลิ้งเข้าไปในความมืดช้าๆ
สามวินาทีต่อมา พวกมู่เฉินวิ่งตามเข้ามาด้วยสภาพเหงื่อท่วมหัว ซอมบี้ตัวหนึ่งที่ยังไม่สิ้นลมลากร่างกายท่อนล่างคลานตามพวกเขามา แต่สุดท้ายมันก็ถูกเย่ไคที่กำลังพิงเสาพักเหนื่อยขว้างมีดปลิดชีพในพริบตา
เขายกมือรับมีดที่ลอยกลับมา สะบัดคราบเลือดที่ติดอยู่สองสามที บอกว่า “สองนาทีแล้ว มันอยู่ไหน?”
มู่เฉินถือปืนเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างระมัดระวัง เขาเดินอ้อมเสาโล้นๆ เหล่านั้นเพื่อสำรวจ พลางตะโกนบอกว่า “เกมจบแล้ว หรือแกไม่ยอมรับว่าตัวเองแพ้งั้นหรอ? เฮ้ย! รีบออกมาได้แล้ว!”
ทว่าตะโกนออกไปไม่กี่ประโยค อยู่ๆ เขาก็ค้นพบว่า หลิงม่อเดินมาใกล้ๆ เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
มู่เฉินมองไปรอบกายอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ถามเสียงเบา “เป็นอะไร? นายเจออะไรงั้นหรอ?”
“ความจริงแล้ว ฉันมีข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่ง…” หลิงม่อพูดมาถึงตรงนี้ แล้วอยู่ๆ ก็พูดเสียงเบา
มู่เฉินชะงักงัน จากนั้นก็บอกว่า “มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปบอกพวกเขา…”
“เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้ไม่ต้องบอกคนอื่น” หลิงม่อกลับห้ามเขา
“ทำไมล่ะ? นายคิดจะ…บอกแค่ฉันคนเดียว?” มู่เฉินถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“เรื่องนี้น่ะ…นายไม่คิดว่ามันแปลกบ้างหรอ? ไม่ได้หมายถึงตอนนี้ แต่หมายถึงตอนที่พวกนายเพิ่งเริ่มเกม…” หลิงม่อกลับย้อนถาม
“หมายถึงอะไร?” มู่เฉินยังคงงุนงง
หลิงม่อมองเขาครู่หนึ่ง เขาอ้าปากหมายจะพูด แต่ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังก่อน
“หัวหน้าทีม โค้ช”
พวกเขาทั้งสองชะงัก จากนั้นก็หันหน้าไปมอง
ผู้มาคือเจ้าลิงผอม…เขากลืนน้ำลาย แล้วพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “มาดูนี่กับผมเร็ว”
เจ้าลิงผอมเห็นอะไรบางอย่างบนเสาต้นหนึ่ง…เขาชี้ไปยังจุดหนึ่งบนเสาต้นนั้น แล้วบอกกับคนที่ล้อมเข้ามาดูว่า “พวกคุณดูนี่ ผมเพิ่งเห็นเมื่อกี้…”
“มันคืออะไร…”
พอเห็นสิ่งที่อยู่บนเสา หลิงม่อก็รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลังทันที
ข้างบนนั้น มีลูกศรสีแดงถูกวาดไว้…
“มันชี้ไปทางนั้น…” กู่ซวงซวงหันหน้ามองตามลูกศร ซึ่งชี้ไปยังส่วนลึกของห้องโถง
ทุกคนเข้าใจสิ่งที่ลูกศรนี้ต้องการสื่อในทันที…สัตว์ประหลาดตัวนั้นยังไม่คิดจะเผยตัว มันยังมีลูกไม้อื่นซ่อนอยู่ “เกมสองนาที” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น…
“เอายังไงดี?” กู่ซวงซวงถาม ทุกคนต่างมองหน้ากัน
หลิงม่อจ้องลูกศรบนเสาเขม็ง…รูปแบบการวาดแบบนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้เอง
เพียงแต่ว่า ตอนที่อยู่ในท่อน้ำทิ้งใต้ดิน คนที่วาดลูกศรนั้นทิ้งไว้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ไหน แต่เป็นอวี่เหวินซวน
“เป็นเจ้าสัตว์ประหลาดแปลงร่างตัวนั้นงั้นหรอ? หรือเป็นถังฮ่าวที่มาทีหลัง? ดูจากเวลาแล้ว ไม่มีทางเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นแน่…” เห็นชัดว่าหลิงม่อเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ใต้ภาพวาดลูกศรนี้มากกว่าคนอื่นๆ อีกฝ่ายต้องการบอกเขาว่า — ฉันกำลังจับตาดูนายอยู่
ขณะเดียวกันมันก็กำลังเตือนหลิงม่อว่า อีกฝ่ายจะปรับเปลี่ยนแผนเพราะการปรากฏตัวของเขา…ตัวแปรที่โผล่ขึ้นมากะทันหันอย่างเขา จะถูก “แก้ไขให้ถูกต้อง” หรือพูดอีกอย่างก็คือ หลิงม่อทำให้มันประหลาดใจได้แค่เล็กน้อย แต่กลับไม่สามารถสร้างผลกระทบอะไรให้มันได้เลย…
“หึหึ…” คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็อดหัวเราะเย็นชาไม่ได้
แกอยากเล่น? ได้…ถ้างั้นก็ลองดู…
จางซินเฉิงกลับยื่นมืออกไป แล้วปาดบนภาพลูกศรภาพนั้น จากนั้นก็หันมาบอกพวกเขาว่า “ทุกคนดูสิ…มันเพิ่งถูกวาดได้ไม่นาน แถมยัง…ถูกวาดด้วยเลือด”
“เพิ่งถูกวาด?” ทุกคนต่างพากันหันขวับไปมองเจ้าลิงผอม
อยู่ๆ ก็ถูกสายตาหลายคู่จับจ้องพร้อมกันอย่างนี้ เจ้าลิงผอมรีบโบกมือไปมาอย่างลนลาน “ไม่นะๆๆ ผมไม่เห็นอะไรเลย ตอนที่ผมเดินผ่านตรงนี้ ข้างบนนี้ก็มีลูกศรอยู่แล้วนะ!”
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม…” เย่ไคบอก “เมื่อกี้สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เคยโผล่มาที่นี่แล้ว…แม่เอ็ง พลาดโอกาสจับมันไปซะได้! กู่ซวงซวง เธอสัมผัสอะไรไม่ได้เลยหรอ?” เขาถาม
กู่ซวงซวงหน้าแดง เธอมองไปทางหลิงม่อ พูดเสียงเบา “ฉัน…ฉัน…”
“ที่นี่มีพลังก่อกวนผู้มีพลังจิต” หลิงม่อบอก
กู่ซวงซวงถอนหายใจ แล้วหันไปยิ้มให้หลิงม่ออย่างซาบซึ้ง ทว่าพอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของหลิงม่อ รอยยิ้มของเธอก็ค้างเติ่ง ได้แต่ก้มหน้าแดงๆ ลง
ใช่สินะ ตอนนี้หัวหน้าทีมคงไม่มีอารมณ์มายิ้มหรอก…เธอคิดในใจ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรา…” เจ้าลิงผอมถามอย่างระมัดระวัง
“เดินตามลูกศรไป” หลิงม่อตัดสินใจ
มู่เฉินมองหลิงม่อด้วยสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็ขมวดคิ้วมองเจ้าลิงผอม
เห็นชัดว่า สิ่งที่หลิงม่อกำลังจะบอกเขาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และจังหวะที่เจ้าลิงผอมเจอลูกศรนั่นก็ดูเหมือนจะเหมาะเจาะเกินไปหรือเปล่า…
สับสนไปหมดแล้ว!
ตอนนี้ทุกคนอยู่ด้วยกันหมด เขาจึงไม่สะดวกเปิดปากถาม แต่หลิงม่อกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเดินนำอยู่ข้างหน้าโดยไม่พูดอะไรเลย…
ห้องโถงนี้มีเค้าโครงเหมือนห้างสรรพสินตค้า หลังจากเดินผ่านเสาต้นหนึ่งไป ช่องมืดๆ ช่องหนึ่งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา…มันคือประตูลิฟต์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ และมีเพียงบันไดไม้ที่ถูกวางพาดไว้เท่านั้น…
ด้านล่างเป็น “ซุปเปอร์มาร์เก็ต” ใต้ดินอันมืดมิด ทว่ามองลงไปตอนนี้ เห็นเพียงทรายกองโต กับก้อนอิฐมากมายที่ถูกทิ้งเรี่ยราดอยู่รอบๆ
“โครม!”
เย่ไคโน้มตัวกระโดดลงไป จากนั้นก็หยิบอิฐขึ้นมาก้อนหนึ่ง พูดเสียงขึ้งเคียดว่า “เดี๋ยวฉันจะใช้อิฐก้อนนี้ทุบหัวมันให้แหลกคามือเลยคอยดู!”
“พวกนายจะเอาด้วยไหม?” เขาโบกอิฐในมือไปมา แล้วถาม
“ผมว่าน่าจะเป็นที่นี่แหละ…” เจ้าลิงผอมมองพิจารณาจากข้างบน พลางบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็ลงไปกันเถอะ” หลิงม่อบอก แล้วก็กระโดดลงไปทันที แต่อยู่ๆ เขากลับลดความเร็วลงในขณะที่ใกล้ลงถึงพื้น จากนั้นก็เหยียบเท้าลงบนพื้นอย่างเงียบงัน
มู่เฉินเองก็กระโดดตามลงมาอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยจางซินเฉิง เขาหันหน้ากระโดดออกไป ใช้มือเกาะขอบเสาไว้ได้อย่างแม่นยำ หลังจากชะงักไปชั่วขณะก็คลายมือแล้วปล่อยตัวให้ไหลลงไปตามเสา เหลือเพียงกู่ซวงซวงและเจ้าลิงผอมที่ได้แต่จำใจเลือกเดินลงไปทางบันไดไม้…บันไดไม้สั่นคลอนนั้น ทำเอาพวกเขาอดถอนหายใจโล่งอกหลังจากลงมาถึงพื้นไม่ได้
“ที่นี่เหมือนจะไม่มีลูกศรอันใหม่แล้ว” หลิงม่อถือไฟฉายส่องไปรอบๆ พลางบอก
“คงไม่มีซอมบี้อยู่หรอกนะ?” กู่ซวงซวงเห็นเขาใช้ไฟฉาย จึงพูดขึ้นอย่างกังวล
“วางใจเถอะ กลิ่นคาวเลือดข้างนอกนั่นลอยเข้ามาถึงข้างในนี้นานแล้ว แต่ถึงจะไม่ต้องห่วงเรื่องซอมบี้…” หลิงม่อกำลังพูด แต่ทันใดนั้นแสงไฟฉายในมือกลับส่องไปเจอเงาดำเส้นหนึ่ง เงาเส้นนั้นยืนอยู่หลังเสาต้นหนึ่ง มันจ้องหลิงม่อเขม็งโดยโผล่หน้าออกมาแค่ครึ่งเดียว เสี้ยววินาทีที่ถูกหลิงม่อสาดแสงไฟฉายโดน มันก็ฉีกยิ้ม แล้วหัวเราะ “คิกๆ” ขึ้นมา
เมื่อมันเดินเข้ามาในรัศมีไฟฉาย ทุกคนต่างพากันสูดหายใจลึก
เห็นชัดว่ามันเป็นมนุษย์…แต่ร่างกายของมันผอมแห้งเหมือนท่อนฟืน มีเพียงหัวที่ดูใหญ่เป็นพิเศษ ดวงตาสีแดงเลือดทั้งสองข้างเหมือนจะหลุดออกจากเบ้าตา ตามซอกฟันเต็มไปด้วยคราบเลือด
“พวกเราเคยเห็นเขา…” อยู่ๆ มู่เฉินก็พูดขึ้น
หลิงม่อเองก็ชะงัก แล้วเขาก็คิดออก…เงาคนที่ซ่อนตัวอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน และแอบมองพวกเขา
เห็นชัดว่ามนุษย์หัวโตตัวนี้หูดีไม่เบา เขาหัวเราะคิกคักขึ้นมาอีกครั้ง บอกว่า “ดูเหมือนพวกนายจะจำฉันได้นะ…ฉันก็จำพวกนายได้เหมือนกัน ฉันชื่อเหมียวเจ๋อ”
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น…การแนะนำตัวกับคนอื่นในสถานการณ์อย่างนี้ มันแปลกเกินไป…
“คนอื่นๆ ล่ะ?” อยู่ๆ เหมียวเจ๋อก็ถามขึ้น
“ตายแล้ว” เย่ไคพูดเสียงเย็นชา
เหมียวเจ๋อพยักหน้า ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์อื่นใด…ทว่าเงียบไปได้ไม่นาน เขาก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง พูดเสียงเรียบว่า “ตายก็ดี”
“พวกนายคงสงสัยใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงพูดอย่างนี้? ความจริงแล้วพวกฉันแต่ละคนล้วนมีเหตุผลที่ไม่ควรอยู่ต่อไป…” เหมียวเจ๋อถามเองตอบเอง “พวกถังฮ่าวทำให้พวกฉันกลายเป็นแบบนี้ แล้วก็ทำให้พวกเราที่เพิ่งเข้ามาใหม่กลายเป็นแบบนี้ทีละคนๆ…เท่านี้ยังไม่พอ ทันทีที่พวกฉันเห็นเพื่อนมนุษย์กลุ่มใหม่อย่างพวกนายปรากฏตัว ความคิดแรกของพวกฉันไม่ใช่การบอกข้อมูลอะไรให้พวกนายรู้ แต่พวกฉันเห็นพวกนายเป็นบันไดที่จะทำให้หลุดพ้นจากเรื่องทั้งหมดนี้ต่างหาก…”
“พอเถอะ…” หลิงม่อขมวดคิ้ว
“คิกๆ นายคือหลิงม่อ ใช่ไหม?” เหมียวเจ๋อมองเขา บอกว่า “ห้างฯ นี้ใหญ่มาก นายมั่นใจหรอว่าตัวเองจะตามหาเป้าหมายเจอ? แต่ว่า…ฉันบอกทางพวกนายได้นะ เงื่อนไขคือพวกนายต้องตอบคำถามฉันสามข้อ”
“แกคิดว่าตัวเองเป็นสฟิงซ์หรอ? อย่างมากแกก็เป็นได้แค่ศพเดินได้แหละน่า! ถ้าอยากรู้คำตอบ พวกฉันอัดแกเลยจะไม่เร็วกว่าหรอ?” เย่ไคยกก้อนอิฐขึ้น
—————————————