แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1022 หลังจากเดินผิดหนึ่งก้าว
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้…” หลิงม่อได้สติทันที เขาส่ายหน้าแล้วบอก
“ทำไมล่ะ? มีปัญหาอะไรงั้นหรอ?” มู่เฉินที่ยังกลัวไม่หายอดถามขึ้นไม่ได้
“ใช่…” หลิงม่อครุ่นคิด แล้วพยักหน้า “ฉันรู้สึกว่ามันผิดปกติตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว…ทำไมในตอนแรกสัตว์ประหลาดตัวนั้นถึงได้อยากล่อพวกนายมาที่นี่?” เขาย้อนถาม
ซย่าน่าถามแทรกขึ้นอย่างสงสัย “หมายความว่ายังไง?” ไม่รอคำตอบ เธอกวาดมองทุกคนหนึ่งรอบ จากนั้นก็จ้องกู่ซวงซวงเขม็ง “อ่อ ฉันไปถามเธอเอาแล้วกัน รุ่นพี่ตามฉันมา…”
มู่เฉินชะงัก จากนั้นก็ขมวดคิ้วบอกว่า “เพราะว่า…มันเตรียมกับดักไว้ที่นี่?”
“ใช่แล้ว! แต่นายลองคิดดู แผนการตอนนี้ กลับต้องมีพวกซย่าน่าอยู่ด้วยถึงจะดำเนินต่อไปได้ แต่ตอนที่มันตั้งกฎให้พวกนาย มันไม่มีทางคาดคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันอย่างนี้ได้แน่…” ก่อนที่หลิงม่อจะพูดคำนี้ออกมา เขาได้ไตร่ตรองซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบแล้ว ไม่ว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะจับตามองเขายังไง หรือ “ปลอมตัว” เป็นสัตว์ประหลาดนานาชนิดเข้าใกล้เขายังไง ก็ไม่มีทางคาดเดาพฤติกรรมของเขาในสถานการณ์อย่างนั้นได้แน่นอน…เพราะว่าตอนนั้นคนที่อยู่กับเขา มีแค่อวี๋ซือหรานเท่านั้น และสถานที่แห่งนั้น เฮยซือก็เป็นคนบอกเขา
ดังนั้นสำหรับสัตว์ประหลาดตัวนั้น นี่ก็เท่ากับเหตุไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นเหตุไม่คาดคิดที่ทำให้แผนการของมันวุ่นวาย อีกเรื่องหนึ่งที่มันไม่คาดคิดก็คือ ภายใต้การคำนวณอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน มันกลับมองข้ามปัญหาที่สำคัญข้อหนึ่งไป นั่นก็คือ—ระหว่างหลิงม่อกับพวกซย่าน่า พวกเขามีเทคนิคการแยกแยะที่พิเศษอยู่
ขอเพียงยังมีเทคนิคนี้อยู่ ไม่ว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะลงแรงเท่าไหร่ สำหรับพวกเขามันก็เป็นได้แค่เรื่องตลกเท่านั้น…เป็นความจริงที่ว่าพลังจิตของหลิงม่อถูกจำกัดเมื่ออยู่ที่นี่ แต่ยังไม่ถึงขั้นแม้พวกเธอยืนอยู่ตรงหน้าก็ยังจำไม่ได้ ถึงแม้พลังจิตใช้ไม่ได้ผลแล้ว แต่หลิงม่อก็เชื่อว่าตัวเองจำไม่ผิดแน่ เพราะยังมีอีกเรื่องที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นคาดไม่ถึง…
ระหว่างมนุษย์กับซอมบี้ กลับสามารถเกิดความรักขึ้นได้…
“หัวหน้าหมายความว่า…มันเพิ่งจะขุดกับดักขึ้นมาอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นตอนแรกมันคิดจะทำอะไรล่ะ?” เย่ไครีบถาม
“นั่นคือเรื่องที่พวกเราต้องหาคำตอบให้ชัดเจน ในเมื่อแผนที่เพิ่งด้นสดขึ้นมาล้มเหลวไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่มันอยากทำในตอนแรก ก็น่าจะเป็นกกำจัดหินขวางทางให้พ้นสายตา ดังนั้น…มันจะคิดแผนใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ และขณะเดียวกันมันก็จะจัดการแผนเดิมให้เรียบร้อยไปด้วย…” หลิงม่อบอก
“หัวหน้าหมายความว่า…พวกเราจะไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยการรอให้มันเริ่มแผนใหม่ แต่จะฉวยโอกาศตอนที่มันแก้ไขแผนเดิม…” เย่ไคคาดเดา
“ถูกต้องแล้ว!”
มู่เฉินตั้งคำถาม “แต่พวกเราจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยนี่นา…”
“สำหรับเรื่องนี้…ความจริงฉันมีความคิดดีๆ แล้วล่ะ…นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ‘ฉัน’ คนนั้นที่ปลอมตัวเป็นฉัน มันไปไหนแล้ว?” หลิงม่อพูดขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันสมองเขากลับคิดอีกเรื่องหนึ่งพร้อมกัน…สัตว์ประหลาดที่สามารถแปลงร่างเป็น “เขา” ตัวนั้น จะเป็นตัวเดียวกับเด็กผู้หญิงนั่นหรือไม่…
เวลานั้น ณ สถานที่มืดมิดบางแห่ง…
“เชี่ย น่าจะใกล้ถึงแล้วนะ…”
อวี่เหวินซวนปีนขึ้นไปตามช่องทางเดินปูนซีเมนต์ พลางพูดขึ้น
ด้านหลัง เสียงไม่สบอารมณ์สุดๆ ของสวี่ซูหานดังไล่มา “ถ้าอย่างนั้นนายช่วยอย่าลื่นลงมาบ่อยๆ ได้ไหม? ฉันไม่อยากดันพื้นรองเท้านายแล้วนะ! อีกอย่าง…พอบวกแรงโน้มถ่วงของโลกเข้าไปแล้วนายตัวหนักมาก!”
สวี่ซูหานใช้มือข้างหนึ่งดันพื้นรองเท้าอวี่เหวินซวน ปากก็บ่นกระปอดกระแปด พวกเขาปีนป่ายอย่างนี้มาเกือบสองนาทีแล้ว…ใครจะไปคาดคิดว่า “ทางออก” นั่นกลับเป็นช่องที่ทั้งยาวเหยียด และกว้างพอให้คนปีนได้แค่คนเดียวแบบนี้กันล่ะ? ซ้ำมันยังชันจนทำมุมเกือบเก้าสิบองศาอีกด้วย นี่มันผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว!
“ฉันพยายามสุดความสามารถแล้วนะ…จะว่าไป ถ้าหากว่านี่เป็นพื้นรองเท้าของหลิงม่อ เธอคงไม่บ่นสินะ? ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ? อุวะฮ่าฮ่า…” อวี่เหวินซวนบอก
“ฉันจะปล่อยมือจริงๆ แล้วนะ! นายนี่มันน่ารำคาญชะมัด รีบๆ ขึ้นไปเลย ไม่แน่อีกเดี๋ยวหลิงม่ออาจจะออกมาจากที่ไหนซักแห่งแล้วก็ได้…” สวี่ซูหานตะโกนอย่างหงุดหงิด
“อย่าๆ! ฉันจะปีนแล้วๆ…ใช่สิ แล้วน้องสาวตัวเล็กคนนั้นล่ะ?” อวี่เหวินซวนถามอีกครั้ง
สวี่ซูหานมองลงไปข้างล่าง เธอหมายจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เห็นเงาคนเงาหนึ่งพุ่งขึ้นมาเสียก่อน
“เรียบร้อยแล้ว ฉันอุดทางเข้าข้างล่างไว้ชั่วคราวแล้วล่ะ แต่ก็ทิ้งเครื่องหมายไว้แล้วเหมือนกัน…เกิดถ้าไส้กรอกหรือเฮยซืออยากออกมาจากทางนี้ ก็จะเห็นช่องนี้เอง” หลังจากพูดอย่างตื่นเต้นเสร็จ อวี๋ซือหรานก็เงยหน้ามองข้างบน “ทำไมพวกเธอยังปีนไม่ถึงอีกล่ะ…”
“นี่มันเป็นช่องแคบที่ตั้งฉากเก้าสิบองศาเชียวนะ!” อวี่เหวินซวนเตือนความจำเสียงแข็ง…
เงียบไปได้ไม่ถึงสองวินาที ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างบนของช่องทางออกนี้
“ใครอยู่ข้างล่างน่ะ?”
ทั้งสามชะงักหยุดความเคลื่อนไหวพร้อมกัน และมองขึ้นไปข้างบนทันที
“อวี่เหวินซวน?” อีกฝ่ายถามหยั่งเชิง
อวี่เหวินซวนนิ่งงัน ไม่นานก็ได้สติ “นี่มันหลิงม่อนี่นา!”
สวี่ซูหานทำหน้าประหลาดใจระคนดีใจ เงยหน้าตะโกนตอบ “หลิงม่อ พวกฉันเอง! ทำไมนายถึงออกไปก่อนพวกฉันได้ล่ะ?”
ทว่า หลังจากได้ยินคำตอบ ข้างบนกลับไม่มีเสียงใดๆ อีก
อวี๋ซือหรานกลับทำหน้าสงสัยระคนไม่สบอารมณ์ บอกว่า “ทำไมเขาไม่พูดอะไรแล้วล่ะ? ฉันยังมีคำถาม…”
ซ่าาา—
ทันใดนั้น เสียงเบาๆ เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น อวี่เหวินซวนที่อยู่ข้างบนสุดร้อง “เฮ้ย” ขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี๋ซือหรานถาม
ส่วนสวี่ซูหานพยายามทรงตัวอยู่ครู่หนึ่ง เธอใช้มือข้างหนึ่งลูบแก้มและลำคอตัวเอง จากนั้นก็ถูปลายนิ้วเบาๆ ปากพึมพำเสียงเบาว่า “นี่มันอะไรกัน…”
ซ่าาา…
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้อวี่เหวินซวนตะโกนออกมาตรงๆ “ชิท! หลิงม่อ นายทำอะไรของนายวะ?”
“ตกลงว่า…” มีเพียงอวี๋ซือหรานที่อยู่ปลายแถวที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอจี้ถามอย่างไม่พอใจ “ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมไส้กรอกไม่พูดอะไร?”
สวี่ซูหานค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา “นี่มัน…ทราย”
“ทราย?”
ซ่าาาา…
“เชี่ย! หลิงม่อนายคิดจะฝังพวกฉันไว้ที่นี่หรือไง?” อวี่เหวินซวนตะโกน
ข้างบนยังคงไม่มีใครตอบ ทว่าทั้งสามต่างได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว ข้างบนนั้นมีเสียงของพลั่วกำลังถูกใช้งาน รวมถึงเสียง “ซ่า” ยามทรายถูกเทลงมา…
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย…” อวี่เหวินซวนตะโกนลั่น จากนั้นก็ก้มหน้าหลบทราย พลางคำรามเดือดดาล
สวี่ซูหานกลับตั้งสติได้ในความตื่นตกใจ บอกว่า “ไม่…นั่นไม่ใช่หลิงม่อหรอก รีบปีนขึ้นไปข้างบนเร็ว!”
“ฉันจะ…พยายาม…”
ทว่าเมื่อทรายข้างบนเริ่มถูกเทลงมามากขึ้นเรื่อยๆ อวี่เหวินซวนก็เริ่มปีนลำบากขึ้น ทรายบางส่วนติดอยู่บนผนัง ส่งผลให้ลื่นกว่าเดิม และทำให้หาตำแหน่งวางมือได้ยากขึ้น ที่สำคัญที่สุดก็คือช่องทางเดินนี้ไม่ใช่เส้นตรง ดังนั้นอวี่เหวินซวนจึงไม่สามารถใช้ความสามารถพิเศษของตัวเองมาเพิ่มความเร็วได้ เขาทำได้เพียงอาศัยการก่นด่าอย่างเดือดดาลเพื่อระบายความสงสัยในใจออกมา…
“เชี่ย! แกลองเททรายลงมาอีกสิ…”
ซ่าาา…
“ฉิบหาย! เขาทิ้งถังลงมาด้วยแล้ว!” อวี่เหวินซวนกุมหัวตะโกนลั่น “เชี่ยเอ้ย! เก่งนักแกก็โยนถังลงมาอีกเซ่!”
ซ่าาา…
“จะไม่จบใช่ไหม! แกขว้างไม่โดนฉันซักหน่อย ไม่มีประโยชน์หรอกน่า!” อวี่เหวินซวนด่ากราด
อวี๋ซือหรานที่อยู่ข้างล่างสุดพูดอย่างอารมณ์เสีย “เหลวไหล! เกือบโดนฉันแล้วเถอะ! ตอนที่พวกเธอหลบช่วยเตือนกันหน่อยไม่ได้หรอไง?”
“อา…ขอโทษที…” สวี่ซูหานพูดอย่างรู้สึกผิดทันที…
ขณะเดียวกันในเวลานี้ อยู่ๆ ข้างบนกลับมีเสียงพูดดังขึ้นมา “พวกแกไม่ใช่พวกอวี่เหวินซวนตัวจริง…พวกเขาตัวจริงได้ตายไปแล้วข้างบนนี้ ดังนั้น ฉันจะฝังพวกแกไว้ที่นี่…ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่พวกแกปลอมตัวไม่เนียน”
“นายพูดอะไรวะ?” อวี่เหวินซวนตะโกนเดือดดาล
“แกไม่ใช่หลิงม่อ! แกต้องเป็นสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าแน่นอน!” สวี่ซูหานตะโกนเสียงดัง ทว่าหลังจากตะโกนเสร็จ เธอก็เสริมอีกหนึ่งประโยคว่า “ถ้าหากเป็นหลิงม่อ…นายต้องคิดให้ดีนะ! พวกฉันไม่มีทางตายอยู่บนนั้นแน่…นายอย่า…”
“ฉันไม่สนว่าพวกแกจะพูดยังไง” หลิงม่อตอบเสียงเย็นชา พลางเททรายต่อ
“เชี่ย! นี่นาย…”
แต่ในตอนนั้นเอง ทั้งสามกลับได้ยินเสียงดัง “โครม” และไม่นานเงาดำเส้นหนึ่งก็ไถลลงมาในช่องที่พวกเขาอยู่
ท่ามกลางความตกตะลึง พวกเขายังไม่ทันตั้งตัว อยู่ๆ เสียงตะโกนก็ดังขึ้นมาจากข้างบน “ฉิบหาย! รับมันไว้!”
“รับ…รับอะไร…” อวี่เหวินซวนเบิกตากว้างจ้องเงาดำที่หล่นลงมาใกล้ตัวเองอย่างรวดเร็ว ประกายไฟบนมือเกือบมอดดับเพราะความตกใจ
แต่สวี่ซูหานกลับอึ้งงัน จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “นั่นมันหลิงม่อ! เสียงเมื่อกี้คือหลิงม่อ! รับไอ้นั่นไว้เร็ว!”
กระทั่งพอเงาดำนั้นใกล้เข้ามาแล้ว อวี่เหวินซวนจึงเพิ่งค้นพบอย่างไม่น่าเชื่อว่า นั่นคือหลิงม่อ…
หลิงม่อ?
…………
หนึ่งนาทีต่อมา ภายใต้ความช่วยเหลือจากหลิงม่อที่อยู่ข้างบน ทั้งสามก็ได้ปีนกลับขึ้นมาพร้อมกับ “หลิงม่อ” ที่ร่วงตกลงไปคนนั้น
ทันทีที่เหยียบลงบนพื้นปูน พวกเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า ทางออกเส้นนี้อยู่ในห้องซึ่งยังสร้างไม่เสร็จห้องหนึ่ง แถมยังดูเหมือนจะเป็นตำแหน่งของอ่างล้างหน้าหรืออะไรทำนองนั้นด้วย ใกล้ๆ ทางออกมีพลั่ววางไว้หนึ่งอัน ข้างๆ ยังมีทรายกองโตอยู่ด้วย และคนที่มาเบียดรวมกันอยู่ในนี้ไม่ได้มีแค่หลิงม่อคนเดียว แต่ยังมีซย่าน่ากับหลี่ย่าหลิน รวมถึงพวกมู่เฉินด้วย นอกจากเย่ไคที่กำลังดูต้นทางอยู่ข้างนอกแล้ว ทุกคนต่างมองมาที่พวกเขา รวมถึง “หลิงม่อ” ที่ถูกอวี่เหวินซวนแบกไว้บนหลังอย่างตกตะลึง
ที่น่าตกใจที่สุดก็คือ “หลิงม่อ” คนนี้ ใส่เสื้อผ้าที่แทบจะคล้ายกับตัวจริงทุกประการ…เมื่อกี้ตอนที่เขาถูกหลิงม่อโจมตีร่วงลงไป ทุกคนแค่เหลือบเห็นแวบเดียว และเพิ่งจะมาเห็นเต็มตาเป็นครั้งแรกในตอนนี้
แค่รูปร่างหน้าตา “หลิงม่อ” คนนี้ก็แทบไม่ต่างจากตัวจริงเลยแม้แต่น้อย
อวี่เหวินซวนวางเขาลง ทำท่าจะลงไม้ลงมือ “ไอ้หมอนี่คิดจะฝังพวกฉันทั้งเป็น…ฉันจะย่างสดมันซะ!”
“เดี๋ยวก่อน…” หลิงม่อห้ามเขา จากนั้นก็นั่งยองๆ ลงมา จ้องเจ้าสัตว์ประหลาดแปลงร่างตัวนั้น บอกว่า “ฉันยังมีเรื่องอยากถามมันอีกเยอะ…”
“มันยังไม่ตายหรอ?” ทุกคนตะลึงงัน
เจ้าลิงผอมกลับชี้ไปที่มัน แล้วพูดอย่างหวาดกลัวสุดขีด “นะ…นั่นมันอันตรายมากไม่ใช่หรอ?”
“วางใจเถอะ…สำหรับพวกเราบางคนในนี้ มันไม่ถือว่าอันตรายหรอก” หลิงม่อกลับหัวเราะเสียงเย็น แล้วบอก
———————————-