แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1026 เล่นซ่อนหา
ชั่วขณะหนึ่ง หลิงม่อรู้สึกเหมือนตัวเองเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที…
การโจมตีของมนุษย์หนูเริ่มขึ้นเร็วเกินไป ทำให้พวกมันไม่มีเวลาไตร่ตรองอะไร แต่มาคิดดูตอนนี้ ทำไมถึงมีมนุษย์หนูตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในจุดที่ห่างออกไปด้วยล่ะ? และเหล่ามนุษย์หนูที่ไม่มีสติปัญญาพวกนี้ คิดแผนการเจ้าเล่ห์อย่างนี้ออกได้ยังไง?
“เป็นมัน!” หลิงม่อเพ่งความสนใจไปที่ดวงแสงแห่งจิตดวงนั้นทันที ในเสี้ยววินาทีที่หางของมนุษย์หนูตัวนี้ใกล้พุ่งถึงตัวเขา ทันใดนั้น หนวดสัมผัสเส้นหนึ่งพลันแหวกอากาศพุ่งไปทางดวงแสงแห่งจิตดวงนั้น วินาทีนี้ หลิงม่อราวกับได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง รวมถึงเสียงพลังงานทางจิตที่พุ่งทะลักออกจากสมองอย่างชัดเจน ทว่าวินาทีต่อมา ความรู้สึกประหลาดอย่างนี้ก็ได้หายไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่กลับเป็นแรงกระแทกอย่างรุนแรง รวมถึงความรู้สึกตื่นเต้นและเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตามมาติดๆ
สวบ!
ดวงแสงแห่งจิตถูกหนวดสัมผัสโจมตีในพริบตา มันเดือดพล่านอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนเสียดแทงแก้วหูดังขึ้น “โฮกกกก!”
ในเวลาเดียวกัน หลี่ย่าหลินยื่นมือมาดึงหลิงม่อจากข้างหลัง และเคียวดาบของซย่าน่าก็ฟาดฟันลงมาข้างตัว แต่ในตอนนี้เอง หางของมนุษย์หนูตัวนั้นกลับค้างเติ่งทันใด ร่างกายของมันก็พลอยชะงักไปด้วย ราวกับสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไปในพริบตา ซย่าน่าฉวยโอกาสนี้กระโจนไปข้างหน้า เสียดแทงเคียวดาบเข้าไปในปากของมันจนล้มลงกับพื้นอย่างแรง
มนุษย์หนูอีกสามตัวที่เหลือก็เช่นกัน แม้ว่าเสี้ยววินาทีนี้สั้นและเร็วมาก แต่ท่ามกลางความตื่นตะลึงทุกคนล้วนฉวยโอกาสนี้ไว้ เพราะความน่ากลัวของมนุษย์หนูพวกนี้ทำให้พวกเขาพุ่งโจมตีจุดที่ดูค่อนข้างบอบบางอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งผ่านไปหลายวินาที เมื่อพวกเขาถอยออกมา บนพื้นตรงหน้าก็กลายเป็นภาพที่น่ากลัวไปแล้ว
ทว่าถึงแม้มีสภาพน่าเอน็จอนาถขนาดนั้นแล้ว อสุรกายดุร้ายพวกนั้นก็ยังคงกระตุกสั่น เพื่อทำให้พวกมันสิ้นลม เย่ไคกับคนในทีมพร้อมใจกันกรูเข้าไป เปิดฉากการโจมตีอันบ้าคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง…
“แฮ่ก…แฮ่ก…”
ทุกคนต่างหอบหายใจหนักหน่วง ตั้งแต่ที่มนุษย์หนูพวกนี้ปรากฏตัวมาจนถึงตอนนี้ อาจจะยังไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกอันตรายถึงชีวิตที่พวกเขาสัมผัสได้กลับรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน…
“เมื่อกี้มันอะไรกัน?” กู่ซวงซวงถามขึ้นเหมือนวิญญาณยังไม่เข้าร่าง เธอไม่เข้าใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ พวกเธอถึงได้หลุดพ้นจากอันตราย
ทว่าในวินาทีถัดมาทุกคนพลันได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากทางเลี้ยว และเห็นหลิงม่อที่กำลังเดินไปทางนั้น เวลานี้เงาดำที่กรีดร้องตัวนั้นได้คลานออกจากมุมเลี้ยวจนเห็นศีรษะเล็กๆ รวมถึงอุ้งเท้าหนึ่งคู่ ดูจากศีรษะ มันกลับมีขนาดเล็กกว่ามนุษย์หนูหนึ่งไซส์…ร่างกายของมันไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย แต่มันกลับดูหมดเรี่ยวแรง
“นั่นคือหัวหน้าของพวกมัน หรือจะเรียกว่าราชาหนูก็ได้…” ซย่าน่าขมวดคิ้วบอก
“ก็หมายความว่า…มนุษย์หนูพวกนี้ถูกราชาหนูคอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง เมื่อกี้หลิงม่อโจมตีราชาหนู พวกมันเลยมีปัญหาขึ้นมา?” อวี่เหวินซวนพูดต่อ
“น่าจะใช่…”
“ถ้าอย่างนั้นความสัมพันธ์แบบกลุ่มของพวกมันก็อ่อนแอเกินไปน่ะสิ…” มู่เฉินพูดเสริม
ทว่าถึงจะพูดอย่างนี้ แต่การตัดสินใจอย่างใจเย็นในสถานการณ์เสี่ยงอย่างนั้น ถือว่ามีความยากอยู่ไม่น้อย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีอาจเลือกต้านทาน หรือไม่ก็หลบหลีกแทน…
“โฮกก…”
หลิงม่อค่อยๆ ย่างกรายเข้าใกล้ราชาหนูตัวนั้น มันนอนคว่ำหน้ากับพื้นพยายามคืบคลานไปข้างหน้า เหมือนต้องการหนีไปจากตรงนี้ และยิ่งหลิงม่อเข้าใกล้มัน เขาก็ยิ่งเห็นชัดขึ้น
เทียบกับมนุษย์หนูพวกนั้น ราชาหนูตัวนี้มีขนสีเทาเหมือนหนูของแท้มากกว่า แขนขาทั้งสี่ข้างของมันกลายเป็นเล็กลีบ มีเพียงศีรษะที่ยังถือว่าดูปกติ นอกจากนี้จมูกของมันได้กลายเป็นเหมือนหนูไปแล้ว แม้แต่ลูกตาก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เวลานี้ดวงตาคู่นั้นดูเลื่อนลอยมาก ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นเพราะถูกการโจมตีทางจิตอย่างรุนแรง
“ฟังนะ ฉันรู้ว่าแกฟังภาษาคนรู้เรื่องแน่นอน…”
ในขณะที่หลิงม่อเพิ่งเดินไปหยุดตรงหน้ามัน สายตาของราชาหนูพลันเปลี่ยนไป
ชั่วขณะหนึ่ง หลิงม่อมองเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย และเย็นชาสุดขีด เขาเพิ่งจะพูดจบประโยค ราชาหนูตัวนั้นก็พลันกระโจนเข้ามา อ้าปากหมายงับขาเขา และในตอนที่หลิงม่อเบี่ยงหลบ เงาดำเส้นหนึ่งกลับโฉบผ่านข้างกายเขาด้วยความเร็ว เร็วจนหลิงม่อเห็นแค่เงารางๆ เส้นหนึ่งเท่านั้น
“小心!”
“ระวัง!”
คนที่เหลือตะโกนเสียงดัง ขณะเดียวกัน ย่าน่ากับหลี่ย่าหลินพุ่งตัวราวกับบินออกไปพร้อมกัน…สองเท้าลอยเหนือพื้น พุ่งทะยานไปข้างหน้า ดูแล้วเหมือนบินมากกว่าจริงๆ…
ในขณะเดียวกัน หลิงม่อเบี่ยงหลบไปด้านข้าง เพื่อเปิดทางให้ซอมบี้สาวสองตัวนี้
“เคร้ง! เคร้ง!”
หลังจากเสียงกระทบเสียดแทงแก้วหูดังติดกันสองครั้ง ราชาหนูตัวนี้ก็ถูกตรึงร่างติดผนังแน่น มันกระอักเลือดออกมาคำโตดัง “อั๊ก” จากนั้นก็จ้องพวกหลิงม่อด้วยสายตาอาฆาต ส่วนหางของมันตอนนี้ตกลงบนพื้นซึ่งอยู่ห่างจากกู่ซวงซวงไม่ไกลมาก เห็นชัดว่าในการต่อสู้สั้นๆ เมื่อกี้ มันรู้แล้วว่าใครที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม และมันก็ออมแรงเพื่อเตรียมลอบโจมตี ส่วนที่มันพยายามจะกัดหลิงม่อ มาคิดดูแล้วก็เป็นแค่การเบี่ยงเบนความสนใจอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น
กู่ซวงซวงตกใจจนหน้าซีดเผือด ขณะที่เธอกำลังถอนหายใจหลังจากเพิ่งรอดพ้นสถานการณ์เสี่ยงตายมาหมาดๆ เธอไม่คิดเลยว่าราชาหนูตัวนั้นจะเล่นละครตบตาได้เก่งถึงขั้นนั้น…ทว่าโชคดีที่พลังต่อสู้ของราชาหนูอ่อนกว่ามนุษย์หนูที่ถูกมันควบคุมพวกนั้นมาก ดังนั้นภายใต้การตอบสนองอย่างรวดเร็วของพวกหลิงม่อ การโจมตีของมันจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า
“หัวหน้ารู้อยู่ก่อนแล้วหรอ?” จางซินเฉิงหอบหายใจแรง พลางอดถามไม่ได้
มู่เฉินส่ายหัวด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “ไม่รู้…”
ความจริงแล้วเขาอยากบอกว่า บางทีเจ้าหมอนั่นอาจแค่ระวังรอบคอบมากก็เท่านั้นเอง…
ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ราชาหนูกระแอมไอสองสามที ชิงพูดขึ้นก่อน “แกถามฉันก็ไม่มีประโยชน์…” น้ำเสียงยามพูดของมันแห้งเหือด แต่เมื่อบวกรวมกับหน้าหนูของมัน กลับทำให้น่ากลัวไปอีกแบบ ถ้าหากมันแค่ยืนอยู่ในความมืด มันก็คงดูไม่ต่างกับคนทั่วไปนัก
มันเพิ่งจะพูดจบ อยู่ๆ ดวงตาของมันก็ปูดโปน พลันอ้าปากร้องเสียงดังลั่น “โฮกก กรรรรร…”
หลังจากเป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ หลิงม่อกระชากหัวของมันแน่น เมื่อร่างกายของมันอ่อนแรงลงและค่อยๆ ไถลลงกับผนังช้าๆ คนอื่นแม้ยืนมองอยู่ไม่ไกล แต่กลับไม่มีใครเข้ามาใกล้ๆ…ในสายตาของพวกกเขา ราชาหนูตัวนี้เหมือนถูกหลิงม่อค่อยๆ ทรมานจนตายมากกว่า ถึงแม้ว่าขั้นตอนทั้งหมดนี้ จะสั้นมากก็ตาม…
หลังจากที่เสียงคร่ำครวญของราชาหนูเงียบหายไป หลิงม่อเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องเพดานบนหัว “ความทรงจำส่วนที่สี่แล้ว แผนที่ของตึกใหญ่หลังนี้ก็น่าจะมีเท่านี้แล้วล่ะมั้ง…” พอคิดถึงเด็กผู้หญิงนั่น หลิงม่อก็อดกำหมัดแน่นไม่ได้…
ขณะที่พวกหลิงม่อกำลังเร่งความเร็ววิ่งขึ้นไปชั้นบน ณ ชั้นหนึ่งของตึกใหญ่ เงาร่างสองเงากำลังหลบหลีกไล่ล่ากันอย่างต่อเนื่อง…
“ไม่คิดเลยว่าพี่จะมีอความอดทนขนาดนี้…พี่รอฉันอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว? ห้านาที? หรือว่านานกว่านั้น?” เด็กผู้หญิงยกมือกุมแก้มข้างหนึ่ง หัวเราะเจ้าเล่ห์ พลางย่างกรายไปข้างหน้าช้าๆ ด้านหลังของเธอ คือผนังที่พังทลายลงเพราะถูกกระแทกอย่างแรง ก้อนอิฐเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนแหลกละเอียดเป็นผุยผงไปแล้ว เหล็กเส้นก็หักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บนก้อนอิฐก้อนหนึ่งที่ถือว่าดูสมบูรณ์ มีรอยฝ่ามือเล็กๆ ปรากฏอยู่…
“พูดจริงๆ นะ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ากลิ่นของพี่มันปลอมไม่ได้ ฉันเกือบนึกว่าพี่เป็นมนุษย์ไปจริงๆ ซะแล้ว มีซอมบี้ที่ไหนใช้ของอย่างนี้กันบ้าง? ทำไมพี่ต้องใช้มัน? บอกฉันมาเถอะนะ?” เลือดจำนวนน้อยไหลออกจากซอกนิ้วของเธอ กอปรกับรอยยิ้มไร้เดียงสาของมัน ดูแล้วน่าขนลุกไร้ที่เปรียบ
ในตอนนี้เอง อยู่ๆ มันกลับชะงักฝีเท้า บอกว่า “สัตว์เลี้ยงของฉันตายแล้ว” ตอนที่พูดประโยคนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของมันจางหายไป ทว่าไม่นาน มันก็คลี่ปากออกอีกครั้ง “ความจริงไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันนึกไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ แล้วก็ไม่เป็นไรเลยจริงๆ เพราะว่าอีกไม่นานฉันก็จะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่แล้ว…พี่สาว พี่วิ่งหนีไปไหนอีกแล้วล่ะ? ออกมาเถอะ…”
ขณะที่เสียงตะโกนเรียกหาของเด็กสาวสะท้อนก้องอยู่บริเวณใกล้ๆ เสียงหอบหายใจเบาๆ หนึ่งดังอย่างต่อเนื่องอยู่หลังเสาต้นหนึ่ง เย่เลี่ยนกระชับปืนไรเฟิลไว้ในอ้อมกอดแน่นและแนบตัวติดกับเสา สีหน้าของเธอซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ เธอเงี่ยหูฟังเสียงตะโกน พลางก้มมองฝ่ามือตัวเอง บนฝ่ามือของเธอมีกระสุนที่ผ่านการลับมาเป็นอย่างดีหนึ่งลูก…กระสุนประเภทนี้สามารถระเบิดสมองของคนคนหนึ่งให้เละเป็นจุณได้ แต่เด็กผู้หญิงนั่น…
“พี่สาว ยอมแพ้เถอะน่า พี่ออกมาตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ…ทำไมล่ะ เลือกที่จะกอดของเล่นของมนุษย์ไว้ แต่กลับไม่ยืนหยัดในหลักการของซอมบี้งั้นหรอ? พี่สาว อยู่ที่ไหนเอ่ย?”
เด็กสาวลดมือลง บนแก้มข้างนั้นของเธอ รอยแผลเส้นหนึ่งกำลังสมานตัวกันอย่างรวดเร็ว…
“หลิงม่อ…”
เย่เลี่ยนค่อยๆ กำฝ่ามือแน่น…เป็นเพราะพลังป้องกันของมันแข็งแกร่งเกินไป หรือเป็นเพราะว่าการตอบสนองของมันรวดเร็วเท่าลูกกระสุนกันแน่นะ?
ทำยังไงดี?
เลี่ยนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าตัวเอง แต่ในตอนนี้เอง ม่านตาของเธอพลันหดเล็กลง ไม่นาน เธอหมุนตัวแนบหลังติดเสาแล้วมองออกไปข้างนอก
ขณะเดียวกัน เด็กผู้หญิงคนนั้นตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง…ในจุดที่อยู่ไม่ไกลเย่เลี่ยนมากนัก มันโน้มตัวลงแล้วเก็บสมุดเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างสงสัย “พี่สาว ดูสิว่าฉันเจออะไร? สมุดบันทึกหรือเปล่านะ? เป็นสมุดบันทึกที่พี่เขียนตอนยังเป็นมนุษย์หรอ? ไหนฉันดูหน่อยสิ…” เด็กสาวพลิกหน้ากระดาษไปยังหน้าหนึ่ง น้ำเสียงของเธอพลันเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ “ไม่คิดเลยว่าฉันจะเดาผิด…เดี๋ยวนะ นี่มันอะไร? นี่พี่…”
เย่เลี่ยนหอบหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเธอเริ่มถูกเคลือบด้วยสีแดงช้าๆ และกระสุนลูกนั้น ก็ถูกเธอบดขยี้จนแหลกคามืออย่างไม่รู้ตัว…
ทันใดนั้น เด็กผู้หญิงนั่นพลันหันหน้ามา ส่งยิ้มดีใจให้เย่เลี่ยนที่อยู่หลังเสา “จับได้แล้ว! พี่สาว…”
ชั่วพริบตา ม่านตาสีนิลของเย่เลี่ยนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ซ้ำมันยังลุกลามออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งส่วนตาขาวเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย กลายเป็นลวดลายที่ดูทั้งงดงาม แต่ก็อันตรายมากในขณะเดียวกัน…
—————————-