แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1036 ปฏิกิริยาปฏิเสธ
บนดาดฟ้าของบริษัทลอว์สัน
ข้างบนนี้มีกล่องเล็กใหญ่มากมายกองรวมกันอยู่ ข้างบนกล่องเหล่านั้นยังถูกปกคลุมด้วยผ้ากันฝนอีกหนึ่งชั้นอย่างละเอียดอ่อน
ตอนที่หลิงม่อเปิดประตู เงาคนสองเงากำลังนั่งเรียงกันอยู่บนกล่องสูงๆ และแกว่งขาไปมาเบาๆ
ถึงแม้อันตรายอยู่ตรงหน้า แต่บรรยากาศในตอนนี้กลับสงบสุขและเงียบงันมาก…
“…เรื่องนี้น่ะ จะว่าไงดีล่ะ? มันไม่ใช่รู้สึกไม่ดี แต่ว่า…ไม่ค่อยชินมากกว่ามั้งฒ” อวี๋ซือหรานกำลังพูดเสียงเบา มองจากมุมที่หลิงม่อยืนอยู่ เห็นเงาร่างเธอของเธอครึ่งหนึ่งพอดี แต่เงาร่างของเฮยซือกลับถูกเธอบังจนมิด เห็นเพียงเส้นผมสีดำยาวที่ถูกลมพัดพลิ้วเป็นช่วงๆ เท่านั้น
“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ…” หลิงม่อยืนอยู่นอกประตู อดทอดถอนใจไม่ได้ อยู่ๆ ก็ค้นพบว่าเฮยซือเปลี่ยนร่างใหม่ ถึงแม้จะเป็นยัยตัวเล็กซื่อบื้อตัวนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันสินะ…
เขาหมายจะเดินเข้าไปปลอบใจ แต่ก็ได้ยินโลลิตัวนี้พูดต่อว่า “หรือถ้าพูดให้ตรงกว่านี้หน่อย…ตอนที่แกกลายร่างเป็นเหมือนลูกบอลยังน่าดูกว่าอีก ไอ้ความรู้สึกที่มีขนปุกปุยเต็มไปหมดอย่างนั้น ไม่คิดว่ามันเหมือนอวัยวะบางจุดบนร่างกายมนุษย์หรอ? ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายของแกจะเหมือนมนุษย์มาก แต่เมื่อก่อนแกก็ถือว่าแปลงกายเป็นมนุษย์สำเร็จแล้วเหมือนกันนะ!”
“ไม่เหมือนซักนิดเลยเถอะ! มันเป็นการแปลงกายเลียนแบบมนุษย์สาขาไหนของเธอวะ! ยัยเปี๊ยกที่ยังไม่โตเต็มวัยอย่างเธอกำลังเผยแพร่ความรู้ผิดๆ อะไรกับยัยแม่หมาตัวนี้กัน หา! อีกอย่าง แกเกลียดเฮยซือขนาดไหนกัน…”
“อ้อ…” เสียงเด็กสาวที่ไม่คุ้นเคยพลันตอบรับ
“อ้อหาพระแสงอะไร! ทำไมถึงได้ยอมรับง่ายๆ แบบนี้ล่ะ! นี่เธอคิดว่าตัวเองไม่ต่างกับ XX ของมนุษย์จริงๆ น่ะหรอ! เธอดูถูกตัวเองเกินไปแล้วนะ…หื้ม? เดี๋ยวนะ! เสียงของเฮยซือนี่มัน…เธอพูดเป็นแล้ว!”
ตอนที่เพิ่งจะควบคุมร่างนี้ได้ เฮยซือสามารถสื่อสารกับเขาผ่านการเขียนเท่านั้น ตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันคงสามารถทำให้ร่างกายร่างนี้เป็นของมันโดยสมบูรณ์แล้ว…
ทว่าพอหลิงม่อเดินเข้าไปด้วยอารามดีใจ กลับต้องชะงักไปอีกครั้ง…เขากระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป
“นี่มันตัวอะไร?” เขาจ้องเฮยซือกับอวี๋ซือหรานที่นั่งอยู่บนกล่อง แล้วถามขึ้น
หนึ่งซอมบี้หนึ่งหมาสาวจ้องตากัน และหันหน้ามองไปอีกด้านอย่างสงสัย…
“ไม่ต้องมาปั้นหน้าแปลกใจเลยนะ! ฉันต่างหากที่ควรตกใจ! แล้วก็ฉันต่างหากที่ควรมีปัญหา!” หลิงม่อยื่นมือไปคว้าคอเสื้อด้านหลังของเฮยซือ และยกร่างมันขึ้น…ยัยเปี๊ยกที่มีความสูงเลยเข่าของเขาไปนิดเดียวตัวนี้กำลังห้อยแขนขาโตงเตง ปล่อยให้เขาเขย่าตัวไปมาอยู่กลางอากาศ แล้วยังจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสาอีกต่างหาก…
หลิงม่อหิ้วปีกมันมาตรงหน้า แล้วจ้องหน้ามันเขม็ง ถามว่า “ตอนที่ฉันช่วยเธอหนีออกมา…เธอไม่ได้มีเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ? หรือว่าเธอเปลี่ยนร่างอีกแล้ว? นี่ ยังไงเธอก็เป็นสัตว์เลี้ยงของฉันนะ เปลี่ยนร่างไปเปลี่ยนร่างมาตามใจชอบอย่างนี้ เห็นความพยายามของฉันเป็นอะไร…”
พูดไป เขาก็มองไปที่ลำคอของเฮยซือ…ตอนนี้มันก็ยังใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดิมอยู่ ร่างกายเล็กๆ ของเธอแทบถูกเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งหุ้มมิดทีเดียว ขนาดแขนของเธอก็ไม่รู้ว่าซ่อนอยู่ตรงไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคอเลย…
“นายจะทำอะไร?” เฮยซือพูดเสียงแหลมเจื้อยแจ้ว แต่เทียบกับเด็กจริงๆ แล้ว เสียงของเธอต่างออกไปเล็กน้อย…
หลิงม่อแค่นเสียง “เหอะ” แล้วยื่นมือไปกระชากคอเสื้อมันตรงๆ…
“พี่หลิง สัตว์ประหลาดข้างล่างนั่น…”
คอเสื้อของเฮยซือถูกแหวกออก เสียงของเย่เลี่ยนดังมาจากประตู
หลิงม่อชะงักไปขั่วขณะ แต่พอเขาหันไปมองทางประตู เย่เลี่ยนกลับกำลังถ้าวถอยอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ปิดประตูดัง “แกร๊ก”
ทว่าหลังจากที่ประตูปิดไม่ถึงศูนย์จุดหนึ่งวินาที เย่เลี่ยนกลับแง้มประตูเป็นช่องเล็กๆ อีกครั้ง แล้วบอกว่า “ฉะ…ฉันไม่เห็นอะไรเลยนะ อีกเดี๋ยว…ฉันค่อยมาใหม่”
แกร๊ก!
ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง
“เด็กโง่…” หลิงม่อตะโกนเรียก และอึ้งงันไปอีกครั้ง
เธอเป็นอะไรน่ะ?
“นี่นายจะทำอะไรกันแน่น่ะ…” เฮยซือสะบัดแขนไปมาแล้วพูดขึ้น
หลิงม่อได้สติทันที เขามองไปที่คอและไหล่ของเฮยซือ แล้วจับแขนนิ่มๆ ของมันเอาไว้
มันยังอยู่…ตะขาบยักษ์สีเลือดตัวนั้น ยังอยู่บนตัวมัน…ไม่ว่าจะรูปร่างหรือสี ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“นี่มันอะไรกัน?” หลิงม่อเงยหน้าอย่างประหลาดใจ พลางถาม
“นายปล่อยฉัน แล้วให้ฉันใส่เสื้อผ้าดีๆ ก่อนได้ไหม! ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักเอาใจใส่เลยจริงๆ…”
“พอเลยนะ! อย่างเธอเขาไม่ถือว่าเป็นผู้หญิงเหอะ! อย่างน้อยก็ต้องโตอีกสิบห้าปีก่อน!”
“จิ๊…มันเป็นอุบัติเหตุหรอก”
เฮยซือกระโดดกลับขึ้นไปบนกล่องอีกครั้ง ท่าทางเธอยังเคลื่อนไหวไม่ค่อยคล่องนัก แต่กลับมีเรี่ยวแรงในการกระโดดที่ยอดเยี่ยม “หลังจากที่นายล่อสัตว์ประหลาดตัวนั้นออกไป ฉันก็หาวิธีหนีออกมา…อีกอย่างจะว่าไปแล้วก็บังเอิญมาก หลังจากที่ฉันเดินออกไปตามทางเส้นนั้น ฉันกลับเจอกับเสี่ยวป๋ายเข้า…”
“เธอหาทางเส้นนั้นเจอได้ยังไง?” หลิงม่อถามอย่างสงสัย
“อาศัยร่างกายร่างนี้เอาน่ะสิ…” เฮยซือชี้ไปที่จมูกตัวเอง “เวลาอยู่ใต้ดินมันไม่ถูกจำกัดพลัง อีกอย่าง…” พูดไป เส้นผมทั้งหมดของเฮยซือพลันลอยพลิ้วขึ้น และลอยไหวไปมากลางอากาศราวกับริบบิ้นสีดำ “เห็นหรือยัง? เส้นไหมสีเงินของฉันหลอมรวมเข้ากับเส้นผมพวกนี้แล้ว หรือพูดอีกอย่างก็คือ พลังสัมผัสรู้ที่ฉันมีสามารถอยู่ในโหมดใช้งานได้ตลอดเวลาแล้ว”
หลิงม่อจ้องมองเส้นผมพวกนั้นอย่างละเอียด แล้วก็พบว่าท่ามกลางเส้นผมสีดำเหล่านั้นมีแสงสีเงินสะท้อนวิบวับอยู่รางๆ เพียงแต่เวลาอยู่ใต้แสงอาทิตย์ยากที่จะสังเกตเห็นเท่านั้น
“ร่างกายร่างนี้ใช้งานได้ดีมากจริงๆ…เดิมทีมันไม่มีสติสัมปชัญญะในตัวเองมากอยู่แล้ว ไม่ต่างกับกระดองเปล่าเท่าไหร่ อีกอย่าง พลังป้องกัน พลังต่อสู้ และพลังฟื้นตัวที่มันวิวัฒนาการก็ล้วนแล้วแต่เยี่ยมยอดทั้งนั้น แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คือศักยภาพของมัน ถ้ามีศักยภาพนี้อยู่ พลังของฉันก็จะอัพเกรดขึ้นมาก…” เฮยซือหลับตาลง ภายใต้สายตาสงสัยของหลิงม่อกับอวี๋ซือหราน ดวงหน้าอ่อนเยาว์ของมันเริ่มกลายเป็นสีแดงผ่าว
หลิงม่อสังเกตเห็น ตะขาบตัวนั้นก็กำลังกลายเป็นสีแดงเหมือนกัน ราวกับว่ามันอาจมีชีวิตขึ้นมาได้ทุกเมื่อ…ไม่แน่ว่าการมีอยู่ของมัน อาจอยู่บนหลักการและบทบาทเดียวกันกับก้อนเหนียวหนืดของซอมบี้ก็ได้…
สองสามวินาทีต่อมา เฮยซือพลันลืมตา!
หลิงม่อกับอวี๋ซือหรานเบิกตากว้าง…เห็นชัดว่า ร่างกายของเฮยซือได้มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป…หลังจากมองพิจารณาขึ้นลงหนึ่งรอบ หลิงม่อก็ค้นพบว่า หูของมัน…แหลมขึ้น…
เหมือนหูของหมา…
“อัพเกรดอะไรของเธอ? อัพเกรดความเป็นหมาสิไม่ว่า…” หลังเงียบไปครู่หนึ่ง หลิงม่อก็อดพูดขึ้นไม่ได้
อวี๋ซือหรานครุ่นคิด แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่ใช่อยู่แล้ว!” เฮยซือยืนเท้าสะเอว “นี่คือพลังแปลงร่างต่างหาก! พลังแปลงร่างน่ะ! ขอแค่ฉันคิด ฉันก็สามารถแปลงทุกส่วนของร่างกายได้ตามใจอยาก กระทั่งสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดได้เลยทีเดียว! นี่ต่างหากคือเหตุผลที่ฉันอยากได้ร่างนี้มาก! ลองคิดดูสิ ถ้าหากสามารถแปลงร่างได้ ฉันก็สามารถแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มอสุรกายนรก ฝูงซอมบี้ หรือแม้แต่กลุ่มมนุษย์ได้! ในฐานะหมา…ถุย ในฐานะที่เป็นหน่วยสืบสวนแรกๆ ของนาย การที่ฉันมีพลังนี้ ก็ถือว่าสบายพวกนายไปด้วยไม่ใช่หรอ? อีกอย่างเทียบกับผู้รอดชีวิตที่จะคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงพวกนั้นแล้ว พลังแปลงร่างของฉันอยู่ได้นานกว่ามากเลยล่ะ! แต่ว่า…”
ยังพูดไม่ทันจบ เฮยซือก็นอนแบ็บลงบนกล่องทันที หูของมันหดกลับไปเป็นเหมือนเดิม พลางหอบหายใจ บอกว่า “ฮู่วว…ตอนนี้ฉันใช้แรงทั้งหมดไปกับการรักษาสีดวงตาไว้แล้ว…อยู่ร่วมกับมนุษย์ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นจริงๆ…”
“เธอแรงน้อยเกินไปแล้ว! เปลี่ยนได้แค่หูกับสีตา พลังแปลงร่างอย่างนี้จะแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไหนได้ล่ะ…” หลิงม่ออึ้งงันไปก่อน แต่พอได้ยินอย่างนั้น ก็อดพูดออกมาไม่ได้
“ฮู่ว…ฮู่ว…นี่เป็นเพราะว่า…ตอนนี้ฉันยังเล็ก…” เฮยซือพูดต่อ “แล้วก็ไม่รู้เพราะอะไร อาจเป็นเพราะระดับความเหมาะสมไม่ค่อยตรงกัน…หลังจากที่ร่างกายนี้ถูกฉันควบคุม มันก็หดเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็น…เหมือนอย่างตอนนี้…ดีที่มันไม่หดเล็กลงไปอีก ไม่อย่างนั้น…นายคงได้อุ้มทารกแล้ว…”
“ปฏิกิริยาปฏิเสธ?” หลิงม่อพูดขึ้น
“น่าจะใช่…”
หลิงม่อนวดหว่างคิ้วครุ่นคิด บอกว่า “ก็หมายความว่า พลังของเธอในตอนนี้ยังไม่แกร่งพอที่จะข่มสัญชาตญาณของร่างกายร่างนี้ได้…หรือหากเปรียบเทียบกัน ระดับวิวัฒนาการของเธออ่อนกว่า…”
“อย่างนั้นแหละ…”
“งั้น…”
เวลานี้ ประตูดาดฟ้าถูกเปิดออกอีกครั้ง เย่เลี่ยนยื่นหน้าเข้ามา บอกว่า “พวกมัน…ไล่ตามขึ้นมาแล้ว…”
—————————————