แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1047 การหายตัวไปอย่างกะทันหัน
ลานกว้างแห่งนี้แค่กวาดมองก็เห็นทุกซอกทุกมุมอย่างทั่วถึงแล้ว ถึงแม้จะเป็นมุมที่ค่อนข้างลับตา แต่หากมองจากมุมที่เย่ไคอยู่ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน…และจางซินเฉิงที่อยู่ไม่ไกลก็กำลังสังเกตด้านนอกอยู่ตลอดเวลา จึงมั่นใจได้ว่าเขาไม่เห็นแน่นอนว่านักบินอีกคนเดินไปทางไหน
“เขาอาจวิ่งเข้าไปในอาคารโรงงานทางนั้นก็ได้นะ แบบว่าเรื่องเร่งด่วน ‘เล็ก’ กลายเป็น ‘ใหญ่’ กะทันหันอะไรอย่างนี้ เพราะยังไงเรื่องอย่างนี้มันก็ควบคุมไม่ได้นี่นา…” นักบินคาดเดา
เย่ไคมองเขา จากนั้นก็ตะโกนบอกจางซินเฉิง “เหล่าจาง นายเฝ้าที่นี่ไว้ก่อน เดี๋ยวฉันมา!”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” จางซินเฉิงพยักหน้ารับก่อน แล้วค่อยตะโกนถามจากที่ไกลๆ
“ไม่มีอะไร นายเฝ้าที่นี่ไว้นะ” เย่ไคครุ่นคิด แล้วตอบ
“ถ้าไง…ฉันไปช่วยหาด้วยแล้วกัน” อยู่ๆ นักบินก็พูดขึ้น
ดูจากสีหน้าเขาตอนนี้ กลับไม่เหมือนกำลังกังวล…แต่หลังจากที่เสนอความเป็นไปได้นี้ออกมาแล้ว เขาก็ดูวางใจลง ปฏิกิริยาตอนนี้กลับเหมือนกำลังคิดหาทางแกล้งเพื่อนอีกคนให้ตกใจเล่นมากกว่า…
เดิมทีเย่ไคอยากปฏิเสธเรื่องน่าเบื่ออย่างนี้ แต่หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว กลับพบว่านักบินกำลังหัวเราะ “คิกๆ” อยู่ข้างหลัง เขาจึงได้แต่กระดกคิ้วแล้วบอกว่า “นายตามติดฉันไว้ล่ะ”
“ไม่มีปัญหา…แต่ว่าพี่เย่ พี่คิดมากไปหรือเปล่า ที่นี่ปลอดภัยมาตลอดไม่ใช่หรอ? เมื่อกี้ฉันถึงกับตกใจจริงๆ เพราะเห็นพี่ทำหน้าตาตื่น…” นักบินเดินตามมาติดๆ แล้วพูดขึ้น
“แค่ปลอดภัยชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้แสดงว่าจะวางใจได้” เย่ไคตอบ
“คนเราต้องผ่อนคลายกันบ้างสิ…ถ้าไม่อย่างนั้นเราพยายามมีชีวิตรอดมาแทบตาย เพื่อที่จะหวาดกลัวต่อไปเรื่อยๆ งั้นหรอ?” นักบินส่ายหน้า “แต่จะว่าไปแล้ว ตอนที่พวกเราบินอยู่กลางอากาศ มันก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ ดังนั้นพอลงมา ก็เลยอยากจะหาความบันเทิงให้ชีวิตบ้าง แต่ดูพี่สิ แม้แต่บุหรี่พี่ก็ไม่สูบ” เขาแกว่งบุหรี่ในมือไปมา แล้วพูด
“รอบคอบและระวังตัว…หัวหน้าต้องการอย่างนี้” เย่ไคบอก
เดิมที่นักบินยังอยากจะคุยต่อ แต่พอได้ยินเย่ไคพูดถึงหลิงม่อ ก็ได้แต่หัวเราะแห้ง “ก็จริง…ก็จริง…”
พอเห็นว่านักบินยอมปิดปากซักที เย่ไคที่คุยไม่เก่งก็เผยสีหน้าโล่งใจ และแอบถอนหายใจเงียบๆ…
ความจริงแล้วอาคารโรงงานแห่งนี้เป็นแบบโครงสร้างเหล็ก เพียงแต่ผนังทั้งสี่ด้านถูกฉาบด้วยก้อนอิฐสีแดงเท่านั้น หน้าต่างใต้ชายคาเต็มไปด้วยคราบฝุ่นหนาเตอะ ประตูทางเข้ามีรอยเลือดจำนวนหนึ่ง แล้วยังมีหญ้ารกบางส่วนที่ยื่นออกมาจากช่องประตูอีกด้วย
ประตูใหญ่ของอาคารโรงงานถูกเปิดแง้มไว้เป็นช่องว่างพอให้คนหนึ่งคนแทรกตัวเข้าไปได้ หากมองจากข้างนอกเข้าไปข้างใน จะเห็นเพียงความมืดมิด ดูวังเวงน่ากลัวไม่น้อย
เย่ไคเอาไฟฉายออกมา แล้วเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล นักบินเดินตามเข้าไปด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ พลางถูฝ่ามือไปมาพูดพึมพำ “เจ้าโง่ อีกเดี๋ยวจะทำให้ตกใจตายไปเลย…”
ทั้งสองเพิ่งจะเดินเข้ามา ก็ถูกเครื่องจักรนานาชนิดบดบังสายตาทันที บางชิ้นก็เป็นเครื่องจักรขนาดสูงใหญ่ เมื่ออยู่ในที่มืดสลัวอย่างนี้ทำให้พวกมันดูเหมือนอสุรกายเหล็กสนิมเขรอะ แต่เนื่องจากหลังคาสูงมาก ดังนั้นข้างในอาคารโรงงานแห่งนี้จึงไม่ได้ดูเบียดเสียดหรือแน่นขนัดแต่อย่างใด กลับให้รู้สึกกว้างขวางเสียอีก
“ตึก…ตึก…”
เดินไปสองก้าว นักบินก็ตกใจเสียงฝีเท้าตัวเอง เขาพูดขึ้นอย่างรู้สึกขนลุกว่า “เจ้าบ้านั่นคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้กล้าวิ่งเข้ามาในที่แบบนี้…”
เย่ไคกลับสอดส่ายแสงไฟฉายไปทั่วอย่างกล้าหาญ แถมยังตะโกนเรียกเสียงดัง “มีใครอยู่ไหม!”
แต่นอกจากเสียงสะท้อนของตัวเขาเอง ทั่วทั้งโรงงานยังคงเงียบกริบไร้เสียงตอบรับใดๆ
หลังจากตะโกนติดต่อกันหลายครั้ง สีหน้าของเย่ไคก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา แม้แต่ตัวนักบินเองก็ยังรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงพูดขึ้นอย่างกังวล “ทำไมเขาไม่ตอบล่ะ? ถ้าเป็นฉันตะโกนเรียก เขาอาจตั้งใจแกล้งไม่ตอบ แต่นี่พี่เป็นคนตะโกนเรียกเขานะ…”
“เขาออกมานานแค่ไหนแล้ว?” เย่ไคถาม
“น่าจะยังไม่ถึงสองนาทีมั้ง…” นักบินคำนวณครู่หนึ่ง “ถึงยังไงเขาก็อยู่ใกล้ที่นี่ที่สุด เขาคงไม่เลือกที่ไกลอย่างอาคารเล็กแทนที่จะเลือกที่ใกล้อย่างที่นี่หรอก ถึงแม้เขาจะไปที่นั่นจริงๆ พี่ก็ต้องเห็นไม่ใช่หรอ? ถ้าหากเขาไปทางประตู งั้นพี่จางก็ต้องเห็นสิ”
สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อมีเพียงความหมายเดียว — นักบินคนนั้นต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเป็นอย่างนี้ แล้วทำไมตอนนี้ พวกเขากลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเขาเลยล่ะ…
“ตามฉันมา” อยู่ๆ เย่ไคก็พูดขึ้น พร้อมกับเร่งความเร็ว
นักบินเริ่มมีสีหน้ากังวล ได้ยินเย่ไคพูดอย่างนี้ เขาจึงรีบวิ่งตามไป
อาคารแห่งนี้ไม่กว้างมาก แต่กลับมีช่องว่างอยู่มากมาย ห้านาทีต่อมา เย่ไคกับนักบินถึงเพิ่งกลับมาถึงประตูใหญ่
ทั้งสองยืนอยู่หลังประตู แล้วมองหน้ากัน…
ไม่มีใครอยู่…
พวกเขาตามหาทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาเลย
“นี่มันอะไรกัน?” นักบินพูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดเซียว “ถึงจะแกล้งกันเล่น ก็ไม่มีทางซ่อนตัวได้มิดชิดขนาดนี้หรอกมั้ง…อีกอย่าง เขาไม่กล้าเล่นกับพี่อย่างนี้แน่นอน…”
เย่ไคหน้าตาดุดันน่ากลัว พวกเขาไม่กล้าเล่นอย่างนี้จริงๆ…แต่ยิ่งคิดอย่างนี้ นักบินก็ยิ่งตระหนกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ผู้ชายตัวเบ้อเร่อคนหนึ่ง อยู่ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย…
“ตามหาอีกรอบ” เย่ไคกลับกัดฟันพูด
“แต่เมื่อกี้…”
“ไป!”
แต่ผลลัพธ์ของการตามหาอีกครั้ง กลับยังคงเหมือนเดิม…เพียงแต่คราวนี้ เย่ไคค้นพบบางอย่าง
บนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาๆ มีรอยเท้าอยู่มากมาย…รอยเท้าบางส่วนเกิดขึ้นตอนที่พวกเขาเข้ามาสำรวจในนี้วันแรก ส่วนอีกสองรอยเป็นของพวกเขาที่เพิ่งเข้ามาเมื่อกี้ มองแวบแรก พวกเขาแทบไม่มีทางแยกแยะอะไรได้จากรอยเท้าพวกนี้เลย แต่หากสังเกตอย่างละเอียด เย่ไคกลับค้นพบว่า รอยเท้ารอยหนึ่งในนั้น เหมือนจะยกส้นเท้าขึ้น…
“คนคนนี้แอบเข้ามาเงียบๆ” เย่ไคชี้ไปที่รอยเท้า
“แล้วยังไงเล่า? ตอนนี้คนหายตัวไปทั้งคน…” นักบินค่อนข้างสับสนและลนลาน
เย่ไคพูดเสียงเย็นชา “ใจเย็นหน่อย! นายลองคิดดู นายต้องอยู่ในสถานการณ์ไหน ถึงจะแอบเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ แบบนี้? เมื่อกี้นายก็บอกเอง ว่าเขามาฉี่…”
นักบินอึ้ง จากนั้นก็พูดอย่างฉุกคิดขึ้นได้ “ใช่แล้ว! นี่มันไม่สมเหตุสมผลกันเลย! ถ้าอย่างนั้น…ความจริงแล้วเป็นเพราะเขาต้องการทำอะไรบางอย่าง ถึงได้แอบมาที่นี่งั้นหรอ?”
“อะไรบางอย่าง?”
“ก็อย่างเช่น…ชักว่าว?”
“ก็ไม่เห็นต้องย่องเบาเลยนี่!” เย่ไคเริ่มโมโห
ทว่าดูจากสีหน้าของนักบิน เย่ไครู้ว่าเขารู้คำตอบดี แต่แค่ไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น…
“เป็นไปได้ว่าเขา…อาจเจออะไรบางอย่างที่นี่” เย่ไคหันไปมองในตัวอาคาร บอกว่า “บางอย่างที่ทำให้เขาคิดว่าไม่มีอันตราย แต่สุดท้ายกลับทำให้เขาหายตัวไป…”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเรา…ทำไงดี?” นักบินเซถอยอัตโนมัติ พลางถามขึ้น
อารมณ์ผ่อนคลายในตอนแรกของเขา หายไปเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหันในตอนนี้ทันที ตามคาด ในโลกนี้ไม่มีสถานที่ที่ปลอดภัยจริงๆ อยู่…ในตอนที่เราไม่รู้ตัว อันตรายอาจกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาเราก็ได้…
และที่น่ากลัวมากที่สุดคือ ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขายืนอยู่ในพื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยอันตราย แต่พวกเขากลับยังคงไม่รู้ว่าอันตรายนั้นคืออะไรกันแน่…
“แล้วจางเส่อ…เขาจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้…” นักบินพูดเสียงขาดๆ หายๆ
เย่ไคหน้าเครียด “เกิดเรื่องจนได้…ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ ในเวลาอย่างนี้จนได้…”
แน่นอนว่านักบินเข้าใจความหมายของเขา…ตอนนี้หลิงม่อยังไม่ฟื้น เจ้าลิงผอมก็ยังไม่หายดี…เมื่อเกิดเรื่อง พวกเขาก็ย่อมต้องมีห่วงมากขึ้นหากจะเคลื่อนไหวทำอะไร แต่คนหายตัวไปทั้งคน ยังไงก็ต้องคิดหาทางทำอะไรซักอย่าง…
“ทำยังไงดี…” นักบินเอาแต่พูดคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ แต่ด้วยอารมณ์สับสนของเขาในตอนนี้ เขาไม่สามารถให้คำแนะนำดีๆ ได้จริงๆ
เย่ไคครุ่นคิด แล้วพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “กลับไปก่อน…ถึงจะตามหาต่อ ก็คงไม่ได้อะไร ลองปรึกษาพวกเขาก่อนว่าพวกเขาจะว่ายังไง…ในเมื่อที่นี่มีอันตราย แล้วยังเป็นอันตรายที่แฝงตัวอย่างมิดชิดอย่างนี้ การหายตัวไปของจางเส่ออาจซับซ้อนกว่าที่คิดก็ได้”
“กะ…กับดัก?” นักบินถาม
“ฉันก็ไม่รู้ ไปเถอะ” เย่ไคปิดไฟฉาย แล้วหันกลับไปมองข้างในอาคารโรงงานแวบหนึ่ง
ในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมแทบจะปิดสนิทอย่างนี้ อีกฝ่ายเอาตัวจางเส่อออกไปจากทางไหนกัน? และคนที่เอาตัวจางเส่อไป เป็นใครกันแน่…
ที่สำคัญที่สุดก็คือ อีกฝ่ายเริ่มจับตาดูพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
———————————-