แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1055 ผู้ลอบโจมตีที่มองไม่เห็น
เมื่อไหร่ที่เราต้องรอ เวลามักเดินช้าเสมอ…
หลังจากที่เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าครึ่งชั่วโมง ในที่สุด ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากทางเดิน…
เอี๊ยด…เอี๊ยด…เสียงนั้นเบามาก ได้ยินแวบแรกเหมือนมีคนเหยียบลงบนพื้นไม้กระดาน แต่พอตั้งใจฟัง กลับไม่อาจแยกแยะทิศทางได้ชัดเจน…ราวกับว่าเสียงนั้นพลันส่งเสียง “กุกักๆ” ดังมาจากทุกทิศของอาคาร…
“มาแล้ว…” เย่เลี่ยนพูดขึ้น
จากนั้นหลี่ย่าหลินก็สูดจมูก บอกว่า “เหมือนมีกลิ่นอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา…”
“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม…”
หลิงม่อลดขอบเขตในการใช้พลังสัมผัสรู้ เพื่อไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
ซอมบี้สาวสามตัวหันไปมองทางประตูพร้อมกัน ซย่าน่าที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุดเงื้อเคียวดาบขึ้น เตรียมพังประตูพุ่งตัวออกไปทุกเมื่อ ด้วยความสามารถของพวกเธอ สามารถพุ่งตัวออกไปตรงทางเดินในเวลาไม่ถึงศูนย์หนึ่งวินาที และร่วมมือกับเสี่ยวเฮยของหลิงม่อเพื่อล้อมศัตรูไว้
แต่ในตอนนั้นเอง เหตุไม่คาดฝัน กลับเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“แย่แล้ว!”
อยู่ๆ หลิงม่อก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้น
ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องทางนั้นดัง “ปัง” หลิงม่อพลันสะบัดมือทั้งสองข้างอย่างแรง
แต่การ “ต่อต้าน” ของเขาก็สายไปเสียแล้ว เสียงฝีเท้าหนักหน่วงคู่หนึ่งพลันปรากฏที่ทางเดินเพียงสองสามเสียง จากนั้นก็หายไป
เวลานี้ พวกเย่เลี่ยนพุ่งตัววิ่งออกไปตามๆ กัน แต่นอกจากเศษซากหมอนที่ถูกฉีกทึ้งจนเกลื่อนพื้นแล้ว ทางเดินทั้งเส้นกลับโล่งเปล่าไร้เงาคน …
อย่าว่าแต่ผู้ลอบโจมตีเลย แม้แต่เงาร่างของพวกมันก็ยังไม่เห็น…
“นี่มัน…” เหล่าซอมบี้สาวเพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเร็วอีกแค่ไหน แต่มันก็ไม่น่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้นี่นา ต้องบอกก่อนว่าหนึ่งในพวกเธอเป็นถึงซอมบี้ราชา ในขณะที่อีกสองตัวก็เป็นถึงซอมบี้ชนชั้นสูง…
“พี่หลิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น…”
ซย่าน่าเพิ่งจะถาม ก็เห็นหลิงม่อวิ่งตามออกมาจากในห้อง พูดด้วยสีหน้าซีดขาว “ไม่เป็นไร ฉันตามมันทันแล้ว…”
“ตามทัน?” หลี่ย่าหลินหันไปมองพื้นแวบหนึ่ง แล้วหยิบเศษผ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมา ถามว่า “หลิงม่อ นี่มันอะไรกันแน่?”
“รู้ไหมว่าทำไมพวกเราถึงจับร่องรอยของพวกมันไม่ได้?” หลิงม่อกลับยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วถาม
“ไม่ทันรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ…”
“ฉันก็นึกว่าพวกมันกำลังจะเคลื่อนไหวเสียอีก”
หลิงม่อพยักหน้า บอกว่า “ใช่แล้ว เป็นอย่างนั้นแหละ! ทั้งหมดที่พวกมันทำไปนี้ ก็แค่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเราเท่านั้น ซย่าน่าพูดถูก สติปัญญาของพวกมันสูงมาก…แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเราคาดการณ์โฉมหน้าที่แท้จริงของมันผิดไป…”
“โฉมหน้าที่แท้จริง? มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งหรอกหรอ? หรืออาจเป็นสัตว์ประหลาดที่เกิดการกลายพันธุ์ไปอะไรทำนองนั้นก็ได้…” ซย่าน่าคาดเดา
หลิงม่อกลับส่ายหน้า บอกว่า “ไม่ใช่…เป็นไปได้สูงว่าไม่ได้เป็นสัตว์ประหลาด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์เลย…แต่ว่าเมื่อกี้เหตุการณ์ฉุกละหุก ฉันเองก็เห็นไม่ชัด ถึงแม้จะสับเปลี่ยนมุมมองสายตาแล้ว แต่ก็ยังเห็นแค่เงามืดๆ เท่านั้น…”
“เงามืด…” ซย่าน่าขมวดคิ้ว
ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียด หลิงม่อก็รีบหมุนกายวิ่งลงบันไดไปแล้ว “ไม่ว่ายังไง เสี่ยวเฮยก็กำลังยื้อยุดกับพวกมันอยู่ ฉวยโอกาสนี้ตามไปให้ทันกันเถอะ!”
“ถ้าอย่างนั้นจางเส่อ…” ที่จริงหลังจากเห็นจุดจบของหมอนใบนั้น ทุกคนล้วนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันแน่ ถึงได้สามารถฉีกทึ้งเป้าหมายจนกลายเป็นชิ้นๆ ภายในพริบตาได้?
นอกจากนี้ ถ้าหากว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับคน…แล้วทำไมถึงได้มีสติปัญญาสูงขนาดนี้ล่ะ?
คำถามพวกนี้ ไม่ใช่แค่ซย่าน่าที่กำลังครุ่นคิด หลิงม่อเองก็กำลังคิดเหมือนกัน
แต่ว่ามีเรื่องที่ด่วนกว่ารออยู่ตรงหน้า…นั่นก็คือ ต้องวิ่งตามไปอย่างสุดกำลัง!
“บ้าเอ๊ย วิ่งเร็วโคตร!” หลิงม่อวิ่งพุ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว พลางสบถเสียงดัง
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกฝ่ายอาจสลัดหุ่นของเขาหลุดได้…
“พี่หลิง…ฉะ…ฉันพาพี่ไปเอง…” เย่เลี่ยนวิ่งตามหลังมาอย่างรวดเร็ว พลางคว้าแขนหลิงม่อแน่น
พอทุกคนวิ่งออกมาจากอาคาร สีหน้าต่างตะลึงค้างไปเล็กน้อย…
หายไปแล้ว…บนลานกว้างผืนนี้นอกจากคนของพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีเงาร่างของใครอื่นเลย
แม้กระทั่งพวกจางซินเฉิงเองก็ตกตะลึงด้วยเหมือนกัน เห็นชัดว่าพวกเขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในอาคารเลยแม้แต่น้อย…
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า พวกเขาเผชิญหน้ากับผู้ลอบโจมตีโดยไม่รู้ตัว แต่ผู้ลอบโจมตีกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าต่อตาพวกเขา…
“พี่หลิง…” ซย่าน่านิ่งงันไปครู่หนึ่ง แล้วรีบหันไปมองหลิงม่อ
หลิงม่อกำลังขมวดคิ้ว เขากำลังใช้พลังสัมผัสรู้อย่างละเอียด ไม่นานก็ยกมือชี้ไปนอกโรงงาน “วิ่งออกไปข้างนอกแล้ว!”
“ข้างนอก? แต่ว่าที่นี่…ไม่มีใครเลยนะ…” หลี่ย่าหลินพูดเสียงเบา
แม้แต่ทิศทางที่หลิงม่อชี้ไป ก็ยังเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ไร้ซึ่งร่องรอยการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต…
ทว่าสงสัยก็ส่วนสงสัย ตอนนี้ทุกคนกลับพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก
ขณะที่วิ่งผ่านพวกเฮยซือไป หลิงม่อพูดผ่านสายสัมพันธ์ทางจิตอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องตามมา เฝ้าอยู่ที่นี่ให้ดี!”
หลายคนในกลุ่มพวกเขาลุกพรวด แต่กลับถูกเฮยซือห้ามไว้ก่อน
“อย่าไปเพิ่มภาระให้พวกเขา…”
สวี่ซูหานยืนปากอ้าตาค้างจ้องแผ่นหลังพวกเขา แล้วถาม “ทุกคนรู้ไหม…ว่าพวกเขาวิ่งตามอะไรอยู่?”
“ไม่รู้” เฮยซือส่ายหน้า “เพราะไม่รู้ ก็เลยให้พวกเธอไปด้วยไม่ได้”
“จริงด้วย…เฝ้าที่นี่ไว้ให้ดีกันเถอะ อย่างน้อยก่อนที่พวกเขาจะกลับมา พวกเราควรเฝ้าฐานประจำการไว้ให้ดี” อวี่เหวินซวนเผยสีหน้าจริงจังอย่างน้อยครั้งที่จะได้เห็น พลางหันไปมองทางประตู แล้วพูดขึ้น
มู่เฉินขยับปาก แต่สุดท้ายกลับโบกมือ แล้วบอกว่า “ทุกคน…รวมตัวกันไว้ ก่อนที่พวกหลิงม่อจะกลับมา อย่าให้ใครหายตัวไปอีกแม้แต่คนเดียว”
…………
สวบๆๆ!
เหล่าซอมบี้สาวเร่งความเร็วจนถึงขั้นสูงสุด ขณะที่เพิ่งวิ่งออกมาบนถนนเส้นหนึ่ง ทันใดนั้น เงาสีขาวขนาดใหญ่เงาหนึ่งก็พุ่งพรวดออกมาจากข้างทาง
“แบ๊!”
หลังจากภาพตรงหน้าเบลอไปชั่วขณะ วินาทีถัดมาหลิงม่อก็มาปรากกตัวอยู่บนหลังเสี่ยวป๋าย
เขาดึงขนยาวๆ ของเสี่ยวป๋ายไว้แน่น จากนั้นก็เงยหน้ามองไปข้างหน้า
เทียบกับเหล่าซอมบี้ที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว ท่าวิ่งของเสี่ยวป๋ายดูปกติที่สุดแล้ว…แต่ในเรื่องความเร็ว มันก็ไม่ได้ด้อยกว่าพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
“หื้ม? แกมาได้ยังไง…” หลิงม่อหมายจะถาม แต่กลับพบว่าหลังจากไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน ตอนนี้เสี่ยวป๋ายกลับหลงเหลืออยู่แค่อารมณ์ตื่นเต้นเท่านั้น…มันวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง พลางร้องอย่างตื่นเต้นไม่หยุด แล้วบางครั้งยังพาหลิงม่อกระโดดออกไปไกลสิบกว่าเมตรอีกด้วย
“จะว่าไปแล้ว…เหมือนแกจะตัวเล็กลงนะ!”
หลิงม่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวป๋ายทันที…ขนาดตัวของมันเล็กลงกว่าปกติเล็กน้อย ดูท่า หลังจากที่ลงไปในท่อน้ำทิ้งใต้ดิน มันเองก็คงพัฒนาการจนใกล้ถึงขอบของวิวัฒนาการครั้งต่อไปแล้วแน่ๆ…
พริบตาเดียว พวกหลิงม่อก็ได้วิ่งผ่านถนนมาหลายเส้นแล้ว…และในระหว่างนี้ พวกเขาก็กำลังเข้าใกล้ใจกลางอำเภอหลีหมิงอย่างช้าๆ…
———————————