แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1056 เงาดำคืบคลาน
เหมือนกับพื้นที่รอบนอก ที่นี่เองก็รกร้างมานานมากแล้วเหมือนกัน บนถนนเต็มไปด้วยซากรถผุพังมากมาย สองข้างทางเรียงรายไปด้วยตึกสูงเงียบสงัด ทั้งในและนอกอำเภอ ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่จริงๆ…
“เดี๋ยวก่อน…”
อยู่ๆ หลิงม่อก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา เพื่อส่งสัญญาณให้เสี่ยวป๋ายหยุดวิ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วพูดเสียงเบา “เป้าหมาย…เหมือนจะหยุดวิ่งแล้ว” เขาใช้พลังสัมผัสรู้อีกครั้ง แล้วจึงมองไปข้างหน้าอย่างมั่นใจอีกครั้ง “ใช่จริงๆ ด้วย อีกฝ่ายหยุดวิ่งแล้ว”
“หยุดงั้นหรอ? ที่นี่น่ะนะ?”
ซย่าน่าได้ยินก็มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง…ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่กลางถนน รอบกายมีแต่ซากรถที่พุ่งชนกันระเนระนาดเต็มไปหมด บนซากรถเหล่านั้นเต็มไปด้วยฝุ่นหนา แม้แต่ตรงจุดที่ว่างก็มีแต่คราบเลือด นั่นยิ่งทำให้ดูไร้ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต…
“อื่ม…ระวังตัวด้วย มันอาจรู้ว่าพวกเราตามมา…ตัวที่ฉันตามทัน ตอนนี้กำลังวิ่งไปทั่วแถวนี้ ทำให้ล็อกเป้ายากมาก…” หลิงม่อเตือนเสียงเบา เขาหันไปมองข้างในรถที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง ในนั้นมืดมาก เบาะนั่งที่เดิมเป็นเบาะหนังแท้ถูกเลือดย้อมจนกลายเป็นสีแดงเข้มนานแล้ว แต่เหมือนอย่างที่พวกอวี่เหวินซวนบอก ในรถไม่มีกระดูกให้เห็นเลยซักท่อน….
“เข้าใจแล้ว ในเมื่อเป็นที่นี่ ถ้างั้นพวกเราลองหาดูกันเถอะ… ไม่แน่ว่า มันอาจจะเป็นแผนถ่วงเวลาพวกเราให้อยู่ที่นี่ก็ได้…”
สิ่งที่ซย่าน่าพูดคือสิ่งที่หลิงม่อกำลังกังวลอยู่พอดี เขาจึงพยักหน้าบอกว่า “ได้…แต่ว่าอย่ากระจายตัวกันมากไป ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายอาจย้อนกลับมาโจมตีเราด้วย ดูจากลักษณะเฉพาะที่พวกมันแสดงให้เห็นในตอนนี้ นี่อาจเป็นจุดแข็งของพวกมันก็ได้”
“อื่ม เข้าใจแล้ว”
สามสาวซอมบี้มองหน้ากัน จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เป็นครั้งแรกที่พวกเธอเผชิญหน้ากับศัตรูที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ พวกเธอจึงระมัดระวังและละเอียดรอบคอบมาก หลี่ย่าหลินดวงตาพลันแปรเปลี่ยน เมื่อเงาร่างโฉบไหว เธอก็ไปปรากฏตัวอยู่ในจุดที่ห่างออกข้างหน้าปสิบกว่าเมตรอย่างเงียบงัน ซย่าน่ายกเคียวดาบขึ้นพาดบ่า และเดินเข้าไปในช่องว่างระหว่างซากรถ ส่วนเย่เลี่ยน เธอดึงมีดสั้นออกมาเงียบๆ จากนั้นก็แนบตัวเคลื่อนไหวไปตามด้านข้างของซากรถอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหากระบอกปืนมาเปลี่ยนให้ปืนไรเฟิลได้ เธอทำได้เพียงใช้อาวุธประเภทนี้ไปก่อน…
เสี่ยวป๋ายพาหลิงม่อเดินตามหลังไปอย่างระมัดระวัง บางครั้งมันก็ก้มหน้าสูดดมกลิ่นบนพื้น ขณะที่ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็กวาดมองรอบๆ อย่างระมัดระวังไปด้วย
ทุกคนเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องสื่อสารกัแบบนี้ ต้องบอกว่าเป็นความสามัคคีอย่างหนึ่ง…ระหว่างที่กำลังเดินหน้าอย่างช้าๆ หลิงม่อใช้พลังสัมผัสรู้ถึงตำแหน่งของหุ่นและเป้าหมาย พลางอดคิดอย่างนี้ขึ้นมาไม่ได้
อีกอย่างนอกจากพวกเธอแล้ว คนในทีมปาฏิหาริย์ ก็เหมือนจะร่วมมือกับเขาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ…โดยเฉพาะเวลามีเรื่องที่ยากจะอธิบายได้ พวกเขาต่างก็เลือกที่จะมองข้ามและยอมรับอย่างใจเย็น แน่นอนว่า มู่เฉินและอวี่เหวินซวนมีส่วนช่วยเรื่องพวกนี้เยอะมากทีเดียว แต่ไม่ว่าอย่างไร สำหรับหลิงม่อแล้ว สถานการณ์อย่างนี้ถือว่าทำให้เขาผ่อนคลายและสะดวกใจขึ้นมาก…
ถ้าไม่อย่างนั้น แค่การเข้ามาของอวี๋ซือหรานกับเฮยซือ ก็คงทำให้เขาปวดหัวไปได้พักใหญ่เลยทีเดียว…
และท่ามกลางคนที่ให้ความร่วมมืออย่างเงียบๆ นี้ ก็รวมถึงนักบินที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา กระทั่งไม่ค่อยสนิทกับหลิงม่อคนนั้นด้วยเหมือนกัน…จางเส่อ
ความร่วมมือแบบนี้ ความจริงหมายถึงความเชื่อใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด…ถึงแม้หลิงม่อรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไร แต่ศัตรูที่มาลอบกัดถึงหน้าบ้าน แล้วยังฆ่าพรรคพวกของเขาไปอีกหนึ่งคนอย่างนี้…เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่
“มันเป็นตัวอะไรกันแน่…ทำไมแม้แต่โฉมหน้าที่แท้จริงก็ยังไม่เห็น…” พอคิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็ลอบกัดฟันกรอดอีกครั้ง
“เคร้ง!”
ทันใดนั้น เสียงเสียดแทงแก้วหูพลันดังมาจากกองซากรถที่อยู่ข้างหน้า ทุกคนหันไปมองทางนั้นพร้อมกันทันที
“อะไรน่ะ?!”
“ออกมาแล้วงั้นหรอ?”
“ตามไปเร็ว!”
ทว่าในตอนนั้นเอง ข้างในซากรถที่หลิงม่อกำลังวิ่งผ่าน กลับมีเงาสีดำเส้นหนึ่งกระโจนพุ่งพรวดออกมาทันใด…
เขารับรู้ได้ถึงกระแสลมแรงสายหนึ่งที่พุ่งตรงเข้ามาที่ท้ายทอย หลิงม่อตอบสนองแทบจะโดยอัตโนมัติ เขาปล่อยหนวดสัมผัสออกไปหลายเส้นทันที ขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดัง “ระวัง!”
สามสาวซอมบี้หันกลับมามอง ทว่าชั่วพริบตาเดียว ในซากรถที่เดิมทีนิ่งเงียบไร้เสียง กลับมีเงาดำเป็นร้อยเป็นพันเส้นกระโจนออกมาอย่างรวดเร็ว!
เงาพวกนั้นกระโจนเข้าใส่พวกเธอโดยตรง พวกมันเคลื่อนไหวรวดเร็วจนน่าตกใจ!
“สวบ!”
หลังจากตะโกนเสร็จ หลิงม่อก็รู้สึกว่าหนวดสัมผัสของตัวเองถูกพลังกลุ่มหนึ่งโจมตีจนสลายไป…และในขณะเดียวกัน ซากรกทั้งสองข้างก็มีเงาดำพุ่งออกมามากกว่าเดิม เพียงเสี้ยววินาทีผ่านไป หลิงม่อก็ค้นพบว่า ตรงหน้าตัวเอง มีเงาสีดำมากมายเบียดเสียดกันอยู่…
เขาถูกล้อมเสียแล้ว!
และตอนนี้ พวกซย่าน่าก็ถูกเงาดำมากมายยื้อยุดไว้เช่นเดียวกัน ถึงแม้พวกเธอกำลังพยายามสลัดอย่างสุดชีวิต แต่ก็ยากจะมาช่วยเขาในเวลาสั้นๆ
“เชี่ย ถูกหลอกซะแล้ว!”
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที หลิงม่อสร้างหนวดสัมผัสขึ้นมาอีกนับร้อยเส้น…แต่เงาดำพวกนี้ไม่เพียงมีรูปร่างเล็ก เคลื่อนไหวเร็ว แต่ยังมีการตอบสนองที่ว่องไวจนน่าใจหายอีกด้วย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพลังโจมตีของพวกมัน แต่ละตัวเปรียบเสมือนกระสุนปืนใหญ่ขนาดย่อม และเทียบกันแล้ว หลิงม่อกลับต้องตั้งรับการโจมตีอย่างเดียว ชั่วขณะหนึ่งนอกจากป้องกันตัวแล้ว เขาแทบไม่สามารถโต้กลับได้เลย
ชัดเจนว่า อีกฝ่ายจงใจเล่นงานเขา…ในทีม เขาที่เป็นมนุษย์ย่อมดูเหมือนจัดการได้ง่ายที่สุดอยู่แล้ว…
และถึงแม้ว่าหลิงม่อจะเตรียมใจเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะกระโจนออกมาในสถานที่ที่คาดไม่ถึงอย่างนี้…จากเรื่องนี้ บอกได้เลยว่าอีกฝ่ายประสบความสำเร็จในการโจมตีพวกเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
“แบ๊!”
เวลานี้ เสี่ยวป๋ายเองก็ตอบสนองอย่างว่องไวเช่นกัน มันกระโดดพาหลิงม่อโฉบไปทางด้านข้างทันที
แต่ถึงแม้อย่างนั้น เงาดำเหล่านั้นก็ยังไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ…ราวกับว่าเพิ่งจะวิ่งหนีพวกมันมาได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที ก็ถูกพวกมันตามมาล้อมอีกครั้ง…
เงาดำพวกนี้ยังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ถึงแม้อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่หลิงม่อก็ยังมองเห็นเพียงเงาเลือนรางเป็นเส้นๆ เท่านั้น…
“สวบๆๆ!”
พวกมันพุ่งเข้ามาหาหลิงม่ออย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งพวกมันก็หมายเล่นงานหลิงม่อจนถึงตาย
ความคิดมากมายไหลผ่านสมองหลิงม่ออย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาแทบจะอาศัยความเร็วในการตอบสนองทางจิตในการต้านทานผู้ลอบโจมตีพวกนี้เพียงอย่างเดียว
“แบ๊!”
ในชั่วอึดใจเดียว เสี่ยวป๋ายคำรามลั่นออกมาติดกันถึงสองครั้ง มันพาหลิงม่อกระโดดซ้ายกระโดดขวา แต่ก็ไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้ซักที
กลับเป็นเงาดำเหล่านั้นที่เหมือนจะสังเกตเห็นจุดนี้ ส่วนหนึ่งในพวกมันจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาโจมตีเสี่ยวป๋ายแทน
หลังจากฝ่าวงล้อมไม่สำเร็จหลายครั้ง เสี่ยวป๋ายที่เริ่มเดือดดาลพลันกระโดดขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็เหวี่ยงหลิงม่อออกนอกวงล้อมไปโดยตรง
“เสี่ยวป๋าย!”
หลิงม่อรีบปล่อยหนวดสัมผัสออกไปหนึ่งเส้น จากนั้นก็ทิ้งตัวลงใต้เสาไฟที่ห่างออกไปยี่สิบกว่าเมตร
และพอเขาหันกลับไปมองอีกครั้ง เสี่ยวป๋ายก็พองตัวท่ามกลางเสียงคำรามลั่น
ขนาดตัวของมันพองโตขึ้นหนึ่งเท่าภายในพริบตา จากนั้นมันก็กางแขนขาทั้งสี่ข้างออก ทิ้งตัวลงพื้นดัง “โครม”
ตอนที่ตัวมันถึงพื้น หลิงม่อกระทั่งรู้สึกได้ว่าพื้นดินสั่นสะเทือนจนเกือบยืนไม่อยู่เลยทีเดียว
เงาดำพวกนั้นกระเจิดกระเจิงออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่าพอเสี่ยวป๋ายเท้าถึงพื้น พวกมันก็วิ่งกรูเข้าใส่ราวกระแสน้ำขึ้นอีกครั้ง
เสี่ยวป๋ายกระโดดสูง มันพยายามโจมตีสุดกำลัง พลางกระโดดหลบหลีกไปทางซ้ายทีขวาที
แต่ในด้านความคล่องแคล่ว มันกลับเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด…เสี่ยวป๋ายทำได้เพียงยื้อยุดกับพวกมันด้วยร่างกายมหึมาและหนังเหนียวๆ ของมันไปก่อนชั่วคราว…
“ยังไม่หมดอีกหรอ…”
หลิงม่อหมายจะบุกเข้าไป กลับพบว่าซากรถหลายคันที่อยู่ข้างหน้ากำลังค่อยๆ กลายเป็นสีดำ…
นอกจากข้างในและหลังคาแล้ว ใต้ท้องรถก็ยังมีเงาดำมากมายกระโจนออกมาไม่ขาดสาย…
หลิงม่อก้าวถอยช้าๆ แต่กลับพบว่าข้างหลังเป็นผนังแล้ว…
ห่างออกไปไม่ไกลเป็นร้านค้าร้านหนึ่ง แต่ระยะทางระหว่างเขากับประตูร้านบานนั้น กลับห่างกันถึงเจ็ดแปดเมตร
“แจ๊บๆๆ…”
ในที่สุดหลิงม่อก็ได้ยินเสียงนี้ในระยะใกล้แล้ว แต่ที่ทำให้เขาตกใจก็คือ มันกลับไม่ใช่เสียงร้องของสัตว์ประหลาดพวกนี้ แต่เป็น…เสียงเคี้ยวอาหารของพวกมัน!
สิ่งมีชีวิตที่ถูกพวกหลิงม่อฆ่า หลังจากที่เงาดำพวกนี้เคลื่อนผ่าน พวกมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เหลือแม้กระทั่งเลือดซักหยด
และเป้าหมายที่พวกมันอยากกลืนกินในตอนนี้ ก็คือหลิงม่อที่ยืนอยู่ตรงนี้…
—————————