แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1068 ไหนล่ะที่บอกว่าจะเล่นใหญ่!
ขณะเดียวกัน บนถนนใหญ่
“ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะเตรียมตัวได้ดีเหมือนกัน ถึงแม้ว่ามันจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็เถอะ แต่ก็ถือว่าทำขั้นตอนของเรายุ่งเหยิงได้สำเร็จ” ท่ามกลางฝูงปรสิตแมงมุมตัวผู้มีคนพูดหน้าบึ้งตึง “คำสั่งของลูกพี่คือให้พวกเราไล่ต้อนพวกมันให้จมมุมในครั้งเดียว ห้ามเปิดโอกาสให้พวกมันหนีหรือพักหายใจแม้แต่น้อย แต่อีกฝ่ายกลับใช้กำแพงเพลิง ขัดขวางแผนการเราให้ช้าลง…”
“ไม่น่าล่ะพวกมันถึงได้เอาแต่อยู่ในอาคาร ที่แท้ก็มองเห็นข้อได้เปรียบด้านภูมิประเทศนี่เอง แต่ว่าถึงจะเป็นอย่างนี้ กำแพงเพลิงแนวที่สองนั้นมันอะไรกัน? ตั้งแต่ที่ลู่เหรินส่งสัญญาณว่าจะเริ่มเคลื่อนไหวจนถึงตอนนี้ เพิ่งผ่านไปไม่นานไม่ใช่หรอ?” ชายอีกคนกลับขมวดคิ้วพูด
จนถึงตอนนี้ฝูงแมงมุมยังถูกยื้อยุดอยู่นอกโรงงาน นั่นทำให้เหล่าคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างร้อนใจ สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือรีบสู้รีบจบ ไม่ใช่ยืดเยื้อไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เพราะเมื่อแมงมุมตัวผู้กินอาหารไปเรื่อยๆ สีหน้าของพวกเขาก็ซีดขาวมากขึ้นตามไปด้วย แต่ที่ตรงกันข้ามกับสภาพร่างกาย คือพวกเขารู้สึกกระปรี้กระเป่าและฮึกเหิมเต็มที่
“ฮิๆ…อย่างนี้ก็ดีน่ะสิ ก่อนหน้านี้พวกมันเปลืองแรงเตรียมของพวกนี้ไว้ ตอนนี้จะอดทนไปได้นานอีกซักแค่ไหนกันเชียว?” หลังสิ้นประโยค หนึ่งในนั้นพลันถามขึ้น “พวกแกเตรียมพร้อมกันแล้วใช่ไหม? ถึงป่านนี้แล้วอย่ามัวแต่ทำหลบๆ ซ่อนๆ ลงมือกันเถอะ!”
สิ้นเสียงพูด เขาเลิกเสื้อขึ้นเป็นคนแรก เผยให้เห็นหน้าท้องที่เต็มไปด้วยหลุมมากมาย เมื่อกล้ามเนื้อโดยรอบเคลื่อนขยับ แมงมุมที่ขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ก็มุดออกมาทีละตัวๆ และวิ่งไปรวมกับระลอกคลื่นแมงมุมที่ซัดสาดอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว…คนที่เหลือต่างมองหน้ากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มทยอยทำตาม เพียงแต่บ้างก็มีแมงมุมมุดออกมาจากแขน บ้างก็มุดออกมาจากต้นขา…มีแม้กระทั่งมุดออกมาจากต้นคอด้วยซ้ำ…
แมงมุมตัวโตเหล่านี้พลันเพิ่มจำนวนเป็นนับร้อยนับพันตัวในพริบตา
“ตอนนี้ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวส่งเดชใต้จมูกแมงมุมจำนวนมากขนาดนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยข้างหลังของพวกมันก็ปลอดภัย…” หมีแพนด้ากลายพันธุ์ (หลิงม่อ) ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ พลางพูดอย่างปวดหัว
เดิมทีตั้งใจมาล้วงข้อมูล กลับไม่คิดว่าลูกพี่ที่ว่านั้นหมายถึงแมงมุมตัวหนึ่ง และนอกจากบทสนทนาที่คุยกันก่อนเริ่มแผนการแล้ว หนึ่งคนหนึ่งแมงมุมที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีกเลย
“พวกเอ็งสองคนมายืนดูวิวรึไงวะ? หรือถึงจะมาดูวิวจริงๆ ไม่คุยกันเลยแบบนี้ก็ชวนอึดอัดนะเว้ย! พูดอะไรบ้างสิ! คุยกับลูกพี่เรื่องปัญหาชีวิตอะไรก็ว่าไป!”
หลิงม่อลอบบ่นในใจ…ทว่าถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่อย่างน้อยก็ยังได้แอบสังเกตการสองตัวประหลาดนั้น ทันทีที่แผนการทั้งหมดไร้ผล ด่านสุดท้ายที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าด้วย น่าจะเป็นพวกเขาแล้วล่ะ…
และสิ่งที่หลิงม่อกับเสี่ยวป๋ายกำลังรอคอย ก็คือช่วงเวลานั้นเช่นกัน…
“วูบ!”
หลังจากที่ฟันแมงมุมตายไปอีกหนึ่งตัว เย่ไคพลันตะโกนเสียงดัง “นี่มันตัวบ้าอะไรเนี่ย?”
พอก้มหน้ามอง ใต้ท้องแมงมุมตัวที่เขาเพิ่งฟันตายไป กลับมีแมงมุมอีกตัวซ่อนอยู่…
หลังจากที่ลูกแมงมุมถูกเขาฟาดฟันจนต้องแยกจากเจ้าตัวใหญ่ แมงมุมที่มีพลังป้องกันเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดตัวนี้ก็ร่วงลงบนพื้น จากนั้นก็ดีดตัวพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
การตอบสนองของเย่ไคถือว่ารวดเร็ว แต่เพราะเมื่อกี้เขาผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ วงล้อมป้องกันจึงเกิดช่องโหว่ขึ้นมาทันที
แมงมุมจำนวนมากกรูเข้ามาทางช่องโหว่นั้นอย่างบ้าคลั่ง คนที่เหลือล้วนอยากเข้ามาช่วย แต่ทันทีที่พวกเขายื่นมือมาช่วยทางนี้ ช่องโหว่ใหม่ก็ต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน ทว่าในตอนนั้นเอง หลิงม่อกลับกระโดดลงมาจากหลังคาอย่างแผ่วเบา
แมงมุมตัวนั้นเพิ่งจะกระโดดเกาะหลังเย่ไค แต่ก็ถูกหลิงม่อใช้หนวดสัมผัสดีดออกไปก่อน
เขาเดินไปที่ประตูอาคาร สองมือแนบข้างลำตัวตามปกติ ทว่าสิบนิ้วกางออก เผยอยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า “ลูกไม้เดิมตามคาด…แมงมุมตัวเล็กไม่ได้ผลก็ปล่อยแมงมุมตัวใหญ่…”
“ฉันก็จะเล่นใหญ่ให้พวกแกเห็นบ้าง!”
หลิงม่อคำราม จากนั้นสิบนิ้วขยับไหวเบาๆ
เพียงแต่เย่ไคที่มองเห็นเหตุการณ์ กลับยืนอึ้งไปชั่วขณะ…
แล้ว…ไอ้ที่บอกว่าเล่นใหญ่ล่ะ? หัวหน้าเอาแต่ยืนที่เดิม ไม่เห็นทำอะไรเลยนี่!
มีเพียงเฮยซือที่ร้อง “โอ้” อย่างตกตะลึง…จากนั้นก็เหลือบมองไปทางด้านหลังกำแพงเพลิง
ทันทีที่เงาคนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าปรากฏ มันก็พองตัวราวกับลูกบอลที่ถูกสูบลม จนสุดท้ายตัวสูงใหญ่ถึงสองเมตรกว่าเลยทีเดียว บวกกับสีที่ราวกับกำลังแผดไหม้ และศีรษะดำทะมึนของมัน แล้วยังมี “ลูกตา” สีแดงเพลิงที่กำลังลุกโชนคู่นั้นอีก ดูแล้วมีกลิ่นอายของปีศาจร้ายผสมอยู่ไม่น้อย ถ้าหากทุกคนสามารถมองเห็นด้วยตาตัวเอง เกรงว่าอาจจะช็อกตาตั้งไปเลยก็ได้ แต่หุ่นมายาที่ยิ่งใหญ่ดุดันขนาดนี้ กลับถูกหลิงม่อเรียกว่า…
“เสี่ยวเฮย!”
เฮยซือที่กำลังตวัดเส้นไหมสีเงินกระเพื่อมโจมตี ได้ยินเข้าก็เกือบสะดุดล้ม…มันโมโหจนกวาดฝูงแมงมุมอีกระลอกร่วงลงพื้นในคราวเดียว แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ทำไมต้องชื่อนี้ด้วยเนี่ย! นี่นายก็แต่เติมคำอื่นที่ไม่ใช่เฮยเข้ามาอีกหนึ่งตัวไม่ใช่หรอ ไม่มีปัญญาตั้งชื่ออื่นแล้วหรือไง! อีกอย่างมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความเพ้อฝันของนายคนเดียว ของแบบนี้ไม่ต้องตั้งชื่อให้ก็ได้มั้ง! อยู่ๆ ก็รู้สึกดเหมือนเกียรติในฐานะสัตว์เลี้ยงถูกทำลายจนป่นปี้!”
“เหอะ…ใช่ที่ไหนเล่า! ร่างดวงจิตนี้…ความจริงมันถือว่าเป็นร่างดวงจิตกึ่งอิสระ ที่สามารถวิวัฒนาการไปพร้อมกับดวงแสงแห่งจิตของฉันต่างหาก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่ามันกลายพันธุ์จากส่วนไหนของฉัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเปิดตัวแบบมักง่ายได้ การตั้งชื่ออาจดูไม่จำเป็น แต่ความจริงมันช่วยให้การมีอยู่ของมันชัดเจนขึ้นนะ…หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นการสะกดจิตด้วยความคิดเชิงบวกไงล่ะ…”
หลิงม่อเคลื่อนไหวนิ้วอย่างรวดเร็ว พลางตอบเสียงต่ำ
เสียงพูดของเขาเบามาก แต่ภายใต้สถานการณ์วุ่นวายอย่างนี้ เฮยซือกลับยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
“ไม่ๆๆ…นับตั้งแต่ที่นายตั้งชื่อให้มันว่าเสี่ยวเฮย นายก็มักง่ายมากพอแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ มันมีผลกระทบด้านลบมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วล่ะ…” เฮยซือโต้กลับ
คนอื่นๆ นั้นกลับไม่อาจสู้ไปด้วยคุยไปได้อย่างพวกเขาได้ หลังจากที่หลิงม่อควบคุมสถานการณ์ได้ พวกเขาก็กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง แต่ละคนยืนป้องกันด้วยการสู้อย่างบ้าคลั่งและระมัดระวังอยู่หลังกำแพงเพลิง
แต่เนื่องจากแมงมุมฝูงใหญ่เหล่านั้นพุ่งเข้ามาอย่างไม่ขาดสายรวมถึงลอบโจมตีจากทุกทิศ ทุกคนก็เริ่มต่อสู้จนมือเป็นระวิง
ส่วนหลิงม่อแม้ว่าจะจับตามองแมงมุมตัวโตพวกนั้นอยู่ตลอด แต่ไม่ว่าหุ่นเชิดของเขาจะตอบสนองเร็วอีกแค่ไหน หรือโจมตีในวงกว้างอีกเท่าใด ก็ยังคงไม่อาจป้องกันได้อย่างสิ้นเชิง
เพราะถึงอย่างไรหากวัดจากขนาด แมงมุมเหล่านี้เป็นเป้าโจมตีที่เล็กเกินไป…ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเอาแต่หลบอยู่ใต้ฝูงแมงมุมตัวเล็ก ซึ่งยิ่งทำให้มองเห็นได้ยากกว่าเดิม
“คิดว่าฉันจะทำอะไรพวกแกไม่ได้จริงหรอ…”
เมื่อเม็ดเหงื่อเริ่มผุดพรายบนหน้าผากทุกคน สีหน้าของหลิงม่อก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา
เขาพลักยกแขนขึ้น หุ่นเชิดตัวนั้นยกกำปั้นชกลงไปบนพื้นราวอย่างแรง ราวกับอยู่ๆ ก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา
และในขณะเดียวกัน หลิงม่อก็รีบสร้างตาข่ายป้องกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ช่องว่างเล็กๆ ระหว่างกำแพงเพลิงและตาข่ายป้องกัน หุ่นเชิดของหลิงม่อราวกับบันดาลโทสะ เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่พวกอวี่เหวินซวนที่มองไม่เห็นเสี่ยวเฮยก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น…
ไท่เพียงเท่านี้ หลิงม่อยังกัดฟันกรอด และปล่อยหนวดสัมผัสจำนวนมากออกจากตาข่ายป้องกัน
เหมือนวิธีโจมตีของเสี่ยวเฮย ตอนนี้เขาเองก็เลิกเล็งเป้าแล้ว…ในเมื่ออีกฝ่ายคิดใช้จำนวนมาต่อกร ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะต่อกรกับอีกฝ่ายด้วยจำนวน! อีกฝ่ายมีแผนลับซ่อนอยู่ ฝั่งเขาก็มีเสี่ยวเฮยอยู่เหมือนกัน!
ถึงแม้จะไม่เข้าใจความบ้าคลั่งของหลิงม่อ แต่พวกอวี่เหวินซวนก็ยังตื่นตะลึงและรู้สึกว่าแรงกดดันพลันลดลงไม่น้อยแล้ว
และพอมองเข้าไปในกำแพงเพลิง กลับมีเงาดำเป็นเส้นยาวเพิ่มขึ้นมา…พวกนั้น ล้วนเป็นศพของแมงมุม…และบนพื้นที่แห่งความตายนี้ แมงมุมอีกมากมายกำลังร่วงหล่นลงไปจากกลางอากาศ บางตัวกำลังไต่ไปตามพื้น แต่อยู่ๆ ก็ถูกทับตายอย่างไม่รู้สาเหตุ…
การโจมตีที่แข็งแกร่งขึ้นจากเหล่าร่างปรสิตแมงมุมตัวผู้ กับการโจมตีอันบ้าคลั่งของหลิงม่อ ชั่วขณะหนึ่งเกิดเป็นฉากต่อสู้ที่สูสีกันอย่างไม่มีใครยอมใคร…
“แมงมุมใหญ่ของฉันใกล้ตายหมดแล้ว! อย่างนี้ถ้าต้องให้แมงมุมตัวผู้สืบพันธุ์อีกครั้ง ฉันก็ไม่มีแมงมุมตัวผู้ตัวใหญ่แล้วน่ะสิ!” บนถนน ในที่สุดก็มีคนต้านทานไม่ไหว…
และในตอนนั้นเอง ที่บลัดมาเธอร์ตัวใหญ่ยักษ์เริ่มพึมพำเสียงเลือนรางในที่สุด…
ชายหัวขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบก้มหน้าลงไป หลังฟังจบ ก็พูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “อย่างนี้เองหรอ? ถ้างั้นก็ได้…”
—————————————–