แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1079 เชิญท่านลงโอ่ง (กรรมตามสนอง)
ชายคนนั้นยืนอยู่ที่เดิมด้วยร่างกายที่เย็นเฉียบ สองตาจ้องเขม็งไปที่ช่องประตูมืดๆ เส้นนั้น เมื่อช่องว่างแง้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ได้สติกลับคืนมาจากความตื่นตระหนก สิ่งที่ทำให้เขาช็อกก็คือ ประตูเหล็กบานนั้นเปิดออกจนสุดแล้ว…ทว่าข้างในมีแต่ความมืดมิด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น…
อีกฝ่ายหมายความว่ายังไง? อยากให้เขาเข้าไปหรอ? ชายคนนั้นร่างกายสั่นเทา พลางมองเข้าไปข้างในตัวอาคาร…ในตอนนั้นเอง เขาพลันเบิกตากว้าง!
“ว๊ากกก! ซุนซวี่ ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!”
ชายคนนั้นรีบหมุนตัวกลับ สาวเท้าออกวิ่งไปทางประตูโรงงานทันที ถึงแม้ตอนนี้หันหลังให้ประตูเหล็กบานนั้นอยู่ แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่พุ่งมาจากข้างหลังอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกอย่างนี้ เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับอสุรกายร้ายที่อาจกระโจนเข้ามาขย้ำเขาได้ทุกเมื่อ อีกทั้งไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรืออย่างไร เสี้ยววินาทีที่ประตูเหล็กเปิด เขาเหมือนมองเห็นดวงตาคู่หนึ่ง…ชั่วขณะที่เขาสบตาคู่นั้น ความหวาดกลัวสุดขีดก็ถาโถมใส่หัวใจเขาราวกับน้ำท่วมทำนบแตก
และเพราะลนลานเกินเหตุ เขากระทั่งล้มลงไปหลังจากออกวิ่งไปไม่กี่ก้าว หลังพยายามลุกขึ้นไม่สำเร็จหนึ่งครั้ง เขาจึงตัดสินใจใช้มือและเท้า ตะเกียกตะกายคลานหนีอย่างสุดชีวิต
“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!”
ปฏิกิริยารุนแรงของชายคนนั้นทำให้พวกเฮ่อเจิ้นตื่นตกใจ และประตูเหล็กที่เปิดอ้า ก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่มีใครเดินออกมาจากในนั้น แล้วก็ไม่มีเสียงอะไรดังออกมาด้วย ชายคนนั้นเห็นอะไรข้างในนั้นกันแน่ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
“ทุกคนอย่าขยับ” ในขณะที่เหล่าร่างปรสิตแมงมุมตัวผู้สงสัยสุดขีด ซุนซวี่พลันเปิดปาก เขาเดินออกไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งช้าๆ
เดิมทีพอเห็นซุนซวี่เดินออกมา ชายคนนั้นยังเผยแววตาแห่งความหวังออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเห็นซุนซวี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ชายคนนั้นก็อึ้งงัน
“แม้แต่จุดประสงค์ของอีกฝ่ายก็ยังสืบมาไม่ได้ จะปล่อยให้แกกลับมาได้ยังไง? ระยะเวลาที่แกสามารถยืนหยัดอยู่ตรงนั้น ก็สั้นเกินไป ถ้าหากว่าแกอยู่ได้นานกว่านั้นหน่อย ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจเดินออกมา ที่ให้แกเดินเข้าไปใกล้ 10 เมตร ก็เพราะจงใจเปิดโอกาสให้อีกฝ่าย ถึงแม้ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตู แต่นี่ก็เป็นโอกาสดีไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่ลองเข้าไปข้างในดูล่ะ?” รอยยิ้มที่เคยอยู่บนใบหน้าซุนซวี่จางหายไป ทว่าไม่รู้ทำไม เฮ่อเจิ้นกลับรู้สึกว่าในสายตาเขาไม่ได้มีแววโกรธกรุ่นหรือผิดหวังแต่อย่างใด เขาครุ่นคิดอย่างสงสัย ในใจพลันเต้น “ตึกตัก” ขึ้นมาทันใด…
ขณะเดียวกัน ชายคนนั้นเพิ่งจะรู้ตัว…ซุนซวี่กำลังบังคับให้เขาเข้าไปในนั้น! เขาพลันสีหน้าย่ำแย่สุดขีด พลันตระหนักได้ว่า ความจริงเขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ซุนซวี่กำลังใช้เล่นเกมกับอีกฝ่าย ก่อนที่ซุนซวี่จะได้เห็นผลลัพธ์ของการเดิมพันครั้งนี้ เขาคือคนที่อาจฆ่าตัวเองก่อนใคร และอัตราการรอดชีวิตที่ซุนซวี่พูดถึง ก็หมายถึงเรื่องนี้นี่เอง…
พอเห็นชายคนนั้นนอนคว่ำกับพื้นไม่ขยับ เอาแต่จ้องหน้าซุนซวี่เขม็ง เฮ่อเจิ้นพลันสังหรณ์ใจขึ้นมาทันที ทว่าขณะที่เขาคิดว่าชายคนนั้นกำลังจะระเบิดโทสะ ชายคนนั้นกลับหัวเราะ และลุกขึ้นยืนอย่างโซเซ
“ซุนซวี่ ฉันคิดแล้วว่าแกมันเชื่อใจไม่ได้ แกย้ำหลายครั้งว่าให้ฉันเชื่อฟังแก แสดงว่าแกมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ก็แค่อยากให้ฉันไปสำรวจเปิดเส้นทางไม่ใช่หรอ? ได้ ฉันจะไป จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบ ชายคนนั้นหมุนตัวกลับไปช้าๆ แต่ทันใดนั้น เขาพลันหันหน้ากลับมา จ้องซุนซวี่ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว แต่ไม่รอให้เขาพูดอะไร ซุนซวี่ก็ดีดนิ้วด้วยสีหน้าเรียบเฉยทันที เมื่อเสียงดีดนิ้วดัง ร่างกายของชายคนนั้นพลันพองขึ้นจนเหมือนลูกบอล จากนั้นก็ระเบิดทันที ก่อนตาย เขายังอยู่ในท่าวิ่งพุ่งเข้ามาทางซุนซวี่…
ทุกคนต่างยังไม่ทันตั้งตัว เห็นหยดเลือดมากมายสาดกระเซ็นไปทั่วทิศเป็นวงกว้าง
และหลังจากที่เลือดเนื้อเหล่านั้นกระเซ็นออกไป พวกเขาก็มองเห็นเงาคนขนาดใหญ่อยู่ในนั้น…
“ฉันว่าอยู่แล้ว…ทำให้เขาตกใจจนแทบตาย จากนั้นก็มองเขาวิ่งกลับมา เรื่องมันคงไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เห็นหรอก” ซุนซวี่เห็นเงาคนเงานั้นไหววูบหายไป จากนั้นก็หัวเราะเย็นชาแล้วพูดขึ้น ส่วนเรื่องที่เขาดีดนิ้วปลิดชีพชายคนนั้น เขากลับไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย
“โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว…หากไม่บรรลุเป้าหมาย ก็ไม่คิดให้เขากลับมา…” เฮ่อเจิ้นคิดในใจ ทันใดนั้นม่านตาเขาหดเล็กลง ริมฝีปากกระตุกสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ไม่สิ…ไม่ใช่อย่างนั้น หมอนี่ไม่คิดจะให้เขามีชีวิตกลับมาตั้งแต่แรกแล้ว!”
ท่ามกลางเศษเลือดเนื้อที่ร่างกราวลงบนพื้น มีแมงมุมจำนวนมากมุดออกมาจากในนั้น จำนวนของแมงมุมเหล่านี้ มีมากกว่าในตัวของเชลยคนนั้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่แมงมุมพวกนั้นมุดออกมา เลือดเนื้อเหล่านั้นก็พลันแฟ่บเหี่ยว จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน แมงมุมในร่างของชายคนนั้น แม้แต่ในยามปกติก็ยังมีไม่มากถึงขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้มาครั้งหนึ่ง ทันทีที่ใคร่ครวญจนหาคำตอบได้ คนเหล่านี้พลันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แมงมุมที่เพิ่มขึ้นพวกนี้มาจากที่ไหน? ซุนซวี่ลอบลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วในหมู่พวกเขา มีใครที่โดนไปแล้วบ้าง?
และการตายของชายคนนั้น เห็นชัดว่าเกิดจากการที่แมงมุมจำนวนมากขนาดนั้นพยายามมุดออกมาจากตัวเขา
“น่าเสียดาย ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะมีลูกไม้แบบนั้นซ่อนอยู่ด้วย แถมยังทำให้หมอนั่นสติแตกได้เร็วขนาดนี้ ถ้าหากหมอนั่นยอมเดินเข้าไปแต่โดยดีก็คงดี แน่นอน ถ้าหากยอมเดินเข้าไปดีๆ ฉันก็จะไม่ฆ่าเขา หมอนั่นยอมฆ่าตัวตายดีกว่าจะยอมทำประโยชน์ส่วนรวมเพื่อพวกเรา คนแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้” ซุนซวี่พูดอย่างเสียดาย หลังพูดจบ เขาก็หันกลับมามองคนเหล่านี้ แล้วพูดเสียงราบเรียบว่า “เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตอนนี้ฉันเลยเชื่อใจพวกแกไม่ได้อีก ถ้าหากไม่ทำอย่างนี้ ฉันก็ไม่กล้ามอบหมายให้พวกแกระวังหลังให้ฉัน ถึงแม้พวกแกอาจไม่ลงมือทำอะไรฉันตรงๆ แต่ก็อาจหนีไปและทิ้งฉันไว้ ถูกไหม? วางใจเถอะ ขอเพียงทุกคนร่วมมือกันอย่างสามัคคี ฉันก็จะไม่ทำอะไร ดังนั้นจงจำไว้ให้ดี อย่าคิดหนีอีก”
ไม่คิดเลยว่าเขาจะยอมรับเอง!
ทุกคนต่างลอบหวาดผวาในใจ แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไร…ไม่มีใครอยากมีจุดจบเหมือนชายคนนั้น!
“ไม่มีใครพูดอะไรเลยหรอ?” ซุนซวี่มองพวกเขาหนึ่งรอบ จากนั้นก็หันไปมองประตูเหล็กที่เปิดอ้า แล้วพูดว่า “ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูเอง ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เข้าไปกันเถอะ”
เข้าไป? ทุกคนต่างอึ้งงันไปอีกครั้ง
“เห็นแมงมุมอยู่หน้าประตูเยอะขนาดนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แสดงว่าพวกมันมีวิธีรับมือกับแมงมุมแล้ว อีกอย่างหลังประตูบานนั้นไม่มีใครอยู่หรอก พวกมันน่าจะรอพวกเราอยู่ข้างใน” ซุนซวี่มองพวกเขาด้วยสายตาแฝงความนัย แล้วบอกว่า “ไปกันเถอะ”
เหล่าร่างปรสิตสะดุ้ง…ซุนซวี่กำลังจะให้พวกเขาไปเปิดทางแล้ว…อีกทั้งพอมีชายคนนั้นเป็นตัวอย่าง พวกเขารู้ดีว่าหากปฏิเสธจะมีจุดจบอย่างไร หลังจากมองหน้ากัน เฮ่อเจิ้นพลันยกมือปิดตา ท่ามกลางเสียงครวญครางของเขา แมงมุมจำนวนมหาศาลไต่ออกมาจากร่างกายเขา ส่วนหนึ่งยังอยู่บนตัวเขา อีกส่วนแบ่งออกไปอยู่รอบตัวเขา หลังจากทำทั้งหมดเสร็จ เขาจึงค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า
คนที่เหลือต่างก็เริ่มรู้สึกตัว ถึงแม้จะหลีกเลี่ยงจากการต้องกลายเป็นหินถามทางไม่ได้ แต่ในสถานการณ์ที่มีแมงมุมอยู่ พวกเขายังสามารถปกป้องตัวเองได้…
“เหอะ…” ซุนซวี่มองดูการกระทำของพวกเขา แต่กลับไม่แสดงความเห็นอะไร เขาสัมผัสได้รางๆ ว่าในอาคารโรงงานหลังนั้น จะต้องมีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน…ทว่าคนพวกนี้ยอมฟังคำสั่งอย่างง่ายดาย แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ส่วนพวกเขาจะคิดยังไง ซุนซวี่ไม่สนใจอยู่แล้ว สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดในตอนนี้ ก็คืออาคารโรงงานตรงหน้า
ตั้งแต่ที่เขามาถึงที่นี่ ทุกการกระทำของผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นล้วนเหนือความคาดหมายของเขา เขาเคยคิดว่าอีกฝ่ายจะเฝ้าอาคารโรงงานไว้ไม่ยอมให้เข้าไปเด็ดขาด จนอาจทำให้พวกเขาต้องเปลืองแรงโจมตี และเคยคิดว่าอีกฝ่ายอาจยื้อยุดกับพวกเขาอยู่ในอาคาร แต่วิธีเปิดประตูถ้ำ เชิญท่านลงโอ่งแบบนี้ เขากลับไม่เคยคาดคิด เขาใช้เหยื่อล่อเข้าไปกระตุ้นอีกฝ่าย แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายกลับท้าทายพวกเขากลับ ซ้ำยังคิดจะเล่นงานพวกเขาโดยการใช้เหยื่อล่อของพวกเขาเองอีกด้วย…แต่ไม่ว่าอย่างไร ในสถานการณ์ที่พละกำลังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และฝ่ายพวกเขาก็ยังไม่ได้เผยไพ่ลับออกมา การที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เปิดประตูแบบนี้ ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ?
แต่ว่า…บางทีอีกฝ่ายก็อาจจะกำลังคิดอย่างนี้เหมือนกัน…
“ในเมื่อพวกแกคิดว่าพวกฉันกำลังเดินเข้าไปติดกับดัก ส่วนฉันก็คิดว่าพวกแกเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ลองชนกันซักตั้งแล้วกัน ฉันเข้าใจแล้วว่าการเล่นลูกไม้ตุกติกพวกนั้นกับแกไม่มีประโยชน์ แต่ว่าชีวิตคนเราก็ต้องอย่างนี้กันบ้างถึงจะมีสีสัน…” ซุนซวี่พึมพำกับตัวเอง…ดูจากกลิ่นอายของเงาคนเมื่อกี้เขาก็รู้แล้ว ว่านี่เป็นฝีมือของคนคนเดียวกับที่โยนศพกลับมา พอคิดอย่างนี้ คนที่กำลังเดินหมากแข่งกับเขาอยู่ในที่มืด ก็อาจจะเป็นคนคนนี้ด้วยเช่นกัน…
“ไปได้แล้ว” หลังจากที่รอจนทุกคนเตรียมตัวเสร็จ ซุนซวี่ก็เปิดปากพูดอย่างแช่มช้า
ถึงแม้ทุกคนจะไม่พอใจเขา แต่อย่างน้อยซุนซวี่ก็ไม่ได้เร่งให้พวกเขาไปตายโดยไม่เตรียมตัวอะไรเลย ดังนั้นพอเขาเปิดปากเร่งในตอนนี้ บางคนในกลุ่มก็เพียงแค่นเสียงไม่พอใจเบาๆ แต่ก็ยอมเดินไปยังอาคารโรงงานแต่โดยดี
ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังมองไม่เห็นเงาคนปรากฏที่ประตูอาคาร แต่เมื่อย่ำเท้าลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วนึกย้อนไปถึงปฏิกิริยาของชายคนนั้น ทุกคนล้วนระมัดระวังอย่างดีที่สุด ส่วนซุนซวี่นั้นเดินตามอยู่ข้างหลัง พลางเผยสีหน้าครุ่นคิด “ฉันเข้าใจแล้ว…ความจริงอีกฝ่ายคงจะเดาไว้แล้วว่าฉันจะลงมือสินะ? ไม่ว่าคนที่คิดจะทำร้ายฉันจะใช่หรือไม่ใช่หมอนั่น แต่การตอบสนองของเขาก็อยู่ในสายตาของทุกคนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว ที่น่าตลกก็คือ เมื่อกี้ฉันกลับคิดว่าเขาจะใช้ไอ้กากนั่นมาโจมตีฉันจริงๆ…”
“ไม่สิๆ ฉันไม่ได้เข้าใจผิด เขาตั้งใจทำอย่างนั้นจริงๆ การกระทำง่ายๆ กลับแฝงไว้ซึ่งความนัยมากมาย คนคนนี้ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ เทียบกับคนของพวกเขา จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของพวกเรา ก็คือขาดแคลนประสบการณ์สินะ? เหมือนฝูงหมาป่าในทุ่งหญ้า เจอสัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงไว้ในสวนสัตว์…