แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1089 คำพูดพูดส่งเดชได้ แต่ของกินกินส่งเดชไม่ได้
“เปล่า ตรงกันข้ามเลยล่ะ…” บลัดมาเธอร์ไม่เพียงไม่ขุ่นเคืองที่หลิงม่อพูดแทรก แต่กลับทำสีหน้าประหลาดออกมา แล้วบอกว่า “ฉันกินมัน…”
“อุแหวะ…” เมื่อประโยคนี้หลุดจากปาก เสียงอาเจียนลมของหลายคนก็พลันดังออกมาจากมุมมืด…
“แกนี่มัน…กินไม่เลือกเลยนะ…” หลิงม่อมุมปากกระตุก ฝืนตอบออกไปหนึ่งประโยค
“จะว่าไงดีล่ะ…ตอนนั้นถึงฉันจะถูกขังไว้ในห้อง แต่ยังไม่ถึงขั้นหิวตาย ยิ่งไม่ถึงขนาดต้องกินแมงมุมที่ตัวเองเลี้ยงไว้ประทังชีวิต ที่ฉันทำอย่างนั้น เพราะว่าสภาพจิตใจของฉันมันแตกฉานซ่านเซ็นไม่เหลือชิ้นดีแล้ว เพื่อนบ้านของฉัน…คนที่ฆ่าซอมบี้ที่อยู่หน้าประตูห้อง เขาอาจเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในตึกนอกจากฉัน ตอนนั้นเขาก็ออกไปจากที่นั่นแล้ว ที่แห่งนั้นเหลือฉันอยู่ตัวคนเดียว แต่ต่างจากเขา แม้ว่าข้างนอกจะเงียบเป็นเป่าสาก แต่ฉันก็ไม่กล้าหนีออกจากห้องตัวเองอยู่ดี ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเปิดประตู ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะออกไปเอาตัวรอดอยู่ข้างนอกตามลำพัง แต่ขณะเดียวกันใจฉันก็รู้ดี หากอยู่ที่นั่นต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องอดตายแน่นอน…”
“พอนึกขึ้นได้ว่าความรู้สึกทรมานเหมือนตายทั้งเป็นนั้นใกล้มาถึงตัว ฉันก็สิ้นหวังทันที…บางทีอาจเพราะเหตุผลนี้ ตอนที่ฉันเห็นสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากตัวเองอยู่ในตึก แรงกดดันในใจฉันถึงได้ระเบิดออกมา ซอมบี้พวกนั้นน่ากลัวเหลือเกิน ต่อหน้าพวกมันฉันไม่ต่างจากแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นพอฉันจับแมงมุมได้ และยัดมันเข้าปาก ฉันถึงเพิ่งรู้สึกได้บ้างว่าฉันยังเป็นมนุษย์อยู่…ฉันไม่ใช่แมลง ในโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่าฉัน…ความรู้สึกอย่างนี้ เหมือนการหาความหวังอันน้อยนิดมาปลอบประโลมตัวเองท่ามกลางความสิ้นหวัง เพื่อให้ฝืนก้าวต่อไปได้ เพราะถึงอย่างไรแม้ฉันจะกลัว แต่ก็ยังไม่อยากตาย…”
ฟังมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็พอจะเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว “ถ้าอย่างนั้น การกลายพันธุ์ของแกก็เริ่มขึ้นหลังจากที่กินแมงมุม? เมื่อกี้แกบอกว่าแมงมุมของแกดูผิดปกติ เพราะว่ามันเคยสัมผัสเลือดของซอมบี้งั้นหรอ?”
“ถูกต้องแล้งว…คงเป็นกลิ่นคาวเลือดที่ดึงดูดมัน แต่ช่องใต้ประตูเล็กมาก มันก็เลยมุดออกไปไม่ได้ ทำได้แค่ดูดกินเลือดซอมบี้ที่ซึมเข้าในห้องเท่านั้น ความจริงถึงมันจะไม่ดูดกิน แต่แค่สัมผัสถูกเลือดพวกนั้นเข้า ก็น่าจะทำให้ติดเชื้อได้แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ของฉันในตอนนั้น ฉันไม่มีแก่ใจคิดเรื่องพวกนี้ กระทั่งเรื่องที่มันผิดปกติไปจากเดิมยังไง ฉันก็ไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด
หลังจากกินแมงมุม บลัดมาเธอร์ก็หดตัวกลับเข้าไปในมุมห้องอีกครั้ง ในสภาพแวดล้อมที่ตึกอาคารร้างไร้ผู้คน เหลือเพียงศพเกลื่อน นอกตึกก็มีแต่ซอมบี้เต็มไปหมด บลัดมาเธอร์ได้แต่นั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง…และเมื่อสีท้องฟ้าค่อยๆ สลับจากสว่างเป็นมืด การกลายพันธุ์ก็เริ่มขึ้น
“แรกสุดคือความเจ็บปวด ต่อมาก็เหน็บชา ในกะเพราะและลำไส้ของฉัน เหมือนมีแมงมุมมากมายกำลังไต่ไปมา โดยเฉพาะในกะเพราะ ฉันรู้สึกเหมือนแมงมุมตัวนั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันกำลังกินร่างกายของฉันเป็นอาหาร ด้วยการค่อยๆ กัดแทะจากข้างใน และความรู้สึกเหน็บชานั้น เหมือนเกิดขึ้นเพราะน้ำย่อยที่มันพ่นใส่ฉัน…”
“ตอนนั้นอยู่ๆ ฉันก็ได้สติ…ถ้าหากว่ายังไงก็ต้องตาย ถ้าอย่างนั้นฉันยอมถูกซอมบี้ฆ่า ดีกว่าทนให้แมงมุมค่อยๆ กัดกินฉันจากข้างในทีละนิดๆ อย่างนี้ และความรู้สึกนั้นมันเหมือนจริงมาก ฉันไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน ทุกวินาที ฉันรู้สึกว่าในตัวฉันว่างเปล่ามากขึ้นเรื่อยๆ พอผ่านไปสิบวินาที ก็เหมือนกับว่าในท้องของฉันว่างเปล่าไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ จากนั้น ฉันถึงเพิ่งรับรู้ได้ถึงความรู้สึกใหม่อีกอย่าง…”
หิว!
บลัดมาเธอร์หิวมาก!
มันเริ่มจับกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่ลอยโชยในอากาศได้ดีกว่าเดิม ความปรารถนาเริ่มพรั่งพรูในใจจนยากทานทน เริ่มแรกเดิมทีเขายังพอฝืนทน แต่เมื่อความหิวโหยเริ่มเข้ามาแทนที่ความหวาดกลัว ในที่สุดเขาก็เริ่มหวั่นไหว
“เดิมทีฉันกลัวศพร่างนั้นมาก ไม่กล้าแม้กระทั่งคิดถึงมัน แต่ตอนนั้น ฉันกลับเหลือบมองมันอย่างไม่รู้ตัวหลายครั้ง ในจมูกก็มีแต่กลิ่นเลือดสดๆ ของมัน ฉันอดทนกว่าครึ่งค่อนคืน จากนั้น ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ในที่สุดฉันก็พุ่งตัวไปที่ประตูห้อง และเปิดประตู…”
“รู้อะไรไหม? เลือดพวกนั้นแข็งตัวหมดแล้ว บางส่วนแข็งตัวติดอยู่บนพื้นจนแกะไม่ออกด้วยซ้ำ หลังจากที่ฉันดูดเลือดส่วนที่ดูดได้จนหมด ฉันก็เริ่มเลียพื้น…จนสุดท้าย นอกจากศพร่างนั้น บนพื้นก็ไม่เหลือเลือดแม้แต่หยดเดียว และพอถึงตอนนั้น ฉันถึงเพิ่งได้สติ แต่ต่อมา อาการแบบนี้ไม่เพียงไม่หายไป แต่ยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันเคยคิดจะตาย แต่ก็ทำไม่ได้…ร่างกายของฉันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ เริ่มแรกมีแค่ท้องที่ใหญ่ขึ้น จนต่อมาฉันก็รู้สึกได้ว่าในตัวฉันมีแมงมุมอยู่จริงๆ…”
“แมงมุมตัวนี้ต้องดื่มเลือดฉันถึงจะโตขึ้น…แล้วตอนนั้น ฉันก็ค้นพบข้อดีอย่างหนึ่ง เดิมทีฉันเป็นคนที่แรงน้อยมาก แต่พอกินเลือดของซอมบี้ตัวนั้นจนหมด เรี่ยวแรงของฉันก็พุ่งพรวดขึ้น หลังจากนั้นพอฉันหิวจนทนไม่ไหว ฉันก็หยิบมีดในครัวเดินออกจากห้องไป…”
“และเหตุการณ์ต่อจากนั้น แกก็เห็นแล้วนี่ไง” บลัดมาเธอร์มองไปที่หลิงม่อ แล้วบอกว่า “แมงมุมที่อยู่ในตัวฉันตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็หลอมรวมกับร่างกายของฉัน ตอนนี้มันคือฉัน ฉันคือมัน ฉันกับมันแยกจากกันไม่ได้อีกแล้ว”
“ไม่น่าล่ะ แกถึงไม่ติดเชื้อทั้งที่ดื่มเลือดซอมบี้ไปแล้ว…ที่แท้เชื้อไวรัสก็ถูกแมงมุมตัวนั้นดูดกินไปแล้ว แต่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น คือแมงมุมตัวนี้ทำให้แกกลายเป็นสัตว์ประหลาดหัวคนตัวแมงมุม…”
สายตาบลัดมาเธอร์ฉายแววสับสน พลันหัวเราะเสียงเย็น “ถูกต้องแล้ว เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละ เป็นยังไงล่ะ แกรู้หรือยังว่ากว่าฉันจะรอดมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
“จิ๊…ที่เล่าเรื่องมาตั้งนานนี่เพื่อจะหงายการ์ดขอความเห็นใจงั้นหรอ? ถ้าหากคิดอย่างนั้นอยู่จริงๆ ฉันขอเตือนให้ยอมแพ้ดีกว่า ฉันไม่มีความเห็นใจน่าเบื่ออะไรอย่างนั้นให้แกหรอก” หลิงม่อตัดบทมันอย่างไร้เยื่อใย มีชีวิตลำบาก? พูดอย่างกับว่าคนอื่นไม่ลำบากเลย! ลองคิดดูว่าหากสถานการณ์ตอนนี้พลิกผัน ป่านนี้แมงมุมตัวนี้คงจับพวกเขากินเป็นอาหารจนไม่เหลือซากแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น แสดงว่าแกจะสู้แน่นอน? ไม่มีโอกาสให้เจรจากันแล้ว?” บลัดมาเธอร์พลันเปลี่ยนสีหน้า และพูดเสียงเข้ม พอหัวของมันงอกอยู่บนท้องแมงมุม ทุกครั้งที่สีหน้าของมันเปลี่ยนไปล้วนดูน่าสยดสยองหาที่เปรียบไม่ได้ แต่เสียงพูดของมันในครั้งนี้ กลับแฝงไว้ด้วยแววจำนน
นั่นกลับทำให้หลิงม่อผิดคาด…