แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1093 กองทัพไร้แขน
พั่บๆๆๆ~~~
ท่ามกลางเสียงสนั่นหวั่นไหวที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งลงจอด ณ ดาดฟ้าของบริษัทลอว์สัน…อุปกรณ์เครื่องมือและศพที่ถูกพวกหลิงม่อขนย้ายขึ้นมา ในที่สุดก็ถึงเวลาถูกนำกลับไปยังค่ายปาฏิหาริย์ หลังจากที่เฝ้ารอมาหลายวัน…
เมื่อประตูเครื่องเปิดออก เงาร่างกลุ่มหนึ่งที่ยกปืนไรเฟิลจู่โจมขึ้นเล็งพลันชะโงกหน้าออกมาทันที หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มสวมชุดหนังรัดรูป สะพายปืนกลไว้บนไหล่ ซึ่งก็คือ ลูซี่ ผู้รับผิดชอบกองกำลัง F…และชายฉกรรจ์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา คือทหารนายหนึ่งซึ่งเป็นโค้ชผู้ฝึกสอนของค่ายปาฏิหาริย์ นามว่าโทมัส
เวลานี้พวกเขาสองคนเหมือนกับคนอื่นๆ ต่างกำลังแนบตัวชิดประตูเครื่องและมองลงไปข้างล่างอย่างระแวดระวัง…บนอาคารที่อยู่ใกล้ๆ สองสามหลัง ยังคงหลงเหลือร่องรอยของการต่อสู้อันดุเดือดไว้ให้เห็น บนถนน ก็เต็มไปด้วยเศษซากชิ้นส่วนและคราบเลือดที่กระจายไปทั่วพื้น ทว่าท่ามกลางเสียงใบพัดที่ดังกระหึ่มนี้ กลับไม่มีเงาร่างของผู้ใดโผล่ออกมาให้เห็น…
“นี่มันช่าง…แปลกจริงๆ…” หลังจากสังเกตการณ์อยู่หลายวินาที ก็มีคนพูดขึ้นด้วยเสียงตึงเครียด
พวกเขาเคยชินกับภาพที่มีซอมบี้อยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่เวลานี้พอเห็นภาพอย่างนี้เข้า ไม่เพียงไม่ได้ทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้น ตรงกันข้าม กลับมีกลิ่นอายวังเวงระคนแปลกประหลาดสะท้อนอยู่ทั่วทุกแห่งหน…โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเลื่อนสายตาไปที่พื้นดาดฟ้า แล้วเห็นอักษรสองตัวที่ถูกเขียนไว้บนพื้นว่า “ระวัง” ก็ยิ่งทำให้อดรู้สึกหวาดระแวงไม่ได้
“ที่นี่…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” โทมัสอดพูดขึ้นไม่ได้ ที่นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งของเมือง X เท่านั้น แต่ถ้าหากในเมือง X ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ขึ้น แล้วที่อื่นเล่า…
“ไม่รู้สิ…เอาเป็นว่า พวกเรารีบกันเถอะ หลังจากขนของเสร็จ พวกเรารีบไปจากที่นี่กัน” ลูซี่จ้องมองอักษรสองตัวนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นพูดเสียงเบา
“น่าเสียดาย ตอนนี้หลิงม่อไม่อยู่ที่นี่…” โทมัสขมวดคิ้วพูดขึ้น
“ฉันก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบเขา ฉัน…” ลูซี่รีบเงยหน้าอธิบายอย่างร้อนตัว
“หื้ม?” แต่กลับเห็นได้ชัดว่าโทมัสไม่เข้าใจ เพราะเขายังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
“…เปล่าหรอก” หลังจากตระหนักได้ว่าตัวเองเข้าใจความหมายของโทมัสผิดไป ลูซี่พลันยิ้มกระอักกระอ่วน จากนั้นก็หันหน้าหนี
“ฉันหมายถึง ถ้าหากเขาอยู่ที่นี่ พวกเราก็คงได้ถามเขาตรงๆ แล้ว” ขณะกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ โทมัสขมวดคิ้วมองไปรอบๆ สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินตรงไปที่ศพสองศพนั้น “รู้สึกเหมือนโลกนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง…”
ลูซี่เองก็จ้องมองดาดฟ้าครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าพึมพำเสียงเบา “นั่นสินะ…”
…ณ ปากซอยที่อยู่ไกลออกไป เงาร่างหนึ่งที่เต็มไปด้วยไอหมอกมืดลอยคลุ้งรอบตัวยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ดวงตาสีแดงโลหิตจ้องมองไปยังดาดฟ้าแห่งนั้นอย่างไม่กระพริบ มันจ้องมองเฮลิคอปเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฉีกยิ้ม และเปล่งเสียงแหบต่ำออกมา…
เงาร่างนี้แผ่นหลังโค้งงอ แขนขาทั้งสี่ข้างยาวกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะนิ้วมือที่ยาวเฟื้อยผิดปกติ เล็บมือของมันคดงอ ราวกับตะขอเหล็กที่สะท้อนวิบวับอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ถ้าหากหลิงม่อมาเห็นมันตอนนี้ ก็จะค้นพบอย่างตื่นตะลึงว่ารูปร่างภายนอกของอสุรกายนรกตัวนี้ มีส่วนคล้ายมนุษย์และซอมบี้ถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว เพียงแต่มันสูงกว่า ขนาดตัวก็ใหญ่กว่า และทั่วทั้งตัวก็มีหนวดสารพัดรูปแบบงอกอยู่เต็มไปหมด…
ไม่นาน ริมฝีปากของอสุรกายนรกตัวนี้ก็พลันฉีกยิ้ม และเปล่งเสียงแหบพร่าเอ่ยคำพูดของมนุษย์ออกมาหนึ่งประโยค…
“พวกนั้นคือ…พวกเดียวกับเจ้ามนุษย์นั่นสินะ? ฮิๆๆๆๆ…มนุษย์ ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าแกหนีไม่พ้นหรอก…”
มันหัวเราะเย็นชา พลางค่อยๆ หดตัวกลับเข้าไปในความมืด และหายตัวไปจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย…
…………
เวลานี้ ในป่ารกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอหลีหมิงนัก เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็กำลังลงจอดอย่างนิ่มนวลเช่นกัน
บอกว่าเป็นป่ารกร้าง แต่ความจริงบริเวณใกล้เคียงมีบ้านเรือนชาวไร่ชาวสวนอยู่จำนวนไม่น้อย เพียงแต่หลังจากถูกทิ้งร้างมานาน ที่นี่จึงเหลือเพียงหญ้ารกชัฏที่สูงเท่าคน และเมื่อเทียบกับหญ้ารกชัฏเหล่านี้แล้ว อาคารโกดังทรงต่ำที่ถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางหญ้าสูง กลับกลายเป็นดูไม่ค่อยสะดุดตานัก
“มาถึงคือโกดังอาหารแล้วสินะ?” อวี่เหวินซวนก้าวออกมาก่อน โดยถือแผนที่ไว้ในมือ
“ระวังหน่อยล่ะ ไม่แน่ว่าที่นี่อาจมีแมงมุมซ่อนอยู่ก็ได้นะ” เย่ไคกระโดดลงมา พร้อมกล่าวเตือน
“เชี่ย ถ้านายไม่พูดถึงแมงมุมพวกเราก็ยังเป็นสหายกันได้! ตอนนี้ฉันหลอนจนรู้สึกว่ามีแมงมุมไต่ทั่วตัวแล้วเนี่ย พวกนายก็ยังเอาแต่พูดถึงมันไม่หยุด จะทำให้คนอื่นบ้าตายหรือไง” มู่เฉินบิดตัวไปมาอย่างนึกขยะแขยง แถมยังเกาหัวแรงๆ อย่างหวาดระแวง
“ถ้ากลัวนักก็ไปสำรวจเส้นทางให้ละเอียดสิ…”
“นี่นายพูดอย่างนี้กับโค้ชได้หรอ?”
“แมงมุมๆๆๆๆ…”
“เชี่ย! ไปก็ไปโว้ย!”
…………
“แฮ่ๆๆ…”
เสียงแผ่วเบาหนึ่งพลันดังขึ้น พร้อมกันนั้น เงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากป่ารกช้าๆ เมื่อมองลอดต้นหญ้าเหล่านั้น จะมองเห็นลูกกระเดือกของเงาร่างนี้กำลังเกลือกกลิ้งขึ้นลงในสภาพอ้าปากค้าง ในขณะที่สายตาจดจ้องไปยังคนเหล่านั้นที่กระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์…
ตอนนี้ในคลองสายตาสีแดงเลือดของมัน ภาพของคนเหล่านั้นที่มันมองเห็นล้วนเหมือนภาพจับความร้อนบางผระเภท เงาร่างเหล่านั้นเคลื่อนขยับ และไหวกระพริบอย่างต่อเนื่อง ทว่าทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา ก็ราวกับภาพสโลว์โมชั่นที่สะท้อนชัดในดวงตาของมัน ขณะเดียวกัน เมื่อพวกเขาเคลื่อนกาย กลิ่นอายที่พิเศษไม่เหมือนใครก็ลอยมาแตะจมูกของมัน…
“แฮ่…”
ร่างกายของเงาร่างนี้บิดไปมาอย่างประหลาด จากนั้นมันก็สูดลมหายใจลึกสองครั้ง แต่ในตอนนี้เอง เสียงของคนผู้หนึ่งพลันดังมาจากข้างหลังของมัน “นี่ เจ้าโง่ มองทางนี้”
มันหันหน้ากลับไปโดยอัตโนมัติ ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กลับไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่กลับเป็นหัวหมีแพนด้าขนาดใหญ่แทน
“แบ๊!” เสี่ยวป๋ายคำรามเสียงต่ำ พลันยกอุ้งเท้าพุ่งตบเข้าไปโดยไม่รีรอ
เงาร่างแม้คิดอยากหลบก็ไม่ทันแล้ว มันรู้สึกเพียงว่ามีเสียงดัง “ตึง” ในหัว ไม่นานก็เบิกตากว้างและตัวอ่อนล้มลงไป
และเวลานี้ ในสายตาของมันก็ปรากฎเงาคนอีกสองเงาเพิ่มขึ้นมาในที่สุด…เด็กผู้หญิงตัวน้อยสองคนกำลังจูงมือกัน และจ้องมองมาที่มัน…
“ฉันว่า…” เฮยซือจ้องมองเงาร่างนี้อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองอวี๋ซือหราน บอกว่า “เมื่อกี้มันต้องคิดว่าเสี่ยวป๋ายพูดกับมันแน่เลยใช่ไหม?”
อวี๋ซือหรานจ้องเงาร่างนั้นไม่วางตา จากนั้นก็พยักหน้าเงียบๆ…
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า “ช่างเถอะ ลากมันกลับไปกันเถอะ!”
…สองวินาทีต่อมา รอบศพศพนั้นก็มีกลุ่มคนมารายล้อมกันอยู่ เหล่ามนุษย์ที่กำลังถูกแอบมองเมื่อกี้ เวลานี้ล้วนกำลังจ้องมองมันด้วยใบหน้าครุ่นคิด…
หลิงม่อบีบคางทำหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ละสายตาออกจากดวงตาสีแดง แล้วมองไปที่ร่างกายของมันแทน…
“พวกนายว่า…มือของมันหายไปไหน?” หลิงม่อถาม
คนที่เหลือเองก็ต่างขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าซอมบี้ที่กลายสภาพเป็นอย่างนี้มีอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ว่ามองยังไง ซอมบี้ตัวนี้ก็ไม่เหมือนซอมบี้ที่มีภัยคุกคามเลยซักนิด…
ซอมบี้ตัวนี้ มันไม่มีแขน…
แต่นอกเหนือจากนี้ มันก็ไม่ได้มีส่วนใดที่วิวัฒนาการขึ้นมาเป็นพิเศษด้วย
อย่างเช่นลำคอที่ยาวเป็นพิเศษ หรือสองขาที่มีความสามารถในการกระโดดเป็นเลิศ…
ภายใต้สถานการณ์ที่ร่างกายมีจุดบกพร่อง ซ้ำยังไม่มีลักษณะเด่นอื่นมาทดแทนข้อบกพร่องนั้น เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่ซอมบี้ตัวนี้มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้…
ทั้งที่เกือบจะถูกลอบโจมตีรอมร่อแล้ว ทว่าสิ่งที่คนกลุ่มนี้สังเกตเห็นเป็นเรื่องแรกเมื่อเห็นศพ กลับเป็นเรื่องนี้
สำหรับพวกเขา ถึงแม้ว่าซอมบี้จะน่ากลัวอีกซักแค่ไหน แต่ก็เทียบกับเรื่องที่ผิดปกติเหล่านี้ไม่ได้ เพราะทันทีที่พวกเขาประสบเรื่องแบบนี้ ก็แสดงว่าพวกเขาอาจตายโดยไม่รู้ตัวได้ทุกเมื่อ…
ไม่รอให้ทุกคนถกเถียงจนได้ข้อสรุป ทันใดนั้น เสียงแผ่วเบาหนึ่งพลันดังมาจากรอบกาย
ขณะเดียวกัน เสียงร้องคล้ายเสียง “แบ๊” ก็ดังแผ่วมาจากในพุ่มหญ้า…
ซย่าน่ายืนอยู่ข้างประตูเฮลิคอปเตอร์ กวาดตามองซ้ายขวาหนึ่งรอบ จากนั้นก็บอกว่า “ความจริง เราควรเปลี่ยนคำถามมากกว่านี้…ควรถามว่า มือของพวกมันหายไปไหนหมดแล้ว?”
“แฮ่!”
เพิ่งสิ้นเสียงพูดของเธอ ซอมบี้ตัวหนึ่งพลันกระโจนออกมาจากพุ่มหญ้า มันเอียงคอ น้ำลายไหลยืดออกจากปาก ทว่าสิ่งที่เหมือนกัน คือบนลำตัวที่บิดเบี้ยวของมัน ก็ไม่มีแขนเหมือนกัน…ภายใต้สภาพอย่างนั้น การเคลื่อนไหวของมันจึงดูขาดความสมดุลอย่างมาก แม้ว่าความเร็วจะไม่ด้อยกว่าซอมบี้ทั่วไปนัก แต่ร่างกายกลับเอาแต่ส่ายเอนไปทางซ้ายทีขวาที
ซอมบี้ไร้แขนกระโจนออกมาจากพุ่มหญ้าตัวแล้วตัวเล่า พวกมันมองพวกหลิงม่อด้วยสายตาหิวกระหาย และเปล่งเสียงร้องเหมือนไม่อาจควบคุมตัวเองได้…
“ไม่คิดเลยว่าจะมีเยอะขนาดนี้…อีกอย่างทำไมพวกมันไม่มีแขนกันหมดเลยล่ะ?”
พวกเย่ไครีบหันหลังชนกันโดยอัตโนมัติทันที ขณะเดียวกันก็หันปืนเล็งไปที่ซอมบี้พวกนั้น
นักบินที่หมายจะชะโงกหน้าออกมาจากเฮลิคอปเตอร์พอเห็นภาพนั้นเข้า ก็รีบหดตัวกลับเข้าไปทันที
“ว๊ากกก!”
เมื่อซอมบี้หญิงตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาอย่างกะทันหัน ปากกระบอกปืนเหล่านั้นพลันลั่นไกเกิดเป็นประกายสว่างวาบ
หลิงม่อโบกมือกลางอากาศ ปล่อยหุ่นดวงจิตเสี่ยวเฮยออกมา แต่เพื่อไม่ให้สถานการณ์ประหลาดเกินไป เขาจึงไม่ได้ใช้พลังควบคุมหุ่น เพียงใช้หนวดสัมผัสโจมตีซอมบี้พวกนั้น ที่ผ่านมามีเพียงเขาที่ปล่อยหนวดสัมผัสโจมตีศัตรู เวลานี้กลับมีเสี่ยวเฮยช่วย ความถี่ในการโจมตีจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ส่วนซอมบี้สาวสี่ตัวนั้นกลับดูผ่อนคลายมาก พวกเธอเดินวนไปรอบๆ พลางจัดการซอมบี้พวกนั้นที่ได้แต่อ้าปากกว้างอย่าง่ายดาย
“พี่หลิง พี่ดูนี่สิ”
ซย่าน่าตวัดเกี่ยวศพหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็ขว้างศพให้ร่วงลงบนพื้นใกล้เท้าหลิงม่อ
เขาก้มมอง พลันร้อง “เอ๋” ออกมาทันที
ศพนี้แทบไม่เหลือเสื้อผ้าปกปิดร่างกายท่อนบน และส่วนไหล่ที่โผล่ออกมา ก็ปรากฏให้เห็นรอยแผลเรียบเนียนรอยหนึ่ง นอกจากนั้น บนหัวไหล่ของมันยังมีรอยกัดที่น่ากลัวมากอยู่อีกหนึ่งรอย ตรงนั้นมีเนื้อแหว่งหายไปหนึ่งก้อน แม้แต่กระดูกก็ถูกกัดจนแหลกละเอียด ส่งผลให้ไหล่ข้างนั้นเอียงผิดรูป
“ซอมบี้พวกนี้เหมือนไม่ได้กลายพันธุ์ตามธรรมชาติ แต่เหมือนถูกมนุษย์เลี้ยงมามากกว่า อย่างตัวนี้ มันน่าจะกลายพันธุ์ไม่นานไปกว่าหนึ่งเดือน รอยแผลนั้น น่าจะเป็นรอยที่ถูกซอมบี้กัดเพื่อให้กลายพันธุ์ ถ้าหากว่าซอมบี้ที่กัดมันไม่มีแขนเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่แปลกที่พวกมันจะเป็นแบบนี้” ซย่าน่าอธิบายขณะที่หลิงม่อกำลังสำรวจ
คำพูดของเธอคนอื่นๆ ก็ได้ยินอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน และเมื่อศพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ค่อยๆ ค้นพบว่าศพพวกนี้มีลักษณะเด่นทางร่ายกายที่คล้ายกัน…
“ถ้าอย่างนั้น ซอมบี้และมนุษย์ในอำเภอหลีหมิง ความจริงแล้วยังตายไม่หมด?” หลิงม่อพลันกระจ่าง หากซอมบี้พวกนี้ไม่ได้มาจากแถวๆ นี้ ถ้าอย่างนั้น พวกมันก็คงมาจากอำเภอร้างแห่งนั้น อำเภอหลีหมิง…