แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1098 นึกแล้วว่าต้องโดนหลอก
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปากหลิงม่อ หญิงสาวพลันตัวสั่นสะท้าน สิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อจากนี้ กลับถูกคนอื่นจับได้ในพริบตา ความจริงเธอไม่ได้หวาดกลัวเพราะสิ่งที่หลิงม่อพูด แต่ว่า…
“นายรู้ได้ยังไง?” เพิ่งสิ้นเสียงพูด ใบหน้าของหญิงสาวพลันซีดเผือด
“หมายความว่ายังไง? หรือว่าเธอวางแผนไว้ก่อนแล้ว?” มู่เฉินเบิกตากว้าง พลางถามอย่างร้อนรน
“เปล่านะ ฉัน…” หญิงสาวกำชายเสื้อแน่น ส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นก็พยักหน้าบอกว่า “ตอนแรกฉัน…ความจริงฉันหวังว่าพวกนายจะสู้กับมัน แต่พอคิดดูดีๆ นั่นเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไปสำหรับพวกฉัน ถ้าหากว่าพวกนายชนะ พวกฉันก็ยังมีโอกาส แต่ถ้าหากสุดท้ายซอมบี้ตัวนั้นเป็นฝ่ายชนะ ถ้าอย่างนั้นพวกฉันต้องตายแน่ๆ…”
“ดังนั้น เธอก็เลยตัดสินใจเปิดปากขอร้องพวกฉันตรงๆ?” เย่ไคพูดต่อด้วยสีหน้าถมึงทึง
หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปาก ไม่นานก็พูดออกไปราวกับตัดสินใจแล้วว่าจะทุ่มสุดตัว “ใช่ ฉันรู้ว่าการทำอย่างนี้เป็นเรื่องหน้าไม่อาย แต่ช่วยเห็นแก่ที่เราเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน…ใช่แล้ว ฉันจะให้ข้อมูลที่ฉันรู้ทุกอย่างเลย พวกนายจะได้เอาข้อมูลนี้ไปใช้เพื่อที่จะชนะมันในการต่อสู้! ถึงแม้ว่ามันจะรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่แล้ว แต่พวกเราก็ยังมีโอกาส ขอเพียงพวกนายฟังฉัน…”
แต่ในตอนนั้นเอง หญิงสาวกลับหยุดพูดทันควัน เธอเบิกตากว้าง ไม่นานก็ตัวอ่อนล้มลงไป เมื่อหญิงสาวล้มลงไป เงาร่างบอบบางของซย่าน่าก็ปรากฏอยู่ด้านหลังเธอ
ซย่าน่าบิดฝ่ามือสองสามที ก้มหน้าเหลือบมองหญิงสาวที่สลบเหมือดแวบหนึ่ง จากนั้นก็ฉีกยิ้มประหลาดขึ้นมาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน “ไม่ต้องสนใจ…ก็แค่รู้สึกว่าเธอพูดความจริงแค่ไม่กี่เรื่อง ดังนั้นพวกเราไม่ต้องฟังที่เธอพูดดีกว่า”
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…” พวกมู่เฉินพากันพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ยังไม่หายตะลึง
“ช่วยอย่าทำหน้าเหมือน ‘ถึงพวกฉันจะไม่เข้าใจที่เธอพูด แต่เธอเป็นลูกพี่ เอาตามที่เธอว่าแล้วกัน’ แบบนั้นกันได้ไหม? ก็เห็นๆ อยู่ว่าฉันพูดเรื่องจริงน่ะ!” ซย่าน่าบอก
“…” ทุกคนเบือนหน้าหนีเงียบๆ
“ซย่าน่าพูดถูกแล้ว” หลิงม่อพูดขึ้น “ผู้หญิงคนนี้กำลังหลอกพวกเรา”
“เรื่องอะไร?” สวี่ซูหานได้สติ จึงถามขึ้น
“ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง น่าจะเป็นแรงผลักดันของเธอ” เฮยซือพูดแทรก “เธอคิดว่าคนที่วินาทีที่แล้วยังคิดหาทางจะให้เราไปสู้กับซอมบี้ตัวนั้นและตายไปพร้อมกับมัน จะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับพวกเราจริงๆ หรอ? ถึงแม้จิตใจหญิงสาวยากแท้หยั่งถึง แต่นี่มันไม่ได้อยู่แค่ระดับเปลี่ยนสีหน้าเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือแล้วล่ะ…”
“ไม่ใช่แค่นี้…” หลิงม่อนั่งยองๆ ลงไป ค้นตัวหญิงสาวหนึ่งรอบ จากนั้นก็หยิบกุญแจพวงหนึ่งออกมา และยกขึ้นแกว่งไปมาให้ต่อหน้าทุกคน “ฉันเชื่อว่าเธอเกลียดงานนี้มาก แต่สามารถอดกลั้นต่อความเกลียดชังและทำได้ถึงขั้นนี้ เราจะดูเบาผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“งั้น…” คนที่เหลือต่างมองหน้ากัน มู่เฉินครุ่นคิด แล้วพูดต่อว่า “ก็ไม่เห็นต้องตีเธอจนสลบเลยไม่ใช่หรอ? พวกเราตลบหลังและหลอกใช้เธอก็ได้…”
“ถ้าหากว่าสามารถเค้นข้อมูลจากปากเธอได้ ฉันคงทำไปนานแล้ว…แต่ในเมื่อทำไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ควรเปิดโอกาสให้เธอแม้แต่น้อย เธอรู้จักที่นี่ดี และรู้จักซอมบี้ตัวนั้นดีกว่าเรา เกิดเธอวางแผนอะไรไว้เบื้องหลังจะทำไงล่ะ?” หลิงม่อบอก
“แต่ว่าซอมบี้ตัวนั้นได้ยินพวกเราคุยกันแล้วไม่ใช่หรอ?” เย่ไคถาม
หลิงม่อได้ยินก็เงยหน้าเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เห็นชัดว่า…ฉันพูดไปเรื่อย”
“หา?”
“ฉันแค่หลอกเธอดูว่าจะล้วงความลับอะไรออกมาได้บ้างไหม แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่จริง ซอมบี้ตัวนั้นรับรู้การมาถึงของพวกเราแล้ว ฉันรู้สึกได้ เมื่อกี้เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังจ้องพวกเราอยู่ อีกอย่าง อีกฝ่ายทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีนัก” หลิงม่อยกมือนวดหว่างคิ้ว บอกว่า “ความจริง ตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกอยู่ เหมือนมีซอมบี้ขนาดตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกำลังจ้องฉันด้วยสายตาตะกละตะกลาม…ถึงแม้ว่าฉันจะเคยชินกับประสบการณ์อย่างนี้แล้ว แต่ครั้งนี้ฉันกลับอดรู้สึกขนลุกไม่ได้”
“ทำไมฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย…” เฮยซือบีบคาง แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าครุ่นคิด จากคำบรรยายของหลิงม่อฟังออกได้ไม่ยาก ซอมบี้ตัวนี้จะต้องมีพลังสัมผัสรู้ทางจิตที่ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ ซึ่งซอมบี้ประเภทนี้มักมีสติปัญญาสูงตามไปด้วย มันจึงไม่แปลกหากซอมบี้ตัวหนึ่งจะสามารถควบคุมมนุษย์ได้
ทว่าหากคิดอีกที ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นอย่างไรกันแน่นั้น ตอนนี้ยังเป็นเพียงเรื่องที่ยังไม่มีใครรู้ ถึงแม้หญิงสาวจะไม่ได้โกหกเรื่องนี้ แต่อย่างไรสิ่งที่เธอพูดก็เป็นเพียงการคาดเดาของตัวเองอยู่ดี
คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าแมงมุมหัวคนที่ตายไปแล้วตัวนั้นจะมีความลับซ่อนอยู่มากมายขนาดนี้ กอปรกับรอยยิ้มก่อนตายของมัน หลิงม่อพลันรู้สึกว่าเจ้าแมงมุมตัวนั้นไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นอย่างที่คิดไว้จริงๆ…
ซย่าน่าเองก็ขมวดคิ้วพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย “ในเมื่อฉันกับเฮยซือล้วนสัมผัสไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นกู่ซวงซวงก็คงเหมือนกัน ซึ่งนั่นหมายความว่า ซอมบี้ตัวนั้นกำลังหมายหัวพี่หลิงแค่คนเดียว?”
“อื่ม…” หลิงม่อตอบอย่างมั่นใจ “ถึงแม้จะเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเหมือนมันกำลังมองหาบางสิ่งในตัวฉัน…”
“มองหาบางสิ่ง?” เย่เลี่ยนกวาดมองหลิงม่อขึ้นลงอย่างสงสัย สุดท้ายก็ไม่พบอะไร จึงได้แต่เอียงคออย่างไม่เข้าใจ
คนที่เหลือต่างก็จับจ้องมาที่หลิงม่อ ทว่าบนตัวเขา มีอะไรที่ดึงดูดความสนใจของซอมบี้ตัวนั้นอยู่งั้นหรอ?
“เอาล่ะ ไม่ต้องคิดแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อีกอย่าง ซอมบี้ที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ จะต้องมีอะไรที่พิเศษอยู่แน่นอน ถ้าหากว่ามันมาหาพวกเราถึงที่จริงๆ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายสำหรับพวกเราเสมอไปหรอกนะ” หลิงม่อพูดขึ้นอย่างมีความนัยแฝง
หากว่าสามสาวซอมบี้ยังคงอยู่ในสภาวะ “สัตว์ป่า” ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่พวกเธอต้องทำในทุกวันย่อมต้องเป็นไล่ล่าและสังหารซอมบี้ระดับสูงแน่นอน แต่สำหรับพวกหลิงม่อ นอกจากบังเอิญเจอซอมบี้ระดับสูงเป็นครั้งคราว ก็ยากที่จะหาเหยื่อประเภทนี้เจอ…
ดังนั้นตอนที่หญิงสาวพูดถึงซอมบี้ตัวนั้น หลิงม่อจึงสนใจมาก…ทว่าจะให้ยอมถูกคนอื่นหลอกใช้? ไม่มีทาง
ตอนนี้ซย่าน่าตีเธอสลบไปแล้ว ต่อไปหากพวกเขาจะทำอะไร ก็จะได้ไม่ต้องระแวงหลังอีกต่อไป…
“จะจัดการเธอยังไง?” อวี๋ซือหรานนั่งยองๆ ข้างๆ หญิงสาว แล้วถามขึ้น
“พาไปด้วยก่อนแล้วกัน” หลิงม่อถือพวงกุญแจในมือแกว่งไปแกว่งมา “เธอบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าเธอมีเคล็ดลับที่ทำให้แมงมุมไม่โจมตีเธอ”
ทุกคนถึงบางอ้อ…
ที่แท้แม้ว่าจะตีคนสลบไปแล้ว แต่หลิงม่อก็ยังไม่ลืมเรื่องนี้…
หลังจากใช้หญิงสาวเป็น “เครื่องกันแมงมุม” พวกหลิงม่อก็เคลื่อนไหวได้สะดวกรวดเร็วขึ้นตามคาด พวกเขาเดินวนทั่วโกดังอยู่พักหนึ่ง จนสุดท้ายก็เจอห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งในที่สุด…
ในห้องนี้ไม่มีใยแมงมุมอยู่แม้แต่น้อย มีที่นอนสปริงที่ยังถือว่าสะอาดอยู่หนึ่งตัว เสี้ยววินาทีที่เปิดประตู หลิงม่อพูดขึ้นทันที “ที่นี่ต้องเป็นห้องของเธอแน่ๆ”
“เห็นด้วย” คนอื่นๆ ต่างชะโงกหน้าเข้าไปดูข้างใน แล้วพยักหน้า
ในห้องไม่ได้มีของตกแต่งที่มากเกินความจำเป็น ดังนั้นหลังจากค้นหาหนึ่งรอบ พวกหลิงม่อจึงพบถุงใบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เพียงแต่หลังจากเปิดปากถุงออก ทุกคนก็ถึงกับ…ทำหน้าไม่ถูก
“ฉันว่า…เจ้าสิ่งนี้น่าจะเอาไว้กินนะ?” อวี่เหวินซวนหันกลับไปมองหญิงสาวคนนั้นแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้น
เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ เพราะบนตัวหญิงสาวไม่มีสิ่งนี้อยู่…
“งั้นหรอ?” หลี่ย่าหลินใช้นิ้วคีบหนึ่งในนั้นขึ้นมา และเพ่งมองอย่างฉงนสงสัย
“ถ้าหากกลืนมันลงไป พวกแมงมุมก็จะคิดว่าเป็นพวกเดียวกันล่ะมั้ง?” เย่ไคกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเกลือกกลิ้งขึ้นลง พลางพูดเสียงเบา
“เหลวไหลน่า…นี่มันไข่แมงมุมนะโว้ย!” มู่เฉินเดือด
สิ่งที่อยู่เต็มถุง คือไข่แมงมุมเปลือกบางกึ่งโปร่งแสง…
พอนึกได้ว่า “ข้อดี” ที่หญิงสาวเอ่ยถึงด้วยสีหน้ามีลับลมคมในคือสิ่งนี้ ทุกคนพลันรู้สึกราวกับถูกหลอกลวงก็ไม่ปาน
ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!
“พวกเราพกไว้คนละหนึ่งฟองก็พอแล้ว ถ้าหากใช้แค่ชั่วคราว ไม่น่าถึงขั้นต้องกิน” หลิงม่อหยิบไข่แมงมุมขึ้นมาดม แล้วบอก
ไข่แมงมุมพวกนี้ตายไปแล้ว แต่กลับยังคงแผ่กลิ่นอายของเชื้อไวรัสฉุนๆ ออกมา ของแบบนี้หากกินมากไป ช้าเร็วต้องทำให้ร่างกายเกิดการกลายพันธุ์แน่นอน
“งั้นตอนนี้จะเอาไงกับเธอดี?” สวี่ซูหานเหลือบหญิงสาวแวบหนึ่ง แล้วถาม
“ทิ้งเธอไว้ที่นี่แล้วกัน กว่าเธอจะฟื้นก็ต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง” หลิงม่อครุ่นคิด แล้วบอก