แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1100 การเปรียบเทียบระหว่างคนกับอาหาร
พอได้ยินหลิงม่อบอกว่าเคยเจอ ทุกคนต่างผงะถอยหลังทันที
“พวกนายเป็นอะไร?” หลิงม่อมองซ้ายมองขวา แล้วถามอย่างสงสัย
“เอ่อ คือ…อะไรก็ตามที่พวกนายเคยเจอ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน มันยังมีชีวิตอยู่ ฉันว่าพวกเราถอยกันดีกว่า…” มู่เฉินตั้งท่าระวังตัวเต็มที่ แล้วตอบอย่างระแวดระวัง
“อื่มม…” หลิงม่อครุ่นคิดหนึ่งวินาที ไม่นานกลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ก็จริงของนาย”
ใครใช้ให้เขาอยู่ท่ามกลางการรวมกลุ่มที่ทั้งหลากหลายและประหลาดอย่างนี้กันล่ะ? ถ้าหากคนพวกนี้รู้ว่าข้างกายพวกเขาก็มีซอมบี้ระดับสูง สัตว์กลายพันธุ์และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อยู่ด้วย พวกเขาเองก็คงบรรลุธรรมได้อย่างเขา แน่นอนว่าอาจมีความเป็นไปได้อีกหนึ่งทาง แถมยังมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าอีกด้วย นั่นก็คือ—อึ้งค้างกันถ้วนหน้า
เอาเป็นว่าเมื่อทีมที่มีการรวมตัวกันอย่างนี้เดินอยู่บนถนน ปัญหามักวิ่งเข้าหาเสมอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าซอมบี้สาวเหล่านี้เป็นตัวชอบสร้างปัญหาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…
“แต่ทำไมฉันจำไม่เห็นได้เลยล่ะ?” ซย่าน่าขมวดคิ้ว เธอใช้เคียวดาบกดคอของ “คน” ผู้นี้ เพื่อตรึงร่างเขาไว้กับพื้น และหลังจากที่สูญเสียพละกำลัง “คน” ผู้นี้ก็ทำได้เพียงใช้สองมือตะเกียกตะกายอย่างอ่อนแรง
“เพราะว่าฉันไม่ได้กำลังพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกของมันไงล่ะ” หลิงม่อมองไปรอบๆ จนเห็นสายโซ่เส้นหนึ่ง จากนั้นก็กระตุกแขนข้างหนึ่งของมันขึ้นมา ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “แต่ฉันกำลังพูดถึงความรู้สึกที่ฉันสัมผัสได้จากตัวมัน”
“ความรู้สึก? หรือว่านายจะสปาร์คกับมันตอนสบตากัน?” อวี่เหวินซวนถาม
“ไอ้พี่เมีย นายอย่าให้มันมากไปนะ…” หลิงม่อพลันชักมีดสั้นออกมาดัง “ฉึบ” หลังจากมองหน้าอวี่เหวินซวนอย่างขยาดๆ ก็พลันยกแขนขึ้น และแทงลงไปที่แขนของ “คน” ผู้นี้ เกิดเป็นรอยแผลรอยหนึ่ง
เสี้ยววินาทีที่แผลปรากฏ “คน” ผู้นี้กลับดิ้นขัดขืนรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกันก็พยายามเงยหน้าสุดแรงเกิด แถมยังอ้าปากไปทางหลิงม่อ ทำท่าทางราวกับจะกลืนกินหลิงม่อลงไปทั้งเป็น
“เมื่อกี้ตอนที่แกซุ่มโจมตีพวกฉัน แกไม่ได้คิดไว้แล้วหรอกหรอว่าจะต้องเจอกับจุดจบแบบนี้?” หลิงม่อใช้ปลายมีดจิ้มเลือดเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นให้เฮยซือที่อยู่ข้างๆ “ใช้จมูกหมาของเธอดมดูหน่อยซิ”
“…ถึงแม้ว่าทุกคำที่นายพูดจะเป็นความจริง แต่ทำไมฉันฟังแล้วไม่รื่นหูเลยล่ะ?” เฮยซือบ่นงึมงำสองสามคำ ทว่าก็ยังยื่นหน้าเข้าไปอย่างว่าง่าย จากนั้นก็สูดดมหนึ่งที สองวินาทีผ่านไป เธอเอียงคออย่างสงสัย “มันไม่ได้กลายพันธุ์จริงๆ แต่เลือดของมันกลับประหลาดมาก ไม่ใช่เชื้อไวรัสบริสุทธิ์ แล้วก็ไม่ใช่พิษธรรมดา แต่เป็นบางสิ่งที่คล้ายถูกนำมาผสมกัน ถ้าหากว่าเริ่มแรกมันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ถ้าอย่างนั้นแม้ว่าจะกลายพันธุ์ไปทีขั้นตอน ร่างกายของมันก็ไม่น่าจะคงสภาพอย่างนี้ไว้ได้…”
“จะบอกว่าเจ้าหมอนี่ยังไม่น่ากลัวพออีกหรอ?” จางซินเฉิงได้ยินถึงกับปากอ้าตาค้าง
อวี๋ซือหรานกลอกตาขาวใส่เขา บอกว่า “นี่ถือว่าเบสิกที่สุดสำหรับการกลายพันธุ์แล้ว…”
“อีกอย่างเชื้อไวรัสในตัวมันยังมาจากแมงมุมยักษ์ตัวนั้นอีกด้วย พวกนายก็เห็นแล้วว่าแมงมุมยักษ์ตัวนั้นสภาพเป็นยังไง” เฮยซือพูดต่อ
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนพลันสูดหายใจด้วยความสยดสยองทันที และพอหันกลับมามอง “คน” ผู้นี้อีกครั้ง พวกเขากลับรู้สึกว่าเขามีสภาพปกติขึ้นมาในพริบตา…
“ถ้าอย่างนั้นปัญหาก็มาแล้วล่ะ…” หลิงม่อโยนสายโซ่ทิ้ง แล้วบอกว่า “เห็นได้ชัดว่าร่างกายของคนผู้นี้ได้รับเชื้อไวรัสแมงมุมและเชื้อไวรัสซอมบี้จำนวนมากผ่านวิธีการบางอย่าง แต่ร่างกายของมันกลับไม่ปรากฏร่องรอยการกลายพันธุ์มากเท่าที่ควร เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่สามารถทำให้มนุษย์คนหนึ่งกลายเป็นแมงมุมหัวคนในร่างกายของมันกันแน่?”
ทุกคนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงได้ยินเสียงเย่ไคเสนอขึ้นว่า “ผ่าร่างมันดูไหม?”
“…” คนที่เหลือต่างพากันหันไปมองหน้าเขาเงียบๆ ไม่รอให้ทุกคนพูดอะไร เขาโบกมือไปมา “ช่างเถอะ ถือว่าผมไม่ได้พูดแล้วกัน”
“ความจริงแล้วอาการเหล่านี้ของมัน ฉันก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ตอนที่เห็นดวงตาของมัน ฉันกลับรู้สึกคุ้นเคยมากอย่างน่าประหลาด ฉันมั่นใจได้เลยว่าฉันเคยเห็นอะไรที่คล้ายแบบนี้มาก่อน และเรื่องนี้ก็อาจเป็นเหตุผลที่ซอมบี้ตัวนั้นหมายหัวฉันก็ได้” หลิงม่อขมวดคิ้วครุ่นคิด แต่ก็ส่ายหัวอีกครั้ง “ตอนนี้ฉันก็คิดออกแค่นี้ นอกจากว่าจะรู้สถานการณ์ของเจ้าหมอนี่ชัดเจนกว่านี้ ไม่อย่างนั้นฉันคงนึกอะไรไม่ออก”
เขากระทั่งลุกขึ้นมา แล้วถามพวกเย่เลี่ยน “ถ้ายังไง เอาแบบนี้ไหม…พวกเธอคิดว่ามันกับฉันมีอะไรที่เหมือนกันไหม?”
“อืมม…” เหล่าซอมบี้สาวจดจ้องไปที่หลิงม่ออย่างพร้อมเพรียง จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนสายตาลงด้านล่าง…
“เอาล่ะ วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล พวกเราเดินเข้าไปข้างในกันต่อเถอะ เจ้าตัวนี้ไม่มีทางอยู่เพียงลำพังแน่นอน ไม่แน่ว่าที่แห่งนี้ อาจมีไว้เพื่อทรมานพวกมันก็ได้…” พูดจบ หลิงม่อก็ยกไฟฉายส่องไปข้างหน้า
“คน” ผู้นั้นยังคงขัดขืนอย่างสุดแรง ทว่าเมื่อเสียง “ฉึก” ดังขึ้น การเคลื่อนไหวของมันก็พลันชะงักหยุด ศีรษะค่อยๆ เอียงนอนลงไปอีกด้านช้าๆ ไม่นาน รอยแผลเส้นหนึ่งพลันปรากฏตรงลำคอของมัน ตามมาด้วยเลือดที่ไหลซึมออกมา…
“มันคืออะไรกันแน่…เมื่อกี้ตอนที่มันมองมา ความรู้สึกเหมือนตอนที่ซอมบี้ตัวนั้นรับรู้การมาถึงของพวกเราไม่มีผิด…” บนตัวหลิงม่อ มีอะไรที่ดึงดูดพวกมันอยู่กันแน่?
หลิงม่อตั้งใจใคร่ครวญอย่างจริงจัง…นอกจากถุงใส่ของไม่กี่ใบที่เขาพกติดตัว เขายังมีกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้ด้านหลังอีกหนึ่งใบ แต่นอกจากสิ่งของจำเป็นไม่กี่อย่าง เขาก็ไม่ได้พกอะไรอย่างอื่นติดตัวอีกเลยนี่นา…
“ไฟฉาย? กระดาษ? ก้อนเหนียวหนืด? อื่ม…ก้อนเหนียวหนืดถือเป็นเหตุผลที่ดี แต่เราก็ใช้แรปถนอมอาหารห่อไว้อย่างน้อยก็หลายชั้นแล้วนี่…ยิ่งไปกว่านั้นหากว่ามันสนใจก้อนเหนียวหนืดจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ควรหมายหัวพวกเย่เลี่ยนเป็นอันดับแรกไม่ใช่หรอ?” ซอมบี้ตัวนั้นไม่สนใจเผ่าพันธุ์เดียวกัน นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลิงม่อสงสัย…
สำหรับซอมบี้ที่ถือว่าเรื่องวิวัฒนาการเป็นหน้าที่อันพึงกระทำสูงสุด อะไรกันแน่ที่สำคัญกว่าเรื่องวิวัฒนาการ?
“ รุ่นพี่ พี่คิดว่า มีอะไรที่สำคัญกว่าของกินไหม? อย่างเช่น…” หลิงม่อเร่งเท้าสองก้าว ยื่นไปมือแตะไหล่หลี่ย่าหลิน และถามหลังจากรอเธอหันหน้ากลับมา
หลี่ย่าหลินมองหน้าหลิงม่อครู่หนึ่ง แล้วทำหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง ไม่นานเธอก็พูดออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ “นายไง…”
“นี่มัน…รุ่นพี่…” หลิงม่อหัวใจกระตุกไหว หรือว่ารุ่นพี่ฟื้นความเป็นมนุษย์กลับมาได้แล้ว?! หรือว่านอกจากความทรงจำ เธอได้อารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์กลับคืนมาแล้วงั้นหรอ?!
“เพราะว่านายทั้งกินได้ แถมยังเล่นด้วยได้” หลี่ย่าหลินพูดต่อด้วยสายตาแฝงความนัย ขณะเดียวกันก็ยื่นมือมาหยิกหลิงม่อเบาๆ พร้อมกับทิ้งสายตายั่วยวนไว้ให้อย่างไม่คิดปิดบัง…
ซอมบี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองตามคาด…
“กรี๊ดด!”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องหนึ่งพลันดังมาจากข้างหน้า แต่คราวนี้เป็นเสียงของสวี่ซูหาน เธอถูกซุ่มโจมตีเหมือนกัน แต่นอกจากหลบหลีกอย่างว่องไว ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของเธอยังสั่งให้เธอกรี๊ดลั่นอีกด้วย
เย่เลี่ยนพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นมือออกไปคว้าคอของ “คน” ผู้นั้นอย่างแม่นยำ จากนั้นก็จัดการหักคอดัง “กร๊อบ” ในพริบตาเดียว
เมื่อศพไร้วิญญาณห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ ในความมืดมิดเบื้องหน้าก็มีเสียงแหลมๆ ของสายโซ่ที่เคลื่อนกระทบกันดังขึ้น ใต้ดินที่เป็นสภาพแวดล้อมแบบปิดแถมยังบรรยากาศวังเวงอย่างนี้ เสียงนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวมากขึ้น…
“พวกนายว่าที่นี่มี ‘คน’ แบบนี้อยู่กี่คนกันแน่?” อวี่เหวินซวนเงยหน้ามองข้างบน แล้วถาม
ซย่าน่าหันกลับมาให้คำตอบเขา “ต้องมากกว่าสิบแน่นอน” เธอสูดดมกลิ่น พลันส่ายหน้าอีกครั้ง บอกว่า “อื่ม ไม่ใช่แค่สิบแล้วล่ะ…”
เวลานี้ สวี่ซูหานเดินเข้าไปตรงหน้าศพอย่างขวัญหนีดีฝ่อ เธอจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็ร้องตกใจขึ้น “หลิงม่อ นายมาดูนี่เร็ว!”
พอได้ยินเสียงเรียก หลิงม่อรีบก้าวเข้าไป ทว่าหลังจากมองแวบหนึ่ง เขาก็อึ้งไปด้วย “เจ้าหมอนี่…” ทำไมแตกต่างจากเมื่อกี้ล่ะ…เจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ต่างจากตัวก่อนหน้านี้มากนัก แต่สิ่งที่ไม่เหมือนอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ดวงตาของมัน ดวงตาของมันกลับเป็นสีแดง…
เจ้าตัวนี้เป็นซอมบี้!
“เดี๋ยวก่อน…อย่างนั้นก็หมายความว่า…”
หลิงม่อพลันได้สติ รีบดึงมีดออกมากรีดร่างศพหนึ่งรอย ส่วนเฮยซือก็ไม่รอให้เขาเปิดปาก รีบก้าวเข้ามาดมกลิ่น จากนั้นก็พยักหน้าบอกว่า “ไม่ผิดแน่ ในเลือดของมันมีส่วนผสมอย่างนั้นอยู่ด้วย อีกอย่างสัดส่วนไม่ต่างจากตัวเมื่อกี้มากนัก และถ้าดูจากความเข้มข้น เดาว่าเจ้าตัวนี้เป็นซอมบี้ตั้งแต่แรกแล้ว แถมยังเป็นซอมบี้ที่ระดับไม่ถือว่าต่ำซะด้วย ฉันเดาว่า น่าจะอยู่ในช่วงท้ายสุดของซอมบี้กลายพันธุ์แล้วล่ะ”
“เป็นซอมบี้มาแต่แรกแล้ว…” หลิงม่อวางมีดลง สายตาค่อยๆ เลื่อนไปที่รอยแผลเส้นนั้น ถึงแม้ซอมบี้ตัวนี้ตายไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสกลับยังคงมีชีวิตอยู่ เวลานี้เลือดที่อยู่ในแผล ค่อยๆ เริ่มแข็งตัวแล้ว…
“เป็นอย่างนั้นจริงๆ ความสามารถในการสมานแผลแบบนี้ เป็นสัญลักษณ์ของซอมบี้ระดับสูง…” หลิงม่อพยักหน้า
“ใช่ แบบนี้ถึงจะกักเก็บสารอาหารไว้ได้…” อวี๋ซือหรานแลบลิ้นเลียปาก แล้วบอก
“อย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจังได้ไหม…ข้างๆ เธอยังมีมนุษย์ยืนอยู่ด้วยนะ” หลิงม่อถลึงตาใส่เธอหนึ่งที จากนั้นก็หันไปมองซอมบี้ตัวนั้น “เทียบกับ ‘คน’ เมื่อกี้…ซอมบี้ตัวนี้ยังมีอะไรที่เหมือนกันอีกไหม? พวกมันล้วนถูมัดแขวนไว้ที่นี่ จะต้องมีเหตุผลที่คล้ายกันแน่…”
“เรื่องนี้…พวกมันล้วนถูกมัดแขวนไว้ด้วยโซ่เหล็กในสภาพเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยในที่มืดๆ แบบนี้ จากนั้นก็ร้องเสียงประหลาดทั้งวัน? บางแห่งในความทรงจำของฉันเหมือนจะมีภาพอย่างนี้ถูกเก็บไว้อยู่นะ…” ซย่าน่าบีบคาง
“ถ้าพวกเราออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ ฉันคงต้องเข้าไปสำรวจโลกแห่งดวงจิตของเธอหน่อยแล้วล่ะ…” หลิงม่อบอก
“เอาเถอะ เข้าเรื่องได้แล้ว…ในร่างกายของพวกมันมีพิษและเชื้อไวรัสผสมกันอยู่ นั่นหมายความว่า พวกมันเป็นผลผลิตจากซอมบี้ตัวนั้นกับแมงมุมยักษ์ใช่หรือเปล่า?” ซย่าน่าคาดเดา
“แล้วเราจะอธิบายเรื่องที่ซอมบี้ตัวนั้นกินแมงมุมยังไงล่ะ? เรื่องนี้ผู้หญิงคนนั้นไม่น่าจะโกหกพวกเรา” หลี่ย่าหลินพูดขึ้น
“จะเป็นไปได้ไหม…” เย่เลี่ยนเงยหน้ามองพวกเขา แล้วเปิดปากพูดด้วยท่าทีเหนียมๆ เล็กน้อย “ว่าพวกมันเป็นลูกของสองตัวนั้น…”