แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1104 พ่อแกก็ช่วยแกไม่ได้
ทว่า ถึงแม้หลิงม่อจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายใช้วิธีไหน แต่จะให้ตามหามันจากศพมากมายขนาดนี้ กลับไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก อันดับแรก มันสามารถวางแผนซุ่มโจมตีหลิงม่อใต้เปลือกตาเขา กระทั่งเกือบทำสำเร็จ เท่านี้ก็บ่งบอกชัดเจนแล้ว ว่าอย่างน้อยด้านการอำพรางตัว มันจะต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน…
อีกทั้งในเวลาอย่างนี้ ยิ่งคนเยอะปัญหาก็ยิ่งวุ่นวาย กอปรกับในทีมคนที่สามารถเคลื่อนไหวกลางอากาศได้อย่างต่อเนื่อง มีเพียงหลิงม่อคนเดียว ดังนั้นตอนที่พวกซย่าน่าตะโกนถามสถานการณ์ข้างบน เขาจึงเลือกที่จะปิดบังไว้ก่อน ที่สำคัญกว่านั้นคือ ในเสี้ยววินาทีเมื่อกี้ หลิงม่อสัมผัสรู้ได้อีกครั้งแล้ว…
ซอมบี้ตัวนั้น มันกำลัง “จ้อง” เขา…
“อื่ม…ดูท่าพวกเราคงต้องทำเวลาซะแล้ว…” เห็นชัดว่า ซอมบี้ตัวนั้นรู้แล้วว่าพวกเขาคิดจะโจมตีลับหลัง ก่อนที่พวกเขาจะเจอผลงานชิ้นสำเร็จ มันจะต้องหาทางตามมาที่นี่แน่นอน…
“เฮยซือ เจ้านั่นติดเบ็ดแล้ว แต่ฉันเดาว่าเรี่ยวแรงของมันค่อนข้างมาก ระวังตัวหน่อย อย่าถูกมันกระโดดกัดเข้าล่ะ” หลิงม่อรีบใช้สายสัมพันธ์ทางจิต ส่งข้อมูลให้เฮยซือ
ผ่านไปหนึ่งวินาที เสียงของเฮยซือดังขึ้นในสมองของเขา เพียงแต่ยัยหมาตัวนี้ทันทีที่อ้าปาก ก็ทำเอาหลิงม่อพูดไม่ออกเลยทีเดียว “ช่วยพูดภาษาคนหน่อยได้ไหม?”
“…” หลังนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หลิงม่อก็สูดลมหายใจลึก “แกเป็นแค่หมาตัวหนึ่ง…”
“โทษที อยู่ๆ ฉันก็ฟังรู้เรื่องแล้วล่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ เสี่ยวป๋ายจะจับตาดูอยู่ข้างนอกเอง ทันทีที่เกิดอะไรขึ้น ฉันกับซือหรานจะลงมือเอง…” เฮยซือรีบตอบ
“ดีมาก” หลิงม่อ “ตัดสาย” จากนั้นก็มองไปยังศพที่ห้อยต่องแต่งอยู่รอบๆ “เอาล่ะ แกอย่าหวังว่าพ่อแกจะมาช่วย ถึงแม้ว่าพ่อแกจะเป็นซอมบี้ก็เปล่าประโยชน์…ออกมาเถอะ เจ้าเด็กหมี!”
เขาพึมพำเสียงเบา ขณะเดียวกันก็กำหมัดจนข้อนิ้วดังกร๊อบ กระทั่งยังบิดคอไปมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเย็นชา
แต่ในเสี้ยววินาทีที่เขาเงยหน้า ลมแรงสายหนึ่งพลันพุ่งเข้ามาด้านหลังเขา
“อ้าวเฮ้ย ออกมาเลยจริงๆ หรอ!”
หลิงม่ออึ้ง แต่ไม่นาน รอยยิ้มหยันพลันปรากฏที่มุมปากของเขา “ไม่คิดเลย ว่าแกจะโกรธง่ายขนาดนี้…”
ท่าบิดคอของเขากลายเป็นต้องเบี่ยงหลบไปด้านข้างกะทันหัน และร่างกายของเขาก็ลอยออกไปในแนวขวางประมาณครึ่งเมตรอย่างน่าประหลาด เสี้ยววินาทีที่เงาเส้นนั้นเฉียดผ่านร่างเขาไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง หลิงม่อหมุนกาย ยกมือคว้าออกไปยังอากาศด้านหน้าทันที
ขณะเดียวกัน หนวดสัมผัสหลายสิบเส้นพุ่งพรวดออกไปในรูปใบพัดโดยมีหลิงม่อเป็นจุดศูนย์กลาง
“กะอยู่แล้วว่าแกต้องเอาศพมาบังหน้า แต่สิ่งที่หลบอยู่ด้านหลังศพ จะต้องเป็นแกแน่นอน!”
หลิงม่อจงใจเผยช่องโหว่ให้มันเห็น แต่ในเมื่อรู้ว่ามีบางสิ่งจ้องฉวยจังหวะเล่นงานตัวเองอยู่ เขาจะไม่เตรียมตัวเลยได้อย่างไร? การซุ่มโจมตีครั้งนี้ของอีกฝ่าย กลายเป็นโอกาสดีให้เขาได้โจมตีอีกฝ่ายกลับ…
หนวดสัมผัสพุ่งทะยานผ่านศพที่แขวนเรียงรายในชั่วพริบตา แต่ศพเหล่านั้นยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง บาดแผลที่ทิ้งไว้ก็ไม่มีร่องรอยของเลือดไหล แต่ในเสี้ยววินาทีที่หนวดสัมผัสกวาดผ่านเป็นรูปใบพัด หลิงม่อกลับเหลือบเห็นหยดเลือดสองสามหยดกระเซ็นกลางอากาศ
เขารีบหันไปมองทางนั้น จึงเห็นเงาร่างหนึ่งแวบหายไปพอดี
“คิดหนี?”
หลิงม่อรีบเหวี่ยงตัวเองไปข้างหน้า เร่งความเร็วไล่ตามไป ไม่นาน เขาก็ตามเงาเส้นนั้นมาจนถึงมุมหนึ่ง
ศพที่อยู่ตรงนี้เห็นชัดว่าถูกแขวนมานานมากแล้ว บนร่างไม่เพียงมีใยแมงมุม กระทั่งมีฝุ่นเกาะติดอยู่อีกหนึ่งชั้น นั่นทำให้พวกเธอดูเหมือนหุ่นเสื้อผ้าในตู้โชว์ที่ถูกทิ้งมากกว่าเหมือนศพ…ทว่าถึงแม้เป็นแบบนี้ก็ไม่ได้ลดความน่ากลัวของพวกเธอลงแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ช่องว่างระหว่างศพเองก็มีหยากไย่ห้อยเต็มไปหมด หลิงม่อใช้หนวดสัมผัสปัดพวกมันให้พ้นทาง พลางค่อยๆ เข้าใกล้เพื่อสังเกตศพเหล่านี้อย่างละเอียดไปด้วย
ท่ามกลางศพเหล่านี้ มีศพหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่…และท่ามกลางพวกเธอ ก็มีเพียงมันตัวเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ…
“เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เท่ากับแกถูกฉันสลักเครื่องหมายติดตัวแล้ว…” หลิงม่อไม่ได้หวังว่าจะสามารถกำราบมันได้ในครั้งเดียวอยู่แล้ว ทว่าขอเพียงอีกฝ่ายเผยร่องรอยในเงามืด อย่างนั้นปัญหาที่เหลือก็ง่ายดายขึ้นมาก
แต่จนกระทั่งหลิงม่อเดินลึกเข้าไปประมาณ 3 – 4 เมตร เขาก็ยังคงไม่พบอะไร ทว่าในเสี้ยววินาทีที่เขาหันหน้าไปอีกทาง ศพที่ปรากฏในคลองสายตาเขาพอดีพลันเบิกตาโพลง
หลิงม่อหัวใจสะท้านวาบ แต่สมองกลับสั่งการออกไปอย่างรวดเร็วก่อนแล้ว หนวดสัมผัสพุ่งพรวดออกไป ทิ้งรูแผลไว้กลางหว่างคิ้วของศพนั้นในพริบตา ทว่าพอเห็นรูแผล หลิงม่อกลับค้นพบทันทีว่านั่นเป็นศพจริงๆ…
“เจ้าผลงานสำเร็จล่ะ!”
หลิงม่อกวาดมองไปรอบด้าน แต่กลับไม่พบอะไรผิดปกติ ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่า ท่ามกลางหยากไย่ที่ถูกเขาปัดออก เหมือนมีบางอย่างที่ต่างออกไป…เขาจ้องมองอย่างละเอียด แล้วก็ค้นพบปัญหาตามคาด
ในหยากไย่พวกนั้น มีเส้นใยบางๆ ที่เขาเพิ่งค้นพบเมื่อกี้ ซึ่งเป็นเส้นใยที่ “เจ้าผลงานสำเร็จ” ใช้ควบคุมศพนั่น…
“ก็หมายความว่า…” หลิงม่อมองไปที่ศพอื่น พลางลอบคิดในใจ “ถ้าฉันสัมผัสถูกเส้นใยนี้ ก็จะทำให้ศพเกิดปฏิกิริยาผิดปกติขึ้นสินะ? หึ…ฉลาดอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย…”
ภายใต้สถานการณ์ที่หลิงม่อไม่รู้ว่าศพนั้นถูกเจ้าผลงานสำเร็จจัดฉากไว้ วิธีการสร้างความสับสนเช่นนี้มีประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอดอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากทำให้หลิงม่อต้องผลาญพลังจิต และถูกบังคับให้ไขว้เขว ยังทำให้เจ้าผลงานสำเร็จสามารถอำพรางตัวได้อีกครั้ง เดิมทีบาดแผลของมันคือจุดอ่อนที่เด่นชัดที่สุด แต่ถ้าหากหลิงม่อไม่อาจเข้าใกล้ศพได้ตามอำเภอใจ มันก็สามารถปกป้องจุดอ่อนนี้ไว้ได้ชั่วคราว…
ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว!
ซอมบี้ตัวหนึ่งกลับสามารถคิดวิธีนี้ขึ้นมาได้ในเสี้ยววินาที เท่านี้ก็ยืนยันระดับวิวัฒนาการของมันได้อย่างชัดเจนแล้ว เรื่องพ่นใยยังไม่พูดถึง แต่อย่างน้อยวิวัฒนาการด้านการฟื้นฟูสติปัญญา มันต้องเป็นระดับสูงแน่นอน
“แต่ว่าเพราะอะไรกันแน่ซอมบี้นั่นถึงได้สร้างเจ้าตัวนี้ขึ้นมา?” หลิงม่อครุ่นคิด พลางหาวิธีรับมือ เวลาไม่คอยใคร เขาไม่อาจตกเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้ต่อไป…
“ที่นี่มีศพอยู่ประมาณยี่สิบกว่าศพ มีเพียงหนึ่งในศพเหล่านี้ที่ยังมีชีวิตอยู่…ถ้าหากอิงจากอันตราที่ต่ำที่สุด เราอาจต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่ประมาณสองนาที ยังไม่รวมเวลาที่เราอาจไปสัมผัสเส้นใยทำให้กับดักต่างๆ ทำงาน รวมถึงการซุ่มโจมตีจากมันอีก…ในเมื่อจะซ้ายหรือขวาล้วนต้องสู้…”
หลิงม่อกระดกคิ้ว ทันใดนั้นก็ขยับมือ แต่การขยับมือครั้งนี้ของเขา กลับเริ่มมีกลิ่นอายบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว…
หนวดสัมผัสนับร้อยพุ่งออกไปรอบทิศโดยมีหลิงม่อเป็นใจกลาง แทบจะในชั่วพริบตา ศพที่อยู่รอบตัวเขาล้วนถูกโจมตีจนพุ่งออกไป ศพที่พุ่งเข้ามาทางเขาหลังจากเส้นใยถูกกระตุกไปด้วย ก็ถูกหนวดสัมผัสกระชากลงไปบนพื้น
“หนวดสัมผัสไม่ได้ใช้ยิงได้อย่างเดียว ใช้เป็นแส้ฟาดก็ไม่เลวเหมือนกัน…” ใบหน้าของหลิงม่อแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวในพริบตา แต่ไม่นานก็กลับเป็นปกติ ตรงกันข้าม เสี่ยวเฮยที่อยู่ด้านล่างกลับเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง ร่างกายท่อนล่างของมันที่เดิมก็ราวกับไอหมอกของมัน เวลานี้กลายสภาพเป็นโปร่งแสงไปแล้ว…
มีหุ่นดวงจิตที่สามารถแชร์พลังจิตกันอยู่อย่างนี้ หลิงม่อก็เหมือนมีแบตเตอร์รี่สำรองติดตัวตลอดเวลา วิธีใช้ความสามารถพิเศษด้านพลังจิตที่ต้องเผาผลาญพลังจิตมหาศาลอย่างนี้ หลิงม่อสามารถทำได้โดยไม่ต้องพะวงเลยแม้แต้น้อย
ขณะเดียวกับที่ศพพวกนี้ถูกโจมตีจนพุ่งออกไป สายตาของหลิงม่อก็กวาดมองอย่างรวดเร็ว…
“เจอแล้ว!”
ศพร่างหนึ่งในขณะที่ถูกโจมตี พลันทรงตัวยืนตรงโดยสัญชาตญาณ มันมองหลิงม่อแวบหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
“ฮึ ยังคิดหนีอีก?”
หลิงม่อเตรียมตัวแต่แรกแล้ว ในเสี้ยววินาทีที่เจอตัวอีกฝ่าย หนวดสัมผัสที่ทะยานออกไปเหล่านั้นพลันพุ่งรวมตัวกัน ราวกับอุ้งมือสีแดงขนาดมหึมา และพุ่งตะปบไปที่ “เจ้าผลงานสำเร็จ” ตัวนั้นทันใด
ถึงแม้ “เจ้าผลงานสำเร็จ” ว่องไวมาก แต่เทียบกับการตอบสนองทางจิตของหลิงม่อเห็นชัดว่ายังด้อยกว่าหนึ่งขั้น เมื่อเห็นว่ามันกำลังพุ่งเข้าไปปะปนอยู่ในกลุ่มศพอีกครั้ง พลังงานที่มองไม่เห็นกลุ่มหนึ่งพลันปกคลุมลงมาเหนือศีรษะ จากนั้น มันก็รู้สึกราวกับว่าอากาศรอบข้างราวกับชะงักงันไปชั่วขณะ…
“ฮึบ…ฮึกก…”
“เจ้าผลงานสำเร็จ” ไม่พูดอะไร เพียงแต่พยายามดิ้นรน แต่ขณะที่หลิงม่อหมายจะใช้หนวดสัมผัสเจาะทะลุร่างของมันให้พรุนเป็นรังผึ้งในอึดใจเดียว กลับต้องชะงักไปทันที
“เจ้าผลงานสำเร็จ” ตัวนี้ กำลังกระชากหนวดสัมผัสเหล่านั้นที่โอบรัดร่างมันไว้…ที่สำคัญคือ ระหว่างที่มันกระชาก หลิงม่อยังรู้สึกเหมือนในสมองมีบางอย่างถูกกระชากจริงๆ ไปด้วย…และภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เขาไม่มีทางรู้สึกแบบนี้ไปเองแบบไม่มีสาเหตุแน่นอน
ดังนั้นคำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว… “เจ้าผลงานสำเร็จ” ตัวนี้ มันไม่เพียงมองเห็นพลังงานทางจิตได้ แต่ยังสามารถสัมผัสได้ด้วย!
“เจ้านี่…” หลิงม่อม่านตาหดตัว สามารถมองเห็นหนวดสัมผัสของเขาได้ แค่นี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถึงขั้นจับต้องได้…พลังงานต้องหักล้างด้วยพลังงานเท่านั้น ทว่าผู้ที่สามารถใช้มือจับต้องพลังงานได้โดยตรง หลิงม่อเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก…
“ถึงแม้หนวดสัมผัสเหล่านี้จะกลายเป็นรูปสสารแล้ว…แต่ก็ไม่ได้กลายเป็นวัตถุที่จับต้องได้จริงๆ…เดี๋ยวก่อน…” สายตาหลิงม่อพลันเปลี่ยน เขาเห็นแล้ว…
เห็นชัดว่า “เจ้าผลงานสำเร็จ” ไม่รู้วิธีใช้พลังงานทางจิต แต่ดวงแสงแห่งจิตของมัน กลับแข็งแกร่งว่าผู้มีพลังจิตทั่วไปเสียอีก! ที่สำคัญคือ พลังงานงานเหล่านั้นไหลล้นออกมาจากดวงจิตของมัน จากนั้นก็ห่อหุ้มไปด้วยกายของมันราวกับใยแมงมุม…หากไม่ใช่ว่าใช้หนวดสัมผัสจับมันไว้ได้ หลิงม่อคงไม่สังเกตเห็นจุดนี้…
ไม่น่าล่ะ…เมื่อกี้ตอนจับมันเราใช้พลังจิตก่อกวนไปด้วย ปรากฏว่ามันไม่เพียงไม่มึน แต่กลับยิ่งขัดขืนรุนแรงกว่าเดิม…นี่ถ้าถูกมันจับได้ แม้จะถูกอัดมั่วๆ เพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายมึนจนถึงตายได้เลยนะเนี่ย…” หลิงม่อตระหนักรู้ทันที ถึงแม้ “เจ้าผลงานสำเร็จ” จะเจ้าเล่ห์ แต่กลับไม่รู้วิธีใช้ประโยชน์ข้อดีของตัวเอง และดูจากพฤติกรรมที่มันอยู่บนเพดานตลอดเวลา เดาว่ามันคงไม่เคยออกไปจากที่นี่ และนอกจากแมงมุมยักษ์และซอมบี้ตัวนั้น มันก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่สามเลย…
เพียงแต่เกรงว่ามันกับซอมบี้ตัวนั้นคงไม่เคยคาดฝัน ว่าทันทีที่บุคคลที่สามปรากฏ ก็จะมองมันด้วยสายตาเป็นประกายทันที…
นี่มันพลังจิตจำนวนมหาศาลเชียวนะ…