แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1111 ใยแมงมุมเลือด
ขณะที่ “จิตใต้สำนึก” ช่างจ้อยังคงพูดไม่หยุด หลิงม่อกลับฉวยโอกาสควบคุมหุ่นดวงจิตเสี่ยวเฮยใหเข้าไปในหอพักหลังนี้ ทันทีที่ก้าวเข้าไปในทางเดิน หลิงม่อก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ผิดปกติอย่างว่องไว ทว่าราวกับหลังจากที่อีกฝ่ายจ้องหลิงม่อท่ามกลางความมืดด้วยสายตากระหายหิว ก็ถอยหลังหายเข้าไปในความมืดอีกครั้งอย่างช้าๆ…
แต่ความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อนั้นชัดเจนมาก “คนของแกอยู่ที่นี่ ถ้ากล้าพอ ก็เข้ามาสิ…”
“จุ๊ๆ อดใจรอไม่ไหวแล้วสิ เป็นซอมบี้แต่กลับเล่นเกมเฝ้าตอรอกระต่ายอย่างนี้ ช่างผิดกับธรรมชาติของซอมบี้จริงๆ…” หลิงม่อเพิ่งเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก แต่หลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่แถวๆ นี้ เขากลับโล่งอก ดูเหมือนว่าการคาดเดาทั้งหมดของเขาล้วนไม่ผิด เห็นชัดว่า ซอมบี้ร่างแม่ต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้ตัวเขา ดังนั้นก่อนที่เขาจะถูกจับ พวกกู่ซวงซวงย่อมปลอดภัย
นอกจากนี้ ท่าทีรอบคอบระมัดระวังของซอมบี้ร่างแม่ตัวนี้ ก็เป็นสิ่งที่หลิงม่อต้องการเช่นกัน…ความจริงสิ่งที่เขากลัวที่สุด คือซอมบี้ตัวนี้พุ่งออกมาสู้กับพวกเขาซึ่งๆ หน้า แต่ดูจากตอนนี้ กลยุทธ์ที่ส่งพวกซย่าน่าล่วงหน้าไปก่อน ใช้ได้ผลตามคาด เพราะความหวาดกลัวที่มีต่อซอมบี้ระดับสูงสามตัว ซอมบี้ร่างแม่จอมวางแผนตัวนั้นจึงเลือกใช้กลยุทธ์ซ่อนความสามารถเพื่อล่อลวงศัตรู และการที่มันทำอย่างนี้ ก็ทำให้หลิงม่อมีเวลาอันมีค่าเพิ่มขึ้น…
“เอาล่ะ แกก็ซ่อนตัวไปช้าๆ แล้วกัน ฉันขอสำรวจบ้านแกให้ทั่วก่อน…” หลิงม่อล่องลอยไปข้างหน้าอย่างแช่มช้า ขณะเดียวกันหนวดสัมผัสทางจิตหลายเส้นก็แผ่ออกไปรอบทิศ…ดูจากมุมมองสายตาของซย่าน่า เสี่ยวเฮยในตอนนี้เหมือนเงาดำขนาดใหญ่ที่มีหนวดมากมายงอกออกมาจากตัว…
“ฉันบอกว่าแล้วไงว่าฉันเป็นพวกถ้ำมองแล้วก็เป็นตัวแทนด้านมืดของ ‘ฉัน’ ยังจำอสุรกายที่ซย่าน่าเคยพูดถึงไหม? ที่มันชอบอยู่ในหนังกอบกู้โลกหลายเรื่อง…”
“หุบปาก!”
“นี่ๆ ฉันหมายถึงปลาหมึกยักษ์ นายคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย…แถมนายยังนึกภาพขึ้นมาในสมองอย่างไม่รู้ตัวอีก เหลือเชื่อจริงๆ นะนายเนี่ย…แต่ก็ยังอุตส่าห์จำได้แม่นขนาดนี้เชียว…”
“เหลวไหล! ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตัวฉันอยากพูดอะไร? นายจะมาทำเจ้าเล่ห์ต่อหน้าตัวนายเองทำไม! อีกอย่างภาพพวกนี้นายก็เป็นคนจำเหมือนกันนั่นแหละ!”
หลังตวาดลั่น หลิงม่อพลันตระหนักได้และนึกหน่ายใจ นี่เขาทะเลาะกับตัวเองอีกแล้วหรอ…ดูท่าเรื่องวิวัฒนาการปุ่มเปิดปิด คงเป็นเรื่องด่วนซะแล้ว…
“ความจริงฉันสงสัยมาตลอดเลย ทำไมถึงได้มีคนที่ขัดแย้งกับตัวเองอยู่ด้วย…”
“……”
“ฉันรู้ว่านายกำลังด่าฉันในใจ…”
“……”
“เอาเถอะ ฉันไม่กวนประสาทนายแล้ว แต่ว่าจำไว้นะ นายเป็นคนปลุกฉันขึ้นมา ดังนั้นอย่าด่าฉันอีกเลย…คำด่าผุดขึ้นในสมองนายเต็มไปหมดแล้ว…”
“ฮู่ว…” หลิงม่ออดถอนหายใจไม่ได้ “ใจเย็น ต้องใจเย็น…ถือว่าเรื่องบ้าๆ นี่เป็นการทดสอบอย่างหนึ่งแล้วกัน…คิดอีกที นี่ไม่ใช่ที่เขาว่ากันว่าตั้งใจทำอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไปหรอ? ฉันต้องผ่านมันไปได้แน่! ตอนนี้ขอแค่ไม่คิดเรื่องนี้ แล้วหันไปเพ่งสมาธิกับเรื่องสำคัญ…”
เวลานี้ เขาเคลื่อนไหวไปตามทางเดินได้ระยะหนึ่งแล้ว และก็สำรวจสภาพแวดล้อมที่นี่อย่างชัดเจนแล้วเช่นกัน ในทางเดินว่างเปล่าไร้เงาคน อีกทั้งรอบด้านเต็มไปด้วยใยแมงมุมมากมาย ขณะเดียวกันบนพื้นยังมีเกราะแข็งๆ ชั้นหนึ่งเคลือบไว้อีกหนึ่งชั้น หลิงม่อก้มหน้าสังเกตดูครู่หนึ่ง พบว่าเหล่านี้เป็นวัตถุแข็งใสที่เกิดจากการแข็งตัวของของเหลวชนิดหนึ่ง ซึ่งนี่ทำให้หลิงม่อนึกถึงภาพที่แมงมุมหัวคนตัวนั้นผลิตไข่ต่อหน้าพวกเขาขึ้นมาทันที…
“เชี่ย นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นขั้นตอนการคลอดกับตาตัวเอง…” หลิงม่อขนลุก พยายามสะบัดหัวไปมา ทว่าไม่นานก็อึ้งไปครู่หนึ่ง “เดี๋ยวก่อน…จิตใต้สำนึกเหมือนจะพูดถูก…ตอนนี้ไม่ว่าฉันจะคิดอะไร ในสมองล้วนมีภาพที่เกี่ยวข้องผุดขึ้นมา…ถึงแม้ร่างกายไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ภาพในความทรงจำก็ถือได้ว่าชัดเจน…”
“เอ่อ…หรือว่านั่นจะไม่ใช่แค่ผลข้างเคียง? ถ้าอย่างนั้น วิวัฒนาการเมื่อกี้ นอกจากทำให้เสี่ยวเฮยมีโล่เพลิงโลกันตร์แล้ว ยังทำให้ฉันมีความสามารถในการจำที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม รวมถึงเสียงน่ารำคาญจากจิตใต้สำนึกด้วยงั้นหรอ…พอคิดแบบนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันแน่…” หลิงม่อคิดอย่างปวดหัว
ทว่าการฉายซ้ำภาพความทรงจำช่วยหลิงม่อได้จริงๆ…เขาได้คำตอบในเสี้ยววินาที วัตถุแข็งตัวเหล่านี้ เป็นของเหลวที่ไหลออกมาจากไข่แมงมุมหลังจากที่แมงมุมหัวคนตัวนั้นผลิตไข่ออกมา…ถ้าหากไม่ได้นึกภาพย้อน เกรงว่าหลิงม่อคงไม่อาจมั่นใจได้ขนาดนี้…
“ถ้าอย่างนั้น…ที่นี่คือ…ห้องผลิตของแมงมุมหัวคนตัวนั้น?!”
หลิงม่อนึกถึงสถานที่รวมตัวของแมงมุมที่หญิงสาวคนนั้นเคยพูดถึงขึ้นมาทันที…ดูจากวัตถุแข็งใสพวกนี้ สถานที่ที่เธอกล่าวถึง คงเป็นที่นี่แน่ และสาเหตุที่เธอเลือกจะกล่าวถึงสถานที่แห่งนี้ให้พวกเขาฟัง จากนั้นก็ล่อพวกเขามาที่นี่อีก เห็นชัดว่าเป็นเพราะต้องการสร้างแรงกดดันมหาศาลให้พวกเขาก่อน…
“ทำได้ดีมากจริงๆ…ซอมบี้ตัวหนึ่งกลับร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้…” หลิงม่อเองก็หวาดกลัวซอมบี้ร่างแม่ตัวนี้มากเช่นกัน แต่เมื่อไปถึงบันไดของชั้นสอง วัตุแข็งใสบนพื้นกลับหนาขึ้นเกือบครึ่งนิ้วเลยทีเดียว…
“ที่แท้หลังจากที่เจ้าหมอนั่นกลายเป็นแมงมุม ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากวางไข่สินะ! แต่นี่มันก็คลอดเก่งเกินไปแล้ว!” หลังจากมองดูภาพบนขั้นบันได หลิงม่อก็อดคิดไม่ได้
นอกจากใยแมงมุมรุงรังแล้ว บันไดเส้นนี้ยังดูเหมือนทางลาดชันที่ถูกปกคลุมไปด้วยของเหลวหนืด และตรงผนังกับเพดาน ยังมีเปลือกไข่แมงมุมเปล่าๆ ให้เห็นอยู่มากมาย สิ่งเหล่านั้นติดกันเป็นพวงอยู่บนนั้น มองนานๆ เข้าก็ให้รู้สึกขนลุก ที่แย่ที่สดุคือ ของเหลวตรงจุดนี้ยังไม่แข็งตัวกันเป็นก้อนทั้งหมด…
หลิงม่อใช้หนวดสัมผัสแตะเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้ว ขณะเดียวกันก็เงยหน้ามองข้างบน “ข้างบนคงไม่ได้เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดหรอนะ?”
หากอยากรู้คำตอบ มีเพียงวิธีเดียวคือต้องขึ้นไปดูให้เห็นกับตา…โชคดีที่ตอนนี้สิ่งที่มาที่นี่เป็นเพียงร่างดวงจิตของหลิงม่อ ดังนั้นหลังจากพยายามข่มความขยะแขยงในใจแล้ว หลิงม่อก็ตัดสินใจมุ่งหน้าขึ้นไป
ทว่าเขาสัมผัสได้รางๆ ขณะที่เดินผ่านใยแมงมุมพวกนั้น ร่างดวงจิตที่เดิมทีควรไร้ความรู้สึกใดๆ กลับสัมผัสได้ถึงแรงต้านทานเล็กน้อย…แต่พอเขาหันกลับไปเพื่อลองสัมผัสอย่างละเอียดอีกครั้ง กลับไม่รู้สึกอะไร…
“เดี๋ยวก่อน…ใยแมงมุมพวกนี้จะต้องมีปัญหาแน่ๆ…”
หลิงม่อเงยหน้ามองใยแมงมุมข้างบนที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง พลางชะงักเท้า
……
เขารู้สึกได้เลือนราง ว่าอีกฝ่ายคล้ายเตรียมกับดักไว้รอเขา ถ้าหากไม่ระวังตัว เขาอาจติดกับดักโดยไม่รู้ตัวก็ได้…ไม่แน่ว่า ตั้งแต่ที่เดินเข้ามา เขาอาจยื่นเท้าเข้าไปข้างหนึ่งแล้ว…