แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1115 ฉากลวงตา
สิ่งที่มีปัญหาก็คือ กู่ซวงซวง!
เมื่อกี้ระหว่างที่สนทนากับกู่ซวงซวง หลิงม่อใช้การเชื่อมต่อทางจิตตลอด…แต่ที่น่าแปลกก็คือ ตั้งแต่ต้นจนจบ กู่ซวงซวงกลับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี…เธอทั้งไม่เคยพยายามอ้าปากพูดออกมาตรงๆ และไม่เคยตั้งคำถามกับการกระทำของหลิงม่อเลย ที่สำคัญก็คือ ท่าทีของเธอ…เป็นธรรมชาติเกินไปแล้ว! ราวกับว่า เธอคุ้นชินกับวิธีการสื่อสารแบบนี้มานานแล้ว…
และนั่น ไม่ใช่การตอบสนองที่กู่ซวงซวงควรมีอย่างแน่นอน! อย่างน้อย ก็ไม่ใช่กู่ซวงซวงคนที่หลิงม่อรู้จัก! ถ้าหากว่าในสถานที่แห่งนี้นอกจากหุ่นซอมบี้แล้วยังมีใครที่คุ้นเคยกับการสื่อสารทางจิตอยู่อีก ก็คงจะเป็นซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้น รวมถึง…หญิงสาวคนนั้น…
หลิงม่อพลันเย็นวาบไปทั้งตัว! ถ้าหากว่าเขาหาช่องโหว่นี้ไม่เจอ คงถูกอีกฝ่ายหลอกจนเชื่อสนิทแล้ว! ใครจะคาดคิดว่าในเวลาสั้นๆ เท่านี้ อีกฝ่ายจะสามารถเลียนแบบวิธีการพูด รวมถึงนิสัยใจคอของกู่ซวงซวงได้เหมือนขนาดนี้! ตอนนี้พอคิดดูอีกที ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้จะมีพิรุธ แต่หากไม่รอบคอบก็คงถูกอีกฝ่ายใช้ความกลัวและแตกตื่นปกปิดจนมิดแน่…
แยบยลเกินไปแล้ว! นอกจากนี้ หลิงม่ออดคิดถึงอีกหนึ่งปัญหาขึ้นมาไม่ได้…ราวกับว่าทั้งหมดนี้ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวเข้าไปในโกดังอาหารแห่งนี้แล้ว…ถ้าอย่างนั้น เรื่องนี้ก็เริ่มต้นตอนนั้นจริงๆ งั้นหรือ? ถ้าหากว่าใช่ ขั้นตอนและแผนการทั้งหมดนี้เหมาะเจาะเกินไปหรือเปล่า? บอกตามตรง นี่ทำให้หลิงม่ออดมีความคิดน่ากลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้…
หรือว่า นับตั้งแต่วินาทีที่เข้ามาในอำเภอหลีหมิง เขาก็ได้ตกเป็นเป้าสายตาของอีกฝ่ายแล้ว?
การตายของจางเส่อต่างหากที่เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเรื่องราวทั้งหมด…
ความตายแท้จริงไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือสิ่งปริศนาที่ซ่อนอยู่ในความมืดก่อนที่ความตายจะมาถึง นั่นต่างหากที่ทุกคนล้วนไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง ก็เหมือนหลิงม่อในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะตระหนักได้ถึงช่องโหว่เหล่านี้ได้ทันเวลา แต่ก็อดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้…
สิ่งเหล่านี้นี้คือเรื่องที่เขาค้นพบ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เขายังไม่รู้ จะปรากฏเพื่อเผยโฉมหน้าที่แท้จริงอันบิดเบี้ยวของพวกมันเมื่อไหร่ และโผล่มาด้วยวิธีไหนกันแน่…
หลิงม่อสูดหายใจลึกๆ จากนั้นก็ก้าวเดินออกไปอย่างแช่มช้าราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น “ไม่ว่าอย่างไร คนที่เราคุยด้วยเมื่อกี้จะเป็นใครก็ตาม…ในเมื่ออีกฝ่ายรู้แล้วว่าเราต้องตามหาเจ้าลิงผอมก่อนถึงจะเริ่มเคลื่อนไหว ถ้าอย่างนั้น ก่อนจะถึงเวลานั้นมันคงจะรออย่างเงียบๆ แน่นอน สำหรับเรา ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาส…แต่ในเมื่อเป้าหมายของอีกฝ่ายมีแค่เราคนเดียว ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแยกเราออกจากกลุ่มสินะ…ปัญหานี้ ไม่ใช่เรื่องที่เราจะจัดการด้วยตัวคนเดียวได้…เวลาอย่างนี้ คงทำได้เพียงเชื่อใจเหล่าสมาชิกทีมแล้วล่ะ”
ในใจเขารู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ ล้วนตกอยู่ในสายตาของซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นแน่นอน และหากเขาต้องการช่วยชีวิตเจ้าลิงผอมกับกู่ซวงซวง เขาไม่อาจเผยพิรุธให้อีกฝ่ายจับได้ว่าเขาพบเรื่องผิดปกติเหล่านี้แล้วเป็นอันขาด นี่อาจเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่เขาจะสามารถพลิกขึ้นนำได้…แล้วก็หมายความว่าในเวลานี้เขาไม่อาจบอกใบ้หรือส่งข่าวใดๆ ให้คนในทีมรู้ นอกเสียจากว่า…
“…เหมือนจะอยู่ข้างหน้านี้แล้วนะ!” ในที่สุดพวกมู่เฉินก็ตามมาถึงบริเวณหอพักแล้ว แต่ในขณะที่กำลังวิ่งไปตามถนนอันลาดชันนั้น พวกเขากลับตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่ง…
“จะว่าไป หัวหน้าล่ะ?” เสียงของเย่ไคดังมาจากข้างหลัง “ทำไมแวบเดียวก็ไม่เห็นเขาแล้วล่ะ? เมื่อกี้ผมยังเห็นเขาหันหลัง ทำท่าเหมือนกำลังคุยกับใครอยู่เลย…”
“หรือว่าจะเข้าไปแล้ว?”
“ผิดปกติมาก…” สวี่ซูหานชะงักฝีเท้า ขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “เมื่อกี้ฉันกำลังจ้องเขาอยู่แท้ๆ ถึงแม้จะเร็วอีกแค่ไหน ก็ไม่มีทาง…” พูดไป เธอก็หันหลัง ทว่าในวินาทีที่หันกลับไป สวี่ซูหานกลับอึ้งงัน…
ข้างหลังเธอ มีเพียงทางเดินโล่งเปล่า…เสียงพูดที่เมื่อกี้ยังดังมาจากด้านหลัง ราวกับเสียงอันเลือนรางที่ดังขึ้น และเงียบหายไปอย่างรวดเร็ว สวี่ซูหานจ้องเข้าไปในส่วนลึกของทางเดิน และในตอนนี้เอง เสียงแปลกๆ ก็ดังมาจากความมืดมิดเบื้องหน้า พลันประชิดเข้ามาทางเธออย่างรวดเร็ว…
“สวบๆๆๆ…”
เสียงนี้ตอนแรกยังเป็นเสียงเลือนราง แต่ต่อมาก็ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ…สวี่ซูหานกระทั่งสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าในความมืดมิดนั้นมีแมงมุมนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งเข้ามาโอบล้อมเธอด้วยความเร็วสูง…บางทีเพื่อนพ้องคนอื่นของเธอ ก็อาจถูกแมงมุมพวกนี้… และตอนนี้ ก็ถึงคราวของเธอแล้ว…
ร่างกายของสวี่ซูหานสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนนี้เธอมีสองทางเลือก…หนึ่งคือถอยหลังเข้าไปในอาคารหอพัก สองคือ…ยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป…แต่ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกไหน เธอก็ต้องต่อสู้กับพวกมันอย่างบ้าคลั่งอยู่ดี…
“เป็นไปไม่ได้ที่อยู่ๆ จะหายตัวไป…ถึงแม้ในสายตาฉัน พวกเขาล้วนเป็นเหยื่อ แต่ถ้าหากจะฆ่าพวกเขา ยังไงก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน…ถ้าหากพวกเขาไม่ได้หายตัวไป งั้นก็เป็นฉันที่มีปัญหา…ฉันจะขยับไม่ได้…ฉันจะขยับตัวไปไหนไม่ได้…”
พริบตาเดียว สมองของสวี่ซูหานพลันตระหนักได้ถึงปัญหานี้อย่างแจ่มแจ้ง…แต่ตระหนักได้ก็เรื่องหนึ่ง ส่วนร่างกายจะตอบสนองอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง…
“สวบๆๆๆ!”
เสียงดังอื้ออึ้งเหล่านั้นกำลังประชิดเข้ามาเรื่อยๆ สวี่ซูหานเริ่มมองเห็นเค้าโครงรางๆ ของพวกมันแล้ว…แมงมุมเหล่านั้นตัวใหญ่กว่าที่เธอคิดไว้เล็กน้อย พวกมันดูดุร้าย น่ากลัว และในวินาทีที่พวกมันปรากฏตัว ก็ทำให้สวี่ซูหานสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิตทันที
ถ้าไม่ขยับก็จะตาย…ถ้าหากไม่ต่อต้าน เธอก็จะถูกแมงมุมพวกนี้กัดกินจนเหลือแต่โครงกระดูก…ความคิดนี้เข้ามาแทนที่ในสมองของสวี่ซูหานอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงตาของเธอที่อยู่ภายใต้หน้ากากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ…
ในที่สุด ฝูงแมงมุมก็เผยเงาร่างให้เห็นอย่างชัดเจน พวกมันกำลังใกล้เข้ามา พวกมันกระโจนเข้ามาแล้ว! สวี่ซูหานกำหมัดแน่น เลือดในกายหมุนเวียนเดือดพล่าน หัวใจก็เต้นอย่างบ้าคลั่ง…ต้องตัดสินใจแบบไหนกันแน่? ทางเลือกไหนที่เป็นทางเลือกที่ถูกต้องกันแน่?!
…ในเสี้ยววินาทีที่แมงมุมพุ่งตัวเข้ามาตรงหน้า สวี่ซูหานพลันหลับตาแน่น และกรีดร้องเสียงดัง “กรี๊ดดด…” ขณะเดียวกัน เสียง “กึก” ก็ดังขึ้นตรงหน้ากากของเธอ…
“กึก!”
“กึกๆ!”
ผ่านไปสิบกว่าวินาที สวี่ซูหานจึงค่อยได้สติกลับมาจากอาการสมองขาวโพลน แต่จนถึงตอนนี้ เสียง “ปั๊ก” ก็ยังดังขึ้นที่หน้ากากของเธอไม่หยุด…
สวี่ซูหานรวบรวมความกล้า ค่อยๆ ลืมตาช้าๆ…ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงก็คือ บนหน้าเธอไม่ได้มีแมงมุมตัวใหญ่เกาะอยู่…และตอนนี้เอง วัตถุสีดำกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งเข้ามากระแทกกับหน้ากากเธออีกครั้ง
“นี่!”
หลังจากที่ร่างกายสั่นสะท้าน ในที่สุดสวี่ซูหานก็ได้ยินเสียง…ที่แท้นอกจากเสียง “ปั๊กๆ” แล้ว ด้านหน้าเธอยังมีเสียงอื่นอยู่อีก…
“นี่ ตื่นหรือยัง?”
สวี่ซูหานมองตามเสียงไปข้างหน้าอย่างสงสัย และตอนนี้เอง เงาร่างเส้นหนึ่งพลันกระโดดขึ้นลง โฉบผ่านสายตาของสวี่ซูหานไป พร้อมกับตะโกนเสียงดังอย่างหมดความอดทน “เธอช่วยก้มหน้ามองลงมาข้างล่างหน่อยไม่ได้หรอ! ทำแบบนี้ฉันเจ็บปวดนะ!”
“หื้ม? เฮยซือ?” สวี่ซูหานรีบก้มหน้า มองเห็นเฮยซือกำลังยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างหน้าพอดี เธอมองไปรอบๆ แล้วถามอย่างนึกขยาดกลัว “แมงมุมพวกนั้นล่ะ?”
เฮยซือไม่ตอบ สวี่ซูหานจึงตอบคำถามตัวเอง “ไม่มีแมงมุม ใช่ไหม?”
“ใช่น่ะสิ พวกเธอแค่ตกอยู่ในภวังค์มายาพร้อมกันเท่านั้นเอง” เฮยซือตอบ
“แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่นี่ล่ะ?”
“กีรีบตามมาน่ะสิ…”
สวี่ซูหานหันไปมองข้างหลังพร้อมกับเฮยซือ จึงเพิ่งพบว่าพวกมู่เฉินล้วนยืนอยู่ข้างหลัง…เย่ไคยืนกุมจมูกอยู่ตรงนั้น ท่าทางเหมือนเพิ่งถูกชกมา ทว่าสวี่ซูหานกลับเข้าใจทันที…เสี้ยววินาทีที่พวกเขาถูกดึงเข้าสู่ภวังค์มายา เป็นเฮยซือที่พุ่งเข้ามาแยกพวกเขาออกจากกัน…
เดาว่าแมงมุมที่ปรากฏตัวตรงหน้าเธอเมื่อกี้ คงจะเป็นพวกเขานั่นเอง…ถ้าหากพวกเขาผลีผลามโจมตีทันที ก็จะกลายเป็นเข่นฆ่ากันเอง…เย่ไคคงถูกเฮยซือยื่นมือเข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลา แล้วสวี่ซูหานก็รู้ดีแก่ใจ ถ้าหากไม่ใช่เฮยซือเรียกสติเธอกลับมา ไม่แน่เธอก็อาจสูญเสียการควบคุมตัวเองไปด้วยเหตุนี้หมือนกัน…
ทุกคนมองหน้ากันแวบหนึ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด และตอนนี้เองสวี่ซูหานก็พบว่า คนที่หายตัวไปอย่างแท้จริงเพียงคนเดียว ก็คือหลิงม่อที่หายตัวไปตั้งแต่แรกแล้ว…
อวี่เหวินซวนเขกหน้าผาก บอกว่า “ดูเหมือนภวังค์มายาคงไม่ได้จะให้เราฆ่ากันเองอย่างเดียว…ที่สำคัญที่สุดก็คือเอาตัวหลิงม่อไป…อีกอย่างพวกซย่าน่า…พวกเธอน่าจะอยู่ข้างหน้านี้แล้วสินะ? แต่ตอนนี้กลับไม่ปรากฏร่องรอยให้เห็น…”
“ใช่…เมื่อกี้ผู้ประกาศข่าวสวี่ร้องเสียงดังขนาดนั้น ถ้าหากพวกเธออยู่แถวๆ นี้ น่าจะตามเสียงมาตั้งนานแล้ว…” จางซินเฉิงเห็นด้วย
สวี่ซูหานพลันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว พอรู้สึกตัวได้ว่าเฮยซือกำลังจ้องตัวเองด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เธอก็รีบกระแอม แล้วพูดเสียงเบา “ใช่แล้ว ฉันเป็นซอมบี้ที่ขี้ขลาดอย่างนี้แหละ…อย่าใช้สายตาหัวเราะเยาะฉันได้ไหม? ฉันยังไม่เคยถูกเด็กอายุสามขวบดูถูกอย่างนี้เลยนะ…”
“จะว่าไปแล้ว เธอมาที่นี่ได้ถูกเวลาเกินไปแล้ว…เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” สวี่ซูหานเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้น
ตอนนี้เธอกลับไม่แตกตื่นเท่าคนอื่นๆ แล้ว เฮยซือที่ตอนแรกเฝ้าระวังอยู่ข้างนอกอยู่ๆ ก็มาอยู่ที่นี่ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ แสดงว่าหลิงม่อต้องมีแผนในใจแล้วแน่ๆ…
“คิกๆ…ไม่เลวเลยนี่ รู้ตัวเร็วเหมือนกันนะ” เฮยซือจ้องหน้าเธอแล้วหัวเราะเบาๆ
สวี่ซูหานเสยผม บอกว่า “แน่นอนสิ พี่สาวไม่ได้เป็นผู้ประกาศข่าวแค่ชื่อนะ สิ่งที่ฉันถนัดที่สุด ก็คือการขุดคุ้ยเรื่องซุบซิบส่วนตัวทั้งหมดของผู้ชมที่โทรฯ เข้ามาร่วมรายการเชียวนะ…เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งเดินหนีสิ!”