แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1126 ช่างเป็นการลั่นไกที่ผ่อนคลายสบายอารมณ์
เจ้าสิ่งนั้นชะงักค้างกลางอากาศ มันถูกเจ้ามาสเตอร์บอลที่ถูกปาเข้ามากระแทกเต็มๆ และในเสี้ยววินาทีที่ทั้งสองสัมผัสกัน เจ้ามาสเตอร์บอลที่หลับใหลมาตลอด ก็ตื่นขึ้นมาในที่สุด…
ภายใต้การกระตุ้นของร่างแม่ เจ้ามาสเตอร์บอลคลี่หนวดมากมายนับไม่ถ้วนออกมา โอบรัดล้อมรอบเจ้าสิ่งนั้นในพริบตา จากนั้นร่างกายของมันก็พองโตอย่างรวดเร็วราวกับลูกบอลที่ถูกสูบลม
“กรี๊ดดดดดดด!”
เสียงกรีดแหลมๆ พลันดังก้องในสมองหลิงม่อ เจ้าสิ่งนั้นขัดขืนสุดแรง พยายามหนีจากพันธนาการ แต่สุดท้าย มันกลับทำได้เพียงกระเด้งขึ้นลงระหว่างพื้นกับเพดานอย่างบ้าคลั่งไปพร้อมกับเจ้ามาสเตอร์บอล
“กรี๊ดดด!” เสียงกรีดร้องแบบเดียวกัน ยังดังมาจากหญิงสาวคนนั้นด้วย…เธอพลันปล่อยมือจากหลิงม่อ และล้มลุกคลุกคลานพุ่งตัวไปยังราวกั้นบันได มองลอดซี่เหล็กลงไปยังร่างแม่ตัวนั้น “ไม่นะ! อย่า! นั่นมันตัวอะไร? เมื่อกี้แกขว้างอะไรออกไป!” เธอหันมาตวาดเสียงดังลั่นใส่หลิงม่อที่อยู่ข้างหลัง
“ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอก ก็แค่หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้มันอยากฆ่าฉัน มันอยากได้มากไม่ใช่หรอ?” หลิงม่อพูดเสียงราบเรียบ จะว่าไปแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนี้ทำให้เขารู้ตัว เจ้ามาสเตอร์บอลเชื่อมต่อกับเขาอย่างแนบแน่น และยังมีความสามารถในการกลืนกินที่ทรงพลัง ขณะเดียวกัน มันยังเป็นสายพันธุ์เดียวกับซอมบี้ร่างแม่อย่างแท้จริงอีกด้วย…ถ้าหากจะมีอะไรสามารถกระตุ้นให้เจ้ามาสเตอร์บอลทำการโจมตีได้ ก็ต้องเป็นมันเท่านั้น…
ซอมบี้ร่างแม่ต้องการตัวมันไม่ผิดแน่ เพียงแต่กลับต้องกลืนกินหลิงม่อก่อน แล้วถึงจะได้ตัวมันไป ไม่แน่ว่า อาจเพราะมันเล็งเห็นลักษณพิเศษของเจ้ามาสเตอร์บอล…ทว่าในสถานการณ์อย่างนี้ เจ้ามาสเตอร์บอลกลับกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับซอมบี้ร่างแม่
“กรี๊ดด กรี๊ดดดดด!” ซอมบี้ร่างแม่ยังคงกรีดร้องต่อไป หลังจากที่ตกหลุมพรางอย่างไม่คาดคิด มันก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว กว่ามันจะอาศัยแรงกระแทก แหวกหนวดของเจ้ามาสเตอร์บอลออกเป็นช่องเล็กๆ ได้ พลังจิตโจมตีสายหนึ่งกลับพุ่งมาจากทางหลิงม่อทันใด
อาศัยหนวดสัมผัสที่เชื่อมต่อกัน หลิงม่อสามารถรับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้ามาสเตอร์บอลได้อย่างว่องไว ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดช่องโหว่ เขาก็จะรีบโจมตีเสริมทันที เดิมทีซอมบี้ร่างแม่ก็ตั้งตัวไม่ทันอยู่แล้ว เวลานี้พอรู้ว่าตัวเองถูกหนึ่งคนหนึ่งลูกบอลโจมตีพร้อมกัน มันจึงเริ่มจมดิ่งสู่ความสิ้นหวังอย่างช้าๆ…
ขณะเดียวกันอีกคนที่จมดิ่งสู่ความสิ้นหวังไปพร้อมกัน ยังมีหญิงสาวคนนั้นด้วย หลังจากร้องครวญอย่างทรมาน เธอก็ค่อยๆ คว้าจับราวบันไดและหยัดตัวขึ้น ระหว่างนั้นยังแอบล้วงมีดออกมาอย่างเงียบงัน เธอสะบัดศีรษะที่เริ่มมีอาการมึนงง พลันจ้องหน้าหลิงม่อด้วยรอยยิ้มเย็นชา “แกตายซะเถอะ!” สิ้นเสียง เธอก็ตะโกนเสียงดังพร้อมกับพุ่งตัวเข้าใส่หลิงม่อ
แต่เธอยังไม่ทันเข้าใกล้หลิงม่อ เงาร่างหนึ่งพลันพุ่งตัวเข้ามาจากประตูดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว เมื่อประกายวับวาบพาดผ่าน มีดในมือของหญิงสาวถูกโจมตีดัง “เคร้ง” และปลิวออกไป เธอเพิ่งจะเผยสีหน้าตื่นตะลึง วินาทีต่อมา เงาร่างอีกเส้นหนึ่งก็พลันปรากฏตัว พร้อมกับตบไปที่หน้าอกของเธอโดยตรง
“กรี๊ดดด!”
หญิงสาวถูกโจมตีจนถอยหลังไปหลายก้าว สุดท้ายแผ่นหลังกระแทกเข้ากับราวกั้น ทว่ายังไม่จบเพียงเท่านั้น หลังจากที่ถอยหลังชนเข้ากับราวกั้น เธอกลับหงายหลังล้มลงไปอย่างไม่อาจควบคุมได้…
โครม!
หลังเสียงดังลั่น ร่างของหญิงสาวคนนั้นก็ร่วงลงไปกระแทกกับบันไดด้านล่าง เธอเบิกตากว้าง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ดวงตายังคงแหงนมองเบื้องบนอย่างไม่อยากเชื่อ…ทว่าไม่นาน เลือดสีแดงสดมากมายก็ไหลทะลักออกมาจากศีรษะของเธอ…
เย่เลี่ยนกับซย่าน่ามองลงไปข้างล่างพร้อมกัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากันครู่หนึ่ง
“ซอมบี้ตัวนั้นล่ะ?” หลิงม่อถาม
เย่เลี่ยนแบมือ เผยให้เห็นก้อนไวรัสนางพญาขนาดใหญ่ของซอมบี้ ส่วนซย่าน่าก็บอกว่า “มันตายแล้ว ตั้งแต่เมื่อกี้ อยู่ๆ สภาพของมันก็ถดถอยลงอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็เหมือนกับสูญเสียสติปัญญาไป ฉันกับพี่เย่เลี่ยนเลยฉวยโอกาสร่วมมือกันปลิดชีพมัน ที่น่าแปลกคือ มันกลับเป็นถึงซอมบี้ร่างแม่…”
“ฉันเดาว่า…นั่นน่าจะเป็นร่างเดิมของมัน แต่เมื่อวิวัฒนาการเรื่อยๆ อวัยวะภายในบางส่วนของมัน กลับแยกตัวออกมาเป็นตัวมันในตอนนี้…ซึ่งนั่นก็สามารถอธิบายได้ว่าทำไมมันถึงเข้ามาอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้” หลิงม่อฟังเสียงกรีดร้องที่อ่อนแรงลงเรื่อยๆ ของซอมบี้ร่างแม่ แล้วพูดขึ้น
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เจ้ามาสเตอร์บอลนำศพของซอมบี้ร่างแม่กลับมาตรงหน้าหลิงม่อ
ศพถูกทิ้งลงพื้นดัง “พลั่ก” หลิงม่อนั่งยองๆ ลงไปและลูบคลำดูครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าด้วยใบหน้าครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูกแล้วล่ะ เจ้าสิ่งนี้เป็นผลผลิตชนิดเดียวกับเจ้ามาสเตอร์บอลจริงๆ เพียงแต่มันวิวัฒนาการจนกลายเป็นอย่างนี้ด้วยตัวเอง ในขณะที่เจ้ามาสเตอร์บอลกลับเกิดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจ”
“จะบอกว่าไม่ตั้งใจก็คงไม่ได้หรือเปล่า เจ้ามาสเตอร์บอลเองก็กลายเป็นอย่างนี้เพราะกลืนกินพลังจิตเหมือนกันนี่…ส่วนร่างแม่ตัวนี้ ฉันคิดว่ามันทำได้เพราะอาศัยการเคลื่อนย้ายพลังจิต มันถึงได้ไม่มีความสามารถกลืนกินโดยตรงแบบนั้นไงล่ะ แต่ข้อดีของมันคือ ขอเพียงมันต้องการ มันน่าจะสามารถซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้โดยไม่ถูกจับได้นะ” ซย่าน่าเองก็จ้องศพด้วยแววตาฉงน พลางวิเคราะห์
“มันเติบโตมาอยู่ในสภาพแบบนี้ คงไม่ต้องตามหาไวรัสนางพญาก้อนที่สองอีกแล้ว…แต่ว่า…” หลิงม่อเงยหน้ามองเจ้ามาสเตอร์บอล เวลานี้ เจ้ามาสเตอร์บอลเหมือนลูกบอลสูบลมสีแดงขนาดใหญ่ ที่ลอยอยูเหนืออากาศ…
อยู่ๆ เย่เลี่ยนที่อยู่อีกด้านพลันพูดขึ้น “เหมือนมัน…กินจนจุก…”
“พรวด!”
สิ้นเสียงพูดของเย่เลี่ยน เจ้ามาสเตอร์บอลพลันส่งเสียงเบาๆ ขึ้นมา พร้อบกับจุดแสงพลังจิตกลุ่มหนึ่งทะลักออกมาจากข้างล่างตัวมัน…ทว่าไม่นาน มันก็ดูดกลืนจุดแสงเหล่านั้นกลับเข้าไปในตัวอีกครั้ง…
“ทำไมฉันรู้สึกว่ามัน…กลายเป็นจอมตะกละไปซะแล้วล่ะ?” หลิงม่ออดพูดขึ้นไม่ได้
สองสาวไม่มีใครพูดอะไร เพียงแต่มองหน้ากันเงียบๆ เท่านั้น…
ในช่วงสิบนาทีหลังจากนั้น หลิงม่อใช้เวลาทั้งหมดไปกับการกลืนกินพลังจิตพวกนั้น
อันดับแรกชดเชยพลังจิตกับร่างจริงก่อน จากนั้นก็ถึงคราวเสี่ยวเฮยที่ถูกหลอมรวมให้เป็นรูปร่างขึ้นมาอีกครั้ง
มันไม่เพียงกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ร่างกายยังเริ่มถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์ขึ้นทีละนิดๆ ด้วย
ตอนแรกก็จุดที่เลือนรางกึ่งโปร่งแสง จากนั้นก็เป็นเปลวเพลิงที่ดวงตาและหัวใจของมัน เปลวไฟเหล่านั้นสว่างเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อย กระทั่งตรงใจกลางมีจุดสีน้ำเงินเล็กๆ ประกายขึ้น โดยเฉพาะตรงหัวใจ…แม้ว่าจุดนี้ไม่ได้กลายเป็นรูปเป็นร่างทันทีในครั้งเดียวดังที่หลิงม่อคาดหวังไว้ แต่มันกลับดูสมบูรณ์ขึ้นไม่น้อย…
“ถ้าอย่างนั้น หากสามารถดูดกลืนพลังจิตมากขนาดนี้ได้อีกครั้ง ก็มีหวังที่หัวใจจะปรากฏขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าสวิตช์…”
“ฮายย~~~”
เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น หลิงม่อที่กำลังดื่มด่ำกับความตื่นเต้นดีใจพลันหนังศีรษะชา “ฮายบ้านเอ็งสิวะ!”
“จิ๊ๆ ทำไมถึงพูดกับตัวเองแบบนั้นล่ะ? จะบอกว่านายเป็นพวกมาโซคิสม์ดี หรือเป็นพวกมีแนวโน้มชอบทำร้ายตัวเองกันแน่?” “จิตใต้สำนึก” พูดขึ้น
“ถึงแม้สองทฤษฎีนี้จะต่างกันเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งสองอย่างนั่นแหละ!” หลิงม่อถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
“ไม่ต้องห่วง มีคนมากมายที่ไม่อาจเผชิญหน้ากับอีกตัวตนที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกขอตัวเอง ดังนั้นการตอบสนองแบบนี้ของนายถือว่าปกติมาก…”
“สวิตช์เปิดปิดยังไม่ได้วิวัฒนาการขึ้นมาจริงๆ ด้วยสินะ…”
“อ้อ พูดถึงเรื่องนี้ ฉันมีเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งจะบอกพอดี…เอิ่ม…ทำไมต้องรู้สึกว่ามันแปลกด้วยล่ะ? ฉันเป็นจิตใต้สำนึกของนาย เวลาที่นายคิดเรื่องสวิตช์เปิดปิด แสดงว่าฉันก็กำลังคิดเหมือนกัน” จิตใต้สำนึกบอก
หลิงม่อชะงัก จากนั้นก็ค่อยๆ ใจเย็นลง…จริงด้วยสินะ แม้แต่การปรากฏตัวของเสี่ยวเฮย ก็เป็นผลลัพธ์จากสิ่งที่จิตใต้สำนึกเขาเลือก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกที่ต้องคุยกับจิตใต้สำนึกตัวเอง แต่จากบางแง่มุม นี่ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าพลังจิตของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน…ถ้าหากคิดในแง่ดี ความจริงนี่คือการยอมรับในตัวเองอย่างหนึ่ง…แต่ถ้าหากว่าคิดในมุมที่ไม่ค่อยดีล่ะก็…
“ทำไมความแข็งแกร่งแบบนี้ถึงทำให้เรารู้สึกเหมือนดวงจิตแตกแยกเลยล่ะ…” หลิงม่อคิดอย่างนั้นก็พลันรู้สึกเย็นวาบ เขาจึงถามอย่างไม่สบอารมณ์ “เอาล่ะ นายจะพูดอะไรล่ะ?”
“ก็ต้องเป็นสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของนายอยู่แล้วสิ! พูดถึงเรื่องสวิตช์เปิดปิดนั่นแล้ว…นายรู้ใช่ไหมว่ามันเป็นเรื่องที่นายต้องตัดสินใจเองว่าจะวิวัฒนาการมันขึ้นมาหรือไม่? อื่ม…ถ้าพูดให้ลึกซึ้งขึ้นหน่อย ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ฉันต้องตัดสินใจ…” “จิตใต้สำนึก” พูดอย่างแช่มช้า หลิงม่อพลันนึกขึ้นได้ เวลาที่เขาบังเอิญคิดอะไรบางอย่างในหัว เขาใช้น้ำเสียงอย่างนี้จริงๆ แต่นั่นเขาก็แค่ต้องการให้มันเข้ากับบรรยากาศครุ่นคิด…ตอนนี้พอมาได้ยินด้วยตัวเอง เขาถึงเพิ่งรู้ว่าน้ำเสียงอย่างนี้มันช่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด!
“นายมีอะไรก็รีบพูดมาสิ!” หลิงม่อเดือด พูดถึงตรงนี้ ในใจเขาพลันเต้น “ตึกตัก” “เดี๋ยวนะ นายคงไม่ได้จะบอกว่า…นายตัดสินใจไม่เอาสวิตช์เปิดปิดแล้วหรอกนะ?”
“เปล่า ฉันยังไม่ถึงขั้นมีความคิดขัดแย้งกับนายซักหน่อย ฉันแค่อยากถามนาย…ว่านายตั้งใจจะออกแบบสวิตช์เปิดปิดเป็นแบบไหน?” เสียงพูดของจิตใต้สำนึกดังขึ้น พร้อมกันนั้น ภาพสวิตช์เปิดปิดมากมายที่ต่างกันพลันผุดขึ้นมาในสมองของหลิงม่อ มีทั้งแบบคัตเอาท์ แบบกลอนล็อก แบบหน้าต่างเหล็ก กระทั่งยังมีแบบดึงดาบด้วย…
“ไม่ว่านายจะเลือกแบบไหน มันก็จะไปอยู่บนตัวเสี่ยวเฮย…พิจารณาถึงระดับความเท่ห์ของเสี่ยวเฮย ฉันขอแนะนำอย่างแรงว่าควรเลือกแบบสุดท้าย…ฉันว่านายคงไม่คิดปฏิเสธจิตใต้สำนึกของตัวเองหรอกใช่ไหม?”
แต่จิตใต้สำนึกยังพูดไม่ทันจบ หลิงม่อก็พุ่งมือคว้าอากาศ วินาทีต่อมา ในมือเขามี “ปืนสั้น” เพิ่มขึ้นมาหนึ่งกระบอก…ปากปืนจ่อตรงไปที่หว่างคิ้วของเสี่ยวเฮย เมื่อควันจางๆ ลอยออกมา เปลวไฟที่อยู่ตรงดวงตาของเสี่ยวเฮยพลันอ่อนลงชั่วขณะ และเสียงของจิตใต้สำนึกก็หายไปจากสมองของหลิงม่อ
หลิงม่อถอนหายใจยาวๆ หลังจากมองปืนสั้นในมือแวบหนึ่ง ก็ขว้างมันเข้าไปในท้องของเสี่ยวเฮย ปืนกระบอกนั้นพอสัมผัสถูกตัวเสี่ยวเฮยก็พลันจางหายไปทันที…ทว่าหลิงม่อรู้ดี ขอเพียงเขายื่นมือไปหยิบมัน ปืนกระบอกนั้นก็จะปรากฏอีกครั้ง
“หื้ม? พี่หลิงกำลังทำอะไรอยู่?” ซย่าน่ายื่นหน้าเข้ามา แล้วถามอย่างสงสัย
“เปล่า…ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยล่ะ!” หลิงม่อฉีกยิ้ม แล้วตบเสื้อผ้าตัวเองอย่างผ่อนคลาย พลางบอก
หลังจากที่ทีมหลิงม่อกับหลี่ย่าหลินและสวี่ซูหานแยกย้ายกันออกจากอาคารหอพัก เฮยซือกับสวี่ซูหานที่เตรียมตัวมานานก็ปิดทางเข้าออกทันที…เมื่อเสียงประตูใหญ่ปิดดัง “โครม” ศพของแมงมุมเหล่านั้นก็ถูกขังไว้ข้างในนั้น…
“หัวหน้า นายคิดว่าจะมีซอมบี้ตัวอื่นแฝงตัวอยู่ใกล้จุดรวมพลของมนุษย์อีกไหม? ถึงแม้แมงมุมยักษ์ตัวนั้นจะไม่ถือว่าเป็นมนุษย์ก็เถอะ…” มู่เฉินทอดมองอาคารหอพักอย่างเหนื่อยล้า พลางถาม
“ใครจะไปรู้กันล่ะ…” หลิงม่อตอบเสียงเบา