แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1135 เปิดตัวอย่างเงียบเชียบ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…
เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินผ่านป่ารกร้างผืนกว้าง และลงจอดบนดาดฟ้าโล่งกว้างแห่งหนึ่ง
เหล่าซอมบี้ที่อยู่บนถนนล้วนถูกเสียงกระหึ่มของเฮลิคอปเตอร์ดึงดูดเข้ามาตั้งแต่แรก พอประตูเครื่องเปิดออกก็มีซอมบี้หลายสิบตัวปีนขึ้นมาถึงขอบดาดฟ้าแล้ว ด้านล่างยังมีซอมบี้อีกมากมายกำลังพยายามไต่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หากเวลานี้มีคนมองเข้ามาจากที่ไกลๆ ก็จะค้นพบว่าอาคารหลังนี้ถูกซอมบี้ปีนป่ายเต็มไปหมด…
พั่บๆๆๆ!
พวกมู่เฉินกระโดดลงมาก่อนเป็นกลุ่มแรก เมื่อเท้าถึงพื้นก็ยกปืนกลมือแบบเก็บเสียงขึ้นเล็ง และกราดยิงซอมบี้พวกนั้นทันที
เหล่าซอมบี้กระโดดข้ามรั้วกั้นดาดฟ้าวิ่งพุ่งใส่เฮลิคอปเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทว่ากลับพากันล้มลงระหว่างทาง แต่ถึงแม้อย่างนั้น ท่าทางที่พวกมันกระโจนเข้ามาอย่างบ้าคลั่งก็ยังคงดูน่ากลัวไม่น้อย
ตอนนี้ ซอมบี้ธรรมดาที่แท้จริงมีไม่มากแล้ว ซอมบี้ที่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้ อาศัยเพียงการสั่งสมทีละน้อย ก็ล้วนสามารถก้าวข้ามถึงระดับกลายพันธุ์ได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือพละกำลังของพวกมัน ล้วนแข็งแกร่งกว่าตอนที่ภัยพิบัติเพิ่งระบาดมาก
ทว่า เหล่าสมาชิกทีมปาฏิหาริย์ก็เป็นผู้รอดชีวิตที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน ตั้งแต่วินาทีแรกที่จู่โจมอย่างไม่รั้งรอ กระทั่งรวมกลุ่มกราดยิงรอบทิศอย่างดุดัน พวกเขาไม่แสดงอาการลนลานแตกตื่นให้เห็นแม้แต่น้อย
ทว่าหลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที…
“กรรรร!”
ซอมบี้ตัวหนึ่งเพิ่งจะอาศัยร่างของพวกเดียวกันกำบังกายจนมาถึงส่วนท้ายของเฮลิคอปเตอร์ แต่กลับถูกเงาร่างของใครคนหนึ่งที่เพิ่งปรากฏตัวโจมตีทันใด
พลั่ก!
เสียงศพล้มกระแทกพื้น พวกมู่เฉินได้ยินก็พลันสะท้านใจวาบ
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางนั้น แต่กลับเห็นหลี่ย่าหลินกำลังลดจูบอสรพิษในมือลงพร้อมใบหน้าเกลื่อนยิ้ม และศพร่างนั้นก็ล้มอยู่ข้างๆ เท้าเธอ
“เหมือนจะเป็นซอมบี้วิวัฒนาการนะ…” มู่เฉินเหลือบมองศพแวบหนึ่ง แล้วบอก
“เกือบไปแล้ว ตอนนี้แม้แต่ซอมบี้ธรรมดาพวกนี้ก็ยังเจ้าเล่ห์ถึงขนาดนี้” จางซินเฉิงพูดขึ้น
“อย่าประมาทล่ะ อาจมีซอมบี้ที่ระดับสูงกว่านี้อยู่ก็ได้” เย่ไคเตือนสติ
อวี่เหวินซวนกลับกำลังสนใจเรื่องอื่น…หลี่ย่าหลินที่เพิ่งลงมือเมื่อกี้ ราวกับว่าต่างไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อยแล้ว…
ทั้งรวดเร็ว และเงียบเชียบไร้เสียงมากกว่าแต่ก่อน อีกทั้งยังรู้จักวิธีสังหารในดาบเดียว…
ถึงแม้คู่ต่อสู้ของเธอจะเป็นเพียงซอมบี้วิวัฒนาการ แต่ในเสี้ยววินาทีสั้นๆ นั้น กลิ่นอายที่เธอแผ่ออกมากลับเฉียบคมและอันตรายมาก
ถ้าหากเทียบตัวเธอในเมื่อก่อนเหมือนงูตัวหนึ่ง อย่างนั้นเธอในตอนนี้ก็เปรียบเสมือนอสรพิษหลากสีที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม
อวี่เหวินซวนกระทั่งมองเห็นรางๆ ในเสี้ยววินาทีที่หลี่ย่าหลินกระโจนออกมา เงาร่างของเธอเคลื่อนไหวไปข้างหน้าเป็นเส้นโค้ง การเคลื่อนไหวแบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับมนุษย์ที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเช่นเดียวกัน
ต้องเคลื่อนไหวเป็นเส้นตรงจึงจะมั่นคง เส้นโค้งนั้นนอกจากจะลดทอนความเร็วแล้วยังส่งผลต่อความสมดุลอีกด้วย
ทว่าในการต่อสู้ วิธีการเคลื่อนไหวอันน่าพิศวงนี้ กลับมีประสิทธิภาพอย่างร้ายกาจ
“แข็งแกร่งขึ้นแล้วงั้นหรอ…” อวี่เหวินซวนอดคิดไม่ได้
เขาอดนึกถึงหนึ่งสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านไปไม่ได้…
ในห้าวันแรก พวกหลิงม่อใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่ในโกดังอาหาร และเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากที่นั่นในวันที่หก เด็กสาวสามคนข้างกายเขา รวมถึงยัยเปี๊ยกสองคนนั้นล้วนทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงรางๆ
กระทั่งยัยโลลิน้อยที่ตัวเล็กที่สุด ก็ยังทำให้คนรู้สึกเหมือนโตขึ้นเล็กน้อย…
แต่กับคนที่เหลือพวกเขากลับมองไม่ออกว่าพวกเธอเปลี่ยนแปลงไปตรงไหนบ้าง
ในห้าวันนั้น พวกเขาไม่ได้เข้าใกล้โกดังอาหารส่งเดช
ไม่ใช่เพราะคาดเดาอะไรได้ แต่เป็นเพราะ…ใครจะไปรู้ล่ะว่าหนึ่งชายหลายหญิงกลุ่มนั้นทำอะไรกันอยู่ข้างในนั่น!
ทว่าดูจากตอนนี้ เรื่องที่พวกเขาทำกัน…กลับเป็นเรื่องเอาการเอางานมากกว่าที่คิด!
หลิงม่อเองก็ไม่เหลือเวลาให้พวกเขาสังเกตการณ์อย่างละเอียดนัก หลังจากมั่นใจว่ากู่ซวงซวงกับเจ้าลิงผอมฟื้นตัวได้ระดับหนึ่งแล้ว เขาก็ออกคำสั่งเริ่มภารกิจอีกครั้งทันที
ทว่าเป้าหมายที่พวกเขาเลือก กลับไม่ใช่สถานที่ที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก…
หลิงม่อล้มเลิกความคิดที่จะไปโกดังอาวุธแห่งนั้น และตัดสินใจมาที่นี่ก่อน…
“ตำแหน่งของโกดังอาวุธแห่งนั้นลึกลับเกินไป ไม่มีใครรู้ว่าเราจะเจอกับอะไรบ้าง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก พวกเราจัดการที่นี่ก่อน ส่วนโกดังอาวุธ…ฉันมีแผนอื่นต่างหาก”
หลิงม่อว่าเอาไว้อย่างนี้
สมาชิกทีมปาฏิหาริย์ครุ่นคิดไม่นานก็เข้าใจที่เขาพูด…
หลิงม่อพูดถูกแล้ว…รอบด้านของโกดังแห่งนั้นมีแต่ป่าเขาลำเนาไพร ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน สภาพแวดล้อมอย่างนั้นถือว่าเงียบสงบ
แต่หลังผ่านเรื่องราวที่โกดังอาหารมา ทุกคนล้วนเปลี่ยนมุมมองในเรื่องนี้ใหม่หมด
ซอมบี้ระดับสูง หรือซอมบี้ร่างแม่พวกนั้น พวกมันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่รู้จักแต่เพียงการเข่นฆ่าอีกต่อไปแล้ว
พวกมันน่ากลัว…ยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดเสียอีก…
สิ่งมีชีวิตแบบนี้อาจปรากฏตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใดก็ได้ กระทั่งยิ่งเป็นสถานที่ที่ดูไม่น่ามีซอมบี้อยู่ ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ที่สัตว์ประหลาดเหล่านี้จะซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งนั้น
ก็เหมือนกับอำเภอหลีหมิง…อำเภอว่างเปล่าแบบนั้นกลับมีอันตรายใหญ่หลวงแฝงอยู่
ความจริงแล้วในสภาพแวดล้อมที่ไม่อาจคาดเดาได้แบบนี้ เป็นเรื่องยากที่ทีมปาฏิหาริย์จะมีบทบาทมากขึ้น
และนี่ก็เป็นความอ่อนแอที่เหล่ามนุษย์ผู้มีความสามารถพิเศษมีเหมือนกันหมด…ร่างกายของพวกเขา อ่อนแอเกินไป…
โดยเฉพาะโกดังอาวุธ…ในสถานที่แบบนั้น เกรงว่าแม้แต่อาวุธร้อนพวกเขายังไม่อาจใช้ได้ตามใจ…
ก็เหมือนกับกลุ่มนิพพาน พวกเขารู้ตำแหน่งของโกดังเหล่านี้นานแล้ว แต่กลับไม่สามารถยึดครองโกดังที่มีความสำคัญเหล่านี้ได้ตั้งแต่แรกก็เป็นเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน
แน่นอนว่า ระยะทาง การขนส่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเคลื่อนไหว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คืออันตราย
หลังจากที่ภัยพิบัติระบาด เหตุผลหลักที่มนุษย์ผู้รอดชีวิตล้มตาย คือการค้นหา…
หากทีมปาฏิหาริย์ขวดพวกหลิงม่อไป เกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจยึดครองบริษัทลอว์สันได้ตั้งแต่แรกแล้ว
หลังจากที่ประสบปัญหาติดกันถึงสองที่ ในที่สุดหลิงม่อก็เริ่มใคร่ครวญถึงปัญหานี้…
พื้นที่ที่อันตรายและคาดเดาได้ยากที่สุด คงเป็น…เขตหวงห้ามสำหรับมนุษย์แล้วสินะ…
“ฮู่ว…”
เมื่อซอมบี้ตัวสุดท้ายล้มลง พื้นดาดฟ้าทั่วทั้งผืนก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
อวี่เหวินซวนหยิบแผนที่ขึ้นมา อาศัยที่สูงทอดมองไปรอบทิศ พยักหน้าแล้วบอกว่า “อื่ม…ถูกต้องแล้ว ที่นี่ก็คืออำเภอตงโถว! พวกเราอยู่ห่างจากเป้าหมายประมาณ…สิบกิโลเมตร ถ้าหากพิจารณาถึงเรื่องออมแรง…พวกเราเดินเท้าครึ่งวันก็น่าจะถึง”
“ทำไมไม่บินไปลงจอดที่นั่นตรงๆ เลยล่ะ?” พอเห็นว่าการต่อสู้จบลงแล้ว นักบินก็กระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เขาขมวดคิ้วก้าวข้ามศพพวกนั้น ทอดมองออกไปไกลครู่หนึ่ง และบอกว่า “อำเภอแห่งนี้ร้างมาก แต่อย่างน้อยก็ยังมีซอมบี้อยู่ น่าจะไม่มีเรื่องอย่างในอำเภอหลีหมิงเกิดขึ้น”
“ระวังไว้ย่อมดีกว่า” หลิงม่อนั่งอยู่ข้างประตูมาโดยตลอด กระทั่งตอนนี้ถึงเพิ่งเดินออกมา “พวกเราเดินเท้าไปที่นั่น ยังไงก็เงียบกว่าบินไปจอดที่นั่นตรงๆ”
ไม่เพียงเท่านี้ พวกเขายังเลือกอำเภอที่ตั้งอยู่ในทิศตรงข้ามกับเมือง X เป็นสถานที่ลงจอดอีกด้วย…