แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1165 หน้าก็ไม่เห็นจะเป็นการพบกันได้อย่างไร
“นี่ก็แสดงว่า แกมั่นใจในพลังของตัวเองมาก หรือจะพูดว่าทันทีที่สบตากับแกฉันก็จะตกอยู่ในสภาวะลืมเลือนทันที…ฉันพูดไม่ผิดล่ะสิ?” หลิงม่อถามด้วยความเย้ยหยัน
หัวหน้าทีมนิพพานทั้งตกใจทั้งโมโห เหงื่อไหลอาบฝ่ามือมากขึ้นโดยอัตโนมัติ
ในเมื่อแกรู้หมดแล้ว…ยังจะถามอะไรอีก!
“ทำยังไงดี? ตอนนี้ควรทำยังไง? เขาไม่เปิดโอกาสให้ฉันลอบโจมตีเขาแน่ ดังนั้นเขาคงจะไม่ปรากฏตัวสักพัก แต่ว่า เขาก็ไม่มีทางคุมเชิงแบบนี้ต่อไปตลอด…ตอนนี้เขาต้องกำลังรอโอกาสอยู่แน่! พอเวลาผ่านไปก็จะลงมือฆ่าฉัน!” หัวหน้าทีมนิพพานคลุ้มคลั่งในขณะที่คิดแผนการรับมือ
ปกติก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบคนหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงม่อ เขากลับรู้สึกว่าตัวเองถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่เกี่ยวกับข้อมูลของหลิงม่อ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ทราบข้อมูลอะไรเท่าไหร่
“เป็นความผิดของผู้หญิงพวกนั้นเลย! พลังการโจมตีระยะประชิดของพวกเธอแข็งแกร่งเกินไป หลิงม่อแค่คอยช่วยเสริมอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว…ถ้าสามารถบีบให้หลิงม่อต่อสู้อย่างสุดกำลังได้ ป่านนี้ฉันก็รู้วิธีการต่อสู้ของเขาหมดแล้ว! คงไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แบบนี้หรอก…บ้าเอ๊ย!”
ทีมนิพพานส่งคนไปครั้งนี้ หลักๆ แล้วก็เพื่อเสริมกำลังความแข็งแกร่ง และนี่ยังเป็นแผนที่วางขึ้นเพื่อจัดการกับพลังของหลิงม่อโดยเฉพาะ เดิมทีที่พวกเขาคิดไว้คือ เพียงแค่หัวหน้าทีมนิพพานและคนอื่นๆ ร่วมมือกันปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าและการตอบรับทางจิตของหลิ่งม่อได้สำเร็จ ก็จะทำให้หลิงม่อตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอที่สุดได้ชั่วคราว จากนั้นค่อยปิดล้อมฆ่าเขาทิ้งซะ
อย่างตอนอยู่ที่ลานจอดรถ รวมถึงตอนที่พวกหลิงม่อบังเอิญพบ “ผู้รอดชีวิต” ครั้งแรก…การดักซุ่มสองครั้งนี้เดิมทีสามารถฆ่าหลิงม่อทิ้งได้แท้ๆ แต่ไม่เพียงเขาจะไม่ตาย แต่ยังอาศัยโอกาสสองครั้งนี้คาดเดาพลังของหัวหน้าทีมนิพพาน รวมถึงแผนการของพวกเขาได้สำเร็จอีก
การที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น ล้วนแต่เป็นเพราะพวกเขาคำนวณทุกอย่างผิดพลาด!
“หัวหน้าใหญ่…ท่านหลอกผม!” หัวหน้าทีมนิพพานด่ากราดในใจขณะหน้ากระตุก “หลิงม่อผู้นี้กับข้อมูลที่ท่านบอกมาไม่เหมือนกันสักนิด! นอกจากหน้าตาก็ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย! ไม่ได้…จะมัวยืนซื่อบื้ออยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้…”
“หลิงม่อ…” จู่ๆ หัวหน้าทีมนิพพานก็เปิดปากพูด “นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันสินะ?”
“หืม? ทำไมจู่ๆ ก็สุภาพขนาดนี้ล่ะ?” หลิงม่อหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่มั้ง พูดตามจริง ฉันยังไม่รู้ว่าหน้าตาแกเป็นยังไงเลย แล้วจะเรียกว่าพบกันได้ยังไง?”
‘เชี่ย! ไม่ใช่แกหรือไงที่บอกให้ฉันอย่าขยับ! ยังจะพูดตามจริงอีก…แม่งเอ๊ย อย่างหมอนี่คงไม่ใช่คนประเภทไม่รับฟังอะไรหรอกมั้ง?’ หัวหน้าทีมนิพพานก่นด่าในใจ ทั้งยังสังเกตปฏิกิริยาของหลิงม่ออย่างระวังตัวพร้อมพูดว่า “เหอะๆ…งั้นฉันก็จะพูดความจริงสักหน่อย จริงๆ แล้วฉันกับแกก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน…ที่ฉันมาที่นี่ก็เป็นเพราะคำสั่งหัวหน้าใหญ่เท่านั้น เห็นแก่ที่ฉันไม่ได้สร้างความเสียหายและทำอันตรายให้กับแก…”
“ทำไม แกอยากเจรจาต่อรองหรือไง?” หลิงม่อเอ่ยถาม
“ใช่ แกคิดถูกแล้ว” หัวหน้าทีมนิพพานพลันพยักหน้าตอบรับ “ทุกคนล้วนต่างก็ลำบากกันทั้งนั้น ไม่เห็นจำเป็นจะต้องถึงกับทำให้มีใครตาย” ถ้าแกปล่อยฉัน ฉันจะบอกแผนการทั้งหมดของพวกเขาให้แกรู้ หลังจากนั้นก็จะไปจากที่นี่ จะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เป็นไง? รวมถึงเรื่องภายในของนิพพานฉันก็จะบอกแกให้หมด!”
หลิงม่อหัวเราะแล้วหัวเราะอีก “ฟังแล้วก็ดูจริงใจดี…”
“แน่นอน! ฉันพูดด้วยความจริงใจ…” หัวหน้าทีมนิพพานพูดต่อ
“ใจจริงอยากให้ฉันไปตายมากกว่าล่ะมั้ง?” หลิงม่อพลันพูดขึ้น
หัวหน้าทีมนิพพานพลันใจหาย “วูบวาบ” รีบร้อนพูดต่อว่า “แกพูดอะไรน่ะ…”
แต่ทว่าเพิ่งจะพูดไปได้ครึ่งเดียว น้ำเสียงของเขาก็แข็งกร้าวขึ้นโดยฉับพลัน “ใช่ ตายซะไป!”
ในขณะที่พูด เขาก็พุ่งตรงไปยังด้านล่าง หลังจากนั้นก็หันมองมาด้านบน
ทว่าในวินาทีเดียวกัน ข้างกายของเขาก็เกิดเสียง “ตึง!” ดังขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกับที่ใบหน้าของเขาก็ยิ่งซีดขาว
ร่างของหัวหน้าทีมนิพพานสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะดังลั่นพร้อมเอ่ย “อย่างแกน่ะเหรออยากฆ่าฉัน? ฮ่าๆๆ…แกน่าจะรู้ดีใช่ไหม? ถึงแม้แกไม่สนใจการปิดกั้นพลังจิต แต่การได้ยิน การได้กลิ่น รวมถึงการมองเห็นของแกจะได้รับผลกระทบที่ต่างระดับกัน! ถ้าไม่ใช่เพราะแกระแวงเกินไป ไม่คิดว่าแกจะแบ่งกำลังเคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นตอนนี้แค่มองฉันแกก็ไม่มีโอกาสได้มองหรอก!”
แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่หัวหน้าทีมนิพพานกลับมีแววตาที่เผยให้เห็นความหวาดกลัว
“เขามองออกแล้ว…ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเขาต้องมองออก แต่ถึงขนาดที่ฉันเอาข้อมูลมาหลอกล่อแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ เขายังไม่หวั่นไหวแบบนี้ได้ยังไง? เพียงแค่เขาใจหวั่นไหว เขาก็จะเชื่อเรื่องที่ฉันพูดครึ่งหนึ่งไม่เชื่อครึ่งหนึ่ง และในระหว่างที่ลังเล เวลาแค่นั้นก็มากพอแล้ว! แต่ว่า…คนคนนี้เชื่อมั่นในการวิเคราะห์ของตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ!”
เขาคาดเดาได้ถูกเผง…หลิงม่อสามารถมีชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน ย่อมเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองเป็นธรรมดา ก่อนที่จะได้ข้อสรุป…จะสังเกตการณ์ จะละเอียดรอบคอบอย่างไรก็ได้ แต่หลังจากที่ได้ข้อสรุปแล้วจะไม่เคลือบแคลงใจอะไรอีก!
การระวังเล็กระวังน้อยก็เป็นเรื่องจำเป็น แต่หากลังเลใจมากไปมีแต่จะอันตรายถึงชีวิต!
“ไม่บาดเจ็บ?” หลิงม่อขมวดคิ้ว แต่ฟังผิวเผินน้ำเสียงก็ยังคงเรียบนิ่ง “สลับเป็นคนอื่นอาจจะเชื่อแก…แต่ฉันไม่เชื่อ แกอาสามาฆ่าฉัน นั่นเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าชีวิตของฉันสามารถแลกประโยชน์ให้แกได้มากพอสมควร ประโยชน์นี้คุ้มค่าให้แกทุ่มสุดชีวิต ตอนนี้ฉันก็แค่กำลังคุมเชิงแกอยู่ แกจะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน? การที่แกทำแบบนี้ต้องเป็นเพราะแกยังมีคนรับช่วงต่ออยู่ แกแค่อยากถ่วงเวลาไว้เท่านั้น…”
“ฮ่าๆๆ…ใช่ แกพูดถูกทุกอย่าง! ฉันอยากให้แกรีบๆ ตายไปซะ พอแกตายฉันก็จะหลุดพ้น ในจุดนี้…ฉันคิดว่าแกคงจะเข้าใจฉัน ดังนั้นวันนี้แกต้องตาย!” หัวหน้าทีมนิพพานเงยหน้าขึ้นพูด
แต่ในความเป็นจริง สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก อีกทั้งยังมีความรู้สึกซับซ้อนแฝงอยู่ในแววตา
“ทำไมเขาไม่ลงมือล่ะ? ทั้งที่รู้ว่าฉันกำลังยื้อเวลาอยู่แท้ๆ กลับยังพูดจาได้อย่างใจเย็นแบบนี้…กลัวสบตากับฉันหรือไง? เป็นไปได้…แต่เขาเป็นผู้มีพลังจิต เพียงแค่รับมือนิดหน่อยก็สามารถไล่ตามมาได้ทันแล้ว…ดังนั้นเขามีแผนการอะไรกันแน่?”
เป็นเวลาเดียวกับที่หลิงม่อเปิดปากพูดพอดี
“ว่าไง ลั่นวาจามาขนาดนี้แล้วยังจะซ่อนตัวอยู่อีกเหรอ?”
หัวหน้าทีมนิพพานตะลึงงัน…ที่พูดถึงคงไม่ได้หมายถึงเขาใช่ไหม?
ทันทีที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนอง…
สมาชิกในทีมคนนั้นก็มาถึงแล้ว!
เขาถ่วงเวลาก็เพื่อรอสมาชิกในทีมคนนี้นี่เอง…
แต่นึกไม่ถึง สมาชิกทีมคนนี้จะมีระดับความเร็วที่ใช้ได้…
ทั้งที่เข้าอาคารหอพักเป็นคนสุดท้าย แต่ตอนนี้กลับดักซุ่มอยู่บริเวณรอบๆ แล้วงั้นหรือ?
แต่ทำไมฉันถึงไม่รู้! ในสัมผัสรู้ของเขา ฝ่ายตรงข้ามเพิ่งจะมาถึงชั้นสองเองนี่!
“ใช่สิ…ขนาดฉันยังไม่รู้ หลิงม่อผู้นี้รู้ได้ยังไงกัน! เขาไม่ลงมือก็เพราะสัมผัสถึงฝ่ายตรงข้ามได้แล้วอย่างนั้นเหรอ? หรือจะเป็นเพราะว่า…เขาแค่กำลังปั่นหัว?” หัวหน้าทีมนิพพานยังคงไม่ค่อยเชื่อนัก…
……………………………………….