แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1173 หรือว่านี่จะเป็นแขนกิเลนในตำนาน?
“ปิดปากเงียบก็ไม่เป็นไร รอฉันตัดหนวดสัมผัสที่เชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างพวกแกขาดซะก่อน ฉันจะดูซิว่าแกยังนิ่งสงบได้อย่างนี้หรือเปล่า!” หัวหน้าทีมนิพพานโหวกเหวกอย่างดุดัน
ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งโดยที่มีทั้งความรู้สึกหวาดกลัวและตื่นเต้นผสมปนเป การโจมตีพลังจิตที่เดิมทีไม่ค่อยถนัดเสียเท่าไหร่ก็พลันแกร่งขึ้นไม่น้อย
“แย่แล้ว…”
ขณะที่ได้ยินเสียงร้องของหัวหน้าทีมนิพพาน หลิงม่อก็สัมผัสรู้ได้ถึงพลังงานทางจิตขุมที่เต็มไปด้วยความอาฆาตนั้น
คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะเลือกเล่นงานในจุดนี้ ทำเอาหลิงม่อปวดหัวขึ้นมาบ้างทันที
แต่การที่หลิงม่อซุ่มโจมตีได้สำเร็จ และยังสามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ออกมา ก็เป็นเพราะว่าเขาหาจุดอ่อนของม่านพลังสกัดกั้นรอบบริเวณนี้พบหลายจุดจาก “แผนที่” ที่เฮยซือให้มา ตอนนี้เมื่อเห็นหัวหน้าทีมนิพพานที่พุ่งมาอย่างเคียดแค้น หลิงม่อเพียงแค่แสยะยิ้ม แล้วรีบยกมือขึ้นปล่อยหนวดสัมผัสหลายเส้นออกไป
ผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตส่วนใหญ่…อย่างเช่นหัวหน้าทีมนิพพานประเภทนี้ ถึงแม้พวกเขาจะมีพลังงานทางจิตที่แข็งแกร่ง แต่ขณะที่ใช้มันโจมตีกลับมักจะเลือกโจมตีเป็นบริเวณกว้าง ทว่าพลังงานทางจิตของหลิงม่อสามารถผสานเป็นหนวดสัมผัสแต่ละเส้นขึ้นมา จากนั้นก็โจมตีด้วยการเลือกตำแหน่งหนึ่งก่อนแผ่ขยายออกไป
ตอนนี้การปะทะระหว่างพวกเขาก็เป็นแบบนี้เอง…
“ฮ่าๆๆ…แค่เส้นนี้ของแกจะมีพลังแค่ไหนกันเชียว? ชนเข้ากับฉันก็สลายตัวแล้ว!”
เผชิญหน้ากับการยั่วยุของหัวหน้าทีมนิพพาน หลิงม่อกลับนิ่งงันไม่ตอบโต้
ท่ามกลางการปะทะที่ไร้ซึ่งเสียงติดต่อกันเป็นชุด รอยยิ้มบ้าคลั่งทีแรกของหัวหน้าทีมนิพพานก็เริ่มค่อยๆ แข็งทื่อขึ้น
ถึงแม้พลังของหนวดสัมผัสหนึ่งเส้นจะไม่รุนแรง แต่ถ้าเป็นหลายเส้นก็ไม่มีทางต้านทานได้อยู่แล้ว!
หลังจากการโจมตีที่เคยบ้าบิ่นของเขาถูกหลิงม่อขัดขวางอย่างต่อเนื่อง พลังของหัวหน้าทีมนิพพานก็ค่อยๆ ถูกผลาญทิ้งไปไม่น้อย และเมื่อพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดนี้กำลังจะเข้าใกล้เส้นหนวดสัมผัสพิเศษนั้นได้สำเร็จ หลิงม่อกลับยกมือโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองสักนิด และใช้ร่างกายของตัวเขาเองขวางกั้นไว้
จากเดิมที่หัวหน้านิพพานมีสีหน้าหมดหวังและโกรธแค้น หลังจากเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็อึ้งตะลึงไปทันที จากนั้นก็ยิ่งหัวเราะด้วยความบ้าคลั่งขึ้นไปอีก “ใช้มืองั้นรึ? ฉันไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม? แกใช้มืองั้นหรือ? ดูท่าแล้วพลังควบคุมของแกก็คงทำได้แค่นี้ล่ะสิ ฉันนึกว่าแกจะสามารถผสาน “เส้น” ออกมาอย่างไม่จำกัดได้จริงๆ ซะอีก! แต่ถึงแกจะหมดปัญญาแล้ว ก็ไม่น่าถึงกับต้องใช้มือเลยนี่วะ! มันจะมีไปประโยชนอะไร ฮ่าๆๆๆๆ…”
การถ่ายเทและการเปลี่ยนรูปแบบของพลังงานทางจิตล้วนต้องอาศัยพลังสมาธิและความสามารถในการควบคุมเป็นแรงสนับสนุนเบื้องหลัง สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตที่แข็งแกร่งแล้วไม่ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไร แต่ถ้าจะฝึกฝนความสามารถในการควบคุมให้ดีนับเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ถึงจะเรียกว่าความสามารถในการควบคุม แต่ความจริงแล้วมันประกอบด้วยหลากหลายสิ่ง นอกจากความสามารถพื้นฐานที่สุดอย่างการจินตนาการแล้ว ก็ยังมีพลังความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เมื่อรวมปัจจัยเหล่านี้เข้าด้วยกันมันจะผลาญพลังสมองเป็นอย่างมาก
เพราะอย่างนั้นถึงแม้จะมีพลังงานทางจิตเหลือพอใช้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพลังงานเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นหนวดสัมผัสทางจิตได้ทั้งหมด เหมือนกับจำนวนหนวดสัมผัสที่หลิงม่อผสานกำเนิดออกมาเมื่อครู่ ก็ต่างกับจำนวนที่หัวหน้าทีมนิพพานคาดการณ์ไว้ลิบลับ
หลังจากที่ตกตะลึง เขาก็กลับมาเคลิบเคลิ้มมีความสุข
“ฉันคิดมาตลอดว่าแกเป็นคนฉลาด ไม่คิดเลยว่าแกก็มีเวลาที่โง่เขลาเป็นเหมือนกัน!”
แต่ในตอนนี้เอง เสียงหัวเราะของหัวหน้าทีมนิพพานค้างอยู่ในลำคอ
เขาเห็นอย่างชัดเจน…บนข้อมือของหลิงม่อ จู่ๆ ก็มีเปลวไฟสีเลือดหนึ่งวงลุกพรึ่บขึ้น…และในตอนที่พลังงานทางจิตของเขาสัมผัสกับเปลวไฟกลุ่มนี้ ก็ถูกทำลายทิ้งทันที…
ไม่นาน พลังงานทางจิตทั้งหมดที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยก็ถูกกำจัดหมดสิ้น เปลวไฟวงนั้นที่อยู่บนข้อมือของหลิงม่อเลือนรางลงไปมากพอสมควร หลังจากที่ส่ายไหวไปมาสองครั้ง มันก็สลายหายไปต่อหน้าสายตาอึ้งงันของหัวหน้าทีมนิพพาน
“นั่นมัน…คืออะไร…” ในใจหัวหน้าทีมนิพพานปั่นป่วนราวกับถูกคลื่นยักษ์เข้าซัด
รวมทั้งหลิวหยางที่กำลังควบคุมร่างกายที่กำลังดิ้นรนของหัวหน้าทีมนิพพาน ในขณะนี้เขาก็กำลังกะพริบตาถี่
‘ขวางไว้ได้ยังไง? ดูจากปฏิกิริยาการตอบสนองของมนุษย์คนนี้ หลิงม่อคงจะใช้วิธีการบางอย่างที่เหนือธรรมดามาก…’
ทว่าไม่นาน เขาก็เปิดปากพูดด้วยเสียงเย็นชา “หยุดตะลึงเสียที ร่างกายของแกเกือบจะหลุดออกแล้ว รีบหยุดเขาไว้เร็วเข้า!”
ไม่ว่าหลิงม่อจะเผยจุดที่แข็งแกร่งอะไรออกมา ล้วนไม่มีทางส่งผลกระทบต่อแผนการของราชินีแมงมุม…ถ้าไม่ใช่เพราะพลังจิตของหลิงม่อสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นการโจมตีรูปสสารได้ หลิวหยางก็คงลงมือเองแต่แรกแล้ว…
“ใช่สิ…ฉันยังต้องมีชีวิตรอดต่อไป!” หัวหน้าทีมนิพพานตั้งสติกลับมา แต่ในขณะที่เขาตั้งใจจะโจมตีอีกครั้ง กลับสังเกตเห็นว่าจากการอาศัยจังหวะที่เขาตกตะลึงเมื่อครู่ ร่างดวงจิตที่อยู่ข้างหลังเขากำลังใช้มืออีกหนึ่งข้างยื่นเข้าไปในสมองของเขาอย่างรวดเร็ว “มือ” ทั้งสองข้างนี้กำลังดันดวงแสงแห่งจิตที่กำลังต่อต้านของเขาให้ไปรวมกันตรงกลาง ซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสทันที
“อ๊ากกก…หลิวหยางรีบช่วยฉันที! เขาจะฆ่าฉันแล้ว!”
แม้ว่าจะไม่สามารถทำลายดวงแสงแห่งจิตของหัวหน้าทีมนิพพานได้ทันที แต่แค่ความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการต่อต้านไปได้แล้ว ถ้าเขาไม่โดนพันธนาการไว้ เขายังหนีออกไปได้ จากนั้นก็จะอาศัยม่านพลังสกัดกั้นที่เหลืออยู่จัดการกับหลิงม่อ แต่ตอนนี้เขากลับทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ และจดจ้องหลิงม่อที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรต่อหน้า
และในสถานการณ์แบบนี้ จุดอ่อนของม่านพลังสกัดกั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นทุกที…สำหรับหัวหน้าทีมนิพพานแล้ว นี่ถือเป็นวัฏจักรแห่งความเลวร้ายเลยทีเดียว หนำซ้ำเขารู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่า การโจมตีของหลิงม่อไม่เพียงแต่จะไม่มีแนวโน้มอ่อนแอลง แต่มันกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างรางๆ!
นี่มันยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่าวะ!
“แต่ละวิธีการที่หลิงม่อใช้ ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย! หลิวหยาง แกให้ฉันไปอยู่ข้างหลังก่อน ฉันจะเพิ่มความแข็งแกร่งของม่านพลังสกัดกั้น มันจะช่วยได้มากเลย!” หัวหน้าทีมนิพพานแทบจะคลั่งแล้ว ปกติการต่อสู้ของเขาก็ไม่ใช่สไตล์โรคจิตแบบหลิงม่อสักหน่อย…อยู่แนวหลังดีๆ ใครจะไปคิดว่าต้องมาเป็นแนวหน้า…
“งั้นหรือ? แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าแกน่าจะลืมความสามารถของตัวเองแล้ว?” หลิวหยางเอ่ยขึ้น
“ลืม? ฉันไม่ได้ลืมอะไรสักหน่อยนี่!” หัวหน้าทีมนิพพานเพิ่งตะคอกออกไป ก็พลันอึ้งตะลึงทันที
“แกหมายถึง…ไม่…ไม่ๆ!”
จากนั้นเขาที่เพิ่งจะเผยสีหน้าหวาดกลัว จู่ๆ แขนข้างขวาก็เกิดมีเส้นโลหิตนับไม่ถ้วนปูดนูนขึ้นมา ตามมาด้วยเสียง “ฟู่ ฟู่ ฟู่” จากนั้นก็มีเลือดระเบิดออกมาไม่ขาดสาย และด้วยแรงระเบิดในครั้งนี้ แขนข้างนี้ก็เริ่มค่อยๆ ยกขึ้นมา
“กึก กึก กึก…”
เส้นสายแห่งพลังจิตรูปสสารหลายเส้นพันอยู่บนแขนท่อนนี้อย่างแน่นหนา ถึงขนาดรัดเข้าไปลึกๆ ในเนื้อ ทว่าในขณะที่เลือดสดพุ่งกระฉูดออกมา ท่อนแขนนี้กลับกำลังยกขึ้นมาทีละนิด
‘แย่แล้ว! เขาถึงกับยอมละทิ้งการหลุดพ้นจากพันธนาการ ตั้งใจจะยกมือข้างนี้ขึ้นมาให้ได้ เขาต้องมีแผนทำอะไรที่อันตรายแน่! ทว่า…นี่มันคงไม่ใช่พวกแขนกิเลนอะไรพวกนั้นใช่ไหม?’ ถึงแม้หลิงม่อกำลังหลับตา แต่ในความจริงแล้วเขาก็ยังสามารถมองเห็นสถานการณ์บริเวณโดยรอบผ่านเสี่ยวเฮยได้
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่เห็นสีหน้าของหัวหน้าทีมนิพพาน แต่ได้ยินเสียงหวาดกลัวของอีกฝ่ายแล้ว เขากลับเดาเงื่อนงำอะไรบางอย่างออก…
“ไม่…ไม่…อย่านะ…”
“อ๊าก!”
จากเสียงร้องเจ็บปวดแสนสาหัส สองมือของเสี่ยวเฮยที่สอดเข้าไปในดวงแสงแห่งจิตพลันสะดุ้งหลุดออก แม้แต่เส้นสายแห่งพลังจิตที่พันธนาการอยู่บนร่างกายก็ค่อยๆ สลายหายไป…
ในวินาทีนั้น หัวหน้าทีมนิพพานไม่เพียงแต่ระเบิดแรงต้านทานตามสัญชาตญาณออกมาอย่างบ้าคลั่ง พลังงานขุมนี้ถึงกระทั่งสั่นสะเทือนถึงภายนอกร่างกายเขา
“ขยายใหญ่แล้ว…” หลิงม่อตกตะลึงตาค้างไปชั่วขณะ…
“อ๊าก…” เสียงร้องเจ็บปวดของหัวหน้าทีมนิพพานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้องโอดครวญด้วยเสียงต่ำ หลังจากที่ให้เสี่ยวเฮยถอยไปอยู่ด้านหลังอย่างระมัดระวัง หลิงม่อก็ได้เห็นสภาพในตอนนี้ของอีกฝ่ายแล้ว
ทว่าสภาพของเขา กลับทำให้ม่านตาหลิงม่อหดลงเล็กน้อย
“อั้ก อ๊าก…”
มือขวาของหัวหน้าทีมนิพพานปิดอยู่บนตาข้างขวาเขา เลือดสดก็ไหลออกมาตามร่องนิ้วมือเป็นสายๆ
และขณะเดียวกัน หลิงม่อก็สัมผัสรู้ทันที ความรู้สึกที่เหมือนมีคนจดจ้องอยู่บนศีรษะของเขาก็มลายหายตามไป…
แต่หลิงม่อกลับไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ดูเหมือนว่าหัวหน้าทีมนิพพานจะสูญเสียความสามารถในการสอดส่องเขาไปแล้ว แต่การหายไปของความสามารถนี้ จะต้องมีเรื่องที่แย่กว่านี้เกิดขึ้นแน่ๆ
ในตอนนี้เอง หัวหน้าทีมนิพพานค่อยๆ ลดแขนลงมา
เทียบกับสีหน้าแล้ว การเคลื่อนไหวของเขานิ่งสงบเหลือเกิน…
แต่หลิงม่อที่เห็นตาข้างขวาของเขา กลับไม่สามารถนิ่งสงบได้เลย…
“มันคืออะไรวะ!”
ดวงตาข้างนั้นยังอยู่ แต่ในดวงตากลับมีเส้นโลหิตปักอยู่หลากหลายเส้น…
อีกทั้งจากการจับตาดูของหลิงม่อ เส้นโลหิตพวกนี้ยังคงเลื้อยขยับเข้าไปในดวงตาช้าๆ…
แม้แต่หลิงม่อที่เป็นเพียงผู้ยืนมองอยู่ข้างๆ ยังรู้สึกขนลุกขนพอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่เจอกับตัวอย่างหัวหน้าทีมนิพพานเลย…
‘ดวงตาคู่นั้น…คงจะมองไม่เห็นแล้ว…แต่เพราะอะไรกัน ฉันกลับรู้สึกว่าเขาเป็นภัยมากขึ้น? สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปยังไงกันแน่!’