แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1174 การระเบิดพลังของตาขวา
ยิ่งเป็นอันตรายที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้ยิ่งน่ากลัว…อย่างการโจมทีทางจิตของหัวหน้าทีมนิพพาน รวมถึงร่างกายของเขาที่ถูกปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับหลิงม่อ และเพราะแบบนี้เอง หลิงม่อจึงสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างใจเย็น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าตอนนี้ กลับเกินขอบเขตความรู้และประสบการณ์ของเขาไปแล้ว ทว่าถึงจะเป็นแบบนี้ เขาก็สรุปหาคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุดมาได้ตั้งแต่แรก
‘ฟังจากสิ่งที่ปรสิตนั่นพูด ดวงตานี่ต้องเกี่ยวข้องกับพลังบางอย่างของหัวหน้าทีมนิพพานแน่ แต่ดูจากปฏิกิริยาตอบสนองของเขา หากพลังนั่นถูกนำออกมาใช้ ค่าราคาที่ต้องจ่ายต้องมากมายมหาศาลแน่ ดังนั้นจากการคาดเดาในเรื่องนี้ เป็นไปได้สูงมากว่านี่เป็นไม้ตายที่หนึ่งชีวิตนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว และยังจะทำให้เขาสูญเสียดวงตาข้างนั้นไปอีก แล้วเส้นโลหิตพวกนั้นล่ะ? การปรากฏของเส้นโลหิต…อาจจะเป็นวิธีการที่ปรสิตมันใช้กระตุ้นพลังนี้ออกมาใช้ หรือไม่มันก็อาจจะมีบทบาทช่วยเสริมอะไรบางอย่าง ทว่าที่เป็นไปได้มากที่สุดคืออาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง…’
ในขณะที่หลิงม่อกำลังครุ่นคิด หัวหน้าทีมนิพพานก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา และในเสี้ยววินาทีที่ตาขวาของหัวหน้าทีมนิพพานจ้องไปยังหลิงม่อด้วยแววตาประหลาด หลิงม่อก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลังทันที
“ความรู้สึกอันตรายมาก! เหมือนกับกำลังถูกซอมบี้ระดับสูงตัวหนึ่งจ้องเล่นงาน!”
ปีศาจในคราบมนุษย์…หลิงม่อพลันตั้งคำจำกัดความนี้ขึ้นให้หัวหน้าทีมนิพพาน
“ยังมีดวงแสงแห่งจิตของเขาอีก…ทำไมจู่ๆ มันถึงแข็งแกร่งขึ้น…”
หลิงม่อที่สังเกตการณ์อยู่ด้วยความสงสัยพูดขึ้น
และในตอนนี้เอง เขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าหัวหน้าทีมนิพพานผ่านทางเสี่ยวเฮย
เริ่มแรกเขายังไม่ฟื้นคืนสติครบถ้วน ทว่าเมื่อตาซ้ายของเขาเริ่มค่อยๆ รวมจุดโฟกัส เขาก็จ้องมาที่หลิงม่อพร้อมหัวเราะเสียงดัง
“แกตายซะเถอะ!”
ครั้งนี้หัวหน้าทีมนิพพานกลับไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อไร้สาระ แต่ส่งเสียงร้องคำรามออกมาทันที
“เสี่ยวเฮย! ขวางเขาไว้!”
หลิงม่อสะดุ้งตกใจ รีบโบกมือให้ร่างดวงจิตออกไปรับมือ
เสี่ยวเฮยหายไปจากตรงหน้าหลิงม่อทันที จากนั้นวินาทีต่อมาที่เธอเพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าหัวหน้าทีมนิพพาน หลิงม่อกลับเห็นภาพที่ทำให้เขาต้องตกตะลึง
“โครม!”
คล้อยหลังเสียงแหลมสูง หัวหน้าทีมนิพพานปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง ความเร็วของหมัดนี้เร็วพอๆ กับการปรากฏตัวของเสี่ยวเฮย แต่นี่ยังไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้หลิงม่อตกตะลึง สิ่งที่ทำให้ดวงตาทั้งสองของหลิงม่อเบิกกว้างจริงๆ คือ หมัดนี้…นึกไม่ถึงว่าจะกระแทกลงไปบนร่างเสี่ยวเฮย!
นี่ยังไม่เท่าไหร่…หลังจากการสั่นไหว บนร่างกายของเสี่ยวเฮยกลับมีหลุมยุบลงไปปรากฏขึ้น!
ถึงแม้ว่าหลังเคลื่อนไหว หลุมที่เกิดขึ้นจะได้รับการเติมเต็มจากหมอกสีดำ แต่ถ้าเทียบกับส่วนอื่นๆ แล้ว ตรงรอยหลุมนั้นเลือนรางขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด หรือก็คือพลังจิตที่หลอมรวมเป็นเสี่ยวเฮยถูกหมัดนั้นผลาญพลังไปบางส่วน
และการที่เสี่ยวเฮยถูกซัดบนร่างกาย ก็ทำให้สีหน้าของหลิงม่อซีดขาวขึ้นไปด้วย ถึงแม้พลังงานในดวงแสงแห่งจิตของเขาจะไม่ได้ถูกผลาญไปด้วยเหตุนี้ แต่การที่เสี่ยวเฮยถูกโจมตีกลับทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตขั้นรุนแรง…
“ตอนนี้เขาสามารถ…ใช้ร่างกายจัดการกับพลังจิตได้โดยตรง…”
ในขณะที่หลิงม่อตกตะลึง ในใจก็พลันคิดว่าจัดการไม่ได้ง่ายๆ
“เป็นยังไงล่ะหลิงม่อ? ฉันรู้ว่าแกมั่นใจในพลังจิตของตัวเองมาก แต่ตอนนี้แกคงจะรู้แล้วล่ะสิ? คนที่ถูกส่งมาฆ่าแกทุกคนต่างมีไพ่ลับอยู่ในมือกันคนละใบสองใบ ถึงมนุษย์สายเสริมกำลังที่ส่งไปพวกนั้นจะถูกสัตว์ร้ายที่ตามติดแกสยบลงได้ แต่นี่ต่างหากถึงจะเป็นของขวัญพบหน้ากันที่ฉันเตรียมไว้ให้แก…” เสียงพูดของหลิวหยางดังมาจากทางด้านหลัง
ไม่ต้องให้ฉันเอ่ยปากพูด แกก็คงจะดูออก แต่ถึงแม้แกจะดูไม่ออก ฉันก็บอกให้แกรู้โดยตรงได้ เพราะถึงแกจะรู้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ก็ไม่มีทางจัดการกับเรื่องนี้ได้ แกคงจะคิดได้แล้วใช่ไหมล่ะ? เหตุผลที่เจ้ามนุษย์นี่สามารถป้องกันม่านพลังสกัดกั้นได้อย่างต่อเนื่อง ต่อให้แกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า มันก็แค่ได้รับผลกระทบนิดหน่อย ไม่สามารถเจาะทะลุได้โดยตรง นั่นเป็นเพราะว่าพลังจิตของเจ้ามนุษย์นี่กับแกเหมือนกันตรงที่ไม่ได้ถูกเก็บสะสมไว้ในที่เดียว ใช่แล้ว…ตรงนั้นก็คือในดวงตาของมัน”
“ฉันบอกตรงๆ กว่านี้หน่อยก็ได้…มันไม่เพียงสามารถเก็บสะสมพลังจิตส่วนหนึ่งไว้ที่ตาขวา แต่ยังปล่อยพลังจิตด้วยความเร็วและปริมาณมากขึ้นผ่านทางตาได้อีก ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าประโยชน์ของดวงตาข้างนี้สามารถแผ่ขยายไปได้ทั่วร่างกายล่ะก็ ทั่วทั้งร่างกายมันก็จะเป็นสื่อกลางในการถ่ายพลังจิตออกมาได้ และจะเก็บสะสมพลังจิตได้มากขึ้น…”
หลิวหยางคล้ายมีเจตนาที่จะดึงความสนใจของหลิงม่อมาที่เขา เพราะระหว่างที่กำลังพูดอยู่นั้น เสี่ยวเฮยและหัวหน้าทีมนิพพานก็ปะทะกันอย่างบ้าคลั่งไปไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งแล้ว
ทว่าแม้หลิงม่อจะรู้เรื่องนี้ เขากลับฟังแล้วเคร่งเครียด
หลิงม่อไม่รู้จักสมาชิกทีมนิพพานคนนี้เลยสักนิด แล้วเขาจะไปรู้ข้อมูลลับพวกนี้ได้ยังไงกัน? แต่สิ่งที่หลิวหยางพูดออกมาทั้งหมดเขาฟังเข้าใจทุกอย่างแล้ว…เห็นได้ชัด สมาชิกทีมนิพพานคนนี้ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการโจมตี แต่ถึงอย่างไรความสามารถก็ยังคงโดดเด่นกว่าสมาชิกในทีมคนอื่น เหมือนกับหลิงม่อซึ่งฝืนผสานกำเนิดหนวดสัมผัสแต่ละเส้นจากพลังงานแห่งจิตที่ไร้เงาไร้รูปร่าง ทั้งยังทำให้พวกมันอยู่ในรูปสสาร หัวหน้าทีมนิพพานก็กำลังพยายามทดลองบางอย่างอย่างถึงที่สุดเหมือนกัน
และสิ่งที่หัวหน้าทีมนิพพานทำ ก็คือการใช้ประโยชน์จากเส้นประสาทของตนเอง…
ใช่แล้ว สิ่งที่หลิวหยางพูดยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่ตัวหลิวหยางเองก็ยังไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ สิ่งที่สามารถเก็บสะสมพลังจิตและเป็นสื่อกลางปล่อยเทพลังออกมาจริงๆ ไม่ใช่ดวงตาข้างนั้น แต่เป็นเส้นประสาททางจิตที่อยู่ภายในลูกตา ส่วนการจะแผ่ขยายออกไปทั่วส่วนอื่นๆ ของร่างกายย่อมใช้หลักเหตุผลเดียวกัน…
‘คิดไม่ถึงว่าเจ้านี่ค่อนข้างฉลาดอยู่เหมือนกันแฮะ ยังอุตส่าห์คิดถึงจุดนี้ได้ ทำให้เจ้าหุ่นเชิดนี่ทำสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่จากปฏิกิริยาตอบสนองที่เจ็บปวดของเขา ความสามารถในระดับปัจจุบันก็คงจะแค่ใช้ตาข้างนี้ในการสอดส่องล่ะมั้ง? การที่ฝืนใช้มันโจมตี และยังแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย…นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะแค่การชี้นำของราชินีแมงมุม แต่ยังมีการทำลายตาของเขาไปหนึ่งข้างนั่นอีก หรือจะพูดว่า…ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้…จู่ๆ การโจมตีของเขาก็บ้าคลั่ง ความสามารถก็พรั่งพรูขึ้นมามากมาย แม้แต่ฉันยังรู้สึกว่ายากที่จะรับมือเลย…ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานพลังจิตของเขาจะถูกผลาญจนหมด…’
ถึงแม้หลิงม่อจะตกตะลึงกับพลังนี้มาก แต่กลับไม่มีความคิดที่จะเรียนรู้มันเลย และก็ไม่ได้อยากไต่ถามแผนการที่วางไว้ของหัวหน้าทีมนิพพานหรือของราชินีแมงมุมด้วย แต่หัวหน้าทีมนิพพานมีไพ่ใบใหญ่ขนาดนี้อยู่ในมือก็ยังกลายเป็นหุ่นเชิดโดยไม่รู้ตัวได้ เรื่องนี้กลับทำให้หลิงม่อกลัวเกรงราชินีแมงมุมมากขึ้น หลิงม่อไม่มีพลังสกัดกั้นและสอดส่องที่ป่าเถื่อนอย่างหัวหน้าทีมนิพพาน ราชินีแมงมุมวางแผนกับทุกคนภายใต้สายตาของคนแบบนี้ได้ เช่นนั้นถ้ายัยแมงมุมนี่เกิดเพ่งเล็งคนใกล้ตัวของหลิงม่อล่ะ?
หลิวหยางราวกับอ่านความคิดของหลิงม่อออก จึงเปิดปากพูด “เหมือนแกจะตกใจมากสินะ? แต่คงไม่ได้เป็นเพราะเห็นสภาพของเจ้ามนุษย์นี่อย่างเดียวหรอก…ขอฉันเดาดูสักหน่อย…เป็นเพราะฉันหรือ? วางใจเถอะ ยังไงวันนี้ฉันก็จะได้ตัวแกไปแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรตามมาอีกแล้วล่ะ…แต่ถ้าหากแกไม่ให้ความร่วมมือ งั้นก็พูดกันยากแล้ว…”
……………………………………….