แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1176 แม้แข็งแรงทนทานอีกแค่ไหน ก็แพ้กรดซัลฟูริก
“บอล? บอลอะไร?” หัวหน้าทีมนิพพานตะลึงงัน ชื่อนี้ฟังไม่เหมือนมีพิษมีภัยอะไรเลยนี่…
ทว่าในวินาทีต่อมา สถานการณ์กลับตาลปัตร ชายหนุ่มที่ภายนอกไม่เหลือเค้าความเป็นมนุษย์อีกแล้วพลันกรีดร้องอย่างทรมานแสนสาหัสยิ่งกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า
กระทั่งหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ไม่อาจแม้แต่จะเปล่งเสียงออกมาด้วยซ้ำ ได้เพียงยืนตาเหลือกขาวอยู่ที่เดิม ในขณะที่ร่างกายกระตุกสั่นไม่หยุด
อีกทั้งในระหว่างนั้น “แมลงพิษ” เหล่านั้นที่อยู่บนตัวเขาเองก็เหมือนจะได้รับผลกระทบโดยตรง พวกมันเริ่มดิ้นพล่านและค่อยๆ อ่อนแรงลง
“นั่นมัน…”
สายตาของหลิวหยางจับจ้องไปที่ศีรษะของหัวหน้าทีมนิพพาน…นั่นคือสิ่งมีชีวิตโปร่งใสตัวหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้น รูปร่างภายนอกโดยรวมของมันคล้ายแมงกระพรุน ก่อนหน้านี้ตอนที่มันซุ่มตัวเงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อนก็ถึงขั้นสามารถอำพรางตัวจากสายตาพวกเขาได้อย่างแนบเนียน แต่เมื่อหนวดสีแดงเหล่านั้นเคลื่อนขยับ มันก็สำแดงอานุภาพทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวให้เห็นทันที
เดิมที อาศัยความแข็งแรงทนทายาดของผิวหนังของหัวหน้าทีมนิพพาน แม้หนวดเหล่านั้นจะกลายเป็นเข็มเหล็ก ก็ยากที่จะทิ่มแทงเข้าไปในสมองของเขา ซึ่งนั่นคือจุดแข็งที่ทำให้เขาสามารถยื้อยุดกับหลิงม่อมาจนถึงตอนนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือหลิวหยางล้วนไม่มีใครคาดคิด ภายใต้สถานการณ์ที่หลิงม่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มตัว เขากลับเตรียมแผนสำรองไว้ตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งแผนสำรองนี้ก็ยังง่ายดายถึงเพียงนี้ด้วย…
แต่หัวหน้าทีมนิพพานกลับยังคงหลงกล…นี่ไม่ใช่เพราะเขาโชคไม่ดี แต่เป็นเพราะหลิงม่อเล็งจังหวะได้เหมาะเจาะเหลือเกิน
นอกจากนี้…พวกเขายืนใกล้กันมาก! ถ้าหากว่าเร็วหรือช้ากว่านี้ไปเพียงหนึ่งวินาที ตอนนี้คนที่กำลังกรีดร้องเจ็บปวดอยู่ อาจเป็นหลิงม่อเองก็ได้…
“คือการเดิมพันงั้นหรือ? ไม่สิ…มันคือความมั่นใจ…” หลิวหยางพึมพำเสียงต่ำ
ทว่าไม่นาน ความสนใจของเขาก็ถูกดึงกลับไปที่เจ้ามาสเตอร์บอลอีกครั้ง
“ไม่ทันกาลซะแล้ว…”
หนวดของมันทิ่มแทงเข้าไปในกะโหลกของหัวหน้าทีมนิพพานแล้ว และเมื่อหนวดเหล่านั้นแทงลึกเข้าไปในสมอง ปากของหัวหน้าทีมนิพพานก็พลันอ้ากว้าง จากนั้นราวกับว่าเขาถูกดูดพลังจากภายในออกไปทีละนิดๆ สีหน้าแสดงออกถึงความทุกข์ทรมานเกินทานทน พร้อมกับที่สีเลือดฝาดบนใบหน้าจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“…ถ้าฉันไม่ฆ่าแก แกก็จะฆ่าฉัน” หลิงม่อยืนมองหัวหน้าทีมนิพพานที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย
นี่คือการเอาตัวรอด…ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากเดินหน้าหรือถอยหลังเพียงหนึ่งก้าว สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าคือความเป็นหรือความตาย แต่บนทางเส้นนี้ ผู้ใดที่ขวางทางคนอื่น ล้วนต้องประสบกับจุดจบที่ต้องฆ่าหรือไม่ก็ถูกฆ่าเสมอ
แต่จนกระทั่งวันนี้ ส่วนลึกในใจของหลิงม่อก็ยังคงรู้สึกเศร้าโศกรางๆ บนทางเส้นนี้ ยิ่งเดินมาไกลเท่าไหร่ ก็ยิ่งลำบากยากเข็ญขึ้นเรื่อยๆ…
“พลั่ก!”
ในที่สุด ร่างของหัวหน้าทีมนิพพานก็ล้มลงไปในสภาพเหยียดตรงและแข็งทื่อ ศีรษะของเขาหันออกมาด้านข้าง เผยให้เห็นดวงตาที่ไร้ซึ่งแววเคียดแค้นที่ยังคงจ้องตรงมาที่หลิงม่อ
“แปะ!”
เจ้ามาสเตอร์บอลผละออกจากศีรษะของหัวหน้าทีมนิพพาน จากนั้นก็กระโดดทิ้งตัวลงบนฝ่ามือของหลิงม่อ
มันยังคงมีขนาดตัวเท่าฝ่ามือเหมือนเดิม ทว่าเวลานี้ในร่างกายของมันกลับเต็มไปด้วยพลังงานทางจิตที่กำลังไหลเวียนอยู่ในนั้น
ทว่าหลิวหยางกลับไม่สามารถมองเห็นภาพที่เหมือนแมงกะพรุนตัวนี้กำลังเรืองแสงอยู่ ความจริงสิ่งแรกที่เขาสังเกตก็ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นศีรษะของหัวหน้าทีมนิพพาน
บนศีรษะของเขาถูกปกคลุมไปด้วยจุดสีแดงมากมาย มองแวบแรกคล้ายไม่มีอะไร แต่พอนึกเชื่อมโยงกับภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็ชวนให้รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“ก็สงสัยอยู่ว่ามันแทงเข้าไปได้อย่างไร…ที่แท้ก็อาศัยการกัดกร่อน ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด เจ้ามาสเตอร์บอลตัวนี้จะต้องปล่อยของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนได้แน่ๆ อาศัยหนวดพวกนั้น มันสามารถปล่อยของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนลงบนผิวหนังของมนุษย์คนนั้นได้โดยตรง จากนั้นก็แทงหนวดเข้าไปได้อย่างง่ายดายราวกับเจาะสว่านไฟฟ้า แต่สิ่งที่มันดูดกลืนไป กลับไม่ใช่เลือดและเนื้อในร่างกายเขา แต่เป็นพลังงานทางจิต…สิ่งมีชีวิตแปลกใหม่ที่สามารถกลืนกินพลังงานทางจิตได้…น่าสนใจ…” หลิวหยางพูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“น่าสนใจบ้านแกสิ…เรื่องแบบนี้จะวิเคราะห์ก็ช่วยวิเคราะห์ในใจเงียบๆ ไม่ได้หรือไง? อีกอย่างทำไมต้องพูดอะไรยืดยาวขนาดนี้ ทั้งที่ความจริงแค่ประโยคเดียวก็สรุปได้ทั้งหมดแล้ว แม้แข็งแรงทนทานอีกแค่ไหนก็แพ้กรดซัลฟูริก…” หลิงม่อพลิกมือเก็บเจ้ามาสเตอร์บอลเข้าไปในกระเป๋า แล้วบอกไป
ดูดกลืนพลังมามากขนาดนี้ อย่างไรเจ้ามาสเตอร์บอลก็ลงมืออีกครั้งไม่ได้แล้ว อีกทั้งไม่ว่าอุบายซุ่มโจมตีใด เมื่อถูกนำออกมาใช้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก
หลิวหยางกลอกตามองไปทางหลิงม่อ พลันถามว่า “ทำไมล่ะ ฉันพูดออกมาแบบนี้แล้วแกรู้สึกไม่ดีงั้นหรือ? แต่เขาเป็นศัตรูของแกนี่? ถึงฉันไม่ลงมือ เขาก็ต้องฆ่าแกอยู่ดี เรื่องนี้แกน่าจะรู้ดี ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ยิ่งเขาตายอย่างน่าอนาถเท่าไหร่ แกก็ต้องยิ่งรู้สึกยินดีไม่ใช่หรือไง?”
“ใช่ เป็นศัตรู ฉันถึงได้ลงมือฆ่าเขาอย่างไม่ออมมือไงล่ะ แต่ตายแล้วก็คือตายแล้ว ตอนนี้ศัตรูที่ฉันสนใจกว่าเขา ก็คือแก และนิพพานที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเขา” หลิงม่อพูดเสียงเนิบ
จะถือสาหาความอะไรกับศัตรูที่ตายไปแล้วอีก…จะมีก็แต่สิ่งที่เป็นอมนุษย์เท่านั้นที่จะกินศพของศัตรูจนไม่เหลือซาก…
หลิงม่อลอบกลอกตา เทียบกับเหล่าซอมบี้สาวที่อยู่กับเขา สัตว์ประหลาดที่วิวัฒนาการท่ามกลางความป่าเถื่อนอย่างราชินีแมงมุมมีความคิดที่โหดร้ายกว่าตามคาด…
ทว่าจะเรียกว่าโหดร้ายหรือไม่นั้นเป็นแนวความคิดของมนุษย์เท่านั้น สำหรับราชินีแมงมุม หากเธออยากวิวัฒนาการ ก็ต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่ดุเดือนขึ้นเรื่อยๆ นองเลือด…โหดร้าย…สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงปัจจัยที่สำคัญต่อชีวิตประจำวันของเธอเท่านั้น
“มนุษย์นี่แปลกนะ…” หลิวหยางพึมพำอีกหนึ่งประโยค จากนั้นก็เงยหน้ามองเพดานและพื้นอาคาร ถามว่า “แกหลุดจากพลังสัมผัสรู้ได้ยังไง? ม่านพลังสกัดกั้นของเขาไม่เท่าไหร่ แต่การขัดขวางจากฉัน แกฝ่าออกไปได้ยังไง?”
การปรากฏตัวของหนวดเหล่านั้นและเจ้ามาสเตอร์บอลอยู่นอกเหนือความคาดหมายมากจริงๆ…
“ทำไมฉันต้องบอกแก?” หลิงม่อกลับกลอกตาอีกครั้ง พลางตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า
เห็นชัดว่าหลิวหยางเองก็ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้คำตอบแบบนี้กลับมา จึงชะงักไปครู่หนึ่ง อีกทั้งหลังได้สติ เขากลับตอบออกไปอย่างซื่อสัตย์ “ทำไมงั้นเหรอ? เมื่อกี้ฉันก็ตอบคำถามของแกเหมือนกันนี่ อีกอย่าง ฉันก็แค่สงสัยมากเท่านั้นเอง…”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?” หลิงม่อย้อนถามอีกครั้ง
หลิวหยางครุ่นคิดอย่างจริงจังอีกครั้ง…ทว่า เขากลับคิดคำตอบไม่ออก…
หลิงม่อกลับลอบปาดเหงื่อเงียบๆ…ไม่คิดว่าทั้งที่แข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้ว ยัยนี่ยังมีด้านที่ซื่อบื้ออย่างนี้เหลืออยู่อีก…ซอมบี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตรงไปตรงมาจริงๆ ไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยมซะบ้างเลย…
“ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ ยังไงหลังจากที่สู้กับแก ฉันก็คงจะเข้าใจเอง” อยู่ๆ หลิวหยางก็เงยหน้าขึ้นแล้วบอก และในเสี้ยววินาทีที่สิ้นเสียงพูดของเขา หลิงม่อก็อึ้งงันไปทันที
ม่านพลังสกัดกั้นหายไปแล้ว…แต่ในเสี้ยววินาทีที่หลิวหยางพุ่งตัวเข้ามา หลิงม่อกลับรู้สึกราวกับตัวเองตกสู่ห้วงภวังค์แห่งภาพมายาหนึ่ง…
ทุกสิ่งรอบกายกำลังเคลื่อนถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว สรรพเสียงทั้งปวงก็ราวกับเงียบหายไปในทันที และท่ามกลางความมืดที่คืบคลานเข้ามา หลิงม่อมองเห็นเพียงเงาร่างของคนผู้เดียว…
ไม่ได้พุ่งตัวเข้ามา แต่เขาแค่กำลังเดินเข้ามาหาหลิงม่อช้าๆ…
ทว่าพลังอันแข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงนี้ กลับทำให้ร่างกายของหลิงม่อตึงเกร็งไปทั้งตัว
แกร่งมาก!
……………………………………………………