แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1183 ดวงตาที่ซ่อนอยู่ในป่าร้าง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน เฮยซือพลันม่านตาหาดตัว พร้อมกับที่ฝีเท้าชะงักหยุดทันที
และตอนนี้เองที่เธอเพิ่งจะตระหนักได้ว่า หลังจากที่ซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นกระโดดลงมา มันกลับไม่มีท่าทีว่าจะจู่โจมเธอเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับพุ่งตัวไปด้านข้างแทน
ขณะเดียวกัน ซอมบี้วิวัฒนาการหลายตัวกลับฉวยโอกาสย่องเข้ามาใกล้ๆ เธอ แต่พอเฮยซือหยุด ซอมบี้ที่หมายคิดจะย่องเบาเข้าใกล้เธอเหล่านี้ก็พลันถูกเปิดโปง พวกมันไม่ได้จู่โจมเข้ามาโดยตรง แต่กลับเคลื่อนกายหลบเลี่ยงอยู่ท่ามกลางเส้นไหมสีเงินที่กำลังเหวี่ยงจู่โจม
“เมื่อกี้มันหลอกฉันงั้นเหรอ?” เฮยซือกระจ่างทันที
เมื่อกี้ ซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นทำท่าเหมือนจะเข้ามาสู้กับเธออย่างเห็นได้ชัด แต่ปรากฏว่าหลังกระโดดลงมามันกลับพุ่งตัวไปอีกทาง ถ้าหากว่าเธอพุ่งตัวเข้าไปหามันจริงๆ นอกจากจะจับซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นไม่ได้แล้ว ตอนนี้เธออาจตกอยู่ในวงล้อมที่อันตรายกว่าเดิมไปแล้ว
“สารเลว…แต่ที่มันทำอย่างนี้ก็เพราะคิดจะ…” เฮยซือเพิ่งจะขมวดคิ้ว ซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นก็พลันเคลื่อนไหว
มันคำรามเสียงต่ำ จากนั้นเหล่าซอมบี้วิวัฒนาการที่ล้อมสังหารล้มเหลวก็พลันพุ่งพรวดเข้ามาพร้อมกันทันที
พวกมันกำลังคิดจะเข้ามาเหนี่ยวรั้งเฮยซือไว้ให้ได้ โดยไม่สนว่าจะเป็นหรือตาย…
และพฤติกรรมของซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นก็ยืนยันการคาดเดาของเฮยซือ…เพราะมันหมุนกายและพุ่งตัวไปทางพวกอวี่เหวินซวนที่อยู่ข้างหลังอย่างที่เธอคาดไว้ไม่ผิด
“ยังไม่ยอมล้มเลิกอีก! ขนาดถูกมองออกแล้วก็ยังไม่ยอมแพ้อีก!” แววเหี้ยมโหดพาดผ่านดวงตาของเฮยซือชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าเธอเกือบจะเสียรู้แล้ว…
ท่ามกลางเพลิงโทสะ เฮยซือพลันกระตุกข้อมือหนึ่งที นิ้วมือทั้งสิบกำเข้าหากันทันใด
เมื่อเส้นเลือดนูนชัด มือเล็กๆ ของโลลิตัวน้อยก็พลันเปี่ยมไปด้วยพลังโจมตี
“ลองเอาอุ้งมือสุนัขของฉันไปชิมซะ! เห็นฉันไม่เอาจริงแล้วคิดว่าฉันเป็นแค่สัตว์เลี้ยงเชื่องๆ หรือไง!”
เมื่อฝ่ามือพุ่งออกไป ลมปราณที่แผ่รอบกายเฮยซือก็พลันเปลี่ยนไป
เดิมทีเพราะมีพุ่มหญ้าบดบัง พวกมู่เฉินจึงมองเห็นสถานการณ์ได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ตอนนี้พวกเขากลับอดขนลุกซู่ไม่ได้…
นี่มัน มีสัตว์ร้ายหลุดออกจากภูเขาหรือยังไง?
“เฮยซือ!” ทว่าตอนนี้เอง หลิงม่อกลับร้องเรียกสุนัขตัวเมียที่ใกล้คลั่งตัวนี้ให้หยุดอีกครั้ง “อย่าหลงกลสิ รีบสั่งให้ทุกคนรวมตัวกัน และถอยมาทางพวกฉันเร็ว! ไม่สิ…เดี๋ยวนะ ถอยมาทางพวกฉันไม่ทันแล้ว…”
“เฮอะ ฉันไม่…หืม? หลงกล?” เฮยซือพลันฉุกคิด ตอนแรกหมายจะเอาแต่ใจซักหน่อย แต่กลับถูกประโยคหลังของหลิงม่อทำให้อึ้งงันไป
“ใช่…อันตรายที่แท้จริง อยู่ในที่ที่เธอมองไม่เห็น…”
ขณะที่กำลังพูด ตัวหลิงม่อก็วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสอง
สีหน้าเขาดูเคร่งเครียด และทิศทางที่สายตาของเขากำลังทอดมองไปนั้น…
ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง แผ่ซ่านมาจากทิศทางนั้น
ถึงแม้ภายนอกดูไม่ออกว่าอะไรที่ทำให้ป่าร้างผืนนั้นดูผิดปกติ แต่หลิงม่อกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีอันตรายบางอย่างกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว…
และสถานการณ์ในโกดังอาหารตอนนี้ ทุกคนกลับถูกจับแยกกันคนละทิศคนละทาง…
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ต้องเกิดเรื่องแน่!
ทั้งหมดเกิดขึ้นจากสัญชาตญาณของหลิงม่อล้วนๆ และเวลานี้ฝ่ายที่เขาจะรายงานเรื่องนี้ให้รู้ได้ ก็มีเพียงเฮยซือเท่านั้น
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาคิดว่าไม่ทันแล้วนั้น…กลับเป็นเพราะตอนนี้มีซอมบี้บางกลุ่มกำลังแอบย่องออกมาจากอาคารสำนักงานและมุ่งหน้ามาทางพวกเขาแล้ว
หากเป็นอย่างนี้ พวกเฮยซือก็จะถูกแยกจากพวกเขาอย่างสมบูรณ์
“พวกเราไปช่วยทางนั้นกันเถอะ” สวี่ซูหานเสนอ
ดูจากสีหน้าของหลิงม่อ เธอสัมผัสได้รางๆ ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก
นอกจากนี้ พฤติกรรมของซอมบี้พวกนี้ก็ผิดปกติมากด้วย
พวกมันไม่ค่อยเหมือนกับซอมบี้ที่มักเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามท้องถนน…แต่เหมือนกองกำลังที่มีผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังมากกว่า
ฝูงซอมบี้ประเภทนี้ แม้ว่าแต่ละตัวจะมีพลังความสามารถไม่สูงนัก แต่เมื่อรวมตัวกัน พลังสังหารแบบกลุ่มย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
ถึงขั้นพูดได้ว่าพวกมันอันตรายยิ่งกว่าปรสิตพวกนั้นเสียอีก…เพราะพวกมันได้เปรียบในเรื่องของจำนวนอย่างขาดลอย
ซย่าน่าขมวดคิ้ว เธอมองตามสายตาของหลิงม่อที่จ้องไปยังป่าร้างผืนนั้น กระทั่งรู้สึกใจเต้นขึ้นมาชั่วขณะอย่างไม่รู้สาเหตุ
เสี้ยววินาทีนั้น ราวกับว่าเธอได้สบตากับบางสิ่งเข้า…
“หรือยังมีปรสิตแบบนั้นหลงเหลืออยู่อีก?” ซย่าน่าอดคิดไม่ได้
แต่ว่า ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลยนี่นา…
“ก็ดีเหมือนกัน แต่พวกเราจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ต้องถอยไปทางโกดัง” หลิงม่อบอก สถานที่ที่ยังดูปลอดภัยในตอนนี้ เหลือเพียงโกดังอาหารหลังนั้นแล้ว อีกทั้งทางเข้าโกดังอาหารก็มีเพียงทางเดียว ฉะนั้นความปลอดภัยจึงค่อนข้างสูงกว่าที่อื่น
ทว่าโกดังอาหารอยู่ค่อนข้างไกล รอบด้านก็มีซอมบี้อยู่ไม่น้อย ถ้าหากต้องรอให้ทุกคนมารวมตัวกันทั้งหมด ก็จะมีตัวแปรมากเกินไป ซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือพวกเขาอาจถูกล้อมใกล้ๆ ลานจอดรถ
“ดังนั้นพวกเรายังต้องแยกทีมย่อยออกมาอีกหนึ่งทีม ทีมหนึ่งเคลียร์เส้นทางไปโกดังอาหาร ส่วนอีกทีมมีหน้าที่ไปช่วยพวกเฮยซือให้ฝ่าวงล้อมออกมา จากนั้นก็ถอยไปรวมตัวกันที่โกดัง” หลิงม่อบอก
กู่ซวงซวงพูดขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ “อย่างฉัน…คงทำได้เพียงต้องไปโกดังสินะ ถ้าหากมีอะไรซ่อนตัวอยู่ในนั้น อย่างน้อยฉันก็สามารถช่วยสัมผัสรู้ได้”
“ก็ดีเหมือนกัน” หลิงม่อพยักหน้า
“แต่เวลากระชั้นชิดขนาดนั้น เธอคนเดียวคงสัมผัสรู้ไม่ทัน พี่หลิง พี่ดูเหมือนจะยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ งั้นพี่ก็ไปที่โกดังด้วยเลย พาพี่เย่เลี่ยนกับรุ่นพี่ไปด้วย” ซย่าน่าเสนอ
“ใช่ ฉันกับซย่าน่าต่างก็ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด…อีกอย่าง หากเป็นพวกฉัน เวลาต่อสู้ท่ามกลางฝูงซอมบี้ก็จะไม่ค่อยมีอันตรายด้วย” สวี่ซูหานพูดแฝงความหมาย ถูกอย่างที่เธอพูดจริงๆ ถ้าหากจะเข้าไปช่วยพวกเฮยซือให้ฝ่าวงล้อมออกมา ก็หมายความว่าต้องเข้าไปอยู่ในวงล้อมซอมบี้ หากเป็นคนธรรมดา คงยากจะทำอย่างนั้นได้
การยืนหยัดอยู่ท่ามกลางวงล้อมซอมบี้ กับจู่โจมซอมบี้ฝูงหนึ่ง เป็นสองสถานการณ์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากโดนข่วนเพียงครั้งเดียวก็ติดเชื้อได้เลยนะ!
ที่สวี่ซูหานพูดประโยคนี้ขึ้นมา ก็เพราะต้องการเกลี้ยกล่อมหลิงม่อด้วยเช่นกัน
“เอาอย่างนั้นก็ได้ งั้นพวกเธอต้องระวังด้วยนะ ตอนที่พวกเธอฝ่าวงล้อมเข้าไป เฮยซือเองก็จะพยายามรวบรวมสมาชิกทุกคนให้อยู่รวมกลุ่มกัน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเธอทั้งสองฝ่ายก็จะต้องกดดันมาก แล้วอีกเรื่องหนึ่ง พวกเราจะออกไปทางประตูหลัก พวกเธอสองคนกระโดดออกไปทางหน้าต่างแล้วกัน รอให้ซอมบี้พวกนั้นถูกพวกฉันดึงความสนใจได้ก่อน พวกเธอค่อยแอบเคลื่อนไหว ยิ่งถูกเห็นช้าก็ยิ่งเพิ่มโอกาสรอด” หลิงม่อกำชับเสริม
“วางใจเถอะ คนที่อันตรายน่ะมันฉันต่างหาก พวกมันสิต้องเป็นฝ่ายตื่นกลัว” ซย่าน่าเลียริมฝีปาก พลางพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวัง
สวี่ซูหานกลับขนลุกซู่โดยอัตโนมัติ แต่ก็รีบคลี่ยิ้มกลบเกลื่อนทันที “แหะๆ…ใช่แล้วๆ พวกมันนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายกรีดร้อง เนอะ…”
“ไอ้คำว่า ‘เนอะ’ ของเธอฟังดูเสียงหลงๆ นะ…”
“เหลวไหลน่า! ซย่าน่า พวกเราไปกันเถอะ! เอ่อ…อย่างไรให้ฉันตามหลังเธอจะดีกว่านะ…”
“เอาล่ะ พวกเราก็ไปกันได้แล้ว” หลิงม่อพูดขึ้นทันที
การเคลื่อนไหว…ต้องเริ่มโดยเร็ว…
ทว่าก่อนที่จะเดินจากไป หลิงม่อกลับอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองป่าร้างผืนนั้นแวบหนึ่ง ในใจกลับคิดอย่างสงสัย ‘มันคืออะไรแน่…’
ท่ามกลางป่าร้าง ดวงตาสีแดงคู่หนึ่งมองลอดพุ่มหญ้าไปยังหน้าต่างบานนั้น ลอบมองดูเงาร่างของหลิงม่อที่กำลังเดินออกจากตรงนั้นเงียบๆ…