แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1186 เธอมันสุนัขเจ้าเล่ห์!
“มีเสียง…”
เจ้าลิงผอมที่เกาะอยู่บนกำแพงของอาคารสำนักงานพลันยืดตัวขึ้นตรง พลางพูดกับจางซินเฉิงที่กำลังถือปืนเตรียมยิงตรงหน้า
ขณะนี้พวกเขาออกมาอยู่นอกตัวอาคารกันหมดแล้ว และถูกปิดล้อมในพื้นที่ทรงสามเหลี่ยมนอกตัวอาคาร เนื่องจากจำนวนซอมบี้มากเกินไป พวกเขาจึงทำได้เพียงเอาหลังแนบกำแพงอาคาร เพื่อป้องกันตัวจากซอมบี้ที่พยายามแอบอ้อมมาโจมตีด้านหลังพวกนั้น แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น กลับยังมีซอมบี้โผล่ออกมาจากบานหน้าต่างชั้นสอง แอบกระโดดลงมาเข้าโจมตี
ในสถานการณ์แบบนี้ ทำได้เพียงแค่พึ่งพาเจ้าลิงผอมที่สัมผัสรู้ได้ถึงสถานการณ์โดยรอบจากการฟังเสียงเคลื่อนไหวเล็กน้อยพวกนั้น และจางซินเฉิงที่เป็นผู้มีความสามารถพิเศษในการโจมตีระยะไกล ก็รับหน้าที่เป็นการ์ดป้องกันเจ้าลิงผอม รวมถึงรับผิดชอบฆ่าผู้ลอบโจมตีทุกคนที่โผล่มา ด้วยเหตุนี้หน้าที่ต่อสู้หลักจึงเป็นของเย่ไคและพวกอีกสองคน สถานการณ์เลวร้ายมาก…
เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าลิงผอม จางซินเฉิงที่สีหน้าเคร่งเครียดก็ขยับปากกระบอกปืนทันที ถามเสียงขรึมว่า “อยู่ตรงไหน?”
“ไม่…ฉันไม่ได้หมายถึงซอมบี้! เมื่อกี้ฉัน…เหมือนจะ…ไม่สิ ฉันได้ยินเสียงของหัวหน้าทีม” เดิมทีเจ้าลิงผอมยังลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจมาก
เจ้าลิงผอมคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้นับร้อยอย่าง…แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็คาดการณ์และสัมผัสรู้ไปแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ท่าทีไว้วางใจที่จางซินเฉิงแสดงออกมา และเรื่องที่พวกเขายังมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเครื่องการันตีได้แล้ว…
“ใช่ เป็นเสียงของเขาแน่ๆ! เขาบอก…ให้พวกเราไปหาหัวหน้าทีมเฮยซือ!” เจ้าลิงผอมพูดเสริม
“ถ้าอย่างนั้น หัวหน้าทีมก็จัดการกับสถานการณ์ฝั่งนั้นได้แล้ว!” จางซินเฉิงที่สีหน้าเคร่งเครียดก่อนหน้านี้ เผยรอยยิ้มดีอกดีใจ
พวกเขาเฝ้าอยู่ตรงนี้ ก็เพื่อถ่วงเวลารั้งซอมบี้พวกนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด เพราะไม่อาจรู้สถานการณ์ทางฝั่งหลิงม่อว่าเป็นเช่นไร…ถึงแม้จะอยู่ในระยะห่างไม่ไกลกันเท่าไหร่ แต่ซอมบี้พวกนี้ร้องตะโกนเสียงเล็กเสียงน้อยกันรายตัว รวมถึงมีเสียงการต่อสู้ดังต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถได้ยินเสียงของอีกฝ่ายได้เลย
หลิงม่อไม่ได้ตะโกนเสียงดัง เห็นชัดว่าไม่อยากให้ซอมบี้ระดับสูงพวกนั้นได้ยินเข้า ยังดีที่ซอมบี้เจ้าเมืองที่เป็นภัยร้ายแรงที่สุดสองตัวนั้น ต่างก็หลบอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไป
“อะไรนะ? พวกหลิงม่อพูดว่ายังไง?” อวี่เหวินซวนส่งไฟไปบนร่างซอมบี้ตัวหนึ่ง ประสานกับลูกเตะของเย่ไคที่ถีบมันเข้าไปในฝูงซอมบี้ที่อยู่ห่างไกลกว่าเดิม จากนั้นก็รีบร้อนถอยกลับมาถาม
“ไม่มีคำว่า ‘พวก’! แล้วก็ไม่ใช่มาดามของหัวหน้าด้วย!” เจ้าลิงผอมพูดขึ้นหลังจากตั้งใจฟังอย่างละเอียด “เสียงต่อสู้ของทางฝั่งนั้นกำลังเข้ามาใกล้พวกเรา ดูท่าทางฝั่งหัวหน้าทีมเฮยซือก็ได้รับสัญญาณนี้แล้วเหมือนกัน เอายังไงดี? พวกเราจะไปสบทบกับพวกเธอตอนนี้เลยไหม?”
เย่ไคและมู่เฉินจัดการฟันซอมบี้ไปคนละตัว แล้วจึงกระโดดกลับมาตอบรับ “แล้วจะรออะไรล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันจะเลือกเส้นทางล่ะนะ” เจ้าลิงผอมพูดพร้อมกับที่สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ทว่าไม่นาน เขาก็ผ่อนลมหายใจยาวหนึ่งเฮือก แล้วจึงชี้ไปยังทิศทางด้านหน้า พูดว่า “พวกเราใช้เส้นทางนี้! แบบนี้ไม่เพียงแต่จะไปสมทบกับเฮยซือได้เร็วที่สุด อีกอย่างยังหลบหลีกจากซอมบี้ได้มากที่สุดอีกด้วย”
“ฉันกลับอยากฝ่ากลางฝูงซอมบี้พวกนั้นไปมากกว่า…” อวี่เหวินซวนพูดอย่างเสียดาย
“นายอยากเอาควันไปรมพวกมันให้ตายมากกว่ามั้ง?” มู่เฉินไม่ลืมเสียดสี เขายกมือขึ้นมาลูบผมตัวเอง…แม่งเอ๊ย สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้านี่ ผลกลับกลายเป็นว่าปลายผมของเขาถูกเผาไหม้เกรียม! ผู้มีพลังธาตุบัดซบ! คนแบบนี้เป็นสมาชิกวง F ที่สวรรค์ลิขิตส่งมาไม่ใช่หรือไง? ทำไมยังมีพรสวรรค์ในการเผาทำลายหนุ่มโสดติดตัวมาด้วยอีก!
ไม่เห็นหลิงม่อจะถูกเขาเผาบ้างเลย!
“เอ่อ…การรับรู้กลิ่นของพวกมันไวก็จริง…แต่พลังความทนทานก็แข็งแกร่งอยู่นะ…”
“นายคิดจะทำจริงอยู่เหรอ!”
ขณะที่พวกมู่เฉินพุ่งออกไป เฮยซือและอวี๋ซือหรานก็มารวมตัวกันเสียที…
“ทำเอาเหนื่อยแทบตาย…” อวี๋ซือหรานที่แผ่นหลังชนกับเฮยซือ จดจ้องศพบริเวณรอบๆ แล้วพูด “พวกมันไม่ได้ตั้งใจมาสู้กับเราจริงๆ สักหน่อย!”
“ฉันบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ให้วิ่งตามพวกมันไปน่ะ! ถ้าพวกมันไม่สู้ พวกเราก็แค่วิ่ง” เฮยซือก็เอ่ยพลางจ้องมองโดยรอบอยู่เช่นกัน
“ไม่มีทางซะหรอก! ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีในฐานะซอมบี้…เรื่องการวิ่งหนีเอาตัวรอดแบบนี้…”
“เงียบไปเลยไป!”
สวบๆๆ…
พงหญ้ารอบๆ เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง เมื่อใบหญ้าที่ความสูงพอๆ กับคนถูกแหวกแยกออกจากกัน ร่างของซอมบี้จำนวนมากก็ปรากฏขึ้น
“ไว้ค่อยมาเถียงกันครั้งหน้าว่าสรุปแล้วเป็นปัญหาเรื่องหลักการหรือเป็นเพราะเธอจงใจขายฉันกันแน่” ผมเฮยซือขยับไหว เส้นไหมสีเงินจำนวนมากถูกยิงออกมาทันที
อวี๋ซือหรานถูอุ้งมือเล็กๆ ของเธอไปมา แล้วจึงชูมันขึ้นพร้อมพูด “ฮึ ผู้อ่อนแอไม่มีสิทธิ์มาถกเถียงกันนะ”
“ก็อยู่ที่ว่าใครพุ่งตัวไปถึงเร็วกว่า” ทันทีที่เฮยซือขยับร่าง เสี้ยววินาทีถัดมาร่างเล็กๆ นี้ก็ไปปรากฏอยู่บนหัวของซอมบี้ตัวหนึ่ง
ลำคอของซอมบี้ตัวนี้ถูกเส้นไหมสีเงินรัดไว้ และเฮยซือที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ถีบมันอย่างคล่องตัว…
พรวด!
ขณะที่เลือดสดสาดออกมาอย่างบ้าคลั่ง กะโหลกศีรษะก็ลอยหลุด…
“รายต่อไป” หลังจากถึงพื้น เฮยซือยิ้มอย่างไร้เดียงสา…
“เชอะ! ก็ใช้ประโยชน์จากขาหลังของสุนัขที่แข็งแรงตามธรรมชาติไม่ใช่หรือไง! สุนัขเจ้าเล่ห์!” อวี๋ซือหรานก็บิดคอซอมบี้หักไปหนึ่งตัว และพุ่งเข้าไปข้างๆ เฮยซือ ทว่าขณะที่ทั้งสองกำลังพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน อวี๋ซือหรานก็ไม่ลืมพูดอย่างฟึดฟัด
“…ฉันเป็นเพศเมียย่ะ! นี่ไม่ใช่ประเด็น…ฉันไม่ใช่สุนัขนานแล้ว!”
เฮยซือยังคงใช้การโจมตีรูปแบบเดิม คราวนี้ซอมบี้หลบได้ในทันที หลังจากเพิ่งหลบเส้นไหมสีเงินที่โถมเข้าหาลำคอได้ มันก็เห็นว่าขาทั้งสองข้างถูกเส้นไหมเงินที่ซ่อนอยู่ในพงหญ้ารัดเข้าให้แล้ว…
“แต่ฉันก็ชอบใช้ขาจริงๆ นั่นล่ะ เป็นไงล่ะ?”
เฮยซือถีบศีรษะหลุดลอยไปอีกหนึ่งหัว…
“ชิ…”
อวี๋ซือหรานไม่ยอมน้อยหน้า เตะหนึ่งขาลอยสูงขึ้นฟ้าเช่นกัน…
ขณะซอมบี้ตัวนี้กำลังจะโดนเธอเตะ ประกายดาบหนึ่งก็โฉบเข้าที่หลังของมันอย่างฉับพลัน
“…”
อวี๋ซือหรานมองเห็นศัตรูถูกผ่าเข้ากลางลำตัวต่อหน้าต่อตา…จากนั้นเลือดก็พุ่งสาดใส่เต็มใบหน้าเธอ
สวบๆ…
พงหญ้าถูกแหวกออก ซย่าน่าเดินออกมาพร้อมกับเคียวในมือ
ซย่าน่ามองเฮยซือแวบหนึ่ง แล้วมองอวี๋ซือหรานที่ทำหน้าอึ้งงันขณะเพิ่งถึงพื้น “ทำไมเธอมอมแมมขนาดนี้?”
“ก็เพราะหล่อนโง่น่ะสิ…” เฮยซือพูดอย่างนอบน้อม
‘ไอ้สุนัขรับใช้…’ อวี๋ซือหรานเม้มปากแน่น ด่าอยู่ในใจ
‘นี่ ฉันได้ยินนะยะ!’ เฮยซือยังคงยิ้มไม่เปลี่ยน ขณะเดียวกันก็ตะโกนโวยวายอยู่ในความคิดของอวี๋ซือหราน
…ในเวลาไล่เลี่ยกัน พวกอวี่เหวินซวนที่เพิ่งเข้าใกล้พงหญ้าก็เจอกับสวี่ซูหาน…
แต่เห็นชัดเจนว่าท่าทางของผู้ประกาศข่าวคนนี้แตกต่างไปจากปกติ…เธอยังคงสวมหน้ากากนั่นไว้ แต่แม้ว่าจะมีพลาสติกกั้นไว้หนึ่งชั้น ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงจิตอาฆาตที่กระทบเข้าใส่…
“ฮ่าๆๆ! เข้ามากันอีกสิ ดูซิว่าใครจะเป็นฝ่ายถูกฉีก! พวกแกคิดว่าฉันอ่อนแอรังแกได้ง่ายๆ ล่ะสิ! สมัยก่อนฉันก็ถือว่าเป็นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่งนะยะ! ถึงตอนนี้ฉันจะกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวไปแล้ว แต่ก็ห้ามมาดูถูกกันเข้าใจไหม! ฮ่าๆๆ…เอ๋ เจอพวกนายแล้วหรอ? มา ตามฉันมา พวกซย่าน่าอยู่ทางนี้”
สวี่ซูหานมุดตัวออกมาจากพงหญ้า ปรากฏโฉมต่อหน้าทุกคน ก่อนจะมุดกลับเข้าไปในพงหญ้าอีกครั้ง… จากนั้นไม่นานก็มีเสียง “โครมๆ” ดังสนั่นมาจากด้านใน พร้อมด้วยเสียงหัวเราะประหลาดของสวี่ซูหาน…
ทุกคนที่เพิ่งฆ่าฟันมาตลอดทางและมีสีหน้าเคร่งเครียดพลันหันมาสบตากัน…
“นี่ฉันตาฝาดไปคนเดียวหรือว่าพวกเราตาฝาดกันทุกคน…เหมือนว่าเธอจะใช้มือเปล่า…” จู่ๆ เย่ไคก็เปิดปากพูด
“นายคนเดียว…”
“ฉันไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง…”
อวี่เหวินซวนและมู่เฉินพูดพร้อมกัน
“โลกนี้จะบ้าบอเกินไปแล้ว…” เจ้าลิงผอมเบิกตา พูดด้วยอาการตกตะลึงตาค้าง
ขณะที่ซย่าน่าและสวี่ซูหานตามหากลุ่มทั้งสองที่พลัดจากกันเจอ พวกมันก็ใกล้เข้ามามากแล้ว…
และแบบนี้เอง ซอมบี้ส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ จึงต่างรวมตัวล้อมพวกเขา โอกาสที่ซย่าน่าพูดถึงก็คือโอกาสนี้…
พวกเธอไม่เพียงแต่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น แต่ยังเจาะทำลายวงล้อม ช่วยทีมเฮยซือแก้ไขสถานการณ์ไปในตัว
ไม่เช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะรวมกลุ่มกันได้สำเร็จ แต่ก็จะเผชิญกับฝูงซอมบี้ที่เข้ามาล้อมวงโจมตีมากขึ้น
“เอาละ ต่อไปเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด…พวกเราต้องพุ่งไปที่โกดังอาหาร” ซย่าน่าพูดกับทุกคน
“แค่นี้…เองเหรอ?” อวี๋ซือหรานถามด้วยความสงสัย
“แค่นี้นั่นแหละ” ซย่าน่าพยักหน้าอย่างมั่นใจ
ถูกแล้ว…พวกเขาแค่ต้องพุ่งเข้าไปเท่านั้น…
ตรงนั้น มีหลิงม่อคอยช่วยอยู่…
“พวกเราแค่ต้องเชื่อมั่น พวกพี่หลิงต้องยึดหนึ่งในโกดังอาหารมาได้แน่ แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว” ซย่าน่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
……………………………………….