แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1193 ทำตัวเองแท้ๆ
หลิงม่อสับสนมึนงง…เขาเงยหน้าเหลือบมองเย่เลี่ยน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าซอมบี้สาวตนนี้รู้อะไรบางอย่าง แต่ที่น่าเสียดายคือ ตอนนี้เธอกลับเข้าสู่สภาวะเหม่อลอยอีกครั้ง คาดว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรแล้ว
“เส้นเลือดนั่นซ่อนอยู่ในเส้นผม…” หลิงม่อมองไปที่ศพของเด็กผู้หญิงอีกครั้ง ในเมื่อไม่สามารถถามได้ งั้นเขาก็ทำได้เพียงคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง “ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาที่นี่แทนล่ะก็ บางทีฉันอาจจะคลาดไปแล้วก็ได้…”
ถึงแม้กลิ่นที่มีเอกลักษณ์พิเศษจะโชยออกมาจากศพร่างนี้…แต่ก็เพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้คนอื่นคิดไม่ถึงว่ามีเมล็ดพันธุ์นี้อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยื่นมือออกไปควานหาเส้นเลือดที่หนากว่าเส้นผมเพียงเล็กน้อยจากกลุ่มผมของเด็กคนนี้เลย…
หลิงม่อถึงกับคิดว่า บางทีที่เย่เลี่ยนสามารถค้นหามันได้เร็วขนาดนี้ สาเหตุก็เป็นเพราะเธอวิวัฒนาการมาได้ถึงระดับขั้นปัจจุบันนี้แล้ว…
“แต่ทำไมของสิ่งนี้ถึงมาอยู่บนตัวเด็กผู้หญิงคนนี้ได้ล่ะ? เธอถูกปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางร่างกายไปแล้ว นี่ก็หมายความว่าในร่างกายเธอมีร่างปรสิตตัวหนึ่งอาศัยอยู่แล้วน่ะสิ…หรือว่าเมล็ดพันธุ์นี้เป็นสิ่งที่เธอพกติดตัวไว้? ไม่สิ…ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นไปได้สูงว่ามันอาจจะไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ แต่เป็นของสิ่งอื่น…” ความคิดของหลิงม่อเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อความคิดนี้ผุดออกมา เขาก็อึ้งตะลึงทันที…
“ใช่แล้ว! มันไม่ใช่เมล็ดพันธุ์…แต่เป็น…” หลิงม่อก้มลงมองเส้นเลือดที่อยู่ใต้เท้าของเด็กผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็เงยหน้ามองไปที่เด็กผู้หญิง…ทันใดนั้น เขาก็ยื่นมือออกไปแตะร่างกายของเธอ…
“อ๊า!”
ในเวลานี้ เสียงอุทานของเย่เลี่ยนดังแว่วมาข้างหูเขา จากนั้นตรงหน้าเขาก็กระตุกวาบ หลังจากยืนได้มั่นคงเขาก็ออกไปอยู่ด้านนอกประตูเสียแล้ว
เย่เลี่ยนดึงเขาชิดติดอยู่กับกำแพงข้างประตู แทบจะทันทีที่เขากะพริบตา ด้านในก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังสนั่นออกมา
โครม!
เลือดสดปริมาณมหาศาลพุ่งกระฉูดออกมาจากประตู สาดกระเซ็นเต็มไปทั่ว ทำให้บริเวณพื้นและผนังประตูเปื้อนสีแดงไปทั้งแถบ
หลิงม่อยืนแนบชิดผนังด้วยอาการตะลึง…แม่งเอ้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?! เมื่อกี้เขา…แค่เพิ่งจะยื่นมือออกไปแตะไหล่เด็กผู้หญิงเท่านั้นเอง!
ทว่าเขาก็เรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว…ราชินีแมงมุมเก็บไพ่สำรองในการทำลายล้างนี้ไว้ ไม่คิดจะให้ใครแตะต้องศพร่างนี้…
“…ต้องทำทุกอย่างให้มันสุดโต่งขนาดนี้ไหม…”
หลิงม่อเหยียบย่ำเลือดสดพวกนั้นเดินกลับไปที่ประตู…ข้างในโกดังเป็นสีแดงสดทั้งแถบ และพื้นที่บริเวณของตำแหน่งที่ศพอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้กลับไม่เหลือแม้แต่เส้นเลือดสักเส้น…
‘แมงมุมนี่…ไร้ซึ่งความปรานี…’
หลิงม่อบ่นพึมพำอยู่ในใจ
ทว่ายัยนั่นเลือกใช้วิธีจัดการที่เรียบง่ายและหยาบคายพิสูจน์สิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้เมื่อครู่…เมล็ดพันธุ์นั่น คงจะเป็นสิ่งที่ร่างปรสิตในตัวของเด็กผู้หญิงคนนี้ทิ้งไว้หลังตาย ถ้าจะพูดให้ถูกคงเป็น “ก้อนผลึก” ที่ห่อหุ้มเชื้อไวรัสปริมาณมหาศาลของร่างปรสิตไว้ เพียงแต่ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถแตะต้องได้ แต่เมื่อหลิงม่อกลืนลงไป กลับถูกร่างปรสิตที่มีระดับสูงกว่าในร่างดูดซึม
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลิงม่อกลับยังคงไม่เข้าใจ…เมล็ดพันธุ์ที่ราชินีแมงมุมต้องได้รับความร่วมมือจากเขาถึงจะกระตุ้นให้เจริญเติบโตได้ ทำไมมันถึงถูกกระตุ้นให้ตื่นง่ายขนาดนี้…
“เฮ้อ…ถ้าศพยังอยู่แล้วล่ะก็ บางทีฉันก็คงหาคำตอบได้หรืออาจจะมีเบาะแส…แต่ช่างมันเถอะ มีไพ่เก็บไว้ในมือมากขึ้นก็ต้องเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แค่ไม่รู้ว่าหลังจากที่ยัยราชินีแมงมุมนั่นรู้ว่าร่างปรสิตที่เธอรักและหวงนักหนาถูกปลุกตื่นแล้ว เธอจะมีปฏิกิริยายังไงกัน…” หลิงม่อแค่นยิ้มอย่างเสียไม่ได้ ตอนนี้เขาเริ่มจะคาดหวังกับร่างปรสิตนี้ขึ้นมาเสียแล้ว…ถึงแม้จะเลือนราง แต่เขาสัมผัสได้ สภาวะที่เป็นอยู่ในตอนนี้ยังไม่ใช่ร่างเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ของร่างปรสิตตัวนี้…
และร่างปรสิตที่ราชินีแมงมุมให้ความสนใจมากขนาดนี้ ต้องมีบางสิ่งที่พิเศษอยู่แน่ๆ…สิ่งที่ตัดออกไปได้ตั้งแต่ตอนนี้ ก็คือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของเส้นเลือดและร่างกาย…
“อื้ม…นี่ก็เป็นเรื่องดีอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ดูแล้วแข็งแกร่งมาก แต่พลังจิตของฉันคล้ายกับหนวดสัมผัสมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้หนวดสัมผัสกระจุกใหญ่ออกมาจากร่างกายแล้ว…” ถึงแม้จะคิดอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่าพอใจอยู่…
อย่างเช่นการให้รุ่นพี่และซย่าน่าโพสต์ท่าอะไรทำนองนั้น…เรื่องแบบนี้พอให้ซอมบี้ทำแล้วไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย ถึงแม้จะให้พวกเธอเหยียบหนวดสัมผัสเหมือนเดินบนสลิงกลางอากาศก็เป็นเรื่องสบาย…ไม่แน่ว่าตกดึกก็ยังแอบย่องจากทางหน้าต่างออกไปเล่นสงครามกลางอากาศได้ด้วย…แบบนี้หลังจากที่เย่เลี่ยนตื่นแล้ว เขาก็จะอาจสู้ 1 ต่อ 3…
“พอๆๆ…ถ้ายังไม่หยุดคิดเดี๋ยวได้วิปริตกันพอดี!”
หลิงม่ออยากตรวจดูว่าบริเวณพื้นที่มีเลือดกระจายอยู่เต็มยังมีร่องรอยอะไรตกค้างบ้าง แต่ไม่เพียงภาพตรงหน้าจะบาดตา ทั้งยัง…จู่ๆ เสียงตื่นเต้นดีใจของซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นก็ดังขึ้น…
“ฉันหาพวกแกเจอแล้ว! ตายซะ! มนุษย์อย่างแกทำไมทำตัวเหมือนหนูวิ่งหาที่ซ่อนไปทั่ว! แต่ถึงจะยังไง ฉันก็หาแกเจออยู่ดี! ตอนนี้แกยังพอมีเวลา รีบถือโอกาสไปล้างตัวให้สะอาดเรียบร้อยรอเถอะ ถ้ารสชาติใช้ได้ล่ะก็ บางทีฉันอาจจะยอมปล่อยไตของแกไปก็ได้!” ซอมบี้เจ้าเมืองกำลังพุ่งตรงมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง…คำว่า “ฉัน” ที่เพิ่งดังจากที่ไกล คำถัดมาก็ดังขึ้นในระยะที่ใกล้กับหลิงม่อและเย่เลี่ยนมากขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกัน ยังมีเสียงเหวี่ยงกระสอบข้าวสาร…
“เชี่ย!”
หลิงม่อพลันได้สติกลับมา แต่ก็กระจ่างในแผนการของราชินีแมงมุมทันที
เธอไม่เพียงแต่ต้องการทำลายศพให้สิ้นซาก ยังจะอาศัยเลือดสดที่กระเด็นเต็มพื้นดึงดูดให้พวกซอมบี้มากันมากขึ้น…
ตอนแรกก็เป็นกลิ่นแปลกๆ นั่น จากนั้นก็เป็นสิ่งนี้…
‘แกวางแผนต่างๆ ไว้มากมาย กลับไม่คาดคิดว่าวิธีการของแกจะเป็นการช่วยฉันล่ะสิ?’ หลิงม่อกัดฟันกรอดคิดในใจ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้ หลิงม่อดึงมือเย่เลี่ยน เตรียมถอยไปยังทางเดินส่วนลึก แต่ยังไม่ทันได้ทำตามแผน ประตูทางเชื่อมระหว่างทางเดินและโกดังที่เปิดอยู่ครึ่งบานก็ส่งเสียงดัง “โครม” ถูกชนจนปลิวแล้ว
ประตูมีช่องว่างให้เดินดีๆ ไม่เดิน เจ้าซอมบี้นักกล้ามตัวนี้กลับเลือกชนประตูทั้งบานดัง “โครม” จนตัวล้มลงไปบนพื้น จากนั้นก็มองไปที่หลิงม่อพร้อมกับรอยยิ้มแข็งทื่อแปลกประหลาด “แกยังอยากวิ่งอีกไหม?”
“แกยังอยากไล่ตามไหม?” หลิงม่อเอ่ยถาม
“ไล่เซ่!” ซอมบี้เจ้าเมืองตอบรับด้วยเสียงฮึกเหิม ก็เริ่มจะรู้สึกได้รางๆ ว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป “แปลกแฮะ ทำไมฉันต้องไล่ตามแกด้วยล่ะ? ฉันแค่ทำให้แกวิ่งไม่ได้ก็พอแล้วนี่!” มันพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะกำหมัดหันไปทางหลิงม่อ เอ่ยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “แกเจ้าเล่ห์มาก แต่ไม่มีประโยชน์ ฉันจะกระชากขาแกออกมาเดี๋ยวนี้ จากนั้นจะกินมันต่อหน้าต่อตาแก เตรียมตัวแหกปากร้องไห้เถอะ…”
“ลูกพี่ของแกเป็นใคร?” หลิงม่อไม่คิดจะวิ่งแล้ว เขาฟังคำขู่ของซอมบี้เจ้าเมืองด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วพลันถามกลับ
ซอมบี้เจ้าเมืองชะงักไปครู่หนึ่ง เป็นคำถามที่มันไม่คิดว่าหลิงม่อจะถามในช่วงเวลาแบบนี้ หลังจากลังเล มันก็ส่ายหัวไปมา “บอกไม่ได้”
“งั้นก็แสดงว่ามีลูกพี่อยู่จริงๆ…” หลิงม่อพยักหน้าราวกับคิดอะไรได้
ซอมบี้เจ้าเมืองพลันกระจ่างทันที “แกหลอกถามฉัน!”
“ใครใช้ให้แกโง่ล่ะ”
“เหลวไหล! ฉันเป็นตัวที่ฉลาดที่สุด” ซอมบี้เจ้าเมืองพูดอย่างเดือดดาล
และในตอนนี้เอง มีเสียงสะท้อนมาจากระยะไกล “แกว่าใครฉลาดที่สุดกัน?”
……………………………………….