แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1194 เสียงประหลาด
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ซอมบี้เจ้าเมืองที่เมื่อกี้สีหน้าเดือดดาลพลันเปลี่ยนท่าที คล้ายมีสีหน้าหวาดผวาพาดผ่านรางๆ และในขณะที่ได้ยินเสียงสะท้อนเมื่อครู่ หลิงม่อที่ท่าทางประหลาดใจ ในเสี้ยววินาทีสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นระแวดระวังทันที
“นี่ไม่ใช่พวกซย่าน่า…มันใครกัน!”
เวลาเดียวกัน พวกซย่าน่าที่เพิ่งฝ่าเข้ามาในโกดังภายในการสัมผัสรู้ของหลิงม่อ ก็หันหน้ากลับไปมองอย่างประหลาดใจ จ้องมองไปยังประตูที่ปิดแน่น
เย่ไคและมู่เฉินที่เหงื่ออาบทั่วร่างกำลังยันอยู่ด้านหลังของประตู และประตูนิรภัยที่ถูกพวกซอมบี้ด้านนอกพุ่งโจมตีต่อเนื่องก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั้งยังมีเสียง “ปึงๆ” ดังสนั่น ตอนนี้พวกเขาต่างก็ตกตะลึง ทว่าท่ามกลางสายตาทั้งหมดที่มองมา ไม่นานพวกเขาก็ได้สติ รีบส่ายหัวพูดทันที “หลังจากที่ทุกคนเข้ามาทั้งหมด พวกเราก็ปิดประตูทันที ไม่มีใครเข้ามาก่อนหน้า ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางมีใครปะปนตามหลังเข้ามาได้แน่”
“ถ้าอย่างนั้น…”
ทั้งหมดเพิ่งจะหันไปมองทางหลี่ย่าหลิน ทั้งหลี่ย่าหลินและกู่ซวงซวงต่างโบกไม้โบกมือพร้อมกัน “พวกเราเห็นแค่พวกหลิงม่อกับซอมบี้ตัวนั้นเข้ามา อีกอย่างซอมบี้ตัวนั้นก็เคยพูดแล้ว นี่ไม่ใช่เสียงของมัน”
ทุกคนหันมาสบตากันโดยอัตโนมัติ…
“งั้นก็แปลกแล้ว” ซย่าน่าขมวดคิ้วพูด ขณะเดียวกันก็ยกเคียวที่ยังคงมีเลือดหยดอยู่ขึ้นมา
เคียวด้ามนี้ของเธอเพิ่งจะได้พักไม่ถึงหนึ่งวินาที กลับต้องเตรียมตัวพร้อมรบอีกครั้งซะแล้ว…
“มันเป็นเสียงที่ดังสะท้อนมาจากรอบตัวเราจริงๆ” เจ้าลิงผอมก็มีสีหน้าเหมือนเห็นผีเช่นกัน มันพูดอย่างมั่นใจด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“แต่ว่าไส้กรอกอยู่ทางนั้นนี่!” อวี๋ซือหรานพูดพลางชี้ไปอีกทางของโกดัง ยังไม่ทันมีคนเอ่ยปากถาม เธอก็ร้อนรนยกมือขึ้นมาปิดปาก จากนั้นก็พูดด้วยดวงตาเบิกกว้าง “อย่าถามนะว่าฉันรู้ได้ยังไง!”
“…ไม่มีใครอยากถามอยู่แล้ว” ซย่าน่าถอนหายใจแล้วพูด
เฮยซือยกมือขึ้นชี้เหนือหัวตัวเอง “เคยได้ยินคำพูดที่ว่าอยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้ หรือยิ่งปกปิดยิ่งเห็นชัดเจนไหม?”
“ไม่เคยได้ยิน” อวี๋ซือหรานตอบอย่างตรงไปตรงมา
“อะไรเล่า? ผลคะแนนฉันไม่ดีไง พอใจยังล่ะ? อีกอย่างเห็นฉันเป็นอย่างนี้ จริงๆ แล้วขอบข่ายความรู้กว้างนะ” ซอมบี้โลลิฮึดฮัด พูดอย่างภูมิใจ
เฮยซือหันหน้าไปมองทุกคน “เตือนไว้ก่อน อย่าถามว่าเธออ่านอะไรผ่านๆ มาบ้าง…”
ไม่มีใครถาม…ในขณะที่พวกเธอถกเถียงกัน ซย่าน่าและสวี่ซูหานรวมถึงหลี่ย่าหลินต่างก็ส่งซิกให้กันเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดรออยู่ที่เดิม เย่ไคและมู่เฉินขวางกั้นประตูต่อไป ส่วนพวกเธอทั้งสามแบ่งกันไปคนละทิศทาง เดินอย่างระแวดระวังเข้าไปด้านในโกดังที่ยุ่งเหยิงระเกะระกะ
“ลูกพี่บื้อบ้า พี่ว่าจะใช่…”
“ไม่ใช่” เจ้าลิงผอมเพิ่งจะอ้าปากพูด ก็ถูกอวี่เหวินซวนตัดบททิ้งอย่างเด็ดขาด เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่หลี่ย่าหลินไปสำรวจอย่างเป็นกังวล พลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่นายหมายความว่ายังไง? อ้าปากพูดครั้งเดียวก็เหยียดหยามฉันสองเรื่องเลย ในเมื่อจะเรียกฉันว่าลูกพี่ทั้งที ก็เรียกให้มันดีๆ ไม่ได้หรือไง? จะเพิ่มคำว่าบื้อกับบ้ามาด้วยทำไม…บ้าฉันยังพอทน แต่ซื่อบื้อนี่มันอะไรกัน? อย่างน้อยก็เรียกฉันว่าพี่ชายของมาดามลูกพี่ หรือพี่เขยของลูกพี่ก็ได้นี่…”
“หา…ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเสียหน่อย…” เจ้าลิงผอมที่ได้ยินก็อ้ำอึ้งแล้วอ้ำอึ้งอีก มันอยากถามอวี่เหวินซวนด้วยซ้ำว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!
โชคดีที่จางซินเฉิงมาช่วยกู้สถานการณ์ได้ทันกาล “เฟิงจื่อ (คนบ้า) นายรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น? เจ้าลิงผอมของฉันก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าทีม”
“ฉันก็พูดเรื่องนี้อยู่ไงล่ะ หลิงม่อไม่เป็นอะไร แต่กำลังเจอกับอะไรที่ยุ่งยากอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้แน่ อันที่จริงเวลาที่เราไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง เราสามารถตั้งข้อสังเกตได้จากอีกสิ่งหนึ่ง อย่างวิธีการจัดการกับปัญหาของหลิงม่อ ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาเข้ามาในนี้พร้อมกับซอมบี้อีกหนึ่งตัว ฟังจากที่หลี่ย่าหลินพูดแล้ว ซอมบี้ตัวนี้ยังแข็งแกร่งอีกต่างหาก ดังนั้นจากนิสัยของหลิงม่อแล้ว เป็นไปได้สูงที่เขาจะถ่วงเจ้าซอมบี้ตัวนี้ไว้ จากนั้นรอให้พวกเราทุกคนรวมตัวกันได้สำเร็จ แล้วค่อยผลักให้ซอมบี้ตัวนี้ตกหลุมพราง…ควรพูดว่าฆ่าด้วยไหวพริบสติปัญญามากกว่า” อวี่เหวินซวนเอ่ย
“แต่เมื่อกี้พี่จะพูดว่าตกหลุมตายใช่ไหม…” เจ้าลิงผอมพูดเสนอขึ้นมา
“แต่ในสถานการณ์แบบนี้ พวกนายคิดว่าหลิงม่อจะเก็บซอมบี้ตัวนั้นไว้ที่นี่เพื่อเซอร์ไพรส์เราหรือไง?” อวี่เหวินซวนย้อนถาม
เซอร์ไพรส์? แม่เอ็งสิ นี่มันเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวมากกว่า…
ในสถานการณ์ที่ทุกคนวิ่งฝ่าเข้ามาในโกดังได้อย่างยากลำบาก ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องโล่งใจอยู่แล้ว แต่ในสภาวะแบบนี้กลับมีเสียงสะท้อนดังขึ้นข้างกาย…เห็นปฏิกิริยาตอบสนองบนใบหน้าของทุกคนที่มีคำว่าเชี่ยแล้วโผล่ขึ้นมานั่นไหม!
ในความเป็นจริง เพียงแค่พวกเขาวิ่งฝ่าเข้ามา ก็แทบจะผลาญพลังที่มีทั้งหมดทิ้งไปแล้ว การต่อสู้เข่นฆ่าระดับยาก การต้องอยู่ในสภาวะเพ่งสมาธิ ไม่ว่าเป็นใครก็ไม่สามารถยืนหยัดได้นานทั้งนั้น แค่หละหลวมนิดเดียวก็ทำให้ตัวเองรวมทั้งทุกคนตายได้ แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่มหาศาลแบบนี้ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะทำให้ทุกคนสติกระเจิง โชคดีที่หลิงม่อและหลี่ย่าหลิงต่างก็เตรียมความพร้อมมาดี…มีพวกเขาเปิดทางให้และหลี่ย่าหลินที่ถ่วงเวลาให้ตามหลัง ทีมเฮยซือถึงจะสามารถฝ่าวงล้อมแล้วจัดการอย่างรวดเร็วกับพวกซอมบี้ที่เหลือ ซึ่งมีสภาพแย่มาตั้งแต่ถูกหลี่ย่าหลินโจมตี จากนั้นก็รีบฉวยโอกาสตอนซอมบี้พวกนั้นยังล้อมวงเข้ามาไม่สำเร็จ อาศัยช่องโหว่ตรงนั้นวิ่งฝ่าเข้ามายังภายในโกดัง
หลิงม่อที่จัดการวางแผนการพวกนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีทางปล่อยซอมบี้ในโกดังไว้ให้พวกเขาแน่ นั่นมันเป็นการทำร้ายเพื่อนร่วมทีมไม่ใช่หรือไง?
ดังนั้นแม้จะมีซอมบี้ดักซุ่มอยู่ภายในโกดังหลังนี้ตั้งแต่เริ่มแรก ตอนนี้ก็คงจะอยู่ทางฝั่งหลิงม่อ ไม่ใช่มาปรากฏอยู่บริเวณรอบตัวพวกเขา…
“เข้าใจหรือยัง? นั่นก็หมายความว่า เป็นไปได้ว่าซอมบี้ตัวนี้คงจะเข้ามาพร้อมกับพวกเรา แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นมัน นี่แหละเป็นจุดที่แย่ที่สุดแล้ว และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเธอมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วขนาดนี้” อวี่เหวินซวนเพิ่งจะพูดจบด้วยสีหน้าจริงจัง ก็ได้ยินเสียงถกเถียงของเฮยซือและอวี๋ซือหราน…เขาลอบสบตากับจางซินเฉิงเงียบๆ จากนั้นรีบกลับคำพูดเรียบๆ “ตัดเธอสองคนออกไป”
“พอเข้าใจแล้ว…” เจ้าลิงผอมที่เหมือนจะงุนงงพยักหน้าหงึกหงัก “แต่พี่รู้รายละเอียดยิบย่อยขนาดนี้ หรือว่าปกติพี่เอาแต่จับจ้องหัวหน้าทีมแล้วจดบันทึกไว้? ผู้กำกับการ พฤติกรรมนี้ของพี่ทำให้คนรู้สึก…”
เพียะ!
หลังจากเสียงครวญครางเจ็บปวดของเจ้าลิงผอม จางซินเฉิงก็วางมือที่เพิ่งตีเข้าไปที่หัวนั่นลงด้วยใบหน้าเรียบเฉย…
“ฉันจะบอกว่าทำให้คนรู้สึกเคารพเลื่อมใสต่างหาก!” เจ้าลิงผอมรีบพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
อวี่เหวินซวนจ้องเจ้าลิงอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยว่า “จริงจังหน่อย เรื่องการเลียแข้งเลียขาที่น่าเบื่อพวกนี้ รอให้ถึงตอนที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำค่อยเอาออกมาทำ! ตอนนี้ พวกเราต้องระวังไว้ก่อน…ถึงแม้จากที่ได้ยิน เสียงนั้นน่าจะไปทางฝั่งที่หลิงม่ออยู่ แต่พวกเราก็ไม่ควรที่จะประมาทเลินเล่อ…”
“นี่กะขายน้องเขยที่อุตส่าห์ใช้ใจเข้าถึงทิ้งหรือไง!” เจ้าลิงผอมเอ่ยตาโต
“วางใจเถอะ การที่ฝ่ายตรงข้ามเปิดเผยตัวตนให้รู้ล่วงหน้า แสดงว่าไม่ได้เจตนาที่จะลงมือทันที” อวี่เหวินซวนยังคงพูดต่อด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม
“อย่างนี้เองหรือ แต่พี่อ้างอิงจากสิ่งนี้น่ะหรือ?”
“ฉันเดาน่ะ” อวี่เหวินซวนพูดเสียงอู้อี้
“หัวหน้าทีม…” เจ้าลิงผอมมองไปยังส่วนลึกของโกดังอาหารด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม…ประตูก็ยังคงมีเสียงดัง “ปึงๆ” อย่างต่อเนื่อง แต่ในชั่วเวลานั้น ภายในโกดังกลับปกคลุมไปด้วยความเงียบแปลกๆ…
……………………………………….