แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1195 ความโกรธแค้นของมนุษย์กล้าม
“เสียงนั้นมัน…หรือจะเป็นลูกพี่ของแก?” หลิงม่อละสายตาออกมา และหันไปถามซอมบี้เจ้าเมือง
ขณะเดียวกัน ซอมบี้เจ้าเมืองเองก็พลันได้สติ…มันสบตาหลิงม่อครู่หนึ่ง แล้วความหวาดกลัวในแววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว
“ฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ!” คำรามเสร็จ มันก็เหวี่ยงแขนพุ่งตัวเข้ามา พละกำลังของซอมบี้ตัวนี้น่าตื่นตะลึงมาก…แค่มันเหวี่ยงแขน ก็เกิดเสียงแหวกอากาศอันทรงพลังขึ้นในเสี้ยววินาทีสั้นๆ แล้ว และเมื่อมันพุ่งตัวเข้ามา บนขาของมันก็พลันมีกล้ามเนื้อปูดขึ้นมาเป็นก้อนๆ ส่งผลให้ความเร็วเพิ่มขึ้นจนน่ากลัว
“อะไรของแกวะ เปลี่ยนอารมณ์ไวจนตามไม่ทันแล้ว!” หลิงม่อร้องตกใจ
“มนุษย์ ถ้าแกยืนนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหนอาจจะไม่เจ็บก็ได้!” เพิ่งจะสิ้นเสียงพูดของซอมบี้เจ้าเมือง กำปั้นขนาดใหญ่ก็พลันพุ่งตรงมาที่หลิงม่อ เพียงกระแสอากาศที่ถูกพัดพามาพร้อมกับกำปั้นสัมผัสโดนผิว ก็ทำให้สีหน้าของหลิงม่อเปลี่ยนไปทันที
“หนวดสัมผัสรูปสสาร!” หลิงม่อยกมือสองข้างขึ้นทันใด สีหน้าแสดงออกถึงความร้อนรนสุดขีด หนวดสัมผัสที่ถูกเตรียมพร้อมไว้แต่แรกพากันพุ่งพรวดออกไป จากนั้นก็ก่อตัวขวางทางซอมบี้เจ้าเมืองชั้นแล้วชั้นเล่า
“ไม่มีประโยชน์! ฉันจะหักแขนแกซะ!” กำปั้นของซอมบี้เจ้าเมืองไม่มีทีท่าว่าจะชะงักหยุดเลยแม้แต่น้อย มันยังคงเหวี่ยงกำปั้นมาทางหลิงม่อ…แต่หลิงม่อกลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระหว่างที่กำปั้นของอีกฝ่ายพุ่งตรงเข้ามา เหมือนจะมีรอยฉีกเส้นหนึ่งปรากฏขึ้น และท่ามกลางเสียง “ฉึก” หยาดเลือดมากมายพลันกระเซ็นกลางอากาศ อีกทั้งขณะที่กำปั้นยังคงพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รอยแผลเส้นนั้นก็กำลังลึกขึ้นเรื่อยๆ…
‘จะขาดไหมนะ?’ ความคาดหวังประกายพาดผ่านดวงตาหลิงม่อในชั่วขณะ ทว่าไม่นาน เขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
ซอมบี้ตัวนั้นคำรามเสียงดังลั่นอีกครั้ง บนแขนของมันมีกล้ามเนื้อปูดขึ้นมา ขณะที่เลือดกระฉูดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วของกำปั้นก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งกล้ามเนื้ออันแน่นขนัดนั้นก็ทำให้การโจมตีของหลิงม่ออ่อนประสิทธิภาพลงไม่น้อย กระทั่งจำนวนเลือดของมันที่ไหลออกมาก็น้อยลงไปมาก เรียกได้ว่าพอเกิดแผล วินาทีต่อมาแผลนั้นก็สมานกันแทบจะในทันทีเลย ถ้าหากไม่ใช่ว่าหนวดสัมผัสจำนวนมหาศาลของหลิงม่อพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย ซอมบี้เจ้าเมืองตัวนี้อาจไม่เห็นการโจมตีแบบนี้อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
‘ทำไมอยู่ๆ เจ้านี่ถึงได้คลุ้มคลั่งขึ้นมาล่ะ?’ หลิงม่อพยายามใช้หนวดสัมผัสถ่วงเวลา พลางครุ่นคิดไปด้วย ‘ดูท่าแล้วคงจะเกี่ยวกับเสียงเมื่อกี้…’
“ลูกพี่ของแกให้แกมาจับตัวฉันไม่ใชเหรอ? แต่นี่แกตั้งใจจะฆ่าฉันชัดๆ เลยนี่! อีกเดี๋ยวถ้าลูกพี่แกมาแล้วแกจะแก้ตัวยังไง?” หลิงม่อหาจังหวะตะโกนถาม
“ฆ่าให้ตายแล้วก็กินเนื้อซะ!” ซอมบี้เจ้าเมืองตอบเสียงแข็ง “ตายซะเถอะ!”
หลิงม่อพลันขมวดคิ้ว…ดูเหมือนว่าเจ้าซอมบี้ตัวนี้ไม่อยากคุยกับเขาแล้ว ทว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ หลิงม่อก็ยิ่งหาสาเหตุไม่ได้ ผู้ที่ปรากฏตัวในโกดังอาหารพร้อมกับพวกซย่าน่า…เป็นใครกันแน่?
และพวกเฮยซือก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่กลับไม่เห็นตัวผู้มา…เท่านั้นยังไม่พอ พวกเธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าอีกฝ่ายเข้ามาเมื่อไหร่ และเข้ามาด้วยวิธีไหนด้วยซ้ำ
หรือว่า…ความจริงแล้วอีกฝ่ายอาจซ่อนตัวอยู่ในนี้ตั้งแต่แรก?
ถ้าหากเป็นอย่างนั้น ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว…
“ฉันจะกินแก! ฉันจะกินแกซะ!” ซอมบี้เจ้าเมืองคำรามอย่างบ้าคลั่ง
หลิงม่อมองมัน พลันขมวดคิ้ว “ในเมื่อเป็นอย่างนี้…ก็คงต้องรีบกำจัดแกซะแล้วล่ะ!”
กำจัดได้หนึ่งตัวก็ถือว่าหมดปัญหาไปหนึ่งเรื่อง…ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งตัวแม้จะประหลาด แต่หากพวกเขาทุกคนเผชิญหน้ากับมันพร้อมกัน อัตราการชนะก็จะสูงขึ้นมาก
“พูดอย่างกับว่าแกเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่งั้นแหละ! เป็นแค่มนุษย์ แต่กลับจองหองขนาดนี้!” ซอมบี้เจ้าเมืองคำรามอย่างเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน หลิงม่อที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงก็พลันขยับตัวในที่สุด…เขารั้งข้อมือเย่เลี่ยน จากนั้นก็หันหลังวิ่งกลับไปยังส่วนลึกของทางเดิน
ซอมบี้เจ้าเมืองเห็นอย่างนั้นก็ร้อนใจ “ทำไมแกถึงวิ่งหนีไปทั้งที่เพิ่งคุยโวไปล่ะ! มนุษย์ที่ฉันจำได้ไม่เคยมีใครเป็นอย่างแกสักคน!”
“คนอย่างฉันมีถมไป แกแค่หูตาคับแคบเท่านั้นเอง ถ้าแกอยากฆ่าก็ลองดูเซ่!” หลิงม่อตะโกนตอบเสียงดัง
“อ๊ากกก…ไอ้มนุษย์สมควรตาย!” ซอมบี้เจ้าเมืองโมโหจนต้องกำหมัดแน่นอีกครั้ง…มันเหวี่ยงกำปั้นอีกข้างออกมาทุบทำลายข้าวของสองข้างทาง และวิ่งไล่กวดหลิงม่อท่ามกลางเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วทิศ
“เปล่าประโยชน์! เปล่าประโยชน์! ฉันอยากจะรู้นักว่าแกจะถ่วงเวลาฉันไปได้อีกนานแค่ไหน! ถ้าฉันตามแกทันเมื่อไหร่แกตายแน่!” ขณะที่ซอมบี้เจ้าเมืองตะโกนอย่างเดือดดาล ระยะห่างระหว่างสองฝ่ายก็เริ่มหดสั้นลงแล้วจริงๆ…
“ฉันก็ไม่เคยเจอซอมบี้ที่ชอบพูดจาข่มเหงขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน…แค่คำพูดข่มขู่ก็ใช้ไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่ไม้…” ระหว่างที่วิ่งหนีสุดกำลัง หลิงม่อก็หาจังหวะเหลือบมองข้างหลังแวบหนึ่งด้วย แต่ปรากฏว่าเขากลับต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น…ซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นไม่เพียงเหวี่ยงหมัดทำลายข้างของไม่ยั้ง แต่ทั่วทั้งร่างของมันยังเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ปูดเพิ่มขึ้นมามากมาย…กระทั้งแม้แต่จุดที่ไม่จำเป็น ยังอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
“แกอัปลักษณ์เกินไปแล้ว!”
“แต่ไหนแต่ไรผู้ชายก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกล้ามเนื้ออยู่แล้ว!”
“แกเป็นมนุษย์กล้ามเนื้อหรือไง…จะว่าไปแล้วแกเป็นคนตั้งแต่ตอนไหนวะ?”
“…ฉันจะกินแกซะ!”
‘ทำไมเจ้านายต้องทำให้มันโมโหด้วยล่ะ?’ เสียงของเฮยซือดังขึ้นในสมอง
หลิงม่อแสยะยิ้มเย็นชา พลางตอบในใจ ‘มันก็ดูจะหลงกลแผนแบบนี้ได้ง่ายๆ นี่’
‘ก็ใช่อยู่หรอก แต่ถ้าทำอย่างนี้ก็ยิ่งกำจัดมันได้ยากขึ้นไม่ใช่หรือ?’ เฮยซือถาม ถึงแม้ทำได้เพียงสัมผัสรู้ถึงความเร็วของหลิงม่อ แต่เธอพอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้คับขันแค่ไหน หลิงม่อปล่อยหนวดสัมผัสไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง ส่วนซอมบี้เจ้าเมืองกลับไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนว่าจะได้รับบาดเจ็บขนาดไหน หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ขอเพียงหลิงม่อแสดงอาการเหนื่อยล้าเพียงนิดเดียว หรือว่าเกิดเคลื่อนไหวผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจเป็นผลทำให้ตัวเองถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีต่อมาได้
‘ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่แบบปิด ถ้าหากอยู่ข้างนอก เจ้านายอาจถ่วงเวลาจนมันหมดแรงแล้วค่อยฆ่าได้ แต่ถึงทำอย่างนั้นก็ยังต้องใช้เวลานานมากอยู่ดี…เรี่ยวแรงของซอมบี้ มีมากจนหลักการวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้เลยนะ…’ เฮยซือบอก
‘แค่การมีอยู่ของเธอก็ไม่สมเหตุสมผลตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วล่ะ…อีกอย่าง ใครบอกเธอว่าฉันจะถ่วงเวลาจนมันหมดแรงแล้วค่อยฆ่า?’ หลิงม่อพลันย้อนถาม
เฮยซือชะงัก จากนั้นก็ถามอย่างตกตะลึง ‘หรือว่าเจ้านายจะสู้กับมันซึ่งๆ หน้า? ไม่ได้นะ! ถ้าหากพี่เย่เลี่ยนไม่ลงมือ การที่เจ้านายต่อสู้กับซอมบี้ประเภทนี้ด้วยการพาเธอมาด้วยแบบนี้ ไม่เท่ากับรนหาที่ตายเหรอ…ยังไงให้พวกเรา…’
‘ทางนี้ให้เป็นหน้าที่ฉันเถอะ’ หลิงม่อไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ แต่กลับพูดขึ้นอย่างนี้
…ซย่าน่าพลันปรากฏตัวข้างกายเฮยซือ เธอสังเกตสถานการณ์รอบๆ พลางถามว่า “พี่หลิงว่ายังไงบ้าง? ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่?”
เฮยซือกะพริบตาปริบๆ แล้วตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก “รนหาที่ตาย?”
“หา?” ซย่าน่าอึ้งงันไปครู่หนึ่ง
“แต่ดูเหมือนเขาจะมั่นใจมาก…” เฮยซือพูดเสริม
…………
‘ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ จะให้พวกเธอปลีกตัวออกมาช่วยไม่ได้…’
แค่ในโกดังอาหารนี่ก็มีสองตัวแล้ว ข้างนอกนั้นยิ่งมีซอมบี้ฝูงใหญ่ล้อมอยู่ และเมื่อเวลาผ่านไป ซอมบี้ที่ยังสามารถเคลื่อนไหวและพวกที่ยังไม่ตายก็จะวิ่งมาล้อมที่นี่ไว้ เจ้าตัวที่อยู่ในป่าร้าง…ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ต้องเคลียร์ในโกดังให้เรียบร้อยโดยด่วนที่สุด…
หลิงม่อหันกลับไปมองซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นอีกครั้ง แล้วอยู่ๆ เขาก็หยุดวิ่งตรงหน้าประตูบานหนึ่ง
อาจดูเหมือนเขาวิ่งมาทางนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ขณะที่แอบชำเลืองมองไปด้านหลังประตู เขากลับลอบแสยะยิ้มเย็นชา
ที่นี่แหละ…
ถ้าหากหาที่ที่เหมาะสมไม่เจอ เขาก็คงทำได้เพียงใช้แผน B แล้วล่ะ
“แกไม่หนีแล้วเหรอ?” เนื้อตัวของซอมบี้เจ้าเมืองเต็มไปด้วยคราบเลือด ดวงตาทั้งสองข้างก็แดงก่ำจนน่าตกใจ มันเอ่ยปากถาม ในขณะที่สองเท้ากลับสาววิ่งเข้ามาไม่หยุด ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายหดสั้นลงมาก
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะกำจัดแกซะ…” หลิงม่อบอก
“มนุษย์ แกคิดจะสู้กับฉันงั้นเหรอ?” ซอมบี้เจ้าเมืองแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน
ทว่าในตอนนั้นเอง หลิงม่อกลับถอยหลังหนึ่งก้าว จากนั้นก็ผลักประตูห้องแล้ววิ่งเข้าไป
ก่อนจะวิ่งเข้าไป เขากลับแสยะยิ้มมองหน้าซอมบี้เจ้าเมือง “กล้าหรือไม่กล้าเข้ามาก็แล้วแต่แก”
ซอมบี้เจ้าเมืองพลันรู้สึกสงสัย…ทว่าพอครุ่นคิดถึงท่าทางของหลิงม่อ และย้อนนึกถึงซอมบี้หญิงที่อยู่กับเขาตัวนั้น…
ดูยังไงมันก็…
‘สู้ได้แน่นอน!’ ซอมบี้เจ้าเมืองลอบพยักหน้ากับตัวเอง จากนั้นก็คำรามเสียงดังลั่น
“มนุษย์ แกรนหาที่ตายเองนะ!” มันพุ่งชนหนวดสัมผัสที่เหลือโดยตรง จากนั้นก็กระแทกบานประตูเต็มแรงท่ามกลางหยาดเลือดที่พร่างพรายกลางอากาศ
โครม!
เมื่อประตูห้องปลิวออกไป เงาร่างของซอมบี้เจ้าเมืองหายไปจากครรลองสายตาด้วย
ทว่าวินาทีต่อมา เสียงคำรามคลุ้มคลั่งของมันก็พลันดังออกมาจากประตูอันมืดมิดบานนี้…
“อ๊ากกกก! ไอ้มนุษย์สมควรตาย!”
ฉึก!
ตรงกลางห้อง เงาร่างของซอมบี้เจ้าเมืองสั่นไหวอีกครั้ง ในขณะที่เหนือศีรษะมีเลือดพุ่งกระฉูดเป็นสาย
ถึงแม้ว่าบาดแผลจะสมานตัวอย่างรวดเร็ว แต่ใบหน้าเปื้อนเลือดของมันกลับฉาบไว้ด้วยแววเคียดแค้นอย่างที่สุด
เวลานี้มันกำลังจ้องมองขั้นไปยังเพดานเหนือหัวของมัน…
ที่นี่เป็นห้องเก็บของห้องหนึ่งเช่นกัน เพดานจึงถูกยกสูง…และเวลานี้หลิงม่อกับเย่เลี่ยนกำลังห้อยตัวอยู่บนนั้น…เห็นชัดว่าหลิงม่อตั้งใจพามันมาที่นี่…ถึงแม้เสียเปรียบเรื่องการต่อสู้ระยะประชิด แต่เมื่อใดที่สถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ จุดยืนของทั้งสองฝ่ายก็จะกลับตาลปัตรทันใด
“มองหาอะไร?” หลิงม่อแค่นยิ้มเย็นชา พลางเหวี่ยงหนวดสัมผัสเส้นหนึ่งออกไป
ซอมบี้เจ้าเมืองเบี่ยงกายหลบอย่างว่องไว ทว่าขณะที่เพิ่งจะเบี่ยงกายหลบ กลับมีเงาดำเส้นหนึ่งโฉบเข้ามาทางด้านหลัง และปะทะเข้ากับแผ่นหลังมันอย่างจัง
“อ๊ากกกก!”
ซอมบี้ตัวนี้ร้องคราวญครางด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง ร่างกายของมันโงนเงน ทว่าไม่นาน เสียง “ฉึก ฉึก” ก็ดังมาจากบนหัว
“แกมีพลังแบบนี้อยู่ด้วย! แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ใช้!” ซอมบี้เจ้าเมืองเดือดดาล อีกทั้งมันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการโจมตีของหลิงม่อแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก หากการโจมตีก่อนหน้านี้ของหลิงม่อทำให้มันรู้สึกแค่คันยิบๆ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้การโจมตีของเขาก็เริ่มพัฒนาถึงขั้นทำให้รู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดเนื้อแล้ว…
ทว่าหลิงม่อกลับลอบยกมือกดหน้าอกเงียบๆ…
‘ไม่รู้ว่าจะอยู่ในสภาวะนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน…แต่ขอเพียงกำจัดมันให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว ตอนนี้แค่นี้ยังไม่พอ ต้องคิดหาวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้…’ หลิงม่อลอบคิดในใจ
“แน่จริงแกก็ลงมาเซ่!”
“แกก็ขึ้นมาสิ”
“ฉันไม่ขึ้น!” ซอมบี้เจ้าเมืองไม่ได้โง่ หากอยู่บนพื้นมันยังสามารถหลบหลีกได้ แต่ถ้าอยู่กลางอากาศ มันคงต้องรอถูกหลิงม่อเชือดอย่างเดียวจริงๆ แล้ว
‘ทำยังไงดี…’ ซอมบี้เจ้าเมืองเองก็กำลังคิดหาวิธีเช่นกัน…เวลานี้มันรู้สึกว่าตัวเองประเมินมนุษย์คนนี้ต่ำเกินไป…
“แต่ว่า…เธอเข้ามาแล้วนี่นา…”
……………………………………………………………