แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1199 มิสไซล์เนื้อมนุษย์
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด ซอมบี้สาวก็เคลื่อนไหวทันที ทว่าเธอกลับไม่ได้มุ่งเป้ามาที่หลิงม่อ…แต่ยกขาข้างหนึ่งเตะศพของซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นแทน
โครม! ศพซอมบี้เจ้าเมืองพุ่งแหวกอากาศมาทางหลิงม่อทันที
“โอ้…” เย่เลี่ยนเบิกตากว้าง แววตาฉายแววตื่นเต้นเล็กน้อย
แต่หลิงม่อกลับหน้าถอดสี…แค่ฟังเสียงแหวกอากาศนี้ หนังศีรษะก็รู้สึกตึงชาแล้ว
นี่มันไม่ใช่ศพแล้ว แต่เป็นมิสไซล์เนื้อมนุษย์ต่างหาก!
“อีกอย่างฉันจำไม่ผิดแน่!” หลิงม่อรั้งมือเย่เลี่ยนให้ถลาถอยไปข้างหลัง แต่เขาเพิ่งจะหลบเลี่ยงศพที่พุ่งเข้ามาโดยอาศัยแรงดึงจากหนวดสัมผัส ด้านหลังก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นทันใด “ฟึ่บ”
“เร็วเกินไปแล้ว!” หลิงม่อตกตะลึง
ซอมบี้สาวตัวนี้ไม่เพียงรวดเร็ว แต่ยังเคลื่อนไหวเงียบเชียบอีกด้วย ขนาดเธอกระโดดขึ้นมาจากด้านหลัง หลิงม่อยังไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเธอลงมือ หลิงม่อถึงเพิ่งรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันใด
“ฮิๆๆ…หล่อนเป็นของฉันแล้ว” ซอมบี้สาวพุ่งมือเข้ามาทางเย่เลี่ยนด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
ทว่าในตอนนี้เอง หลิงม่อกลับแค่นเสียง และพาเย่เลี่ยนดิ่งลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว มือของซอมบี้สาวที่พุ่งเข้ามาค้างเติ่งกลางอากาศ ได้แต่มองดูเย่เลี่ยนเคลื่อนตัวผ่านตัวเองไปต่อหน้าต่อตา
พรึ่บ!
เสี้ยววินาทีที่เท้าถึงพื้น หลิงม่อรีบดึงเย่เลี่ยนให้ถอยหลังชิดผนัง ทั้งที่ยังหอบหายใจถี่ระรัว
กึก…ซอมบี้สาวเองก็ทิ้งตัวลงพื้นเช่นกัน เธอมองหลิงม่ออย่างเหนือความคาดหมาย จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเหมือนกำลังนึกสนุก เพียงแต่สายตาของเธอในยามนี้กลับฉาบไว้ด้วยความเยือกเย็นยิ่งกว่าเมื่อกี้…
โครม! ศพของซอมบี้เจ้าเมืองพุ่งชนเพดาน และดิ่งกลับลงมากระแทกพื้นอย่างแรงท่ามกลางหยาดเลือดที่โปรยปรายดั่งสายฝน
หลิงม่อดึงเย่เลี่ยนให้หลบด้านหลังตัวเองด้วยใบหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ เพื่อไม่ให้เธอมองเห็นฉากนองเลือดอันน่าสยดสยองตรงหน้า
“ฮ่าๆ…” ใบหน้าของซอมบี้สาวตัวนั้นกลับมีเลือดกระเด็นใส่ไม่น้อย เธอใช้นิ้วแตะเลือดเหล่านั้นและแลบลิ้นออกมาเลีย จากนั้นก็หัวเราะอย่างมีความสุข “มนุษย์…นี่นายเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? นายกำลังปกป้องซอมบี้อย่างนั้นเหรอ? แต่ภาพเลือดสาดอย่างนี้น่ะ ถือเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งสำหรับพวกเราเลยนะ…” เธอเอียงหัว พยายามมองไปยังเย่เลี่ยนที่ถูกเขาบังไว้
หลิงม่อลอบกระชับมือเย่เลี่ยนแน่น พลางหัวเราะเย็นชา “อะไรกัน ลอบโจมตีล้มเหลวแท้ๆ แต่เธอกลับดูเหมือนจะดีใจมากนะ…”
ยุ่งล่ะสิ…ศัตรูที่รับมือยากที่สุดก็คือศัตรูอย่างยัยซอมบี้ตัวนี้นี่แหละ…
ทั้งที่มีสติปัญญาสูงขนาดนี้แล้ว แต่กลับยังทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณตัวเอง ตอนแรกนึกว่าเธออาจมีเรื่องที่ต้องพะวงหรือมีแผนการอะไร แต่ไม่คิดว่าจะพุ่งชนตรงๆ อย่างนี้เลย
ซึ่งนั่นทำให้สถานการณ์เป็นอย่างที่เธอพูดก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ…ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้กลยุทธ์ใดๆ นอกจากจะสามารถเอาชนะเธอได้ซึ่งๆ หน้า…
ทว่า ใบหน้านี้ของเธอและการแต่งตัวแบบนี้…
หลิงม่อเหลือบมองเพดานด้วยหางตา…ข้างบนนั้นนอกจากรอยเลือดกว้างๆ วงหนึ่ง ยังมีรอยบุบซึ่งเกิดจากการถูกกระแทกอย่างแรงอีกด้วย…
‘เชี่ย…’ หลิงม่อลอบอุทานในใจ
“ฮิๆๆๆ…อะไรกันๆ ทำไมต้องโมโหด้วยเล่า? นายทำให้ฉันสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ! อาศัยพลังดึงตัวเองกลับมาบนพื้น ขณะเดียวกันก็ยอมตัดโอกาสที่จะห้อยตัวอยู่ข้างบนทิ้งด้วยตัวเอง ต้องทำแบบนี้ถึงสามารถหนีไปจากฉันได้สินะ? แต่ว่า…ถ้าหากว่านายเคลื่อนไหวช้ากว่านี้อีกสักนิด เมื่อกี้นายอาจบาดเจ็บเพราะแรงที่ดึงตัวนายลงมาก็ได้ ถูกไหมล่ะ? สาวน้อยที่อยู่ข้างกายนายอาจไม่เป็นไร…แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นายก็ถือว่าตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดมากทีเดียว ดูต่างจากความระมัดระวังและรอบคอบที่ฉันสังเกตเห็นก่อนหน้านี้เล็กน้อยนะ แต่จะว่าไปก็ใช่แหละ ถ้าหากไม่มีความเด็ดขาดนี้ ระมัดระวังไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ความระวังฆ่าใครไม่ได้ มันเป็นเพียงการเตรียมพร้อมก่อนที่จะฆ่าใครคนหนึ่งต่างหาก…” ซอมบี้สาวแค่นยิ้มเย็นชาพลางพูดขึ้น แล้วอยู่ๆ เธอก็หัวเราะ “ฮ่าๆ” พร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เงาสีแดงกลุ่มหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาทางหลิงม่อ… ‘ชิท!’ หลิงม่อสบถในใจ
เขาเพิ่งจะปล่อยหนวดสัมผัสเพื่อต้านรับ ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่แล่นผ่านมาจากขมับทันที
‘นี่มันพลังอะไรวะเนี่ย!’ แกร่งเกินไปแล้ว! แทบจะต้านไว้ไม่ไหว! แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่แปลก…ถ้าหากไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้ จะทำให้ซอมบี้เจ้าเมืองซึ่งมีวิวัฒนาการสูงราวกับเครื่องจักรสังหารตัวหนึ่งกลายสภาพเป็นเหมือนกระสอบทราย ด้วยการเตะมันกระแทกเพดานจนเละไปทั้งตัวได้อย่างไร? คิดถึงตรงนี้ รอยบุบบนเพดานเหนือศีรษะก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปถนัดตา…
‘แต่ทำไมต้องเป็นศพด้วยล่ะ! เธอจะเตะพวกเดียวกันเหมือนลูกบอลหน้าตาเฉยอย่างนั้นไม่ได้นะ!’
หลิงม่อทำได้เพียงหลบหลีกต่อไป…แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ขณะเดียวกับที่หลบหลีก ข้างกายเขาพลันปรากฏเงาร่างของร่างดวงจิตเสี่ยวเฮยขึ้นมาทันใด
“อ๊ะ!”
ซอมบี้สาวเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างทันที ในขณะที่หลิงม่อเองก็หน้าซีดขาวในพริบตา ทว่าเขาเคลื่อนไหวต่อไปโดยไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย ยกมือขึ้นโบกสะบัด และเหวี่ยงหนวดสัมผัสหลายเส้นออกไปทันใด
สวบ…ซอมบี้สาวไหวตัวอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมาเงาร่างของเธอไปปรากฏอยู่ในอีกมุมหนึ่งของห้อง เธอส่ายหัวแรงๆ สองสามที จากนั้นก็จ้องหลิงม่อด้วยใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้มเย็นชา ขณะเดียวกันก็กวาดตามองรอบกายหลิงม่อ “ที่แท้นายก็มีไพ่ลับอยู่นี่เอง…เหมือนจะไม่ใช่การโจมตีโดยตรงสินะ…แต่ไอ้ความรู้สึกมึนๆ แบบนี้กลับทำให้น่ารำคาญยิ่งกว่า”
สีหน้าของหลิงม่อกลับไม่ได้ผ่อนคลายลงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากลับลอบกำหมัดแน่นอย่างเงียบงัน
แค่รู้สึกมึนๆ อย่างนั้นเหรอ? ทั้งที่เสี่ยวเฮยถูกพุ่งชนจนร่างจางหายไปแล้วเนี่ยนะ!
ถึงแม้จะไม่ใช่เสี่ยวเฮยเวอร์ชันสมบูรณ์แบบ…และไม่ได้อยู่ในสภาวะพร้อมเต็มร้อย แต่อย่างไรมันก็เป็นพลังงานทางจิตขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งเชียวนะ!
‘พลังจิตของเธอ…เดี๋ยวก่อน…เทียบกับสติปัญญาของเธอแล้ว ดวงแสงแห่งจิตของเธอกลับอ่อนแอกว่าที่คิดไว้มาก!’
ดูจากภายนอกอย่างเดียว…มองออกแค่ว่าเธอเป็นซอมบี้ที่อยู่ในระดับวิวัฒนาการขึ้นไป แต่พลังของเธอกลับสูงกว่าซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นมาก…ถ้าหากหลิงม่อจำไม่ผิด ปรากฏการณ์แบบนี้สามารถหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้…
ทว่าหลังจากที่สำรวจดวงแสงแห่งจิตของเธอ หลิงม่อกลับสะท้านวาบในใจ…แต่ถึงแม้จะบอกว่าดวงแสงแห่งจิตของเธออ่อนแอ มันก็เป็นเพียงการเปรียบเทียบกับพลังที่เธอมีเท่านั้น เพราะถึงระดับนี้แล้ว หากคิดจะควบคุมเธอ ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่สูงนัก ความจริงแล้วการควบคุมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากจริงๆ คือจะทำอย่างไรให้ไม่บาดเจ็บ…อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ความทรงจำของเธอเสียหาย…
‘พอเราพูดถึงเรื่องนั้นเธอก็คลั่งไปเลย ดูท่าคงไม่ยอมคุยกับเราแน่ๆ หากจะพิสูจน์ว่าเธอใช่หรือไม่ใช่กันแน่ ก็เหลือเพียงวิธีเดียวแล้ว…แต่ถ้าเริ่มตอนนี้อัตราความสำเร็จมีต่ำเกินไป แต่ว่า…’ แววตาของหลิงม่อฉายแววเปลี่ยนไปทันใด เขาชำเลืองมองประตูเงียบๆ ‘ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยซะทีเดียว…’
‘ถ้าอย่างนั้น แสดงว่าที่เธอสามารถพุ่งชนเสี่ยวเฮยจนจางหายไปได้นั้น เป็นเพราะพละกำลังอันแข็งแกร่งของเธอเพียงอย่างเดียวงั้นเหรอ…แต่ก็อาจเป็นไปได้…สภาพของเราตอนนี้แย่เกินไป…’ หลิงม่อลอบถอนใจ…เขาเองก็ไม่คิดว่าการตอบสนองอย่างนี้จะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้…ดูท่าเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกจะอ่อนแอเกินไปตามคาด…
‘จะว่าไปแล้ว…เมื่อกี้เธอบอกว่าเด็กโง่กินอะไรบางอย่างไปนี่…หรือว่าจะหมายถึงเจ้าสิ่งนี้?’ หลิงม่อพลันนึกถึงปรสิตที่เย่เลี่ยนหาเจอจากหุ่นเชิดตัวนั้น…ซึ่งเจ้าสิ่งนั้นทำให้เมล็ดพันธุ์ที่หลับใหลอยู่ในตัวเขาตื่นขึ้นมา และทำให้เย่เลี่ยนแสดงท่าทีสนใจออกมาจริงๆ…หรือว่าซอมบี้พวกนั้นก็บุกเข้ามาเพราะเจ้าสิ่งนี้เหมือนกัน?
‘จริงด้วย พวกมันถูกกลิ่นดึงดูดเข้ามาไม่ผิดแน่ ถ้าหากเป้าหมายคือหุ่นเชิดตัวนั้น ซอมบี้พวกนั้นก็ดูจะระดมกำลังกันจนมากเกินความจำเป็น แต่ถ้าหากเป้าหมายคือเจ้าสิ่งนี้ ก็แสดงว่าพวกมันต้องรู้จักยัยราชินีแมงมุมแน่นอน! ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ…เราก็จำเป็นต้องกำราบเธอให้ได้แล้วล่ะ…’ สายตาของหลิงม่อแปรเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว…
ซอมบี้สาวกลับบิดคอไปมา จากนั้นก็ก้มหน้าลงแสยะยิ้มชั่วร้าย และจ้องมาที่หลิงม่อ “ถ้าอย่างนั้นก็เล่นกันอีกหน่อยแล้วกัน…” พูดแล้วเธอก็หายวับไปอีกครั้ง
ทว่าคราวนี้หลิงม่อเตรียมพร้อมแต่แรกแล้ว เขาเบี่ยงศีรษะหลบออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นมือข้างหนึ่งพลันโผล่ออกมากลางอากาศและพุ่งตรงเข้ามาตรงหน้าเขา
ทว่าอยู่ๆ มือข้างนั้นก็เคลื่อนไหวช้าลงทันใด…หนวดสัมผัสจำนวนมหาศาลพลันปรากฏขวางหน้า และแม้ว่าจะจางหายไปอย่างต่อเนื่อง พวกมันก็ยังพยายามขัดขวางมือข้างนั้นไว้อย่างสุดกำลัง…
ใบหน้าของซอมบี้สาวปราฏตามมาทีหลัง…เธอมองหลิงม่อที่กำลังหลบหลีกการโจมตีแวบหนึ่ง มุมปากพลันกระดกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็กำนิ้วมือทั้งห้าเข้าหากันทันใด
พรึบ!
หนวดสัมผัสจำนวนมากกลายสภาพเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วน…
ทว่าในตอนนี้เอง หนวดสัมผัสส่วนที่เหลืออยู่กลับกลายสภาพเป็นสสาร ส่งผลให้มีเลือดสีแดงฉานสายหนึ่งไหลออกมาจากซอกนิ้วของเธอทันที…
ขณะเดียวกัน กำปั้นของซอมบี้สาวก็พุ่งมาทางหลิงม่อ และเฉี่ยวผ่านใบหูเขาไปอย่างเฉียดฉิว…
โครม!
ท่ามกลางเศษปูนที่กระจายว่อนไปทั่วทิศ ซอมบี้สาวมองดูกำปั้นที่พลาดเป้า และค่อยๆ คลายนิ้วมือออก ขณะเดียวกับที่เห็นเลือดไหลหยด เธอก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พลางตะโกนก้องว่า “เอาอีก!”
แต่ในระหว่างนั้น ภายใต้แรงดึงของหนวดสัมผัส หลิงม่อกับเย่เลี่ยนได้ลอยไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องแล้ว
“ฮั่ก…ฮั่ก…” หลิงม่อหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ‘โรคจิตไม่แบ่งแยกชายหญิงจริงๆ…’
……………………