แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1200 เล่นกันสนุกสนาน
โครมครามๆๆ!
“ฮ่าๆ เอาอีก! เอาอีกครั้ง!”
“อะไรกัน? นายดูเหมือนจะเหนื่อยมากแล้วนะ!”
“มนุษย์ก็แบบนี้แหละ ใช้การได้ไม่นานก็เสียแล้ว…”
“ถ้าอย่างไร…ปล่อยหล่อนไปไม่ดีกว่าหรือ?”
ชั่วขณะหนึ่ง เสียงหัวเราะของซอมบี้สาวดังมาจากทั่วทุกสารทิศ
ในขณะที่หลิงม่อกลับเหงื่อท่วมหัวเพราะต้องหลบหลีกการโจมตีอย่างต่อเนื่อง เสียงหอบหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าก็ซีดขาวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
‘รีบมาเร็วเข้าสิ…’ หลิงม่อเหลือบมองประตู
ซอมบี้สาวตัวนี้บ้าคลั่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก…เธอไม่สนใจเลยว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ยิ่งไม่สนใจผลลัพธ์การต่อสู้ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาโจมตีลูกเดียว ซึ่งวิธีการโจมตีที่ตรงไปตรงมาอย่างนี้ กลับทำให้เธอสามารถแสดงจุดเด่นของซอมบี้ออกมาได้ดีที่สุด นั่นก็คือทั้งโจมตีและต้านรับได้อย่างยอดเยี่ยม! ส่วนหลิงม่อกลับตกเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตั้งแต่ต้น หากยังเป็นอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ เขาต้องพลาดท่าในไม่ช้าแน่นอน…
‘เร็วเข้า…จะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด…’ หลิงม่อกัดฟันอดทน
ในที่สุดซอมบี้สาวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เธอใช้นิ้วมือปาดเลือดบนร่างกายตัวเอง จากนั้นยกขึ้นมาลิ้มรส ในขณะที่สายตากลับจดจ้องมายังหลิงม่ออย่างมุ่งร้าย “หากเป็นแบบนี้ต่อไป…อีกไม่นานนายก็จะเผยจุดอ่อนออกมา…ตราบใดที่นายยังไม่ยอมปล่อยหล่อนไป…” เธอดึงนิ้วออกมาจากกลีบปากบางๆ และชี้ไปที่เย่เลี่ยนซึ่งหลบอยู่ข้างหลังหลิงม่อ พลางพูดกลั้วเสียงหัวเราะเย็นชา “ตัวภาระ…”
“นายต้องแพ้แน่นอน…ฮ่าๆๆๆ…” เสียงหัวเราะของซอมบี้สาวบ้าคลั่งกว่าเดิม
“พี่…หลิง…” เย่เลี่ยนหดตัวเข้าไปด้านหลังหลิงม่อเล็กน้อย พลางเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วเบาและติดขัด
หลังสัมผัสได้ว่านิ้วมือของเย่เลี่ยนกำลังกระชับมือเขาแน่นขึ้น หลิงม่อก็พลันหัวเราะเย็นชาขึ้นมา สีหน้าแปรเปลี่ยนจากตึงเครียดและเหนื่อยล้าเป็นเย็นเยียบ “เธอว่าใครเป็นตัวภาระ?”
“โอ๊ะโอ…นายโกรธแล้วเหรอ?” ซอมบี้สาวทำหน้าไร้เดียงสา ทว่านิ้วมือของเธอกลับค่อยๆ หดเกร็งอย่างช้าๆ “อย่างนี้ก็ดี…นายเอาแต่หลบไปหลบมาแบบนี้ ฉันก็เบื่อแล้วเหมือนกัน…”
เธอดีดเล็บมือยาวๆ ของตัวเองสองสามทีด้วยท่าทางผ่อนคลาย จากนั้นก็ช้อนตามองหลิงม่อยิ้มๆ “แต่ขอบอกอะไรนายไว้ก่อนเรื่องหนึ่ง…ฉันไม่เหมือนเพื่อนของฉันหรอกนะ…หมอนั่นอาจดูถูกนาย แต่ฉันไม่…เพราะมีคนคอยบอกฉันเสมอว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่รับมือยากมาก แต่ก็เพราะเหตุผลนี้ เวลาล่ามนุษย์จึงทำให้พวกเรารู้สึกอิ่มเอมมากกว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อมูลที่สัญชาตญาณถ่ายทอดมาให้พวกเราเหมือนกัน…”
โครม!
ซอมบี้สาวกระโดดออกไปทันใด พื้นบริเวณที่เธอเพิ่งยืนเมื่อกี้พลันปรากฏหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมาหลุมหนึ่ง
“ทำไมใจร้อนอย่างนี้ล่ะ? น่าเสียดาย นายซุ่มโจมตีพลาดซะแล้ว…”
เธอก้าวถอยหลังพลางพูดไปด้วย ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียงพูด ความรู้สึกเจ็บแปลบปลาบพลันแล่นมาจากต้นคอทันที
ซอมบี้สาวยื่นมือออกไปยันผนังด้านข้าง นิ้วมือจิกลึกเข้าไปในผิวปูนเพื่อฝืนประคองร่างไม่ให้ล้มลงไป
หนวดสัมผัสเส้นหนึ่งกลายสภาพเป็นจุดแสงมากมายอยู่บนต้นคอของเธอ…
ซอมบี้สาวยกมือลูบต้นคอตัวเอง…เธอถูนิ้วมือที่เลอะคราบเลือดเหนียวๆ ครู่หนึ่ง และจ้องหน้าหลิงม่อพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะเหมือนมีความสุขเสียเต็มประดา “นายเริ่มเล่นจริงแล้วสินะ…แต่สภาพนายอย่างนี้จะทนได้อีกนานแค่ไหนเชียว?”
“เมื่อกี้ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าเธอจะลองดูก็ได้นะ…” หลิงม่อแค่นเสียงเย็นชา พลางเงื้อข้อมือขึ้นอีกครั้ง
สวบๆๆ! หนวดสัมผัสนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปอีกครั้ง…
‘อดทนได้อีกไม่นานแล้วจริงๆ…ตอนสู้กับเจ้าหมอนั่นที่เป็นคนของนิพพานเราสูญเสียพลังงานมากไป…ถึงแม้จะเติมพลังโดยอาศัยเจ้ามาสเตอร์บอลบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็มีเวลาน้อยเกินไป ตอนนี้…ทำได้เพียงลองดูสักครั้งแล้วล่ะ’ หลิงม่อพยายามรับรู้ถึงอาการของหัวใจตัวเองเงียบๆ พลางคิด
ทว่าขณะเดียวกัน เขาเองก็รู้ดีว่าปรสิตในร่างเขาถูกใช้งานไปหนึ่งหนแล้ว ตอนนี้จึงน่าจะยังอยู่ในช่วงพักผ่อน ถ้าหากเขาฝืนใช้มันอีกครั้ง ไม่เพียงการเติบโตของปรสิตจะได้รับผลกระทบในอนาคต ทว่าแม้แต่หัวใจของเขาเองก็อาจต้องประสบกับปัญหาบางอย่างด้วยเหมือนกัน…
“ฮ่าๆๆ! นี่จริงจังใช่ไหม? แต่ฉันก็เคยบอกไปแล้วเหมือนกันนี่ ตราบใดที่นายยังไม่ยอมทิ้งตัวภาระอย่างหล่อนไป อย่างไรนายก็ต้องแพ้ ถ้าหากไม่อยากส่งตัวหล่อนให้ฉัน นายจะฆ่าหล่อนด้วยตัวเองก็ได้ หรือไม่ก็ให้หล่อนออกมาสู้เองเลยก็ได้เหมือนกัน! หล่อนเป็นพวกเดียวกับฉันสินะ? ทำไมต้องหลบอยู่หลังมนุษย์ด้วยล่ะ? น่าแปลกจริงๆ…”
เสียงหัวเราะของซอมบี้สาวดังแว่วมาอีกครั้ง…ถึงแม้สถานการณ์ต่อสู้จะดุเดือด แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเธอกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ตรงกันข้ามกลับยิ่งดูตื่นเต้นดีใจ
‘ยัยนี่มันบ้าชัดๆ’ หลิงม่อลอบด่าในใจ ‘เธอวิวัฒนาการแบบไหนถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้!’
ทว่า…หลิงม่อเองแอบกุมมือเย่เลี่ยนแน่น…ต้องให้เธอออกมาสู้เองจริงๆ น่ะหรือ? ภาพตอนที่เย่เลี่ยนอยู่ในอาคารหอพักพลันผุดขึ้นมาในสมองเขาอีกครั้ง…แผ่นหลังของเธอที่กำลังลากศพด้วยท่าทางไม่แยแสต่อสิ่งใด ขณะเดียวกันก็มีลมปราณอันตรายรุนแรงแผ่ปกคลุมรอบกาย…
‘ไม่…อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยากสู้…’ หลิงม่อเหลือบมองเย่เลี่ยนที่หลบอยู่ด้านหลังเขาแวบหนึ่ง ‘ก่อนหน้านี้เธอยังไม่ฟื้นคืนสติอารมณ์…แต่ตอนนี้…ไม่สิ เรื่องสำคัญคือ ทำไมเธอถึงได้มีพฤติกรรมอย่างนี้ล่ะ? ถูกอย่างที่อีกฝ่ายพูด เธอชอบกลิ่นคาวเลือดมาก…แต่พอเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันตัวเป็นๆ ที่เคลื่อนไหวด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ อย่างนี้ เธอกลับดูตื่นตระหนก…’
“พี่หลิง…หนีเร็ว…” เย่เลี่ยนพลันพูดเสียงเบา
สมองของหลิงม่อพลันว่างเปล่าขาวโพลนไปชั่วขณะ…
“เธอ…ว่าไงนะ?”
“ฮ่าๆๆ! นายดูสิ ขนาดเธอยังบอกให้นายหนีเลย! แต่ก็น่าแปลกนะ ถึงปากเธอจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยังเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังนายไม่กล้าขยับ! นี่มันเหมือนมนุษย์เลยไม่ใช่เหรอ? อยากปกป้องคนอื่น แต่ก็กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับอันตราย…ไอ้ความคิดที่ขัดแย้งกันอย่างนี้น่ะ!”
หลิงม่อตวัดสายตามองซอมบี้สาว “หุบปาก!”
พูดไป เขาก็ยกมือตบหน้าอกตัวเองแรงๆ
‘เดิมทีแค่อยากถ่วงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด…แต่เธอพูดถูก ไม่ใช่ทุกปัญหาที่จะแก้ไขได้ด้วยความระมัดระวังเพียงอย่างเดียว บางครั้ง ทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด…’ หลิงม่อคิดในใจ ในขณะที่สีหน้ากลับขาวซีดหนักกว่าเดิมราวกับแผ่นกระดาษ ดวงตาทั้งคู่ของเขาเริ่มกลายเป็นสีแดงรางๆ มุมปากกระดกขึ้นเผยรอยยิ้มบางๆ ‘ในเมื่อเป็นคนกันเอง ฉันก็ควรแสดงมารยาทในการพบปะกันสักหน่อยจึงจะถูก…’
ซอมบี้สาวเอียงคอ “ถ้าอย่างนั้นนายก็ส่งตัวเองมาให้ฉันก่อนก็ได้…ฉันจะเพลิดเพลินไปกับมันอย่างดีเลยล่ะ…”
…………
โครม!
ประตูห้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เย่ไคที่กำลังพยายามยันไว้อย่างสุดกำลังอยู่อีกฝั่งของประตูพลันหน้าแดงก่ำ และกระแอมไออย่างรุนแรงสองสามครั้ง
“ฉันเอง!”
ซย่าน่ารีบเดินเข้าไป จากนั้นก็ยื่นมือออกไปดันประตูเหล็กที่กำลังสั่นคลอนอย่างหนักไว้
“นายเองก็ไปเถอะ” เธอหันไปมองมู่เฉินที่ถูกแรงสะเทือนจากบานประตูเล่นงานจนมีสภาพแย่ไม่ต่างกัน แล้วพูดขึ้น
“เธอจะไหว…ช่างเถอะ ฉันจะไม่เกรงใจคุณหนูใหญ่อย่างเธอแล้วกัน”
มู่เฉินประคองเย่ไคเดินไปอีกด้าน ทั้งสองแทบจะทรุดนั่งและไถลตัวลงไปตามแนวผนังพร้อมกัน
พวกเขาเหลือบมองบานประตูที่สั่นสะเทือนจนฝุ่นคลุ้ง และยังเต็มไปด้วยรอยแยกมากมาย พลางรับรู้แรงสะเทือนที่คืบคลานมาจากทั่วทุกสารทิศ สุดท้ายก็ทอดมองเข้าไปในส่วนลึกของโกดังด้วยท่าทางอิดโรย
“พวกเราถูกล้อมแล้ว…”
“ใช่น่ะสิ…”
…………………………………………………………..