แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1203 แผนการผ่าตัดแปลงส่วนลับ
“หึ! เจ้ามนุษย์ชื่อหลิงม่อนั่น…” ซอมบี้สาวในภาพกำหมัดแน่น และต่อยผนังข้างๆ จนเกิดเป็นเสียง “โครม” ดังเลื่อนลั่น ผิวผนังสั่นสะเทือนท่ามกลางเศษฝุ่นละอองที่ปลิวว่อนลงมาจำนวนมาก ดูจากคำพูดและน้ำเสียงของซอมบี้สาว…เธอมีความแค้นฝังแน่นต่อหลิงม่อมากจริงๆ…
‘แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ! นี่มันไม่ใช่แล้วนะเฮ้ย! ฉันไปทำอะไรให้เธอ! ฉันเอาอะไรของเธอไปเมื่อไหร่!’ หลิงม่อนึกค้านอย่างไม่ยุติธรรมในใจ
นี่มันจะแปลกเกินไปแล้ว! เมื่อกี้ยังอบอุ่นอ่อนโยนอยู่เลย
ไม่ใช่หรือ? ถึงภาพมันจะดู 18+ ไปหน่อยก็ตาม…
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ! เพราะประเด็นสำคัญคือเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ต่างหาก!
“เธอยังไม่ลืมเรื่องตอนนั้นจริงๆ สินะ” อีกเสียงพูดขึ้น
ซอมบี้สาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แน่นอนสิ…พอคิดว่าตัวเองเคยทำตัวออดอ้อนเอาใจต่อหน้ามนุษย์คนหนึ่ง เลือดในตัวฉันก็เดือดปุดๆ แล้ว!”
เธอกำหมัดชกผนังอีกครั้ง…
ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง! แต่ฉันไม่ได้เป็นคนบังคับให้เธอทำแบบนั้นสักหน่อยนี่…
“คือว่า เธอใช้คำผิดแล้วล่ะ…” อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้น
“อย่าเพิ่งพูดแทรกฉัน!” พูดถึงตรงนี้ ซอมบี้สาวก็พลันหัวเราะเสียงดัง เพียงแต่ในเสียงหัวเราะนั้น กลับเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและโหดเหี้ยม “เมื่อไหร่ที่ฉันกับเธอตามหาเขาเจอ ฉันจะเป็นคนกินเขาด้วยตัวเอง! ไม่เพียงเท่านี้…ฉันจะสู้กับเขาและกำราบเขาให้พ่ายแพ้แทบเท้าฉัน!”
แคร่กกก…เธอตวัดกรงเล็บและข่วนผนังอิฐจนแตกกระเจิงเป็นวงกว้างทันใด
หลังเงียบไปไม่กี่วินาที อีกเสียงก็ถามขึ้นว่า “แต่ว่า…เธอจำเขาได้เหรอ?”
กรงเล็บของซอมบี้สาวพลันชะงักค้าง…
ไม่นานเธอก็ยกมือปิดหน้าและทรุดนั่ง บอกว่า “บอกตามตรงนะ…ที่ฉันจำได้…ก็มีแต่เท้าของเขาเท่านั้น…”
“ฉันเข้าใจ…” อีกเสียงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่สินะที่เขาเรียกว่า สายตาสุนัขมักมองคนต่ำ[1]…”
“นั่นน่ะสิ…” ซอมบี้สาวเองก็ทอดถอนใจ
‘เอิ่ม…ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นประสบการณ์อันเลวร้ายสำหรับเธอจริงๆ…แต่ทำไมพอฟังคำพูดพวกเธอแล้วมันรู้สึกทะแม่งๆ ล่ะ…’ หลิงม่อที่กำลังดูภาพความทรงจำรู้สึกสับสนงุนงง…
“แต่ว่า…พวกเราต้องตามหาเขาเจอแน่นอน” อยู่ๆ อีกเสียงหนึ่งก็พูดขึ้นอย่างหนักแน่น
ซอมบี้สาวเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็พยักหน้าแรงๆ “อื้ม!”
“พอถึงตอนนั้น พวกเราค่อยคิดบัญชีกับเขาทีเดียว”
เงาร่างเลือนรางเส้นหนึ่งเดินออกมาจากเงามืดช้าๆ…เพียงแต่ส่วนใบหน้าของเธอยังคงถูกปิดบังไว้ มีเพียงมือข้างหนึ่งที่ปรากฏท่ามกลางแสงสลัวด้านหน้าซอมบี้สาว
มือข้างนั้นทำนิ้วเลียนแบบปืนพก จากนั้นก็เล็งไปเบื้องหน้า…ทำท่ายิง “ปัง!” หนึ่งครั้ง
“ส่วน X ของเขา…ฉันขอแล้วกัน”
หลิงม่อรู้สึกสะท้านวาบไปทั้งตัว!
เสี้ยววินาทีนี้ เขาถึงขั้นรู้สึกราวกับว่าเงาร่างนั้นกำลังพูดกับตัวเอง!
‘ไม่ผิดแน่ เป็นเธอจริงๆ! คนที่หมกมุ่นกับแผนการผ่าตัดแปลงส่วนลับก็มีแต่เธอเท่านั้น! ไม่คิดเลยว่าออกไปท่องโลกมาขนาดนั้นแล้ว เธอก็ยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีก! ไม่ใช่แค่ไม่ลืม แต่กลับยิ่งหมกมุ่นหนักกว่าเดิมอีก! ที่แย่ที่สุดก็คือ…เธอไปหาตัวช่วยเยอะแยะขนาดนี้มาจากไหนกัน! ฉันมอบหมายภารกิจตามหาดราก้อนบอล…ไม่ใช่สิ ภารกิจตามหาไวรัสนางพญาเจ็ดก้อนให้เธอแล้วไม่ใช่หรือไง! จะว่าไปแล้ว…ใช่เจ็ดก้อนหรือเปล่านะ? เฮ้อ ช่างเถอะ…ปัญหาคือเธอทิ้งยัยอวี๋ซือหรานที่เอาแต่หมกมุ่นกับตรงนั้นของฉันไว้คนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังจะพามาเพิ่มอีก!’
หลิงม่อปวดหัวขึ้นมาทันที…
‘ทำไมซอมบี้ถึงได้โรคจิตกันขนาดนี้นะ…’
ตรงนั้นมันมีอะไรดีกันนักกันหนา!
พวกเธอช่วยหันไปให้ความสนใจจุดที่ปกติกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง! อย่างเช่นสมอง! หรือไม่ก็หัวใจ!
‘จะว่าไปแล้ว…เป็นเพราะตอนที่ยังเป็นมนุษย์พวกรุ่นพี่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย…ดังนั้นก็เลยอยากรู้อยากเห็นมาก…พอคิดแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องดีเลยซะเดียว…’
‘ไม่สิๆ…เราจะไขว้เขวเพราะมอนิ่งคิสไม่ได้เด็ดขาด…’
‘อีกอย่างแทนที่จะเรียกว่ามอนิ่งคิส สู้บอกว่ารุ่นพี่มองเราด้วยสายตาประหลาด จากนั้นก็น้ำลายไหลไม่รู้ตัวจะเหมือนกว่า…เลิกปลอบใจตัวเองดีกว่า…ท่าทางของเธอแบบนั้น…อันตรายมากเหมือนกันนะ! ถ้าอย่างนั้น เป็นเราที่ไม่เคยรู้ตัวเลยงั้นเหรอ! ความอยากรู้อยากเห็นของซอมบี้ท้ายที่สุดก็กลายเป็นความอยากอาหารงั้นเหรอ!’
หลิงม่อหนังศีรษะตึงชาอีกครั้ง…
‘ใจเย็นไว้ๆ…ลองดูซิว่ามีเรื่องที่เกี่ยวกับราชินีแมงมุมบ้างไหม…’
ภาพเหตุการณ์ต่อจากนี้ปกติขึ้นมาก…
อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้ากระจก แต่ปรากฏว่าหลังถอดเสื้อผ้าออกก็จำตัวเองไม่ได้ จึงโจมตีเงาในกระจกอย่างบ้าคลั่ง…
และพอทำใจยอมรับตัวเองตอนเปลือยเปล่าได้อย่างยากลำบาก เธอกลับโจมตีกระจกอีกบานจนแตกกระจายหลังสวมใส่เสื้อผ้าอีกครั้ง…
“ทำไมฉันถึงได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุดแบบนี้ล่ะ!” ซอมบี้สาวถามราวกับสติกระเจิดกระเจิง
“คือ…เรื่องนี้…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…” เงาร่างที่เดินตามมาข้างหลังเองก็พูดอย่างจนใจ
‘เหอะ โง่ไปเลยล่ะสิ…คิดว่าใครก็เลี้ยงดูซอมบี้ได้เหมือนฉันอย่างนั้นหรือ โดยเฉพาะซอมบี้ที่มีสติปัญญาแต่ขาดความรู้ทั่วไปอย่างนี้น่ะ…’ หลิงม่อลอบคิดอย่างยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
อย่างเช่นการศึกษาร่างกายตัวเอง…
“กล้ามเนื้อหน้าอกในหนังสือเล่มนี้ ทำไมไม่เหมือนกล้ามเนื้อหน้าอกของฉันล่ะ…”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอดูของฉันสิ ถ้าหากฝึกฝนเยอะๆ ก็จะแข็งแรงเหมือนของฉันเอง!”
“อ้อ…ที่แท้มันก็จะหดเล็กลงเองหรอกเหรอ…”
‘อะแฮ่มๆ…การตีความหมายหน้าอกแบนแบบใหม่…’ หลิงม่อยังคงมองดูภาพเหตุการณ์เหล่านั้นต่อไป…
และหลังจากที่ภาพเหตุการณ์สับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ…ในที่สุด!
เงาร่างเส้นหนึ่งก็ปรากฏในภาพเหตุการณ์ภาพใหม่…
แต่ก่อนที่จะมองเห็นเงาร่างเส้นนี้ หลิงม่อกลับเห็นภาพที่น่าตกตะลึงภาพหนึ่งก่อน…
ศพ…เกลื่อนถนนใหญ่
เลือดสดๆ ย้อมถนนทั้งสายจนแดงฉาน รถยนต์เก่าๆ ถูกเขวี้ยงเข้าไปในร้านค้าสองข้างทาง
และบนถนน บนกระถางดอกไม้ และบนเสาไฟฟ้าเหล่านั้น…ก็มีแต่เศษชิ้นส่วนที่ห้อยต่องแต่งอยู่เต็มไปหมด
ถึงแม้เป็นเพียงความทรงจำ แต่หลิงม่อที่เสมือนอยู่ในเหตุการณ์กลับคล้ายได้กลิ่นคาวเลือดฉุนแทงจมูกจากภาพนั้น
มีศพ…เยอะเกินไปแล้ว…
และสิ่งที่ทำให้หลิงม่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีก็คือ…ศพเหล่านี้ไม่ได้มีแต่ซอมบี้เท่านั้น…
หรือกระทั่งพูดได้ว่า มากกว่าครึ่งเป็นศพของมนุษย์เสียส่วนใหญ่…
“นี่มัน…ฝีมือพวกเธอ?” หลิงม่อพึมพำด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์
ทว่าในตอนนี้เอง เงาร่างเส้นนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น…
ความจริงหากมองจากมุมของซอมบี้สาว หลิงม่อมองเห็นได้ไม่ชัดนัก…แต่เขากลับตระหนักได้ทันทีในเสี้ยววินาทีที่มองเห็นหนวดสีแดงเลือดเหล่านั้น…
นั่นมันยัยราชินีแมงมุม!
เทียบกับเมื่อก่อน…ราชินีแมงมุมดูแข็งแกร่งขึ้นมากทีเดียว…
เงาร่างเลือนรางคล้ายมีคล้ายไม่มีของเธอมองแวบแรกยังดูอรชรอ้อนแอ้น แต่เส้นผมยาวสลวยที่พลิ้วไหวไปตามสายลม รวมถึงหนวดสีแดงที่ยาวสิบกว่าเมตรซึ่งแทบจะโอบรอบกายเธอจนมิดเหล่านั้น กลับทำให้เธอที่เพียงยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ มีรังสีอำมหิตรวมถึงรัศมีความงามแฝงอันตรายแผ่ซ่านอยู่รอบกาย…
ทว่าเมื่อเธอก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว และเหยียบขอบดาดฟ้า ลมปราณอันตรายสุดขีดขุมหนึ่งพลันระเบิดรอบกายเธอ
“เฮือก!” หลิงม่ออดสูดหายใจลึกอย่างขนลุกไม่ได้
ขณะเดียวกัน ซอมบี้สาวเจ้าของครรลองสายตาก็พลันถอยหลังเข้าไปในมุมกำแพงทันที และทำได้เพียงแอบมองราชินีแมงมุมผ่านช่องแคบๆ
‘หืม? ซ่อนตัวงั้นหรือ? หรือว่า…นี่ไม่ใช่ฝีมือพวกเธอ?’ หลิงม่อคิดในใจ
ขณะเดียวกันเขาก็กำลังขบคิดอีกเรื่องหนึ่ง…ที่นี่ คือที่ไหนกันแน่?
น่าเสียดายที่ซอมบี้สาวเอาแต่จ้องราชินีแมงมุมอย่างเดียว ถึงแม้เขาอยากจะสังเกตสภาพแวดล้อมด้านซ้ายขวา ก็ไม่อาจทำได้…
ในตอนนี้เอง อยู่ๆ ราชินีแมงมุมก็พูดขึ้น
เสียงของเธอยังเหมือนเมื่อก่อน ฟังคล้ายเสียงของเด็กสาวตัวน้อยอ่อนแอคนหนึ่ง
แต่โลกนี้มีเด็กสาวที่ไหนที่เพียงยืนพูดธรรมดาๆ อยู่บนดาดฟ้า เสียงก็ดังก้องไปทั่วถนนทั้งสาย!
ยิ่งไม่มีทางมีหนวดลอยไหวอยู่รอบตัวอย่างนั้นแน่!
“ฟู่…” ซอมบี้สาวแอบฟังอย่างระมัดระวัง
“พวกแกล้ำแดนแล้ว” ประโยคแรกที่ราชินีแมงมุมพูดคือประโยคนี้
ก้ามข้าม? หลิงม่อขมวดคิ้วแน่นทันที
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนั้น…ภาพนี้อาจไม่ปรากฏซ้ำเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว นี่อาจเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียว…
ซอมบี้สาวกลับดูแตกตื่นชั่วขณะอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่หลิงม่อสามารถมองดูภาพความทรงจำของเธอได้ กลับไม่สามารถอ่านความคิดของเธอในขณะนั้นได้
แต่ดูท่าแล้ว ซอมบี้สาวกลับเหมือนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
“น่ารำคาญจริงๆ” หลังจากที่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หนวดหลายสิบเส้นด้านหลังราชินีแมงมุมก็พลันเคลื่อนไหว
หนวดเหล่านั้นพลันยืดยาวออกไป ในชั่วพริบตาพวกมันก็ยืดยาวออกไปถึงหลายสิบเมตรแล้ว…
‘เฮ้ย! เส้นเลือดพวกนั้นของเธอจะวิวัฒนาการตามใจฉันกันเกินไปแล้วนะ!’ หลิงม่ออึ้งงันไปชั่วขณะ
แม่เอ็ง นั่นยังเรียกว่าเส้นเลือดได้อีกเหรอ!
ทว่าพอคิดอีกที พวกนั้นอาจไม่ใช่เส้นเลือดจริงๆ แล้วก็ได้…
เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นถึงซอมบี้กลายร่างร่างแม่เชียวนะ…แถมยังมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์อีกต่างหาก!
ขนาดพวกหลิวหยางยังได้รับพลังต่อสู้อันน่ากลัวหลังจากถูกปรับโครงสร้างร่างกายในช่วงสั้นๆ การที่ราชินีแมงมุมซึ่งเป็นซอมบี้ร่างแม่จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…
‘ไม่แปลกบ้าอะไรเล่า นี่มันสัตว์ประหลาดเหนือสัตว์ประหลาดแล้ว…แต่ว่านี่ก็ถือเป็นโอกาสดีเหมือนกันที่จะได้เห็นว่าเธอแข็งแกร่งขนาดไหนแล้ว…’ หลิงม่อสังเกตอย่างตั้งใจ ‘แต่ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ? แสดงอำนาจงั้นหรือ?’
เรื่องจริงได้พิสูจน์ว่าหลิงม่อคิดผิด…
หนวดเหล่านั้นพุ่งไปยังมุมหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง…ซึ่งมุมนั้นดันเป็นมุมบอดที่ซอมบี้สาวมองไม่เห็นพอดี
แต่โชคดีที่สายตาของซอมบี้สาวตวัดมองตามหนวดเหล่านั้นลงไปอย่างรวดเร็ว…
เพราะเหตุนี้ หลิงม่อจึงมองเห็นภาพนั้นเต็มๆ ตา…
บึ้มม!
เศษดินและฝุ่นมากมายกระจายว่อน และท่ามกลางเสียงดังสนั่นนี้ เสียงคำรามเดือดดาลหนึ่งก็พลันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“กรรร!”
หลิงม่อถึงขั้นรู้สึกเหมือนหูอื้อไปชั่วขณะ…
นี่มันเสียงของสัตว์ประหลาดอะไรกัน?
ไม่นาน พื้นดินก็พลันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมา…
ตึง! ตึง! ตึง!
หนวดอีกกลุ่มหนึ่งพุ่งโจมตีลงไปอีกครั้ง และครั้งนี้มือข้างหนึ่งพลันยกขึ้นเพื่อป้องหนวดเหล่านั้นไว้…
เสี้ยววินาทีที่เลือดพุ่งกระฉูด เงาร่างที่ต้านรับหนวดเหล่านั้นก็พลันพุ่งตัวออกมาจากส่วนลึกของกลุ่มดินทรายที่กระจัดกระจายเป็นวงกว้าง
“กรรร!”
มันเงยหน้า จ้องราชินีแมงมุมที่อยู่บนดาดฟ้าอย่างขึ้งเคียด
ส่วนหลิงม่อ…กลับอึ้งค้างไปทันที…
นี่มัน…สัตว์ประหลาดบ้าอะไรวะเนี่ย!
ถึงแม้จะมองเห็นเพียงร่างกายท่อนบนผ่านละอองฝุ่นที่ลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศ แต่เส้นผมยาวๆ ผิวสีแดงสด และรูปร่างสูงใหญ่นั่นมัน…
“แม่เอ็ง นี่มันมนุษย์ยักษ์ชัดๆ!”
…………………………………………………………..
[1] สายตาสุนัขมักมองคนต่ำ เป็นสำนวนจีนหมายถึง คนที่ชอบดูถูกผู้อื่นหรือประเมินผู้อื่นต่ำต้อยเสมอ