แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 701 ขว้างระเบิด
หลิงม่อถึงขั้นพูดไม่ออก ทำไมมันดูแปลกๆ…
“ฮิๆ ไม่ต่อยใช่ไหม? ฉันว่าแล้วเชียว แกมันก็แค่เงาลวง จากที่ฉันเข้าใจ ไม่มีทางที่จะมีคนที่เหมือนกันทุกอย่างโผล่ขึ้นมาแน่นอน อวี๋ซือหรานไม่มีพี่น้องฝาแฝดซักหน่อย” ซอมบี้โลลิแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา
“ที่แท้ก็เฮยซือ…” หลิงม่อเข้าใจแล้ว
แต่ในเมื่อรู้ว่าเป็นเงาลวงแล้วยังจะไปคุยกับกำแพงอย่างออกรสอย่างนั้นอีกทำไม…
พูดไม่ออกก็ส่วนพูดไม่ออก หลังจากลากมู่เฉินกลับมาไว้ข้างๆ หลิงม่อก็ควบคุมหุ่นซอมบี้ให้เดินเข้าไปอีกครั้ง เพื่อจะลากอวี๋ซือหรานกลับมาด้วย
การจะจัดการอวี๋ซือหรานได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อสิทธิ์ในการคุมร่างเปลี่ยนไปอยู่ในมือเฮยซืออย่างตอนนี้แล้ว
หากหุ่นซอมบี้ใช้มือสับลงไป เป็นไปได้มากว่าถึงฝ่ามือของมันจะเละ ก็ยังไม่สามารถทำให้อวี๋ซือหรานสลบ
ดึงเส้นไหมสีเงิน?…เกรงว่าทันทีที่ดึงมันต้องโดนแทงแน่นอน…
หลิงม่อเกาหัวอย่างหงุดหงิด เขามองข้ามเฮยซือที่เอาแต่พูดกับกำแพงไม่หยุด แล้วตัดสินใจลากตัวการของเรื่องทั้งหมดออกมาก่อน
เฮยซือมองออกว่าเป็นภาพลวงตาได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว แค่คุยกับกำแพงไม่เห็นมีอะไรน่าอาย…
“อืมม…ไม่ต่อยฉัน ก็แสดงว่าเป็นเงาลวงจริงๆ ไม่ใช่หลิงม่อแปลงกายมา…” เฮยซือพูดอย่างครุ่นคิด
คราวนี้หลิงม่อถึงขั้นตะลึงไปจริงๆ ที่แท้เธอก็กำลังทดสอบอยู่…
ถึงขั้นคิดว่าเงาลวงอาจเป็นพรรคพวกของตัวเอง ถือว่าเก่งมากจริงๆ…
“แต่นี่เธอกล้าเรียกชื่อฉันเฉยๆ หรอ!” หลิงม่อเคือง เจ้าสัตว์เลี้ยงไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!
ระหว่างที่ตามหาผู้มีความสามารถพิเศษคนนั้น ความกล้าของหลิงม่อก็ค่อยๆ ตื่นจากความตระหนกก่อนหน้านี้
ความสามารถพิเศษนี้ร้ายกาจมากจริงๆ แต่พอลองคิดดูอีกที มันกลับไม่มี “พลังชีวิต” เลย
เหมือนสร้างโลกแห่งภาพลวงตาไว้ที่นี่ แต่กลับไม่มีใครดำเนินการควบคุมมัน
ผู้มีความสามารถพิเศษไม่ได้คิดวิธีเตรียมรับมือคนที่ติดกับดัก แต่กลับปล่อยให้พวกเขาเดินเตร่อยู่ข้างในเอง…
ในวินาทีที่มู่เฉินและอวี๋ซือหรานปรากฏตัวพร้อมกัน ถึงแม้หลิงม่อจะคิดว่ามีคนกำลังเล่นสกปรกอยู่ แต่พอคิดดูดีๆ จะเป็นไปได้อย่างไร? ในเมื่อมีซอมบี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาพลวงตายืนอยู่ข้างๆ ทั้งตัว…
อีกอย่าง ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าอวี๋ซือหรานและเจ้าหุ่นซอมบี้เป็นซอมบี้ แต่ผู้มีความสามารถพิเศษไม่รู้จุดนี้ได้อย่างไร?
“ประหลาดจริงๆ…”
หลิงม่อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีจุดขัดแย้งมากมาย แต่ไม่ว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออก ดูเหมือนคงต้องหาตัวผู้มีความสามารถพิเศษให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
หลังจากที่ค้นห้องไปหลายห้องแต่ก็ยังไม่เจออะไร หลิงม่อกลับเห็นรอยเลือด 2 หยดตรงข้างกำแพง
ดูจากสี เหมือนจะยังใหม่อยู่…
พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่ามีห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ
“ซ่อนอยู่ข้างใน? เป็นเหมือนที่คิดไว้จริงๆ…”
ก่อนหน้านี้ที่หลิงม่อตามหาห้องน้ำ ก็เพราะคิดว่าอีกฝ่ายต้องซ่อนตัวอยู่ในนั้นแน่ๆ
ตอนที่นึกย้อนไปถึงภาพโครงสร้างทางเดินพนักงาน ไม่ว่าคิดยังไงก็มีแต่ห้องน้ำที่เหมาะเป็นที่ซ่อนตัวที่สุด
ข้างในมีห้องแยกอยู่อีกตั้งหลายห้อง เหมาะแก่การซ่อนตัวที่สุดแล้ว
หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ให้เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง แต่กลับได้กลิ่นประหลาดบางอย่าง
กลิ่นจางมาก แต่ทันทีที่เข้ามาก็ได้กลิ่นเลย
หุ่นซอมบี้ค่อยๆ หันไปทางห้องน้ำห้องหนึ่งตามกลิ่นที่ลอยโชยมา
ไม่มีคลื่นดวงจิต…แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครอยู่
ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าหุ่นซอมบี้เข้ามาในนี้แล้ว หากอยู่ในสภาวะอำพรางกาย แม้จะเป็นผู้มีพลังจิตก็ไม่แน่ว่าจะรู้ตัวทันที
ทว่ามันเป็นเพียงซอมบี้ธรรมดา จะหวังสูงเกินไปไม่ได้
พอคิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็ควบคุมให้หุ่นซอมบี้พุ่งตัวเข้าไปถีบประตูห้องน้ำออกอย่างอุกอาจ
บานประตูแตกเป็นเสี่ยงๆ และในห้องน้ำก็มีเงาร่างของใครคนหนึ่งที่เนื้อตัวมอมแมมสกปรกนั่งอยู่บนชักโครก
หุ่นซอมบี้เคลื่อนไหวต่อเนื่อง หลังจากถีบประตูกระเด็นก็พุ่งเข้าไปคว้าคอเงาร่างที่นั่งอยู่ในนั้นทันที
ทว่าทันทีที่สัมผัสถูกตัวอีกฝ่าย หลิงม่อก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
ตามคาด พอหุ่นซอมบี้ปล่อยมือ เงาร่างนั้นก็ตัวอ่อนล้มพับลงไปด้านข้างทันที
ใต้เส้นผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำไร้พลังชีวิตคู่หนึ่งกำลังจ้องหน้าหลิงม่อผ่านดวงตาของหุ่นซอมบี้
“ซอมบี้?”
หลิงม่ออึ้งค้าง…
คนที่สร้างกับดักคือซอมบี้ตัวหนึ่ง?! แถมยัง…ตายแล้วด้วย!
หลังจากได้สติ หลิงม่อรีบควบคุมหุ่นซอมบี้ให้สำรวจศพซอมบี้ตัวนี้ แต่นอกจากบาดแผลบนมือมัน ก็ไม่เจออะไรอย่างอื่นอีก…
“นี่มัน…”
หลิงม่อเบิกตากว้าง ไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรต่อสถานการณ์ตรงหน้าไปชั่วขณะ
นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย?!
แต่ขณะเดียวกันนั้น ณ ตึกสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีเงาร่างของใครคนหนึ่งโฉบผ่านบานหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
“พอจะรู้คร่าวๆ แล้วล่ะว่าเป็นมนุษย์แบบไหน เจ้าโง่นั่นถูกทำร้ายจนมีสภาพอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลจริงๆ สินะ…แต่ฉันไม่ใช่เจ้าโง่นั่น การจะต่อกรกับเหยื่อ ต้องทำความเข้าใจก่อนเป็นอันดับแรก ความรู้ง่ายๆ ของมนุษย์เจ้าโง่นั่นกลับจำไม่ได้…”
“สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือ ไม่อาจทำความเข้าใจเจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์พวกนั้นได้ในครั้งเดียว…มนุษย์นั่นรอบคอบมาก แต่ถึงยังไงก็บรรลุเป้าหมายในการใช้เจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ตัวนั้นขังพวกแกไว้ในห้างฯ แล้ว”
เงาร่างส่ายหัวอย่างนึกเสียดาย จากนั้นก็แสยะยิ้ม “ที่ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อให้พวกแกได้ลิ้มรสของดีเมืองชุ่ยเหอไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ…”
คำพูดประโยคนี้ฟังดูเหมือนคำพูดของมนุษย์ทั่วไปมาก แต่กลับถูกเสียงหัวเราะประหลาดๆ ในตอนท้ายทำพังหมด
“ของดีต้องค่อยๆ กิน…เอาเป็นว่าในเมื่อพวกแกมาถึงนี่แล้ว ก็หนีไปไหนไม่พ้นแล้วล่ะ เจ้ามนุษย์คนนี้ถึงแม้ไม่ได้ฉลาดมากนัก แต่สมองน่าจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง…”
พูดถึงตรงนี้ เงาร่างก็แลบลิ้นออกมาเลียปากดัง “แผล็บ”
“ขอให้สนุกล่ะ สุดท้ายที่นี่จะขัดเกลาให้พวกแกกลายเป็นอาหารรสเลิศ…”
แต่พอพูดถึงตรงนี้ เงาร่างกลับดูเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“จะให้ดี ทำให้เหยื่อตัวที่รสชาติดีที่สุดตัวนั้นบาดเจ็บหนักๆ ยิ่งดี…”
หลังจากทอดมองมาทางห้างสรรพสินค้าครู่หนึ่ง เงาร่างนี้ก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
…………
“แปลกมาก…”
ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าหลิงม่อจะดึงสติกลับมาจากอาการอึ้ง ทว่าพอได้ยินเสียงเฮยซือพูดพล่ามอยู่อีกฝั่ง เขาก็ทำใจให้เย็นลง
ภาพลวงตายังอยู่!
ไม่ว่าจะช็อกแค่ไหน ก็ต้องคิดหาทางแก้ปัญหาให้ได้ก่อน
ถ้าหากเป็นฝีมือของซอมบี้ตัวนี้จริง ถ้าอย่างนั้นก็จะยิ่งน่ากลัวกว่าผู้มีความสามารถพิเศษมาก
หากคราวนี้ไม่ตรวจสอบให้แน่ชัด ครั้งหน้าหากโดนอีกต้องแย่แน่นอน
หลังจากค้นห้องน้ำห้องอื่นจนทั่วแล้ว อย่างแรกที่หลิงม่อมั่นใจก็คือบุคคลที่ 4 ที่อยู่ในนี้ คือซอมบี้ตัวนี้
แต่ในเมื่ออวี๋ซือหรานยังอยู่ในโลกแห่งภาพลวงตา ก็แสดงว่าบนตัวซอมบี้ตัวนี้จะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดภาพลวงตาอย่างแน่นอน
สิ่งที่สามารถทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าถูกบิดเบือน กระทั่งทำให้คนสูญเสียความสามารถในการรับรู้ทิศ แต่กลับไม่ส่งผลกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีสติรู้คิดในตัวเอง…
“มันคืออะไรกันแน่…”
หุ่นซอมบี้ค้นตัวศพซอมบี้อยู่ครู่ใหญ่ แม้แต่รอยแผลบนฝ่ามือของมันหลิงม่อก็ตรวจสอบดูอย่างละเอียดแล้ว
บาดแผลเริ่มสมานตัวจนใกล้จะเป็นรอยแผลเป็นแล้ว ความจริงไม่มีอะไรหลงเหลือให้ดู
“ไม่สิ…มันบาดเจ็บได้ยังไง? อีกอย่าง บาดแผลแค่นี้ ทำไมเลือดถึงไหลมากขนาดนั้น…”
หุ่นซอมบี้มองไปที่เสื้อผ้าของมัน ถึงแม้ทั้งตัวจะมีแต่รอยเลือด แต่ก็ยังแยกแยะได้ว่ารอยไหนเป็นรอยเก่ารอยไหนเป็นรอยใหม่…
ทั้งที่เป็นเลือด แต่กลับไม่มีกลิ่นคาวเลือดฉุนๆ ซ้ำยังมีกลิ่นประหลาดๆ ปะปนอยู่ด้วย…ถึงมันจะมีกลิ่นประหลาดอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็เถอะ…
ถ้าหากเป็นซอมบี้ ได้กลิ่นอย่างนี้ก็คงไม่คิดอะไรมาก
และถ้าเป็นมนุษย์ ก็คงจะไม่ได้กลิ่นแน่นอน
มีเพียงหลิงม่อที่มีความสามารถพิเศษควบคุมหุ่นเท่านั้น ที่จะได้กลิ่นและสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ได้
“เลือดพวกนี้มาได้ยังไงกันแน่?”
หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ตรวจสอบดูอีกครั้ง แล้วเขาก็พบรายละเอียดเล็กๆ ในที่สุด
ปากของซอมบี้ตัวนี้ เหมือนจะมีรอยเลือดอยู่เล็กน้อย…
เป็นเรื่องปรกติที่ซอมบี้จะมีเลือดติดปาก ทว่าในเวลาอย่างนี้หลิงม่อไม่อาจมองข้ามทุกรายละเอียดไปได้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หุ่นซอมบี้เพิ่งจะเช็ดปากศพซอมบี้ตัวนี้ เลือดสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากปากของศพทันที
หุ่นซอมบี้พุ่งหลบออกไปด้านข้าง เลือดจึงกระจายใส่พื้นแทน
“ขนาดตายแล้วยังโจมตีด้วยการพ่นเลือดอีก…” หลิงม่อขนลุก
ทว่าพอเหลือบมองเลือดสดๆ บนพื้นพวกนั้นแล้ว หลิงม่อกลับอึ้งไปชั่วขณะ
เขารีบควบคุมให้หุ่นซอมบี้เดินเข้าไป แล้วนั่งลงสำรวจอย่างละเอียด
สีแบบนี้…พบเจอได้น้อยมาก!
ไม่น่าล่ะกลิ่นถึงได้แปลกมาก นี่มันเป็นสิ่งที่เกิดจากการเอากลิ่นคาวเลือดผสมกับของเหลวอย่างอื่นชัดๆ…
“ถ้าอยากรู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่หรือเปล่า ก็ไม่ใช่เรื่องยาก…”
หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ฉีกส่วนชายเสื้อออกมา จากนั้นก็ซับของเหลวขึ้นมาเล็กน้อย
หุ่นซอมบี้กลับไปนั่งตรงหน้าศพ แล้วยกหมดขึ้นชกท้องศพเต็มแรง
พอปากอ้าออก ของเหลวจำนวนหนึ่งที่ผ่านการเจือจางมาแล้วก็พุ่งออกมาอีกครั้ง
หลิงม่อหันกลับไปมองบริเวณรอบๆ บาดแผลของศพ คราบเลือดตรงนั้นเป็นสีปรกติ…
“ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าจงใจสร้างแผลขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อน?”
ข้อต่อกระดูกของศพยังสามารถขยับเขยื้อนได้ไม่ติดขัด ซึ่งนั่นบ่งบอกว่ามันเพิ่งตายได้ไม่นาน
แต่การโจมตีที่ทำให้ดูเหมือนฆ่าตัวตายอย่างนี้ หลิงม่อเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
การล่ามนุษย์คือสัญชาตญาณของซอมบี้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องใช้วิธีเป็นตายไปด้วยกันอย่างนี้หรือเปล่า…
“ลองอีกครั้ง!”
“ปั๊ก!”
หุ่นซอมบี้ชกหมัดแล้วหมัดเล่า
หลังจากชกไปหลายหมัด ศพของซอมบี้ตัวนั้นกลับไม่พ่นอะไรออกมาอีก
“ตามคาด อยู่ในปากจริงๆ!”
หลิงม่อเข้าใจทันที ซอมบี้ตัวนี้เป็นระเบิดที่ถูกขว้างออกมา!
ผู้ขว้างระเบิดคืออีกคน!
—————————————————————————–